ตอนที่แล้วSM:บทที่ 16 วันต่อมา
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปSM:บทที่ 18 จางเซียงจือและเล้งหานซวง

SM:บทที่ 17 ความประหลาดใจ


SM:บทที่ 17 ความประหลาดใจ

ตูม...คิ้วของเซี่ยเย่ขมวดเข้าหากัน ท่าเก้าดารากำลังดำเนินอยู่และร่างกายของเขาก็เปร่งแสงออกมาอย่ารวดเร็วเพื่อเลี่ยงการโจมตีอันบ้าคลั่งของผีดิบยักษ์

“ตั่วตั๋ว มีวิธีทำลายเกล็ดของผีดิบยักษ์ไหม” เซี่ยเย่ถามจินตั๋วในใจ

“นายท่าน ท่านไม่สามารถทำลายเกร็ดของผีดิบยักษ์ได้เพราะว่าดาบของท่านคมไม่พอ แต่ดาบใหญ่นี้เป็นดาบที่คมที่สุดเท่าที่ท่านสามารถหาได้แล้ว” จินตั๋วกล่าว

“คมหรอ มีวิธีอื่นไหมที่ทำให้ดาบคมมากขึ้นสำหรับการโจมตี”

“มีอยู่วิธีหนึ่งที่เป็นไปได้และไม่แพง ซึ่งใช้เงินเพียงแค่ 2 ล้านหยวนเท่านั้น ท่านแน่ใจหรือไม่ที่จะซื้อมัน”

“ตั่วตั๋ว อย่าพูดอะไรไร้สาระในตอนคับขันแบบนี้จะได้ไหม” เซี่ยเย่กล่าว ดาบโล่ของเขาเปิดออกเพื่อป้องกันเล็บของผีดิบยักษ์

“ข้าทราบแล้ว”

ทันใดนั้น มีการเคลื่อนไหวมากมายในหัวของเขา และเงินในบัตรของเขาก็ได้ลดลงไปจำนวน 2 ล้านหยวนเช่นกัน

ขณะที่จ้องมองไปยังผีดิบยักษ์ เซี่ยเย่ใช้ท่าเก้าดารา ทำให้เกิดประกายแสงสว่างไปไกล

ขณะที่เผชิญหน้ากับผีดิบยักษ์ตนนี้ เซี่ยเย่ไม่ได้เคลื่อนไหวร่างกายแต่อย่างใด ทำให้ร่างกายเขาเต็มไปด้วยลมปราณและพลังงาน ดาบใหญ่ลอยอยู่ด้านหน้าเซี่ยเย่ พลังของเซี่ยเย่หลั่งไหลออกมาและส่งไปยังดาบ โดยดาบนั้นหมุนรอบตัวเขาและเปลี่ยนเป็นลำแสงเข้าโจมตีผีดิบยักษ์

“ดาบแห่งพระเจ้า”

จะเห็นได้ว่าดาบรอบตัวเซี่ยเย่หมุนเร็วขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นดาบใหญ่ที่มีความแหลมคมในที่สุด

ทันทีที่ร่างของเซี่ยเย่กลายเป็นลำแสง ทะลุผ่านร่างของผีดิบยักษ์โดยไม่มีแม้แต่เสียงหรือแสงใดๆ ตอนนี้ ร่างของเซี่ยเย่ปรากฏขึ้นอีกครั้งพร้อมสีหน้าขาวซีดเล็กน้อย โดยการโจมตีนั้นทำให้เขาใช้พลังงานค่อนข้างมาก

ร่างของผีดิบยักษ์ยืนนิ่ง แต่ทันใดนั้น มีรอยแยกปรากฏขึ้นที่หน้าผากของมัน และรอยแยกก็ค่อยๆขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ หัวของผีดิบยักษ์ถูกตัดแบ่งออกเป็นสองส่วนอย่างชัดเจนและเลือดในร่างของผีดิบกระจายบนพื้นไปทั่ว

ในกองเลือดของซากศพผีดิบ คริสตัลขนาดเท่าลูกฟุตบอลลอยเข้ามาที่ฝ่ามือของเซี่ยเย่

“ขนาดใหญ่มาก” เซี่ยเย่ถอนหายใจกับขนาดนิวเคลียสที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็น อีกทั้งยังมีพลังงานที่ไหลเวียนในนั้นซึ่งดูน่ากลัวด้วยเช่นกัน

“ตั่วตั๋ว ฉันจะใช้นิวเคลียสนี้ได้อย่างไร” เซี่ยเย่ถามออกไปตรงๆ

“ง่ายมาก นิวเคลียสมีมูลค่า 100,000 หยวน” คำตอบของจินตั๋วนั้นก็ตรงไปตรงมาเช่นกัน

เซี่ยเย่ยิ้มยกมุมปากขึ้น “เรื่องเงินเป็นเรื่องเล็ก เข้าเรื่องหน่อยสิ ตอนนี้บอกวิธีใช้เจ้านี่มาได้ไหม”

“นายท่านช่างเป็นคนมีน้ำใจเสียจริง วิธีใช้นิวเคลียสง่ายมาก เพียงแค่ท่านกรีดแผลบนมือและทำให้เลือดไหลออกมาใส่นิวเคลียส จากนั้นพลังงานจากนิวเคลียสจะถูกดูดซับเข้าไปผ่านทางแผลของท่าน”

เพื่อที่จะทำตามวิธีที่บอก เซี่ยเย่ไม่ได้พูดอะไรอีก เขาใช้ปลายดาบกรีดที่แขนขวา ทำให้เกิดบาดแผลที่มือเขาและเลือดหยดลงมาที่นิวเคลียสนั้นทันที

ทันใดนั้น แสงสีม่วงส่องประกายออกมาจากแกนกลางนิวเคลียสและลอยออกมาและเข้าไปที่บาดแผลที่มือของเขา

“อ่า...”

เพียงชั่วขณะ เซี่ยเย่รู้สึกถึงลมปราณที่ทรงพลังขึ้นเรื่อยๆในร่างกายของเขา ซึ่งเกือบทำให้ร่างกายเขาระเบิดออกมา

“ตั่วตั๋ว ทำไมการดูดซับพลังนิวเคลียสถึงเจ็บขนาดนี้ล่ะ” เซี่ยเย่กัดฟัน

“นายท่าน จริงๆแล้ว หลักการที่จอมยุทธท่านอื่นๆมักจะใช้ในการเพิ่มความแข็งแกร่งคือการอาศัยพลังจากนิวเคลียสในการเพิ่มค่าพลังของพวกเขาหรือเพื่อก้าวข้ามข้อจำกัดด้านความสามารถ แต่ขั้นตอนเหล่านั้นยากมาก เพียงแค่คนที่มีสภาพร่างกายที่มีคุณสมบัติเหมาะสมเท่านั้นที่สามารถทำได้ ไม่เช่นนั้นเขาก็จะตายจากการระเบิด”

“แต่สมรรถภาพทางกายของเจ้าของร่างก็ต้องผ่านคุณสมบัติของการดูดซับแหล่งพลังงานนิวเคลียสนี้เช่นกัน แม้ว่าจะมีอาการปวดบ้าง แต่ก็ไม่มีอันตรายใด ท่านวางใจได้”

หลังจากฟังคำอธิบายของจินตั๋ว เซี่ยเย่ก็ไม่ได้คิดเรื่องดังกล่าวอีก เขานั่งขัดสมาธิและดูดซับพลังจากแกนกลางนิวเคลียสต่อไป

ครึ่งชั่วโมงต่อมา เซี่ยเย่ดูดซับพลังงานทั้งหมดจากแกนกลางขนาดใหญ่เสร็จและแกนกลางที่ไม่มีพลังเหลือแล้วก็แตกเป็นเศษแก้วและสลายกลายเป็นฝุ่น

“ตั่วตั๋ว ความแข็งแกร่งของฉันเป็นอย่างไรบ้างตอนนี้”

“นายท่าน ค่าพลังท่านอยู่ระดับ 9 และค่าพลังชีวิตอยู่ที่ระดับ 9”

หลังจากได้ยินคำตอบของจินตั๋ว เซี่ยเย่ขมวดคิ้วและถามว่า “ฉันรู้สึกชัดเจนว่าความแข็งแกร่งฉันเพิ่มขึ้น 50 เปอร์เซ็นต์จากเมื่อก่อน ทำไมค่าพลังถึงเพิ่มขึ้นเพียงแค่ 1.1เท่านั้น”

“นายท่าน การดูดซับพลังของท่านคือการทำเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่ง แต่การประเมินค่าพลังนั้นวัดจากความแข็งแกร่งโดยรวม ดังนั้น แม้ว่าตอนนี้ความแข็งแกร่งของท่านจะเพิ่มขึ้น 50 เปอร์เซ็นต์ แต่ความเร็ว, ปฏิกิริยา, พลัง, สติในการต่อสู้และในแง่อื่นๆ ไม่ได้เปลี่ยนแปลง นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมการประเมินค่าพลังโดยภาพรวมจึงเพิ่มเพียงแค่ 1.1 เท่านั้น”

“อย่างที่เธอบอก ถ้าจอมยุทธคนอื่นดูดซับพลังจากนิวเคลียสของศัตรูเพื่อทำให้ตนเองแข็งแกร่งขึ้น พวกเขาก็คงไม่แบ่งเป็นฝักเป็นฝ่ายแบบนี้หรอกใช่ไหม” เซี่ยเย่หรี่ตาลงเล็กน้อย ราวกับว่าเขาค้นพบวิธีที่จะทำให้เขาอยู่เหนือกว่าจอมยุทธคนอื่นแล้ว

“ด้วยวิธีนี้เอง ทำให้ระบบเงินตราสามารถพัฒนาความแข็งแกร่งของนายท่านได้ทั้งหมด ซึ่งได้ผลดีกว่าวรยุทธแขนงอื่นๆ อีกทั้ง นายท่านก็จะไม่มีจุดอ่อนให้เห็นอย่างชัดเจนอีกด้วย ดังนั้น ข้าจึงไม่แนะนำให้นายท่านดูดซับพลังจากนิวเคลียสโดยตรงเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่ง ซึ่งจะเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาความแข็งแกร่งที่แท้จริงของนายท่านในอนาคตได้ ควรใช้พื้นฐานความแข็งแกร่งในระบบเงินตราของท่านให้มีความมั่นคงยิ่งขึ้น” จินตั๋วตอบอย่างภาคภูมิใจ

หลังจากเรียนรู้ถึงข้อเสียจากการดูดซับพลังจากนิวเคลียสเพื่อเพิ่มค่าพลังแล้ว เซี่ยเย่ระมัดระวังมากขึ้นในการใช้วิธีนี้ในการเพิ่มค่าพลัง นอกจากนี้ หากเขาขายนิวเคลียส เงินที่ได้รับนั้นสามารถนำไปใช้ในการเพิ่มความแข็งแกร่งและยังคุ้มค่าอีกด้วย ตัวอย่างเช่น นิวเคลียสขนาดใหญ่ที่เซี่ยเย่ได้รับมานั้นสามารถขายได้ราคาราวๆ 20 ล้านหยวน ซึ่งเพียงพอสำหรับเซี่ยเย่ในการเพิ่มค่าพลังตนเองเกินกว่าระดับ 10 แต่ตอนนี้ ภายหลังจากการดูดซับพลัง เขาสามารถเพิ่มค่าพลังได้ถึงเพียงระดับ 9 เท่านั้น อีกทั้งยังส่งผลต่อการฝึกซ้อมที่ไม่ต่อเนื่อง ซึ่งไม่คุ้มค่าอย่างยิ่ง

ทืด ทืด สัญญาณเตือนส่งเสียงดังไปทั่วเมืองหนานยาง เซี่ยเย่ก็รีบลุกออกจากห้องไป จากนั้น มีลำแสงมากมายพุ่งตรงมายังยอดตึกสูง

“นี่เป็นเสียงสัญญาณจากฝ่ายเรียกกำลังพลแห่งกองทัพ วันนี้เป็นเพียงวันที่ 2 ของการประเมินระดับวรยุทธเท่านั้น ซึ่งยังเหลือเวลาอีกนานกว่าการประเมินจะสิ้นสุด” ตาของเซี่ยเย่เป็นประกาย เขาคิดในใจว่า “ต้องมีอะไรเกิดขึ้นแน่ กองทัพถึงหยุดการประเมินระดับของกองทัพนี้”

เซี่ยเย่อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหนาวสั่นไปทั้งร่าง เขาไม่ได้ต้องการคิดไปเอง เขาใช้ท่าเก้าดาราเคลื่อนไปไกลและเคลื่อนไปยังขบวนรถทหาร

“ไม่ว่าจะเกิดอุบัติเหตุอะไร นี่จะเป็นการดีที่จะหยุดการประเมินระดับของกองทัพ ถ้าไม่มีสมาธิ เราอาจจะตายได้” เซี่ยเย่คิดในหัวและวิ่งไปพร้อมกัน เขาพบว่ากลุ่มผู้ฝ้าดูปรากฏตัวขึ้นในเมือง และพวกเขากำลังวิ่งไปยังขบวนรถทหารด้วยความตื่นกลัว ราวกับว่าไม่ใช่เขาคนเดียวที่คิดจะทำเช่นนี้

โฮก​ โฮก

ทันใดนั้น มีเสียงคำรามน่ากลัวมาจากท้องฟ้าที่กว้างสุดสายตา มันไม่ใช่อสูร แต่เป็นผีดิบ พวกมันกลับมาอีกครั้ง ดูเหมือนว่าพวกมันจะมีจำนวนมากด้วย

“คลื่นผีดิบ!”

คำที่น่าสะพรึ่งกลัวผุดขึ้นในหัวของเซี่ยเย่ ตั้งแต่ยุคใหม่เป็นต้นมา มีอันตรายที่น่ากลัวที่สุดอยู่ 2 ประเภท สิ่งแรกคืออสูรทะเล ที่มีระดับความแข็งแกร่งขั้นสูงสุด และอีกสิ่ง คือจำนวนผีดิบที่ไม่หมดไม่สิ้น

ช่วงก่อนยุคใหม่ สิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่นับไม่ถ้วนอาศัยที่ก้นทะเล แต่หลังจากยุคใหม่นั้น สัตว์ทะเลเหล่านี้ได้เก็บรักษาพันธุกรรมโบราณดั้งเดิมเก่าแก่ที่สุดไว้และสืบทอดต่อๆกันมา

ความแข็งแกร่งของพวกมันนั้นถูกพัฒนาไปไกลเกินกว่าที่จะเทียบกับอสูรที่อาศัยบนพื้นดินบางตัว เมื่ออสูรร้ายปรากฏตัวขึ้น ทำให้มนุษย์ต้องสูญเสียชีวิตเหล่าจอมยุทธมากมายนับไม่ถ้วน เพื่อเอาชนะเหล่าอสูร แม้ความถี่ที่เหล่าจอมยุทธสามารถฆ่าอสูรได้นั้นจะมีน้อยก็ตาม

ผีดิบเหล่านี้มีอันตรายมากกว่าอสูรมาก แม้ว่าความแข็งแกร่งของผีดิบแต่ละตัวโดยทั่วไปนั้นจะไม่เท่าเหล่าอสูร ด้วยการเปลี่ยนแปลงและวิวัฒนาการ ทำให้มีผีดิบเพียงไม่กี่ตัวเท่านั้นจะได้รับเลือกเป็นราชาในบรรดาผีดิบ ซึ่งราชาผีดิบนั้นฉลาดมากและสามารถควบคุมผีดิบตัวอื่น ๆได้ เช่นเดียวกับราชาในยุคโบราณ

มีราชาผีดิบที่แข็งแกร่งอีกหลายตัว ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของราชาผีดิบอีกที แม้ว่าพวกมันจะไม่ฉลาดเท่าราชาผีดิบ แต่พวกมันก็มีอำนาจปกครองเหนือพวกผีดิบด้วยเช่นกัน ซึ่งสามารถสั่งการเหล่าผีดิบให้โจมตีได้ในระยะหนึ่งด้วยการสร้างคลื่นผีดิบขึ้นมา

ภายใต้คลื่นผีดิบ ความแข็งแกร่งของผีดิบแต่ละตัวนั้นมีมากเกินคำว่าพอดี ไม่ว่าจุดแข็งของคุณจะแข็งแกร่งแค่ไหน คุณก็จะถูกเหล่าผีดิบเอาชนะคุณจนได้ เมื่อใดก็ตามที่คุณพบกับคลื่นผีดิบ นั้นหมายถึงความหายนะ

วันนี้ การประเมินระดับจอมยุทธของกองทัพได้สร้างคลื่นผีดิบขึ้น ซึ่งนับว่าเป็นโชคร้ายสำหรับเหล่าผู้เข้าร่วมการประเมินยิ่งนัก ท้ายสุดแล้ว จำนวนผู้รอดชีวิตจะมีจำนวนเท่าไรนั้นขึ้นอยู่กับโชคชะตาเท่านั้น

เซี่ยเย่ไม่ได้สนใจคนอื่น และเพิ่มความเร็วของตนเองจนถึงขั้นสุดเพื่อเอาชีวิตรอด เงินที่เหลือของเขาทั้งหมดถูกใช้ไปกับการฟื้นฟูความแข็งแกร่งของร่างกายและลมปราณ

โฮก..ทันใดนั้น มีผีดิบตัวหนึ่งกระโดดขึ้นมาจากพื้นและวิ่งไล่ตามเซี่ยเย่กลางอากาศ เขาเห็นว่าผีดิบตัวนั้นบ้าคลั่งเกินกว่าปกติ ดวงตาสีขาวซีดตอนนี้กลายเป็นสีเลือด ผีดิบทุกตัวอยู่ในอาการคลุ้มคลั่ง ด้วยอิทธิพลของราชาผีดิบ

เซี่ยเย่ไม่ต้องการที่จะเข้าไปพัวพันกับพวกผีดิบ จึงได้หมุนร่างตนเองไปรอบๆ โดยเริ่มจากการที่เขาแกว่งดาบใหญ่ จนทำให้ดาบสีขาวปรากฏออกมาอย่างง่ายดาย

ทันทีที่ดาบพาดผ่านหน้าผากของผีดิบไป เขาไม่คิดที่จะหยุดและหยิบแกนพลังของผีดิบแต่อย่างใด ดาบใหญ่ของเซี่ยเย่ วกกลับมาอยู่บนหลังเขาอีกครั้งหนึ่งและร่างของเขาก็หายไปในเวลาเดียวกัน

ในขณะเดียวกันนี้ ทั้งผู้ประเมินหรืออสูรทั่วทั้งเมืองหนานยางถูกคลื่นผีดิบเข้าโจมตี ซึ่งมาจากคำสั่งฆ่าของราชาผีดิบ

ปัง...เสียงดังเกิดขึ้น กำแพงหินพังทลายลงมา เห็นเพียงแค่ผีดิบหัวขาดอยู่ในซากปรักหักพังนั้น

"ฉันไม่กลัวอะไร นี่เป็นโอกาศดี"

ผู้เข้ารับการประเมินจอมอวดดีคนหนึ่งเดินเข้าไปหาผีดิบ ขณะที่เขากำลังขุดแกนพลังของผีดิบอยู่นั้น ผีดิบหลายตัววิ่งออกมาจากซากปรักหักพังและโจมตีเขาทันที

ผู้เข้ารับการประเมินตื่นตระหนกและต้องการที่จะหลบหนี แต่เขาไม่สามารถหลุดออกมาได้ ทำให้เขาจมในคลื่นในเวลาไม่นานด้วยฝีมือเหล่าผีดิบจำนวนนับไม่ถ้วน ซึ่งนับเป็นการจ่ายค่าความอวดดีของตนเอง