ตอนที่แล้วGE390 ตามหาหยูฉงเอ๋อร์ [ฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปGE392 ขอบเขตกระดูกหยกที่ 4 [ฟรี]

GE391 ตอบแทนด้วยโลหิต [ฟรี]


*โฮก*

อสูรไร้ดัดแปลงคำรามลั่น กลิ่นอายโลหิตที่แปลกประหลาดกระจายไปทั่วทิศ หากได้ต้องสัมผัสจะทำให้โลหิตในร่างจับตัวกันเป็นผลึกโลหิต

อสูรที่อยู่ภายในป่าจำนวนมาก ต้องสัมผัสกลิ่นอายโลหิตที่อสูรไร้ดัดพ่นออกมา จนทำให้โลหิตในกายถูกแช่แข็งและตายไป

หนิงฝานและหยูฉงเอ๋อร์ถูกผนึกไว้ในผลึกโลหิต ไม่อาจขยับเคลื่อนไหว

ผลึกโลหิตแข็งมาก แม้เป็นผู้เชี่ยวชาญกึ่งไร้ดัดแปลงก็ไม่อาจทำลายได้ง่าย

หนิงฝานจุดเพลิงทมิฬที่เกิดจากการผสานของเพลิงปีศาจและปราณแช่แข็งสวรรค์ทั้งหมดที่มี จนทำให้มันยกระดับเทียบเท่าเพลิงระดับ 7

ความร้อนที่น่าสะพรึงกลัวแผดเผาผลึกโลหิตรอบข้างรัศมีหมื่นจ้างจนละลายลง

ทาสไร้ดัดแปลงทั้งสามของหนิงฝานขยับเคลื่อนไหว ฉงเอ๋อร์ในอ้อมกอดขบฟัน ร่างกายสั่นเทาด้วยความกลัว

กลิ่นอายโลหิตที่อสูรไร้ดัดแปลงแผ่ออกมาเมื่อครู่น่าสะพรึงกลัวมาก

กลิ่นอายโลหิตที่ว่าคือปราณน้ำแข็งชนิดหนึ่ง การที่เพลิงของหนิงฝานเผามันได้ แสดงว่าเพลิงของเขาทรงพลังกว่ามาก

แต่ถึงอย่างนั้น ยามนี้ปราณของหนิงฝานยังไม่มากพอให้เปล่งอานุภาพของเพลิงได้เต็มที่ ไม่อย่างนั้น เพลิงของเขาสามารถเผาผู้เชี่ยวชาญไร้ดัดแปลงให้เป็นเถ้าถ่านได้

“แข็งแกร่งมาก… เขาแข็งแกร่งจริงๆ...”

แม้ฉงเอ๋อร์จะเกลียดหนิงฝาน แต่นางก็ยอมรับว่าเขาทรงพลังมาก

หนิงฝานเพรียบพร้อมทั้งความแข็งแกร่ง ประสบการณ์ และจิตใจที่สังหารศัตรูได้อย่างเลือดเย็น

ความรู้สึกของนางในยามนี้คือทั้งเกลียดและรู้สึกขอบคุณหนิงฝาน เมื่อครู่นางสิ้นหวังไร้หนทาง แต่ผู้เยาว์ผู้นี้กลับเอื้อมมือคว้านางไว้ นางทราบซึ้งในข้อนี้มาก

แม้มือของเขาจะกุมหน้าอกนางโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่นางก็ไม่ว่าและไม่ขัดขืน

“เราออกจากที่นี่ไม่ได้”

แววตาหนิงฝานแปรเปลี่ยนเย็นชา แม้จะทำลายผลึกโลหิตออกมาได้ แต่ยังถูกกองทัพอสูรรุมล้อม

หากจะฝ่าออกไปคงต้องทุ่มกำลังไม่น้อย ดังนั้นหนิงฝานจึงใช้ดรรชนีคลายหยินสกัดร่างฉงเอ๋อร์แล้วนำนางเข้าไปไว้ในแหวน

ยามนี้แววตาของเขาอัดแน่นไปด้วยเจตนาสงคราม ราวกับจะต่อสู้เป็นตายกับอสูรเหล่านี้ทั้งหมด

ทาสไร้ดัดแปลง 3 ตนรับมือกับอสูรไร้ดัดแปลงคงไม่ยาก นอกนั้นที่เหลือ เขาจะเป็นจัดการพวกมันเอง

หนิงฝานนำทาสตัดวิญญาณ 7 ตนออกมารวมถึงมังกรทมิฬ

เหล่าอสูรถาโถมระดมจู่โจม หนิงฝานใช้วิชาดึงวิญญาณดูดซับเอาพลังโดยรอบ ผสานลงไปในเข็มทิศดาราของตน

เข็มทิศดาราเปล่งอานุภาพ กางม่านพลังปกคลุมผืนฟ้านับแสนลี้ อสูรที่อยู่ภายในเขตข่ายพลังอ่อนกำลังลง แต่เหล่าทาสของหนิงฝานกลับทรงพลังขึ้นจนน่ากลัว

หนิงฝานใช้เข็มทิศดารา ควบคุมดารานับหมื่นในข่ายอาคมช่วยเหล่าทาสตัานรับการจู่โจมของเหล่าอสูร เสริมการป้องกันให้ทาสทรงพลัง นอกจากนี้ ดาราเหล่านั้นยังสะท้อนการจู่โจมของอสูรด้วย

ปราณของหนิงฝานทรงพลังขึ้นอย่างต่อเนื่อง เป็นครั้งแรกที่เขาใช้เข็มทิศดาราเต็มกำลัง

เข็มทิศดาราไม่ได้มีประโยชน์ในด้านการรป้องกันเพียงอย่างเดียว ยังสามารถเสริมปราณให้ทรงพลังได้

หนิงฝานเปิดฉากโต้กลับ เสียงอสูรคำรามด้วยความเจ็บปวดและหวาดกลัวดังระงม

อสูรกึ่งไร้ดัดแปลงหลายตัวผสานการจู่โจมไปยังทาสตัดวิญญาณขั้นสูงสุดตนหนึ่ง แต่ก็เกิดเรื่องที่ทำให้พวกมันประหลาดใจ พวกมันสร้างรอยแผลให้กับทาสเหล่านั้นได้เพียงเล็กน้อย

การช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับทาส ทำให้หนิงฝานใช้พวกมันถ่วงเวลาได้

เหล่าทาสไร้ดัดแปลงทั้งสามเองก็รับมืออสูรไร้ดัดแปลงได้อย่างสู้สี นับว่าสถานการณ์ในยามนี้เสมอกันทั้งสองฝ่าย

เมื่อเสริมการป้องกันเสร็จ หนิงฝานทะยานเข้าหาอสูรตัดวิญญาณ 9 ตน รับมือกับพวกมันทั้งยังแผ่สัมผัสเทพจู่โจมอสูรรอบทิศ

ในระหว่างที่ต่อสู้กันอย่างดุเดือด หนิงฝานสังหารอสูรตัดวิญญาณไป 4 ตนในเวลาไล่เลี่ยกัน แต่ตนเองก็ต้องรับการจู่โจมของพวกมันเช่นกัน แต่โชคดีที่หนิงฝานมีร่างวิญญาณ จึงไม่ได้รับบาดเจ็บนัก

สูงขึ้นไปบนท้องนภา ดาราสีดำทมิฬ 5 ดวงลอยเด่น ทอแสงปกคลุมร่างหนิงฝาน ช่วยเร่งการฟื้นฟูของร่างวิญญาณให้เร็วขึ้นมาก จนทำให้เขาดูราวกับเป็นผู้เป็นอมตะ

เมื่ออาการบาดเจ็บฟื้นฟู หนิงฝานใช้วิชากระบี่วารีผันแปร เปลี่ยนร่างของตนเป็นปราณกระบี่จำนวนมหาศาล ปลิดชีพอสูรตัดวิญญาณอีก 5 ตนที่เผชิญหน้า

หนึ่งในทาสของหนิงฝานไม่อาจต้านรับการจู่โจมที่หนักหน่วงจากอสูรได้ จนทำให้ร่างของมันระเบิดไป แต่หนิงฝานไม่มีเวลาเสียดาย ทั้งยังพุ่งทะยานเข้าจู่โจมเหล่าอสูรตัดวิญญาณตนอื่นๆอย่างบ้าคลั่ง

*ตูม!*

หมัดที่เสริมพลังสังหารอสูรตัดวิญญาณขั้นสูง

เท้าที่เสริมพลังเหยียบศีรษะสังหารอสูรตัดวิญญาณขั้นสูงสุด

หนิงฝานสังหารอสูรตัดวิญญาณไปเป็นจำนวนมาก และเบื้องหน้าเหลือเพียงอสูรกึ่งไร้ดัดแปลง 4 ตนที่ต้องเผชิญ

เขาทะยานเข้าสู้กับพวกมันทั้งสี่อย่างต่อเนื่อง แม้ร่างกายของพวกมันจะทรงพลัง แต่ไม่อาจต้านทานหนิงฝานได้นานนัก พลังและการป้องกันของพวกมันลดลงอย่างต่อเนื่อง หนิงฝานยังเสริมการจู่โจมด้วยหมอกเมฆาม่วง สลายร่างของพวกมันทั้ง 4 ในเวลาต่อมา

แม้จะสังหารอสูรกึ่งไร้ดัดแปลงได้แล้ว แต่อานุภาพของหมอกเมฆาม่วงส่วนที่เหลือ ยังเข้าสังหารอสูรดวงจิตแรกเริ่มไปหลายร้อย ซ้ำยังมีอสูรตัดวิญญาณอีกกว่า 10 ตนถูกสังหาร

หนิงฝานหยุดพักหายใจ ปราณและกำลังกายของเขาอ่อนลงมาก

แต่ละวิชาที่ทรงพลังของหนิงฝานย่อมแลกมาด้วยปราณจำนวนมหาศาลที่ต้องใช้ หากไร้ซึ่งปราณ เขาก็ไม่อาจเปล่งพลังได้

ดังนั้นหนิงฝานจึงนำขวดโอสถผันแปรที่ 5 ที่ใช้เสริมปราณออกมา แล้วกินมันเข้าไปทั้งหมดในคราวเดียว

ฤทธิ์ที่รุนแรงของโอสถกระจายไปทั่วร่างราวกับจะทำให้เส้นลมปราณฉีกขาด แต่หนิงฝานไม่ได้สนใจ เขาเพียงเร่งดูดซับปราณสมุนไพรเหล่านั้น และทะยานเข้าเข่นฆ่าสังหารเหล่าอสูร

การฝืนกินโอสถจำนวนมากจนเกินไปทำให้หนิงฝานบาดเจ็บภายใน โลหิตไหลรินที่มุมปาก

แต่ด้วยมีวิชาร่างวิญญาณและวิชาดาราทมิฬช่วยรักษา อาการบาดเจ็บบจึงไม่รุนแรงนัก

เมื่อเห็นว่าทาสตัดวิญญาณขั้นสูงของตนกำลังจะอสูรรุมสังหาร หนิงฝานเร่งทะยานเข้าช่วย และสังหารอสูรเหล่านั้นทั้งหมด

“ตาย!”

ข่ายอาคมกระบี่ปรากฏขึ้นภายในข่ายอาคมเข็มทิศดารา กระบี่จำนวน 5 พันเล่มผุดขึ้นในตำแหน่งตาของข่ายอาคม กักขังอสูรตัดวิญญาณกว่า 20 ตนให้ติดอยู่ภายใน

พวกมันไม่เห็นแม้กระทั่งหนิงฝานนำข่ายอาคมออกมา ไม่เห็นแม้กระทั่งวางข่ายอาคม ข่ายอาคมกระบี่เกิดขึ้นมาได้อย่างไร?

เหตุที่หนิงฝานสามารถสร้างข่ายอาคมขึ้นได้นั้น เพราะเขามีหัวใจข่ายอาคม ทำให้สามารถวางข่ายอาคมไว้ในใจ แล้วทำให้มันปรากฏออกมาได้

กระบี่ 5 พันเล่มผุดขึ้นจากพื้นดิน พุ่งแหวกอากาศภายในข่ายอาคมอย่างน่าสะพรึงกลัว เข้าสังหารอสูรที่ติดอยู่ภายใน

การใช้ข่ายอาคมกระบี่ทำให้หนิงฝานสูญเสียปราณไม่น้อย เขาจึงกินโอสถฟื้นฟูปราณเข้าไปเพิ่ม จุดเพลิงทมิฬขึ้นที่ฝ่ามือแล้วใช้วิชาฝ่ามือเพลิงไร้ลักษณ์ไล่ล่าสังหารเหล่าอสูรตัดวิญญาณ

เปลวเพลิงและวิชาฝ่ามือที่ทรงพลัง ปลิดชีวิตของเหล่าอสูรอย่างต่อเนื่อง จากที่เหลือ 50… 40… 30… กระทั่งเหลือเพียง 20 ตน!

การฝืนต่อสู้เกินกำลัง ทำให้อาการบาดเจ็บของหนิงฝานทวีความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทาสไร้ดัดแปลงของเขาก็ได้รับความเสียหายไม่น้อย หากไม่ซ่อมแซมพวกมันก็ไม่อาจนำกลับมาสู้ได้อีก

การต่อสู้ที่รุนแรงหยุดลงชั่วขณะ ยามนี้เหลือเพียงหนิงฝาน ทาสไร้ดัดแปลง 3 ตน อสูรไร้ดัดแปลง 3 ตน และอสูรตัดวิญญาณกว่า 20 ตน

ใต้ฝ่าเท้า เป็นซากร่างอสูรกองเป็นพะเนินราวกับภูเขา โลหิตไหลนองราวกับลำธาร

หนิงฝานฝืนรับมือและสังหารอสูรไร้ดัดแปลงไปร่วมร้อยตัว แต่ก็แลกมาด้วยอาการบาดเจ็บสาหัสไม่แพ้กัน

เส้นลมปราณไม่อาจต้านทานปราณจำนวนมหาศาลจากโอสถได้อีก ยามนี้เส้นลมปราณและอวัยวะภายในของหนิงฝานบาดเจ็บอย่างหนัก

แต่หากจะฝืนสู้ต่อ หนิงฝานยังต้องฝืนกินโอสถซ้ำ… แม้สถานะการณ์จะคับขัน แต่นั่นกลับทำให้เจตจำนงค์ต่อสู้ของหนิงฝานเข้มข้นขึ้น

สัมผัสกระบี่ก่อตัวเป็นปราณกระบี่ที่ฝ่ามือโดยไม่ต้องใช้ปราณ

เจตจำนงค์กระบี่ที่ผสานเป็นหนึ่งกับจิตใจ ในที่สุดหนิงฝานก็สามารถสร้างกระบี่บินจริงๆโดยไม่ใช่ปราณได้

กระบี่แยกสวรรค์เผยโฉม ลอยวนรอบกายหนิงฝาน ตัวกระบี่สั่นเทาราวกับตื่นเต้น

กระบี่มังกรโลหิตเองก็ปรากฏ มันดูดกลืนเอาโลหิตของอสูรทั้งหมดที่ถูกสังหารเข้าไป

กระบี่มังกรโลหิตสั่นไหว ปราณปีศาจแผ่พุ่งอย่างน่าสะพรึงกลัว จนทำให้เหล่าอสูรที่ยังรอดอยู่สั่นสะท้าน เพราะพวกมันเปรียบได้กับอาหารบำรุงกำลังชั้นเลิศของกระบี่มังกรโลหิต

สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้หนิงฝานรู้ว่า กระบี่มังกรโลหิตเล่มนี้คือสิ่งที่สามารถสะกดข่มอสูรในบ่อโลหิตมังกรแห่งนี้

หนิงฝานเก็บกระบี่แยกสวรรค์ ทะยานเข้าหาเหล่าอสูร กวัดแกว่งกระบี่มังกรโลหิตในมือแทงเข้าไปยังร่างของอสูรตัดวิญญาณตนหนึ่ง เมื่อกระบี่ทะลวงร่าง กระบี่กลับดูดซับเอาโลหิตของอสูรตนนั้นเข้าไปจนหมด เหลือเพียงร่างกายที่แห้งกรอบ

“กระบี่เล่มนี้สามารถดูดซับโลหิตอสูรได้ เหมาะกับการใช้สังหารพวกมัน” เมื่อมีกระบี่มังกรโลหิตในมือ หนิงฝานก็ไม่จำเป็นต้องกลัวอสูรตตัดวิญญาณอีก 19 ตนที่เหลือ

แล้วการสังหารก็เริ่มขึ้นอีกครั้ง

หนิงฝานขยับมือเป็นท่าทาง บังคับกระบี่มังกรโลหิตเข้าทะลวงและดูดกลืนเอาโลหิตอสูรเหล่านั้น

ผ่านไปเพียง 10 ลมหายใจ อสูรตัดวิญญาณทั้งหมดถูกสังหารด้วยกระบี่มังกรโลหิต

ยามนี้เหลือเพียง อสูรไร้ดัดแปลง 3 ตน พวกมันมองหน้ากันราวกับกำลังคิดจะหนี

พวกมันรู้ว่าหากถูกกระบี่มังกรโลหิตทะลวงร่าง โลหิตของพวกมันจะถูกดูดซับออกไปในพริบตา ซึ่งถือเป็นอันตรายร้ายแรง

สิ่งที่ทำให้พวกมันคิดหนีไม่ใช่ความเร็วของหนิงฝาน แต่พวกมันกังวลทาสไร้ดัดแปลงรุมจู่โจม

“จะหนีก็สายไปแล้ว!” หนิงฝานยิ้มอย่างชั่วร้าย ก่อนที่เงาร่างของเขาจะปรากฏเบื้องหน้าอสูรไร้ดัดแปลงตนหึ่ง แล้วแทงกระบี่ใส่ร่างของมันในชั่วพริบตา

*โฮก!*

อสูรไร้ดัดแปลงคำรามลั่นอย่างน่าเวทนา เพราะผ่านไปหนึ่งลมหายใจ ปราณของมันถูกดูดซับแทบหมดร่าง เมื่อถึงลมหายใจที่สอง ร่างของมันแห้งเหี่ยวราวกับซากศพ เมื่อผ่านลมหายใจที่ 3 มันก็ตาย

หลังจากกระบี่โลหิตได้ดูดซับโลหิตของเหล่าอสูรมามากมาย หนิงฝานเริ่มรู้สึกว่ากระบี่มังกรโลหิตยากจะควบคุมขึ้นเรื่อยๆ แต่นั่นยังไม่อาจหยุดยั้งการเข่นฆ่าสังหารของเขาได้

เขาก้าวเท้าไปเบื้องหน้า เงาร่างปรากฏเหนือศีรษะของอสูรไร้ดัดแปลงอีกตน แล้วแทงกระบี่เข้าใส่โดยที่มันไม่ได้ตั้งตัว

*โฮก!*

อสูรไร้ดัดแปลงพยายามดิ้นรนขัดขืน แต่สุดท้ายก็สู้อำนาจของหนิงฝานไม่ได้

ในขณะเดียวกัน อสูรไร้ดัดแปลงตนสุดท้ายที่เหลือเร่งหลบหนีสุดชีวิต แม้หนิงฝานจะอยากไล่ตามไปแต่ปราณเขาแทบไม่เหลือ ดังนั้นจึงสั่งให้ทาสของตนไล่ตาม

“ฆ่ามัน!”

หนิงฝานสั่งอสูรไร้ดัดแปลงทั้ง 3 ให้ไล่ตามอสูรที่หนีไป ไม่นาน เสียงร้องของอสูรไร้ดัดแปลงที่หนีก็ดังขึ้น เพราะมันถูกทาสทั้ง 3 รุมสังหาร

หนิงฝานเก็บเอาโลหิตมังกรที่ได้จากการสังหาร หนิงฝานสังหารอสูรตัดวิญญาณไป 120 ตน ได้โลหิตมังกรจากพวกมัน 1500 หยด คิดเป็น 15 หม้อ

ส่วนซากร่างของอสูรไร้ดัดแปลง 2 ตนที่ถูกกระบี่มังกรโลหิตสังหาร ร่างกายเหือดแห้งไร้โลหิต เพราะถูกดูดซับไปหมดแล้ว

ไม่นานทาสไร้ดัดแปลงทั้ง 3 ได้นำร่างของอสูรไร้ดัดแปลงกลับมา หลังจากดูดซับเอาโลหิตมังกรจากร่างของมัน ทำให้หนิงฝานได้โลหิตมังกรมากถึง 1 พันหยด! ซึ่งมากกว่าอสูรไร้ดัดแปลง 100 เท่า!

น่าเสียดายที่อสูรไร้ดัดแปลง 2 ตนถูกกระบี่มังกรโลหิตถูกดูดซับไปหมด ไม่อย่างนั้นเขาอาจจะได้โลหิตมังกรมาอีก 2000 พันหยด

แต่ถึงอย่างนั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดยามนี้ไม่ใช่โลหิตมังกร แต่เป็นชีวิต!

หนิงฝานได้โลหิตมังกรจากบ่อโลหิตมังกรทั้งหมด 107 หม้อ รวมกับที่ฉูฉางเอ๋อร์ให้อีก 3 หม้อ เป็น 110 หม้อ หากนำโลหิตทั้งหมดใส่ลงไปในน้ำเต้าโลหิต จะได้ปราณมากถึง 550,000 เกราะ!

แค่รออีก 10 ปี หนิงฝานจะทะลวงขอบเขตไร้ดัดแปลงได้ไม่ยาก

เขาเก็บโลหิตมังกรพลางแผ่สัมผัสเทพไปรอบทิศ ไกลออกไปมีสายตาของอสูรไร้ดัดแปลงจำนวนมากที่กำลังเฝ้ามองเหตุการณ์ แต่พวกมันไม่กล้าเข้ามา

พวกมันไม่ได้กลัวหนิงฝาน แต่กลัวกระบี่มังกรโลหิต เพราะอำนาจของมังกรโลหิตที่อยู่ในนั้นทรงพลังจนพวกมันไม่อาจขัดขืน

หนิงฝานยิ้ม ตราบใดที่มีกระบี่มังกรโลหิตข้างกาย อสูรเหล่านั้นจะไม่กล้าจู่โจมเขา

เขาชูกระบี่ขึ้น กระตุ้นอำนาจกระบี่และกล่าว “ไสหัวไป!”

อานุภาพที่ทรงพลังของกระบี่ทำให้เหล่าอสูรหวาดกลัวจนต้องเร่งหลบหนี

หนิงฝานยังไม่กลับไปส่วนที่ 1 ทันที เพราะต่อให้อยู่ในแดนสองเขาก็ไม่มีอันตราย

หนิงฝานมุ่งไปยังยอดเขาแห่งหนึ่ง ขุดถ้ำ ให้ทาสไร้ดัดแปลงทั้งสามยืนเฝ้าที่หน้าถ้ำ โดยที่หนึ่งในพวกมันถือกระบี่มังกรโลหิตเอาไว้

ภายในถ้ำ หนิงฝานนำหยูฉงเอ๋อร์ออกมาจากแหวน นางยังคงอยู่ภายใต้อำนาจของดรรชนีคลายหยิน

หนิงฝานคลายดรรชนีให้นางกระทั่งนางได้สติกลับคืนมา

“ข้าตายแล้ว… ที่นี่คือนรกเหรอ...”

นางหันมองไปรอบๆถ้ำ สมองยังรู้สึกมึนเห็นสิ่งรอบข้างไม่ชัดนัก

“เจ้ายังไม่ตาย”

หนิงฝานในยามนี้เหน็ดเหนื่อยเป็นอย่างมาก นั่งพิงผนังถ้ำอย่างอ่อนล้า

ในยามต่อสู้ สมาธิของเขาจดจ่อไปที่การเข่นฆ่าศัตรู แต่หลังจากการต่อสู้ ร่างกายของเขาก็แสดงอาการบาดเจ็บออกมาอย่างชัดเจน เขามีแผลทั่วร่าง ความเจ็บปวดที่ยากจะทนทานรุมเร้า

“ท่านช่วยข้าเหรอ? ทำไมท่านถึงบาดเจ็บขนาดนั้น!”

นางขยี้ตาและตั้งสติ เมื่อเห็นภาพของหนิงฝานชัดๆ นางตกใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

เป็นไปได้ยังไง... ข้าดูหมิ่นเขา ด่าทอเขา แต่เขากลับเสี่ยงชีวิตมาช่วย

“ข้า… ข้าจะช่วยหยุดเลือด”

“ไม่เป็นไร!” นางเร่งคว้าแขนหนิงฝาน แต่กลับทำให้แผลบนร่างปริแตกอีกครั้ง

เมื่อเห็นว่าตนเองไม่ได้ช่วยอะไร ซ้ำยังทำให้หนิงฝานบาดเจ็บหนักกว่าเดิม นางเสียใจและตำหนิในความโง่เขลาของตน เขาอุตส่าห์มาช่วย แต่นางกลับทำให้ทำให้เขาบาดเจ็บขึ้นอีก

“ข้ามีโอสถรักษา… เจ้า...”

“ข้ากินโอสถไม่ได้แล้ว เส้นลมปราณของข้ารับโอสถไม้ได้อีกแล้ว… หากเจ้าอยากช่วยข้า จงช่วยคุ้มกันข้า ข้าอยากจะพักสักหน่อย”

หนิงฝานนั่งหลับตาพิงผนังถ้ำแล้วหลับไป เขาโคจรวิชาดาราทมิฬเร่งอัตราการฟื้นฟูร่างกาย ตราบใดที่นางไม่มาทำให้แผลของเขาเปิดอีกครั้ง ไม่นานเขาก็จะหายดี

ยิ่งเห็นสภาพหนิงฝานในยามนี้ นางยิ่งตำหนิตนเอง นางคิดว่าตนที่ได้อาจารย์เป็นถึงผู้เชี่ยวชาญไร้แบ่งแยก จะมีพรสวรรค์เหนือกว่าทุกคน แต่ยามนี้ นางรู้ตัวดีว่าไม่อาจเทียบเคียงหนิงฝานได้แม้แต่น้อย

นางต้องพึ่งพาอาวุธระดับสูงและผ้าคลุมลวงสวรรค์เพื่อเอาตัวรอดจากอสูร

แต่หนิงฝานกลับเข้าต่อสู้กับกองทัพอสูรอย่างห้าวหาญ และรอดกลับออกมาได้

นางไม่รู้ว่าหนิงฝานสังหารเหล่าอสูรทั้งหมด หรือแค่หลบหนีออกมาได้ เพราะยังไงซะนางก็นับถือเขามากอยู่ดี

นางยอมรับว่าหนิงฝานทรงพลัง เพราะต่อให้เป็นผู้เชี่ยวชาญไร้ดัดแปลง หากถูกรุมล้อมขนาดนั้นคงไม่รอด

นางยอมรับว่าเวลาที่หนิงฝานหลับดูมีเสน่ห์มาก ใบหน้าที่ไร้ซึ่งความเย็นชา ใบหน้าอันแสนสงบราวกับเป็นผู้เยาว์ทั่วไป

ใบหน้าที่ซีดขาวของหนิงฝานทำให้นางเสียใจ นางจำคำกล่าวของอาจารย์ได้

“อาจารย์เคยกล่าวว่า ข้าคือราชาแมลงที่กลับชาติมาเกิด ตัวข้าในชาติก่อนถือกำเนิดขึ้นมาจากโลหิตหนึ่งหยด และโลหิตหยดนั้นสามารถช่วยบุรุษให้รอดพ้นจากความตายได้...”

“แม้โลหิตจะล้ำค่า แต่มันไม่อาจช่วยสตรีได้… ไม่อาจช่วยท่านแม่ได้ แต่ข้าเองก็หาหญ้าโลหิตมังกรพบแล้ว ข้ามีหนทางรักษาท่านแม่แล้ว… แต่กับซัวหมิง ข้าไม่รู้ว่าจะตอบเขายังไง”

“หวังว่าสมุนไพรที่ข้าเสี่ยงชีวิตเอามา จะช่วยรักษาท่านแม่ได้… และโลหิตของข้า หวังว่าจะช่วยเขาได้เช่นกัน”

ขณะที่กล่าวใบหน้านางแดงระเรื่อ นางขบกัดปลายลิ้น โลหิตสีทองปรากฏออกมาจากแผล ผสานเข้ากับน้ำลายของนาง

นางขยับเข้าใกล้หนิงฝาน  ก้มหน้าลง ประกบริมฝีปาก สอดลิ้นเข้าไปภายในเพื่อให้โลหิตสีทองเข้าไปในร่าง

แม้สิ่งที่นางทำจะเป็นการตอบแทนบุญคุณ แต่ยังน่าอายอยู่มาก นางเป็นถึงผู้อาวุโสของวิหารพิรุณ เป็นผู้เยาว์คนสำคัญของตระกูลหยู แต่กลับต้องมาจูบบุรุษในยามหลับ

แต่โชคดีที่หนิงฝานไม่รู้สึกตัว ไม่อย่างนั้นนางคงไม่กล้าทำ

แต่เมื่อโลหิตสีทองไหลเข้าไปในคอหนิงฝาน จู่ๆเขากลับตอบสนองกับลิ้นและริมฝีปากของนาง

เขาดูดลิ้นของนางไว้จนนางไม่อาจถอนกลับ นางทั้งตกใจและอับอาย แต่ก็ทำให้ได้เพียงก่นด่าในใจ

“ซัวหมิง เจ้ามันไร้ยางอาย! ขนาดหลับอยู่ยังจูบข้าได้!”

“แบบนี้แสดงว่าเขาต้องผ่านประสบการณ์เรื่องอย่างว่ามานับครั้งไม่ถ้วน ไม่อย่างนั้นคงทำแบบนี้ในยามที่หลับไม่ได้!”

หากหนิงฝานไม่ได้หลับจริงๆ นางคงคิดว่าหนิงฝานตั้งใจฉวยโอกาส

ในเมื่อนางไม่อาจผละออกจากหนิงฝานได้ นางก็ทำได้เพียงต้องจำยอม นางได้แต่ภาวนาว่าอย่าให้หนิงฝานตื่น ไม่อย่างนั้น นางคงจะลืมเรื่องนี้ไม่ได้ไปตลอดชีวิต

แต่แล้วนางก็ค่อยๆเคลิ้บเคลิ้มกับจูบอย่างช้าๆ นี่คือจูบแรกของนาง เป็นจูบที่รู้สึกผ่อนคลายอย่างบอกไม่ถูก

“อื้ม~~” เสียงครางกระเส่าและลมหายใจถี่กระชั้นค่อยๆดังขึ้น

แต่แล้วหนิงฝานก็ยอมปล่อยนาง เมื่อนางได้สติจึงเร่งถอยห่างจากหนิงฝาน

เขาได้จูบแรกของนางไปแล้ว ทั้งความรู้สึก น้ำลาย และกลิ่นของเขายังติดอยูที่ริมฝีปากนาง

นางนั่งนิ่งและขบคิด การที่ถูกขโมยจูบไปเช่นนี้อาจหมายความว่านางได้เสียความบริสุทธิ์ไป

“ถ้าอาจารย์รู้เข้า ข้าตายแน่!” นางเป็นกังวลอย่างบอกไม่ถูก...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด