ตอนที่แล้วเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0544
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0546

เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0545


ตอนที่ 545 : สัตว์สวรรค์ตัวน้อย

ฉินหยุนลอยในอากาศ มองเขตแดนอ้างว้างสัตว์สวรรค์ที่มีแสงอ่อนจางของดวงดาวและดวงจันทรา

ที่นี่ ก็เปรียบดังที่ภายนอก เป็นป่าโบราณขนาดใหญ่ มีทั้งผืนดินและผืนน้ำ

และยังมีสายน้ำเชี่ยวกรากที่เคลื่อนผ่านป่าโบราณขนาดใหญ่

“เขตแดนอ้างว้างนี้ช่างลึกลับนัก! ต้องหาวิธีค้นหาสัตว์สวรรค์ก่อน ก่อนอื่นต้องหากระดูกสัตว์สวรรค์โดยเร็ว!” ฉินหยุนไม่ทราบ ว่าตนจะสามารถค้นหาสัตว์สวรรค์ได้สักตัวหรือไม่

“เสี่ยวหยุน แม้สัตว์ที่นี่ยังเยาว์ แต่พวกมันอย่างไรก็เป็นสัตว์สวรรค์ที่ยังเยาว์ อย่าได้ลืมว่าพวกมันแข็งแกร่งยิ่ง!” หลิงหยุนเอ๋อกล่าวเตือน “สัตว์สวรรค์เด็กบางตัว อาจแข็งแกร่งเทียบเท่าราชันยุทธ์!”

“ว่าอะไร? พวกมันน่ากลัวเพียงนั้น? เหตุใดหยางหยาง นกกระจอกลึกล้ำเก้าสวรรค์จึงยังเป็นแค่ลูกเป็ดน้อยกันเล่า?”

ฉินหยุนกลายเป็นหวาดกลัวต่อพละกำลังของสัตว์สวรรค์ขึ้นมา

“หยางหยางเรียกได้ว่ายังเป็นทารกแรกเกิด หลังพ้นระยะนี้ไปค่อยเป็นทารก มันต้องใช้เวลานับร้อยหรือว่าพันปี” หลิงหยุนเอ๋อตอบกลับ

“เป็ดน้อยนี่ช่างยากเลี้ยงดูนัก!” ฉินหยุนถอนหายใจ

“กระต่ายหยก ก็ถือเป็นสัตว์สวรรค์ในระยะทารก ข้าไม่ทราบว่าเป็นประเภทใดกันแน่” หลิงหยุนเอ๋อกล่าวอีกครั้ง

ฉินหยุนเพียงทราบ ว่ากระต่ายหยกเป็นสัตว์ลึกล้ำ เป็นตัวตนที่รวดเร็ว กินจุ และดูดกลืนพิษได้ดีเยี่ยม

แต่ความสามารถทางการต่อสู้ ออกจะอ่อนแอไปบ้างแล้ว

“เขตแดนอ้างว้างสัตว์สวรรค์ที่ให้ขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณระดับต้นเข้ามาได้ ก็น่าจะอธิบายโดยคร่าวถึงพลังของสัตว์สวรรค์ได้ พวกมันอย่างดี ก็น่าจะอยู่ราวอาจารย์ยุทธ์ทำนองนั้นกระมัง!”

หลิงหยุนเอ๋อบอกกล่าวก็เพื่อให้ฉินหยุนระมัดระวังมากขึ้น

ได้ทราบว่าสัตว์ภายในแข็งแกร่ง ฉินหยุนจึงยิ่งระวัง และใช้พลังเงาโดยตลอดเพื่อเก็บงำตัวตน

พลังเงา ถือเป็นหนึ่งในพลังของความสามารถเทวะที่เขาค่อนข้างเชี่ยวชาญ

ท่ามกลางยามราตรีกาล ฉินหยุนบินผ่านท้องฟ้าอย่างระแวดระวัง สายตามองทางพื้น ค้นหาสัตว์สวรรค์

“หยุนเอ๋อ ความแตกต่างระหว่างสัตว์สวรรค์ สัตว์วิญญาณ และสัตว์ลึกล้ำคืออะไรกัน?” ฉินหยุนเกิดสงสัยจึงถามออก

“ราชสีห์สวรรค์ ถือเป็นสัตว์แห่งสวรรค์ ร่างกายพวกมันอัดแน่นด้วยมรดกสายเลือดแกร่งกล้า หลังเติบโตขึ้น ทุกสัดส่วนจะแข็งแกร่งกว่าสัตว์ทั่วไปอย่างมากล้ำ!”

หลิงหยุนเอ๋อกล่าวต่อ “แต่เขตแดนอ้างว้างสัตว์สวรรค์แห่งนี้ ไม่เพียงแต่มีสัตว์สวรรค์ แต่ยังมีสัตว์วิญญาณ และสัตว์ลึกล้ำ เจ้าต้องระมัดระวังให้ดี”

ฉินหยุนยังไม่ทราบว่าจะหาตัวสัตว์สวรรค์ได้อย่างไร เขาจึงได้แต่บินไปมาอย่างไร้ทิศทาง

“ข้าแล้วจะทราบได้อย่างไรว่ามันเป็นสัตว์สวรรค์?”

ฉินหยุนคล้ายพบเห็นการเคลื่อนไหวที่ต้นไม้เบื้องล่าง เขาจึงเร่งรีบร่อนลงไปรับชม

“หากเป็นสัตว์สวรรค์ ร่างกายของพวกมันจะเผยออกซึ่งพลังเซียน! ตัวบ่งชี้ว่าเป็นสัตว์สวรรค์ คือเมื่อมันถือกำเนิด พวกมันจะดูดกลืนพลังเซียนของแดนเซียนอ้างว้าง” หลิงหยุนเอ๋อเร่งรีบกล่าว “เมื่อเข้าไปใกล้ เจ้าจะพบเห็นอย่างชัดเจน ว่าสามารถสัมผัสถึงมันได้หรือไม่ หากเจ้าโจมตีสัตว์สวรรค์ที่แข็งแกร่ง ก็ถือเป็นอันตรายคุกคามร้ายแรง!”

“ไม่แปลกใจเลยที่สัตว์สวรรค์จะแข็งแกร่ง! หยุนเอ๋อ ข้าฝึกฝนร่างราชสีห์สวรรค์ลึกล้ำแล้ว ข้ายังไม่อาจดูดกลืนพลังเซียนได้งั้นหรือ?” ฉินหยุนเอ่ยถาม

“มีแต่ที่นครเซียนยุทธภัณฑ์ เจ้าจึงสามารถดูดกลืนพลังเซียนที่อ่อนจางมาได้”

“แต่เรื่องราวไม่ใช่ที่การดูดกลืน! ด้วยสภาพตัวเจ้าขณะนี้ยังไม่อาจขัดเกลาพลังเซียนได้ ที่เจ้าทำได้ ก็เพียงแค่รวบรวมมันและปลดปล่อยออกผ่านวิญญาณยุทธ์ตะวันทมิฬ”

“มีแต่เจ้าต้องครอบครองร่างเซียน จึงสามารถขัดเกลาพลังเซียน และทำให้พลังในกายแข็งแกร่งขึ้นได้! นี่จึงเป็นเหตุผล ว่าทำไมเหลียวจิงเหมิงถึงแข็งแกร่งได้เพียงนั้น!”

ฉินหยุนพอได้ฟังคำอธิบายของหลิงหยุนเอ๋อ เขายิ่งปรารถนาได้ครอบครองร่างเซียน

ด้วยขณะนี้อยู่ในป่า ไม่ช้าเขาค่อยพบบางอย่างเข้า

ที่ไกลออกไป มีแสงสีเงินไหววูบอย่างรวดเร็ว

“เป็นพลังเซียนที่อ่อนจาง! สัตว์สวรรค์!” ฉินหยุนตื่นเต้นยินดี เร่งรีบไล่ตามมันไป

“สัตว์ตัวนี้ค่อนข้างแข็งแกร่ง พละกำลังน่าจะเทียบเท่าขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณ!” หลิงหยุนเอ๋อกล่าวขึ้น

“เหตุใดสัตว์สวรรค์ตัวเล็กเพียงนั้น?”

ฉินหยุนอดไม่ได้ที่จะนึกถึงหยางหยาง ชัดเจนว่าเป็นสัตว์เทวะ ทว่าสภาพไม่ต่างอะไรกับลูกเป็ด หาได้มีรูปลักษณ์ข่มขวัญใดไม่

เขาคิดว่ามันสมควรเป็นมังกรตัวใหญ่ที่แกร่งกล้าเสียอีกจึงค่อยเหมาะสม

ฉินหยุนใช้พลังของรองเท้ากำราบมังกร คิดไล่ตามให้ทัน ขณะนี้เขาค่อยได้เห็นว่าเป็นสัตว์ใด อีกฝ่ายเป็นกวาง!

กวางตัวเล็กยิ่ง ดูไปแล้วคล้ายเพิ่งเกิด ทั้งร่างปกคลุมลอยฟุ้งด้วยแสงสีเงินเรืองรอง

รอบนอกมีแสงสีทองขนาดเล็กเป็นรัศมี มันกำลังกระโดดทะยานด้วยความเร็วสูงล้ำ

“นี่ อย่าได้โจมตีสัตว์ไร้ทางสู้แล้ว!” หลิงหยุนเอ๋อกล่าวเสียงดัง “เจ้าครอบครองร่างราชสีห์สวรรค์ สมควรไปจัดการสัตว์สวรรค์ที่แข็งแกร่งกว่านี้!”

“ก็ได้ สังหารเจ้าตัวน้อยนี่หาได้สมเกียรติกับร่างราชสีห์สวรรค์ลึกล้ำของข้าไม่!” ฉินหยุนหัวเราะบอกต่อหลิงหยุนเอ๋อ

ขณะเขาคิดจากไป ฉับพลันได้ยินเสียงคนพูดคุยดังขึ้น

“กวางน้อยบัดซบนั่นอยู่ตรงหน้า เร่งรีบไล่ตามมันไป! หากพวกเราจับสัตว์สวรรค์ตัวเป็น ๆ และนำกลับ ย่อมได้รับกันอย่างมหาศาลแล้ว!” ฉินหยุนพบว่าเสียงนี้ค่อนข้างคุ้นเคยนัก

ฉินหยุนหลบซ่อนด้วยพลังเงา สังเกตกลุ่มคนที่ไล่ตาม ไม่ช้าเขาค่อยรับรู้ ว่าออร่าคุ้นเคยอย่างยิ่ง

“เป็นเหลียวฉงเจิ้ง!” ภายในใจฉินหยุนตื่นตะลึง “แน่นอนแล้ว คนที่อยู่ขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณระดับต้น สามารถเข้ามาในเขตแดนอ้างว้างสัตว์สวรรค์ได้!”

กลุ่มคนตรงหน้า เป็นคณะศิษย์ของหุบเขาเซียนโอสถ และตำหนักพฤกษาดวงดาว พวกเขามีกันกว่ายี่สิบคน ทั้งขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณ และขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เก้า

กลุ่มศิษย์ของหุบเขาเซียนโอสถ และสำนักดวงดาว รวมตัวกันเช่นนี้ถือว่ามีพลังอำนาจสะกดข่มสูงล้ำ!

ฉินหยุนคิดว่าความเร็วของตนเองค่อนข้างดีแล้ว ทว่ากลุ่มศิษย์ของสำนักเซียนที่ขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณ ยังถือว่ารวดเร็วกว่าเขา

ไม่นานจากนั้น กลุ่มผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณระดับต้น ค่อยจับกวางน้อยตัวดังกล่าวได้

ฉินหยุนและเหลียวฉงเจิ้งมีความเกลียดชังลึกล้ำ เขาไม่คิดว่าจะได้พบอีกฝ่ายที่นี้

เหลียวฉงเจิ้งได้เป็นขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณระดับต้น อีกฝ่ายมีสถานะสูงในสำนักเซียน ย่อมต้องมีผู้คุ้มกันที่แข็งแกร่ง

ฉินหยุนค่อนข้างประหลาดใจ เขานึกว่าห้าสำนักเซียนและห้าสำนักดวงดาว จะไม่ส่งศิษย์พรสวรรค์เหนือล้ำออกมา

ขณะนี้ตัวตนมีพรสวรรค์ชั้นแนวหน้าอย่างเหลียวฉงเจิ้ง กลับถูกส่งตัวมาอยู่ที่นี่

หรือสำนักเซียนจะคิดว่าเหลียวฉงเจิ้งสมควรเป็นผู้ไร้เทียมทานในที่แห่งนี้?

ฉินหยุนไล่ตามไป ภายในใจเกิดความคิดขึ้นมากมาย

ทว่าเขาก็ต้องระวัง อีกฝ่ายมีกันยี่สิบคน และหาได้มีผู้ใดอ่อนแอ เหล่านั้นเป็นศิษย์ชั้นแนวหน้าของสำนัก พวกเขาย่อมสวมใส่ชุดเกราะที่ดีเลิศ

โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณระดับต้น ร่างกายอีกฝ่ายย่อมต้องแข็งแกร่งไม่น้อย

หลังจากที่กวางน้อยถูกล้อม ไม่หลงเหลือที่ให้หลบหนี มันเผยความหวาดกลัวอย่างน่าสงสารจับใจ

“บุคคลจิตใจดีงามท่านนั้น ช่วยข้าด้วย!” กวางสวรรค์ตัวน้อยส่งเสียงสื่อสารร้องบอกต่อฉินหยุน

ฉินหยุนได้ยินเสียงของกวางสวรรค์ตัวน้อย ภายในใจตื่นตะลึง เขาใช้พลังเงาหลบซ่อน กระนั้นกลับยังถูกกวางน้อยพบเห็น

“ท่านไล่ตามข้าเป็นเวลานานแต่กลับไม่โจมตี ย่อมเป็นคนดีที่หาได้ยากยิ่งแล้ว โปรดช่วยข้าด้วย!” เสียงของกวางน้อย มันทั้งสิ้นหวังและอ้อนวอน

เหลียวฉงเจิ้งหัวเราะดังขึ้น “พวกเราได้สร้างแต้มบุญครั้งใหญ่ต่อสำนักเพราะเจ้าตัวน้อยนี่แล้ว!”

ฉินหยุนกัดฟันแน่น เร่งรีบอัญเชิญราชสีห์สวรรค์ใต้พิภพออกมาสองตัว

ทันทีเมื่อสองราชสีห์ปรากฏตัว เสียงคำรามพร้อมกันของทั้งสอง มันสั่นสะเทือนไหวหวั่นทั้งผืนฟ้ายามราตรี

มวลหมู่นกและสัตว์ในป่า ล้วนตื่นตระหนกจนสิ้น!

“เหมือนจะเป็นราชสีห์สวรรค์ และยังมีสองตัวด้วย!” คนหนึ่งพลันร้องตะโกนดัง “ข้าเคยได้ยินเสียงราชสีห์สวรรค์ในไข่มุกบันทึกเสียงมาก่อน!”

“นักล่ามังกรในตำนานหรือ? วิเศษ! พวกเราจับเจ้าตัวน้อยนี่ แล้วค่อยไปสังหารราชสีห์สวรรค์นั่น!”

เหลียวฉงเจิ้งย่อมไม่หวาดเกรง สีหน้าอหังการของเขาเผยออกแต่ความตื่นเต้นมากล้น

ฉินหยุนเร่งรีบปล่อยราชสีห์ทั้งสองตัวบินออก ใช้เสียงคำรามราชสีห์สวรรค์โจมตีออกนำ ขณะใช้คลื่นเสียงโจมตี กรงเล็บราชสีห์สวรรค์กำราบมังกรค่อยปรากฏ เข้าสับฟันร่างผู้คนจนเกิดความหวาดกลัวไม่กล้าเข้าใกล้

ที่ปากของราชสีห์สวรรค์ใต้พิภพ มันยังมีเปลวเพลิงสีดำพร้อมปะทุออก

“ออกให้ห่างจากตัวมัน มันกำลังตั้งค่ายกลโจมตีระยะไกล!” ชายคนหนึ่งที่น่าจะอาวุโสกว่า เร่งร้อนออกคำสั่ง

เพราะราชสีห์สวรรค์สองตัวปรากฏอย่างกะทันหัน พวกมันจึงทำกลุ่มของเหลียวฉงเจิ้งกระจัดกระจาย

กวางน้อยสบโอกาสได้หลบหนี

ฉินหยุนไม่คิดอยากให้ราชสีห์สวรรค์ใต้พิภพต้องบาดเจ็บเกินไป ดังนั้นจึงเพียงดิ้นรนกับกลุ่มเหลียวฉงเจิ้งอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะเร่งรีบส่งราชสีห์ทั้งสองกลับใต้พิภพ

“ราชสีห์สวรรค์ใต้พิภพบาดเจ็บเล็กน้อย พวกมันฟื้นตัวได้รวดเร็ว เจ้าสามารถอัญเชิญพวกมันได้เร็วขึ้น!” หลิงหยุนเอ๋อเอ่ยคำขึ้น “เร่งรีบไล่ตามกวางน้อยตัวนั้นไป!”

ฉินหยุนเร่งรีบตามติด เขาไม่คิด ว่ากลุ่มของเหลียวฉงเจิ้งจะยังคิดไล่ตามกวางน้อยต่อ

“กลุ่มคนบัดซบพวกนี้แท้จริงไม่ไล่ตามราชสีห์สวรรค์ เพราะพวกมันพบว่ารับมือได้ยาก!”

กลุ่มของเหลียวฉงเจิ้ง ไล่ตามติดอย่างกระชั้นชิด

หลังไล่ตามอยู่ชั่วเวลาหนึ่ง จุดแสงสีเงินตรงหน้าพลันหยุดลง

กวางน้อยหยุดวิ่งหนีแล้ว!

เมื่อเดินเข้าไป เขาค่อยพบว่ามีหญิงสาวเจ็ดคนอยู่ที่ทางด้านนั้น

สองคนเป็นโฉมงามยังเยาว์ สวมใส่ชุดกระโปรงถักสีขาวงดงาม

หนึ่งในหญิงสาว สง่างามและสูงศักดิ์ เป็นโฉมงามเลิศล้ำเปรียบดังสายน้ำที่ไหลริน กระทั่งสวมใส่ชุดเรียบง่าย ก็ยังไม่อาจสะกดความงามเอาไว้

ผู้นี้คือเฟิงหงหลัน กวางน้อยกำลังดิ้นรนที่ใต้เท้าของนาง

หญิงสาวอีกคนหนึ่ง มือของนางกอดอกเอาไว้ ท่าทีเย็นเยือก เปรียบดังหยกเย็นตั้งแต่โบราณกาล ดวงตาของนางเปรียบดังดวงดาว จิตสังหารเย็นเยือกคมกริบ ยิ่งทำให้นางดูหาญกล้าและมีความเหนือล้ำผู้อื่นอย่างเปี่ยมล้น

ผู้นี้คือภรรยาของฉินหยุน เชี่ยวเย่ว์หลาน!

“เย่ว์หลาน หงหลัน ไม่คิดว่าจะอยู่ที่นี่! และยังอยู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เก้ากันแล้วด้วย?”

ฉินหยุนตระหนกอยู่ในใจ ครั้งเชี่ยวเย่ว์หลานจากไป นางเพียงอยู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เจ็ด

หญิงสาวทั้งห้ารอบกายเชี่ยวเย่ว์หลานและเฟิงหงหลัน เป็นหญิงวัยกลางคน รูปลักษณ์พวกนางดูธรรมดา กระนั้นทั้งหมดต่างอยู่ขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณระดับต้น

พวกนางคือศิษย์ของตำหนักจันทราทมิฬ!

“นั่นกลุ่มหญิงสาวจากตำหนักจันทรานี่!” เหลียวฉงเจิ้งเดินเข้ามาใกล้ พบเห็นใบหน้างดงามของเฟิงหงหลันและเชี่ยวเย่ว์หลาน

หญิงสาวทั้งสองซึ่งภาพลักษณ์แตกต่างยืนเคียงข้าง ยิ่งขับเน้นความเป็นตัวตนของทั้งคู่ เป็นการดึงดูดอัจฉริยะเช่นเหลียวฉงเจิ้งจนต้องให้ความสนใจ

ฉินหยุนซ่อนตัวในความมืด กำลังรับชมอย่างเงียบงัน

“ไปกัน!” เชี่ยวเย่ว์หลานไม่คิดสนใจอีกฝ่าย

“พวกเจ้า! คิดไปย่อมไปได้ แต่เจ้าตัวน้อยนั่นต้องปล่อยไว้ที่ตรงนี้ เป็นพวกเราพบมันก่อน!” เหลียวฉงเจิ้งตะโกนดังพร้อมสีหน้าเย็นเยือก

“เห็นก่อนแล้วอย่างไร? ท้ายที่สุดเป็นพวกเราได้รับ! เจ้าต้องกล่าวโทษตนเองแล้วที่ไม่มีความสามารถแม้จะจับกวางตัวหนึ่งไว้ได้!” เชี่ยวเย่ว์หลานโพล่งเสียงเย็นตอบกลับ

ใบหน้าของเหลียวฉงเจิ้งแปรเปลี่ยน เสียงเย็นเยือกกล่าวตอบ “ข้าคือศิษย์หลักของหุบเขาเซียนโอสถ เหลียวฉงเจิ้ง แม่สาวน้อย จงแสดงความนับถือต่อข้า!”

“หุบเขาเซียนโอสถแล้วอย่างไร?” เมื่อเชี่ยวเย่ว์หลานได้ยินนามเหลียวฉงเจิ้ง นางทราบทันที ว่าอีกฝ่ายมีความแค้นต่อฉินหยุน นางยิ่งเกลียดชังอีกฝ่ายมากขึ้น

ที่เชี่ยวเย่ว์หลานและเฟิงหงหลันไม่คิด คือหญิงวัยกลางคนรอบกายของพวกนางจะโพล่งเสียงดังขึ้น “น้องเย่ว์หลานสงบปาก! อย่าได้ไร้เหตุผลต่อศิษย์หลักของหุบเขาเซียนโอสถ กล่าวขออภัยเสีย!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด