ตอนที่แล้วบทที่ 80 แหวนแก่นแท้ศักดิ์สิทธิ์โบราณ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 82 หนีเสือปะจระเข้

บทที่ 81 สังหารชายผู้นี้ซะ


ท้ายที่สุดเฉียนว่านก้วนก็ไม่ได้พาเยว่เหม่ยเอ๋อร์ไปที่เตียงของเจียงอี้จริงๆ และถึงแม้ว่าเขาจะทำเช่นนั้นจริงๆ เจียงอี้ก็ไม่กล้าแตะต้องนางอยู่ดี เมื่อพวกเขากลับมาถึงสำนัก ท้องฟ้าก็มืดมิดแล้ว เมื่อเจ้าก้อนไขมันก้าวเท้าเข้ามาในสำนัก เขาพูดกับเจียงอี้ด้วยน้ำเสียงแอบๆ "ลูกพี่ ข้าจะแนะนำสหายให้เจ้าภายหลัง พวกเขาอาจไม่ได้มีอารมณ์ขันนัก แต่เมื่อเจ้าทำความรู้จักพวกนั้น เจ้าจะรู้ว่าพวกเขาเป็นพี่น้องร่วมสาบานที่เจ้าสามารถไว้วางใจให้ระวังหลังเจ้าได้"

"พี่น้องร่วมสาบาน?"

เจียงอี้หัวเราะเบาๆ ด้วยความไม่พอใจ โลกนี้โหดเหี้ยมเหลือเกินและสังคมต้องแก่งแย่งชิงดีกัน ไม่ต้องพูดถึงเพื่อนของเฉียนว่านก้วน เจียงอี้ก็ยังไม่ไว้ใจเฉียนว่าก้วนเท่าไหร่นัก แล้วเขาจะไว้ใจนายน้อยพวกนี้ที่มาจากตระกูลที่น่านับถือเช่นนี้อย่างพี่น้องร่วมสาบานได้เช่นไร?

เมื่อกลับมาถึงตำหนัก เมื่อเจียงอี้ผ่านประตูเข้ามา เขาเห็นนายน้อยสามคนที่แต่งตัวหรูหรา พวกเขายังจัดห้องโถงด้านในพร้อมโต๊ะอาหารตรงที่ที่พวกเขานั่ง

เมื่อทั้งสามคนเห็นเฉียนว่านก้วนและเจียงอี้เข้ามา พวกเขาก็ลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็วและยิ้มไปที่เฉียนว่านก้วน พวกเขาไม่ได้มองไปที่เจียงอี้ตรงๆ พวกเขาเพียงแค่เหลือบมองอย่างรวดเร็วแทน

"มา! ให้ข้าแนะนำพวกเจ้าทุกคน!"

ใบหน้าของเฉียนว่านก้วนเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่อ่อนหวาน เขาชี้ไปที่สามคนนั้นและพูดว่า "นี่คืออิงชา, นายน้อยคนที่สี่ของตระกูลอิง! นี่คือหลงเซี่ยง, นายน้อยคนที่หกของตระกูลหลง ส่วนนี่คือไท่สื่อเฉิน นายน้อยคนที่สองของตระกูลไท่สื่อ! เจ้าสามคนคงรู้จักคนผู้นี้อยู่แล้ว เจียงอี้เป็นผู้ที่ช่วยให้เราได้ชัยชนะในวันนั้น! ตอนนี้เขาคือลูกพี่ของข้า"

เจียงอี้กวาดสายตามองทั้งสามคน อิงชาเป็นชายหนุ่มร่างสูงผิวดำที่มีสีหน้าดุร้าย เขาเป็นคนที่ต่อสู้กับจ่างซุนทุนหลงซึ่งอยู่ในขั้นแรกของขอบเขตจื่อฝู่ เจียงอี้มีความประทับใจในตัวเขา

หลงเซี่ยงมีรูปลักษณ์ดั่งชื่อของเขา ร่างกายของเขามีรูปร่างเหมือนมังกรและช้าง เขาสูงเจ็ดฟุตและดูแข็งแรงมาก เขาเป็นคนหนึ่งที่สูงกว่าจ้านอู๋ซวง

ไท่สื่อเฉินเป็นคนที่ดูสะอาด รู้กาลเทศะและสุภาพ เขาไม่ได้ดูเหมือนผู้ที่อยู่ขั้นที่เก้าของขอบเขตฉูติ่งเลย เขาค่อนข้างเป็นเหมือนนักปราชญ์มากกว่า

เจียงอี้วัดกำลังของทั้งสามคน และทั้งสามคนก็วัดกำลังของเจียงอี้ด้วยเช่นกัน เมื่อพวกเขาได้ยินว่าเจียงอี้เป็นคนที่ช่วยเหลือพวกเขาในวันนั้น ใบหน้าของพวกเขาก็แสดงรอยยิ้มออกมาทันที แม้กระทั่งอิงชาที่ดูเคร่งขรึมก็พยักหน้าเห็นด้วย แต่เมื่อพวกเขาฟังคำพูดล่าสุดของเฉียนว่านก้วน พวกเขาต่างก็พากันตกตะลึง พวกเขามองที่เจียงอี้และคิดว่าพวกเขาได้ยินอะไรผิดพลาดไปหรือเปล่า

ทั้งสามคนเข้าใจอย่างชัดเจนว่าความหลักแหลมของเจ้าก้อนไขมันที่อัธยาศัยดีและดูไม่มีพิษมีภัยนั้นเป็นคนเช่นไร ในฐานะทายาทของตระกูลเฉียน ความคิดเห็นใดๆที่เขามี มันแสดงถึงความคิดเห็นปกติของคนตระกูลเฉียนด้วยเช่นกัน

ตระกูลเฉียนมักจะชอบลงทุนกับเหล่าอัจฉริยะและเป็นอัจฉริยะที่ยังไม่ถูกขัดเกลาเหมือนกับทั้งสามคน พวกเขาไม่ถือว่าเป็นหัวกะทิในตระกูลของพวกเขาเอง แต่เฉียนว่านก้วนเลือกพวกเขาแทนที่จะเป็นนายน้อยหัวกะทิของพวกเขา เขายังเสนอทรัพยากรจำนวนมากที่เป็นประโยชน์แก่พวกเขาด้วย

ตระกูลเฉียนเป็นตระกูลที่โหดหินในเรื่องการพิจารณาและค่อนข้างพิถีพิถันเช่นกัน ยกตัวอย่างเช่นพ่อของเฉียนว่านก้วน ย้อนกลับไปในสมัยนั้น เขาสร้างความสัมพันธ์กับเหล่าคนในตระกูลที่ยิ่งใหญ่สี่ตระกูล ตอนนี้คนเหล่านั้นล้วนเป็นหัวหน้าตระกูลหรือไม่ก็เป็นผู้อาวุโสที่มีอิทธิพลภายในการจัดการต่างๆของตระกูล เนื่องจากการตัดสินใจที่ชาญฉลาด พ่อของเฉียนว่านก้วนก็ได้รับผลตอบแทนอย่างมหาศาล

เฉียนว่านก้วนเองก็ได้เลือกทั้งสามคนเพื่อคอยดูแลและช่วยให้พวกเขามุ่งมั่นเพื่อตำแหน่งหัวหน้าตระกูลเช่นกัน หากตระกูลเฉียนเลือกใครบางคนนั่นหมายความว่าบุคคลนั้นมีศักยภาพและคุ้มค่าต่อการลงทุน

แต่พวกเขาทั้งสามไม่เห็นอะไรเป็นพิเศษเกี่ยวกับเจียงอี้เลย ความแข็งแกร่งพื้นผิวของเขาดูเหมือนจะเป็นเพียงแค่ขั้นที่ห้าของขอบเขตฉูติ่ง เขาอาจทำให้คู่ต่อสู้ขอบเขตฉูติ่งขั้นที่เก้าพ่ยแพ้ได้ด้วยการเคลื่อนไหวเพียงครั้งเดียว แต่มันก็ยังไม่สมกับที่เฉียนว่านก้วนจะนับถือเขาส่งส่งเช่นนี้ไม่ใช่หรือ?

ลูกพี่?

บุคคลนี้ต้องมีบางสิ่งที่มากกว่าพลังที่ปรากฏออกมาเป็นแน่ ...จึงจะเหมาะสมกับการเป็นลูกพี่ของทายาทตระกูลเฉียน

พวกเขาทั้งสามนั้น..แต่ละคนมาจากหนึ่งในเจ็ดตระกูลผู้ยิ่งใหญ่ พวกเขาจึงเข้าใจคำพูดของเฉียนว่านก้วนได้อย่างรวดเร็ว การแสดงออกของพวกเขานั้นจึงเต็มไปด้วยรอยยิ้มในขณะที่พวกเขาเชิญชวนเจียงอี้ให้นั่งด้วยกัน

เจียงอี้ขอตัวครู่หนึ่งแล้วเดินเข้าไปในห้องของเขาเพื่อเก็บของที่เจียงหยุนไฮ่ส่งให้เขา จากนั้นเขาก็เดินออกไปและถามด้วยความสงสัย "เฉียนว่านก้วน ศิษย์อีกสองคนที่อยู่ที่นี่ก่อนหน้านี้ล่ะ?"

"ข้าว่าพวกเขาเกะกะสายตาข้าจึงขอให้คนอื่นย้ายพวกเขาออกไป" เฉียนว่านก้วนพูดมันเหมือนไม่มีอะไรมากมาย จากนั้นเขาก็กล่าว "มาเถอะ ลูกพี่ นี่คือมื้ออาหารที่ศิษย์สำนักอัจฉริยะเท่านั้นที่สามารถกินได้ ข้าใช้เงินไปนิดหน่อยเพื่อให้ได้มื้อนี้มา"

"ฮ่าๆ! นี่เป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมที่สุดที่ได้อยู่ใกล้ๆนายน้อยเฉียน ข้าจะมาที่นี่เพื่อทานอาหารที่หรูหราเช่นนี้ทุกวัน" หลงเซี่ยงพึมพำในขณะที่เขาพูด เขาไม่ได้สนใจเรื่องที่เหลือและหมกมุ่นอยู่กับอาหารและการดื่ม

มื้อนั้นใช้เวลาเกือบหนึ่งชั่วโมงกว่าจะทานเสร็จ เจียงอี้ยังคงมีพลังที่ต่ำและไม่ได้พูดอะไรมากระหว่างอาหารมื้อนี้ หลังจากทานอาหารเสร็จเขาก็ตรงเข้าไปในห้องของเขาและบ่มเพาะพลังต่อ เมื่อเขาเข้าห้องไป ทั้งสามคนก็เข้าไปหาเฉียนว่านก้วนเพื่อถามว่า "นายน้อยเฉียน เขามีสถานะอะไรรึ?"

เฉียนว่านก้วนดื่มสุราหนึ่งแก้วและหัวเราะราวกับว่าเขาไม่สนใจ "ไม่มีสถานะอันใดทั้งสิ้น บุคลิกภาพของเขานั้นไม่เลวและเขาก็ค่อนข้างมีพรสวรรค์ที่ดีมาก"

"เพียงแค่นั้นรึ?" เห็นได้ชัดว่าทั้งสามคนไม่เชื่อ หลงเซี่ยงพูดจาเย้ยหยันและพูดว่า "พรสวรรค์ของเขา? อย่าว่าแต่อิงชาเลย เขาคงไม่สามารถแม้แต่จะจัดการกับข้าได้หรอก ใช่ไหม?"

"ฮิฮิ!" เฉียนว่านก้วนหัวเราะและพูดเบาๆ "เขาอยู่ขั้นแรกของขอบเขตฉูติ่งเมื่อครึ่งปีที่แล้ว และตอนนี้ความแข็งแกร่งในการต่อสู้โดยรวมของเขาสามารถเทียบได้กับอิงชา เจ้าแน่ใจหรือว่าพรสวรรค์ของเจ้าดีกว่าเขา?"

"ฮะ…"

หลงเซี่ยงตกตะลึงและอีกสองคนก็กำลังอ้าปากค้างอยู่ภายในใจ พวกเขารู้ดีว่าทุกคนที่เฉียนว่านก้วนนับถือมาก..คงจะไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน

ทันใดนั้นไท่สื่อเฉินก็นึกบางสิ่งได้และพูดว่า "อ้อ ใช่แล้ว! จ้านอู๋ซวงขอแข่งขันเพื่อเลื่อนขั้นด้วย!"

"ดุดันยิ่งนัก!"

เฉียนว่านก้วนยกนิ้วชม การต่อสู้กับคู่ต่อสู้ห้าคน ... ในบรรดาศิษย์นอกสำนักใหม่ๆทุกคนดูเหมือนว่ามีแต่จ้านอู๋ซวงเท่านั้นที่มีความกล้าและมีฝีมือเช่นนี้

"เอาล่ะ ข้ากินข้าวเสร็จแล้ว ได้เวลาทำงาน!"

เฉียนว่านก้วนดื่มสุราจอกสุดท้ายเข้าปากแล้วพาทั้งสามออกไปข้างนอก เขาไม่ได้มาเข้าเรียนที่สำนักเพียงเพื่อหาความสนุกสนานหรือทำตัวขี้เกียจไปเรื่อย เขามาที่นี่เพื่อหาเพื่อนเพิ่มและค้นหาและรับผู้มีพรสวรรค์มาเพิ่ม

...

เจียงอี้บ่มเพาะจนถึงเที่ยงคืนและหลับสนิท เช้าวันรุ่งขึ้นเฉียนว่านก้วนสั่งให้ใครบางคนเตรียมอาหารเช้าที่ดีซึ่งทั้งคู่ชอบ ก่อนที่จะออกไปทำงานประจำวัน เมื่อพวกเขามาถึงตีนเขา เจียงอี้ก็เข้าไปในถ้ำและบ่มเพาะพลังต่อในขณะที่เฉียนว่านก้วนนอนหลับอยู่บนหินปูน

เหนือความคาดหมายของเจียงอี้คือไม่มีใครนำปัญหามาให้ในหลายวันที่ผ่านมา อาจเป็นเพราะเขาอยู่กับเฉียนว่านก้วนทุกวัน? หรือเป็นเพราะอาจารย์จ้าวที่อยู่ใกล้ๆ? สองสามวันมานี้ค่อนข้างสงบ เจียงอี้ก็สบายใจเพราะเขาสามารถบ่มเพาะได้ทุกวันและการฝึกฝนของเขาก็ก้าวหน้าไปมาก

ทุกคืน เฉียนว่านก้วนจะออกไปที่อื่น ภายในขอบเขตของสำนักนั้นค่อนข้างปลอดภัยดังนั้น เจียงอี้จึงไม่สนใจว่าเฉียนว่านก้วนนั้นอยู่ที่ใดซึ่งเขาก็ไม่อยากรู้เช่นกัน ยกเว้นเรื่องการบ่มเพาะพลัง เขาเริ่มค้นคว้าทักษะการต่อสู้ระดับพิภพที่เจียงหยุนไฮ่มอบให้เขา

มันเป็นทักษะเพลงดาบที่ชื่อเพลงดาบพิรุณโปรยปราย ซึ่งทักษะเพลงดาบแบ่งออกเป็นเพลงดาบที่แตกต่างกันสี่กระบวนท่า...เพลงดาบพิรุณวสันต์ เพลงดาบพิรุณคิมหันต์ เพลงดาบพิรุณสารท เพลงดาบพิรุณเหมันต์ ทักษะการต่อสู้นี้ค่อนข้างซับซ้อน เจียงอี้ใช้เวลาสองชั่วโมงต่อวันในการทำความเข้าใจกับทักษะการต่อสู้นี้ สิบวันให้หลัง ในที่สุดเขาก็บรรลุขั้นเริ่มต้น

ในวันที่สิบเอ็ด วันที่สงบสุขของเจียงอี้ก็ได้สิ้นสุดลงในที่สุด

ในขณะที่เขากำลังบ่มเพาะและฝึกฝนเขาก็ตกใจและตื่นขึ้นมาด้วยเสียงฝีเท้าอันเบาบาง เขาลืมตาขึ้นและตระหนักได้ว่าเฉียนว่านก้วนไม่อยู่ เขายืนขึ้นเพื่อมองออกไปข้างนอกถ้ำ ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นความเคร่งเครียด

อาจารย์จ้าวที่นั่งอยู่ใต้ต้นไม้ทุกวันได้หายตัวไป และมีคนแต่งตัวสีดำมากกว่าสิบคนวิ่งเข้ามาหาเขา ใบหน้าของพวกเขาทุกคนสวมหน้ากากและเต็มไปด้วยกลิ่นอายของจิตสังหาร คนที่นำกลุ่มชายเหล่านี้คือผู้ที่อยู่ขั้นแรกของขอบเขตจื่อฝู่

ใครบางคนวางอุบายเพื่อมาฆ่าข้า!

เจียงอี้ตื่นจากความงุนงงทันทีเมื่อเขารู้ได้ถึงสถานการณ์ เขาไม่ทราบว่าใครมีความสามารถเช่นนี้เพื่อล่อเฉียนว่านก้วนและอาจารย์จ้าวออกไป หรือบางทีเฉียนว่านก้วนและอาจารย์จ้าวก็ตกอยู่ในสภาพคับขันเช่นกัน? สิ่งที่เขารู้ก็คือเขาอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่สู้ดีนัก ถ้าเขาจัดการไม่ได้ เขาอาจต้องตายอยู่ที่นี่

"ฟึ่บ!"

เขาไม่มีความลังเลใดๆและเขาพุ่งตรงออกไปที่ปากถ้ำ เขาไม่ได้เลือกที่จะมุ่งหน้าไปยังสำนักจิตอสูร แต่เขามุ่งหน้าไปยังจุดสูงสุดของภูเขาที่ซึ่งทุกคนฆ่าสัตว์ปีศาจ มีศิษย์สำนักอยู่มากมายและนักฆ่ากลุ่มนี้จะไม่กล้าสังหารเขาภายใต้สายตาของทุกคน ใช่ไหม?

สิ่งที่ทำให้เจียงอี้ตกใจอีกครั้งคือเมื่อคนกลุ่มนี้เห็นปฏิกิริยาอันรวดเร็วของเจียงอี้ พวกเขาก็รีบไปยังจุดสูงสุดของภูเขาเช่นกัน บางคนก็ลังเล และไม่นานคนที่เป็นผู้นำกลุ่มก็เริ่มตะโกนว่า "ใต้เท้าน้อยมีคำสั่งให้เราสังหารชายผู้นี้ซะไม่ว่าจะด้วยทางใดก็ตาม"

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด