ตอนที่แล้วเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0531 [อ่านฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0533 [อ่านฟรี]

เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0532 [อ่านฟรี]


ตอนที่ 532 : ยาลึกล้ำกระดูกวิญญาณ

ในตอนนี้ ฉินหยุนค่อยตระหนักได้ ว่าเซี่ยฉีโหรวเหตุใดจึงรอคอยให้เขาเข้าร่วมสำนักเซียน

“หยุนเอ๋อ เจ้าทราบหรือไม่ว่าพี่หยางไปที่ใดเพื่อรับจารึกวิญญาณนั่น?”

หลิงหยุนเอ๋อกล่าวตอบ “นางสมควรกลับไปยังตำหนักจันทราทมิฬก่อน โดยสรุป เจ้าไม่ต้องกังวลถึงเรื่องนี้ นางย่อมต้องได้รับจารึกวิญญาณดังกล่าวอย่างแน่นอน!”

“เจ้ามั่นใจได้อย่างไรกัน?” ฉินหยุนไม่คิดเช่นนั้น เพราะจารึกวิญญาณ ย่อมเป็นสิ่งที่หลายคนคิดอยากได้ไว้ในครอบครอง

หลิงหยุนเอ๋อยิ้มกล่าว “หาได้มีอะไรให้กังวลไม่!”

ฉินหยุนค่อนข้างอยากทราบยิ่ง ว่าขณะนี้หยางฉีเย่ว์อยู่ที่ใด กระนั้น แม้เป็นหลิงหยุนเอ๋อ นางก็คล้ายไม่ทราบ

“เมื่อข้าฝึกฝนวิญญาณเต๋าเป็นภูติเช่นเจ้าแล้ว ข้าจะมีศักยภาพเพิ่มขึ้นทุกสัดส่วนเลยงั้นหรือ?” ฉินหยุนเอ่ยถาม

“แน่นอนว่าย่อมต้องเพิ่มขึ้น ก่อนหน้านี้ไม่ใช่เจ้าหรือ ที่ไร้เบาะแสว่าควรใช้ตะวันทมิฬอย่างไรดี? ข้าสามารถชี้แนะแก่เจ้าให้ใช้ได้!” หลิงหยุนเอ๋อเผยรอยยิ้ม

ได้ยินเช่นนี้ ทำเอาฉินหยุนลอบยินดี

หากเขาสามารถใช้พลังของแก่นเต๋าตะวันทมิฬได้อย่างแท้จริง พละกำลังของเขาจะเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลในทุกสัดส่วน

“แรกเริ่มเลย พลังของวิญญาณยุทธ์ตะวันทมิฬ ไม่มีไว้ใช้เพื่อการต่อสู้ แต่เป็นเพื่อการพัฒนา!”

“เปลวเพลิงตะวันทมิฬ สามารถขัดเกลาหลายสิ่งอย่างได้รวดเร็ว กระนั้น อัคคีดวงตะวันของเจ้า ก็เป็นเพียงแค่อัคคีดวงตะวันธรรมดา!” หลิงหยุนเอ๋อหัวเราะเบา “อย่าได้กังวลไป ข้าจะชี้แนะให้แข็งแกร่งขึ้นในภายหน้า!”

ฉินหยุนยังคงตามไม่ทันถึงตัวตนเช่นหลิงหยุนเอ๋อซึ่งปรากฏอย่างกะทันหัน อย่างไรแล้ว นางก็มีตัวตนอยู่แต่ภายในจิตสำนึกของเขา

“หยุนเอ๋อ ข้ามีชาติภพก่อนหรือ?” ฉินหยุนพลันนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นได้ เขาเอ่ยถามออก

“ย่อมใช่! ความทรงจำของชาติภพก่อนหน้าของเจ้า ถูกผนึกเอาไว้ภายในจิตวิญญาณ และจิตวิญญาณเจ้าอ่อนแอ ทำให้ไม่สามารถแบกรับความทรงจำทั้งหมดอย่างกะทันหันได้ ดังนั้นเจ้าในขณะนี้จึงยังไม่ตื่นรู้เรื่องราว” หลิงหยุนเอ๋อกล่าวตอบ “พี่สาวราชครูของเจ้าสามารถปลุกความทรงจำขึ้นมาได้ ก็เพราะว่าจิตวิญญาณของนางแข็งแกร่งพอ แต่กลับเป็นร่างกายนางที่แข็งแกร่งไม่พอ เพราะเหตุนั้นจึงมีปัญหาเกิดขึ้นกับตัวนาง”

*ผู้แปล : เซี่ยฉีโหรว คือ ราชครูของฉินหยุน*

“แล้วนางจะเป็นไรหรือไม่?” ฉินหยุนเผยความเป็นกังวล

“หากยังปล่อยให้เป็นแบบนั้นต่อ ย่อมต้องเป็นอะไรสักทางหนึ่ง! เว้นแต่นางสามารถค้นหาร่างกายแท้จริงกลับคืน ซึ่งก็คือร่างเซียนวิเศษของนาง ต้องเข้าใจว่าแรกเริ่มนางถือครองจิตวิญญาณแข็งแกร่งและถือกำเนิดขึ้นพร้อมร่างเซียนวิเศษ แม้หลังกลับชาติมาเกิด จิตวิญญาณของนางก็ยังเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วแม้ในเวลาเพียงน้อยนิด”

คำกล่าวของหลิงหยุนเอ๋อ ยิ่งทำให้ฉินหยุนเกิดความกังวล

“จิตวิญญาณของนางเติบโตขึ้นด้วยอัตราบ้าคลั่งทุกชั่วขณะ นางขณะนี้อาศัยวิญญาณเทวะเก้าจันทราเพื่อสะกดจิตวิญญาณแกร่งกล้านั้นเอาไว้ นั่นถือเป็นการชะลอการเติบโตของนาง ไม่เช่นนั้น จิตวิญญาณนางจะตกอยู่ในสภาพอันตรายหากไม่มีร่างกายที่แข็งแกร่งพอรองรับ!”

ฉินหยุนไม่อาจแทรกแซงเรื่องราวนี้ได้แม้เพียงนิด ทำให้เขาได้แต่ถอนหายใจอย่างอับจนและกังวล

ร่างเซียนวิเศษของเซี่ยฉีโหรว ถูกผนึกเอาไว้ภายในหลุมฝังเซียน และจะหามันพบ ก็ต้องผ่านทางแผนที่หลุมฝังเซียน

หากเขาไม่อาจมีพลังเทียบเท่าขีดสุดขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณ เขาก็ไม่มีทางทำมันได้สำเร็จ

เป็นเขาไม่กล้าเสี่ยง เพราะหากเกิดอะไรกับตัวเขา ความหวังของเซี่ยฉีโหรวเท่ากับเลือนหาย

หลิงหยุนเอ๋อทำลายห้วงความคิดของฉินหยุนพร้อมกล่าว “เจ้าที่คิดช่วยเหลือเซี่ยฉีโหรว ย่อมเชื่องช้าลงได้บ้าง ขณะนี้ ระดับการฝึกฝนของเจ้ายังต่ำต้อย ดังนั้นพยายามให้ดีที่สุดเพื่อพัฒนาตนเองบนหนทางที่ถูกต้อง! จริงด้วย อย่าได้บอกต่อผู้อื่นเรื่องวิญญาณเต๋าของเจ้า ความเป็นจริงแล้ว วิญญาณเต๋าของผู้คนมักไม่มีการกล่าวถึงและถูกเก็บงำไว้อย่างลึกลับ”

ฉินหยุนพยักหน้ารับ จากนั้นจึงค่อยลืมตาขึ้นจากห้วงความนึกคิด

เมื่อครู่ ราวกับเขาหลับไป

“หรือจะเป็นเพียงความฝัน? หลิงหยุนเอ๋อไม่มีตัวตน? แต่เราได้ข้อมูลมามาก! หวังว่านางมารน้อยนั่นจะไม่อยู่ในจิตสำนึกของเราอีกนะ” ฉินหยุนพึมพำกับตนเอง

“ข้ายังอยู่ หึหึหึ... ข้าบอกเจ้าไปแล้วไม่ใช่หรือ เจ้าและข้าต้องอยู่ร่วมกันไปทั้งชีวิต” เสียงของหลิงหยุนเอ๋อดังขึ้นในจิตใจของฉินหยุน

ฉินหยุนถอนหายใจยาวออกจากใจ ก่อนจะมองทางเทียนรั่วเหลิงและเย่ว์อู่หลันที่อยู่ข้างกาย

อากาศเย็นเยือกลอยฟุ้งจากร่างของเทียนรั่วเหลิง ชุดสีดำของนางขณะนี้ปกคลุมด้วยชั้นน้ำแข็งสีขาวราวหิมะ

ทางด้านเย่ว์อู่หลัน ร่างกายของนางปรากฏแสงสีเงินศักดิ์สิทธิ์และบริสุทธิ์ประดุจดวงจันทรา เป็นนางงดงามอย่างยิ่ง

ชั่วขณะนี้ เสียงของหลิงหยุนเอ๋อดังขึ้นภายในใจอีกครั้ง “สองคนนี้เจ้าต้องการผู้ใด? หรือคิดอยากเก็บทั้งสองไว้พร้อมกัน?”

“นางมารน้อย อย่าได้ชี้นำความคิดแก่ข้า และข้าก็เป็นชายที่บริสุทธิ์ใจ!” ฉินหยุนอุทานร้องตอบกลับ

“ก็จริง... ไม่คล้ายว่าในจิตใจเจ้าจะมีอะไรสกปรกคงอยู่ นี่ถือเป็นเรื่องแปลก!” หลิงหยุนเอ๋อยิ้ม “ให้ข้าชี้ทางแก่เจ้า เจ้าจะได้เป็นผู้เป็นคนปกติ!”

“นางมารน้อย อย่าได้ยุ่งเรื่องราวข้าแล้ว!” ฉินหยุนตระหนกขณะคิดกังวล ว่าหลิงหยุนเอ๋อจะครอบงำเขาในสักวัน

ฉินหยุนเป็นคนแรกที่ตื่นขึ้น เย่ว์อู่หลันและเทียนรั่วเหลิงยังคงฝึกฝนกันอยู่

ค่ายอาคมใหญ่ยังคงดำเนินต่อไป ฉินหยุนฝึกฝนวิญญาณเต๋าได้สำเร็จ ดังนั้นจึงไม่มีการดูดกลืนพลังงานในส่วนของเขาจากค่ายอาคมอีก

กระนั้น วิญญาณเต๋าของเขาค่อนข้างอุกอาจ มันแทบทำเอาเขาเกิดอาการคลั่ง

“เจ้านาย เร่งรีบจูบนางเข้า! นี่ถือเป็นโอกาสอันดีที่จะได้กระทำ! ด้วยนางสภาพนี้ นางย่อมรับรู้ถึงโลกภายนอก หากนางยอมรับเจ้าจากใจ เช่นนั้นนางจะตอบสนองเจ้าเอง”

หลิงหยุนเอ๋อโพล่งกล่าวออกมา “หากนางไม่ยอมรับ ด้วยพื้นฐานความสัมพันธ์ที่มีร่วมกัน นางก็คงไม่พูดกล่าวอันใดให้เป็นการเสียน้ำใจ”

ฉินหยุนร้องโพล่งตอบ “นางมารน้อย ข้าขอเตือน อย่าได้ยุแยงให้ข้าทำเรื่องลามกเช่นนั้น! หากข้าฉินหยุนคิดอยากครอบครองหญิงสาว ข้าย่อมใช้วิธีการอย่างเปิดเผยและมีเกียรติ!”

“ข้าเป็นบุคคลจิตใจอันบริสุทธิ์ เหตุใดจึงฝึกฝนนางมารร้ายเช่นเจ้าขึ้นมาได้?”

ภายในใจของเขาร่ำร้อง แทบไม่อยากเชื่อว่าช่วงชีวิตตนที่ผ่านมาจะหล่อหลอมเป็นอีกฝ่าย

“หึหึหึ ย่อมต้องเกี่ยวข้องกับชาติภพก่อนของเจ้าหรือไม่ใช่?” หลิงหยุนเอ๋อหัวเราะน่ารักน่าชัง

ฉินหยุนคิดอยากดึงเจ้าตัวน้อยออกจากมิติมายา และหาอะไรอุดปากนางเสียเดี๋ยวนี้หากกระทำได้

กระนั้น มิติมายา เดิมก็เป็นที่สำหรับจินตภาพของเขาเอง จะเรียกว่ามันไม่มีความเป็นรูปธรรมก็คงได้

สำหรับเขามันเปรียบดังความฝัน เป็นสิ่งที่ไม่อาจนำออกสู่โลกภายนอก

“เจ้านายเร่งรีบกอดเย่ว์อู่หลันเอาไว้ นางต้องยินดีมากแน่!” หลิงหยุนเอ๋อยิ้มกว้าง “โอกาสดีเช่นนี้ อย่าปล่อยให้เสียของ!”

“พอได้แล้ว!” ฉินหยุนอดไม่ได้ที่จะหันมองทางเย่ว์อู่หลัน พบว่าอีกฝ่ายเผยความดึงดูดมากล้ำไม่น้อย

ขณะนี้เอง เทียนรั่วเหลิงค่อยลืมตาขึ้น พลังเยือกแข็งที่ร่างกายของนาง จึงเลือนหายไปอย่างรวดเร็ว

“พี่สาวใหญ่!” ฉินหยุนยิ้มกว้าง “ฝึกฝนวิญญาณเต๋าได้แล้วหรือ?”

“ใช่! หลังข้าฝึกฝนวิญญาณเต๋า ชีพจรวิญญาณของข้าคล้ายมีศักยภาพสูงขึ้น มันทำให้ข้ารับรู้ถึงพลังวิญญาณที่หนาแน่นยิ่งกว่าเดิม และปริมาณของพลังวิญญาณที่สามารถดูดกลืน มันก็มากขึ้นด้วยเช่นกัน หลังเข้าสู่ร่างกายข้า มันจึงกลายเป็นพลังวิญญาณที่เข้มข้น!”

“วิญญาณเต๋าจำเป็นต้องดูดกลืนพลังวิญญาณเพื่อเสริมพลังอย่างต่อเนื่อง”

“วิญญาณเต๋าที่แข็งแกร่ง หมายถึงพลังเต๋าที่ปลดปล่อยยิ่งแข็งแกร่ง”

เทียนรั่วเหลิงพยักหน้ารับต่อผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น พร้อมเผยรอยยิ้มยินดีออกมา

ฉินหยุนพบว่าแปลก เหตุใดนางทราบเรื่องราวพวกนี้หลังเลื่อนระดับ ทว่าเขากลับไม่?

หลังจากนั้น เย่ว์อู่หลันค่อยตื่นขึ้น นางเผยยิ้มหวานด้วยความสุขใจออกมา

“วิเศษนัก! พวกเราอีกเพียงก้าวก็เข้าถึงขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณแล้ว!” เย่ว์อู่หลันหัวเราะขณะสัมผัสใบหน้าของฉินหยุน

นางลูบอยู่พักหนึ่งจึงค่อยกล่าว “เสี่ยวหยุน ขอบคุณเจ้าแล้ว!”

“แม้ว่าหอโอสถมอบเม็ดยาลึกล้ำกระดูกวิญญาณแก่พวกเรา แต่สำหรับพวกเรา ก็ยังยากเกินกว่าจะฝึกฝนกระดูกวิญญาณ!” เทียนรั่วเหลิงกล่าว

เย่ว์อู่หลันถอนหายใจเบา “หากข้ามีเม็ดยาลึกล้ำกระดูกวิญญาณสักสิบเม็ด ข้าคงสามารถฝึกฝนกระดูกเต๋าวิญญาณได้สำเร็จ!”

ฉินหยุนเผยรอยยิ้ม “สิบเม็ดงั้นหรือ? เช่นนั้นก็ไปซื้อหาพวกมัน!”

“เม็ดยาลึกล้ำกระดูกวิญญาณเป็นสิ่งล้ำค่า น้อยครั้งจะถูกนำมาขายในตลาด” เย่ว์อู่หลันส่ายศีรษะ

นางทราบว่าฉินหยุนมีเหรียญม่วงมหาศาล แต่บางครั้ง ไม่ว่ามีเหรียญม่วงมหาศาลเพียงใด การคิดซื้อเม็ดยาลึกล้ำที่หายาก ก็ยังถือเป็นเรื่องยาก

“หากข้าเสนอหนึ่งร้อยล้านต่อเม็ด ก็ยังไม่อาจหาซื้อได้หรือ?” ฉินหยุนบุ้ยริมฝีปาก

“ทำอย่างนั้นไม่ได้! หากเป็นเม็ดยาลึกล้ำอื่นยังพอเป็นไปได้ ทว่าวัตถุดิบที่ใช้ขัดเกลาเม็ดยาลึกล้ำกระดูกวิญญาณ ทั้งหมดมีอายุเกินกว่าหนึ่งพันปี บางอย่างใช้เวลามากถึงสามพันปีเพื่อเติบโตขึ้นมา ทั้งหมดถือเป็นวัตถุดิบยากได้รับ มีแต่สำนักเซียนจึงมีโอกาสค้นหาสิ่งเหล่านั้นมาครอง” เทียนรั่วเหลิงกล่าวตอบ

ฉินหยุนไม่เคยคิด ว่าเม็ดยาเหล่านั้นล้ำค่ามากมายเพียงนี้ พวกมันราคาสมควรเทียบเท่าอุปกรณ์ลึกล้ำหรืออุปกรณ์เต๋า เป็นเขาคิดเช่นนั้น

“หากพวกเราไม่มีเม็ดยาลึกล้ำกระดูกวิญญาณ พวกเราจะไม่อาจฝึกฝนกระดูกวิญญาณได้อย่างนั้นหรือ?” ฉินหยุนคิ้วขมวดเอ่ยถาม

“เม็ดยาลึกล้ำกระดูกวิญญาณ สามารถช่วยให้ผู้ที่กิน สามารถฝึกฝนกระดูกวิญญาณได้อย่างรวดเร็ว หากไม่แล้ว ก็จำเป็นต้องใช้ระยะเวลาที่ยาวนาน!” เย่ว์อู่หลันกล่าวขึ้น “มันอาจต้องใช้เวลาหลายสิบปี หรืออาจกระทั่งร้อยปีก่อนที่คนผู้หนึ่งจะสามารถฝึกฝนกระดูกวิญญาณได้”

เทียนรั่วเหลิงกล่าวตอบ “ความได้เปรียบของสำนักเซียนและห้าสำนักดวงดาว คือพวกเขาครอบครองยาหายากนานาชนิด ตราบเท่าที่พวกเราได้เข้าร่วม พวกเราย่อมได้รับมัน หากมีพรสวรรค์เหนือล้ำ เช่นนั้นย่อมสามารถก้าวทะยานอย่างล้นพ้นในสำนักเหล่านั้นได้!”

“ออกไปกันก่อนดีกว่า!” เย่ว์อู่หลันกล่าว

ฉินหยุนและคณะ ขณะนี้ค่อยเดินออกจากหอคอย กลับสู่สถาบันฟานเต๋า

พวกเขาอยู่ภายในหอคอยเพียงไม่กี่วันเท่านั้น

ในช่วงหลายวันที่ผ่านพ้น ก็เกิดเรื่องขึ้น

บุคคลจากสำนักดาบดวงดาวมาเยือน พวกเขาคิดต้องการให้ฉินหยุนปล่อยตัวหยางหยานชิง อย่างไรแล้ว อีกฝ่ายก็เป็นถึงยอดยุทธ์ขอบเขตวรยุทธ์ลึกล้ำ ดังนั้นย่อมมีความสำคัญต่อตัวสำนัก

และขณะนี้ ก็มีกลุ่มคนจากตระกูลหยางมาเช่นเดียวกัน

กระนั้น พวกเขาทั้งหมดถูกส่งแขกโดยเจี้ยนหลาง

หอขุนเขาดาบกระบี่ค่อนข้างมั่นใจ แม้ว่าเป็นห้าสำนักดวงดาวเช่นสำนักดาบดวงดาว ก็ยังไม่กล้ายั่วยุพวกเขาโดยง่าย

นอกจากคนของสำนักดาบดวงดาวและตระกูลหยาง ยังคงมีแขกอีกคนจากตำหนักจารึกเทวะ

ตราบเท่าที่คนของตำหนักจารึกเทวะไม่อหังการอวดดี หอขุนเขาดาบกระบี่ย่อมมีมารยาท ให้การต้อนรับขับสู้

บุคคลนี้เป็นอาจารย์จารึกลึกล้ำ ทั้งยังมีรูปร่างอ้วนท้วน อีกฝ่ายไม่กล่าวนามของตน เพียงบอกว่าต้องการพบฉินหยุน

เมื่อฉินหยุนได้ยินดังนี้ เขาจึงทราบว่าอีกฝ่ายเป็นมู่เฟิง!

มู่เฟิงได้ช่วยเหลือหลายผู้คนจากประตูลึกล้ำเก้าสมบูรณ์ให้อพยพ ฉินหยุนคิดอยากขอบคุณอีกฝ่ายมาโดยตลอด

โดยทันที ฉินหยุนทำการเชื้อเชิญมู่เฟิงมายังสถาบันฟานเต๋า!

เซียงเต๋าและเจี้ยนหลาง ทั้งสองย่อมให้ความเคารพแด่มู่เฟิง เพราะอีกฝ่ายคืออาจารย์จารึกลึกล้ำ

พวกเขายังคงสงสัย ว่าฉินหยุนรู้จักอีกฝ่ายได้อย่างไร

ฉินหยุนเชิญมู่เฟิงเข้าสู่ห้องลับ

วันนี้ มู่เฟิงเพียงสวมใส่ชุดคลุมสีขาว เผยรอยยิ้มกว้างที่ใบหน้า

“ฉินหยุน สิ่งที่เจ้าทำมักไม่เคยเงียบสงบเลยนะ!” มู่เฟิงหัวเราะร่วนขณะจิบชา

“เรื่องนี้ข้าไม่อาจฝืนต้าน เป็นข้ามีหลายสิ่งอย่างในครอบครอง บางครั้งเมื่อข้าขาดความระวังและเปิดเผยออก ย่อมเป็นปกติที่จะกลายเป็นที่สนใจ!”

“เหล่ามู่ ท่านมาพบข้าทำไมกันหรือ?”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด