ตอนที่แล้วเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0529 [อ่านฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0531 [อ่านฟรี]

เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0530 [อ่านฟรี]


ตอนที่ 530 : เบิกวิญญาณ

ฉินหยุนเร่งรีบเก็บค้อนเทวะเก้าตะวัน เป็นเขาถูกบีบบังคับให้ต้องเผยค้อนนี้ออกมา และเขาไม่ต้องการให้ผู้อื่นพบเห็นจนนานเกินไป เขาจำเป็นต้องเก็บเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ผู้อื่นพบเจอความจริง

ฝีเท้าก้าวเดินออก เขาคว้าเส้นผมจั๋วอี้ซงเอาไว้ ทำให้อีกฝ่ายต้องคุกเข่าต่อเทียนรั่วเหลิง

“โขกหัวยอมรับความผิดของเจ้าต่อพี่สาวใหญ่ข้า!” ฉินหยุนจิกเส้นผมจั๋วอี้ซงเอาไว้ พร้อมทั้งดันหัวอีกฝ่ายกระทบพื้นอย่างรุนแรง

ตึง ตึง ตึง ตึง!

ฉินหยุนบีบบังคับให้จั๋วอี้ซงต้องโขกหัวคำนับ ด้วยสภาพคุกเข่า หัวต้องโขกหลายต่อหลายครั้ง ทำหน้าหน้าผากแตกเกิดเป็นแผลเลือดไหลหลั่ง

หยางหยานชิงมีโทสะล้นพ้น ตัวเขาขณะนี้ได้แต่รับชมอยู่ที่ภายนอกค่ายอาคม

พลังสายฟ้ารุนแรงสุมอัด ก่อนจะฟาดฟันพวกมันเข้าใส่ฉินหยุน ผู้ซึ่งอยู่ในม่านพลัง ทว่า พวกมันถูกเซียงเต๋าสกัดขัดขวางไว้ได้ทั้งหมด

“หยางหยานชิง เป็นตัวเจ้า! ที่กล่าวว่านี่คือศึกชี้เป็นตาย!” เจี้ยนหลางหัวเราะเสียงดัง “มองดูสภาพตัวเจ้า ช่างน่าอับอายนัก!”

“ฉินหยุน หากเจ้ากล้าสังหารศิษย์ข้า ข้าจะสังหารเจ้าโดยไม่สนว่าอะไรเป็นอะไร!”

หยางหยานชิงคำราม สายตาจ้องมองทางเทียนรั่วเหลิงและเย่ว์อู่หลัน “และนางสองตัวนั่น ข้าจะฉีกพวกมันออกเป็นชิ้น!”

ฉินหยุนพอได้ยิน เขายิ่งมีโทสะ!

ที่พื้น จั๋วอี้ซงที่บาดเจ็บหนัก กำลังยิ้มอย่างโฉดชั่วพร้อมกล่าว “ฉินหยุน จุดอ่อนเจ้าคืออารมณ์! อาจารย์ข้าบอกคิดสังหารนางสองตัวนั่น และเป็นเจ้าที่ลังเล ฮ่าฮ่าฮ่า!”

“บัดซบ! ข้าหาได้คิดสังหารเจ้าไม่! แต่เป็นอาจารย์เจ้าที่บอกก่อนหน้านี้ ว่าค่ายอาคมจะถูกถอนก็ต่อเมื่อมีคนหนึ่งตาย!”

“หากมันไม่อาจทำลายค่ายอาคมเข้ามา ข้าจะออกไปได้อย่างไร? ดังนั้นจะมีแต่เจ้าและข้าในม่านพลังนี้ และเป็นเจ้าที่ต้องตาย!”

“จงกล่าวโทษอาจารย์เจ้า ที่ยกอ้างศึกชี้เป็นตายเพื่อสังหารตัวเจ้า!”

ฉินหยุนกล่าวคำจบ เขาจึงใช้ฝ่ามือ ปลดปล่อยการโจมตีรุนแรงใส่หัวของจั๋วอี้ซง!

เปลวเพลิงรุนแรงลุกท่วม คลื่นกระแทกไหลหลั่ง แปรเปลี่ยนร่างของจั๋วอี้ซงเป็นเถ้าธุลี

จั๋วอี้ซงสิ้นชีพแล้ว!

ผู้ถูกเรียกขาน เป็นขอบเขตวรยุทธ์เต๋าอันดับหนึ่งแห่งสำนักดาบดวงดาว ถูกสังหารอย่างสิ้นซาก!

พร้อมกันนี้ เซียงเต๋า เต๋าฟาน และผู้อาวุโสมิตรสหายของเซียงเต๋า จึงเร่งรีบเข้าคุ้มกันเทียนรั่วเหลิงและเย่ว์อู่หลัน

เจี้ยนหลางเผยสีหน้าสงบลงเมื่อได้เห็นจั๋วอี้ซงสิ้นชีพ!

สำหรับผู้อื่น พวกเขาแตกตื่น ปากต้องอ้าค้าง จนแทบไม่สามารถกล่าวคำใดออกมาได้!

การกระทำของฉินหยุนนี้ ไม่เพียงแต่ยั่วยุตระกูลหยาง แต่เขายังยั่วยุต่อสำนักดาบดวงดาว!

“ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าที่แข็งแกร่งที่สุดของสถาบันดาบดวงดาว ขณะนี้พ่ายแพ้ต่อศิษย์ของหอดาบกระบี่แห่งเรา!” คำกล่าวของเซียงเต๋า เป็นการปลุกให้คนของหอขุนเขาดาบกระบี่ตื่นจากห้วงภวังค์

“นี่หมายความถึง หอขุนเขาดาบกระบี่ของพวกเรา ขณะนี้สามารถยืนเคียงบ่าเคียงไหล่กับห้าสำนักดวงดาวอย่างนั้นสิ?” เจี้ยนหลางยิ้มออก

จั๋วอี้ซงถูกสังหาร ทว่าหยางหยานชิงกลับสงบลง

หยางหยานชิงมองทางฉินหยุน น้ำเสียงเย็นเยือกกล่าวออก “เจี้ยนหลาง คราวนี้เจ้าถอนม่านพลังได้หรือยัง?”

เจี้ยนหลางได้เห็นฉินหยุนพยักหน้ารับ เขาจึงปิดค่ายอาคม

ทันทีเมื่อค่ายอาคมเลือนหาย จิตสังหารหนาแน่นจึงล้นทะลักออกจากร่างของหยางหยานชิง!

ในพริบตา สายฟ้าและอสนีบาตวาบผ่านในท้องฟ้า มวลเมฆสีดำเข้าปกคลุม นี่ราวกับวันสิ้นโลกมาถึง!

เจี้ยนหลางเร่งรีบอัญเชิญดาบต้นกำเนิดพุ่งทะยานออก!

“หายไปซะ!” หยางหยานชิงที่โทสะสุมแน่น เขาปลดปล่อยคลื่นลมพัดพาเจี้ยนหลางปลิวหาย

หยางหยานชิงเป็นยอดยุทธ์ขอบเขตวรยุทธ์ลึกล้ำ ชั่วขณะนี้ เป็นเขามีโทสะล้นพ้น ร่างกายพร้อมเผยพลังสุดขีดออกมา

ด้วยเสียงคำรามดัง เขาปลดปล่อยคลื่นลม ส่งร่างเจี้ยนหลางกระเด็นไกลหลายลี้!

“ฉินหยุน หนี!” เจี้ยนหลางคำรามจากที่ไกลออกไป

“ฉินหยุน เจ้าไม่อาจหนีพ้น จงเป็นเถ้าธุลีให้แก่ข้า!”

หยางหยานชิงคำรามดังจนพื้นโลกแทบสั่นสะเทือน สายฟ้าอสนีบาตนับไม่ถ้วนฟาดฟันลงมาไม่หยุดยั้ง

ฉินหยุนมองทางหยางหยานชิงที่พุ่งทะยานร่างเข้าหา เขาตระหนักไว้อยู่ก่อนแล้ว

ในช่วงเวลานี้ เขาเร่งรีบนำเอาหม้อราชสีห์สวรรค์สะกดมังกรออกมา และขยายขนาดของมันออก!

หม้อราชสีห์สวรรค์สะกดมังกรบินทะยานไปพร้อมฉินหยุน มันที่ขยายขนาดใหญ่ยักษ์ ขณะนี้เข้าปกคลุมร่างหยางหยานชิงไว้จนมิด

ถัดจากนั้น ฉินหยุนจึงควบคุมหม้อราชสีห์สวรรค์สะกดมังกรให้หดขนาด และเร่งรีบปิดฝามัน ก่อนจะเก็บหม้อใบเล็กหายวับ

เพราะสายฟ้าฟาดลงมามหาศาลเมื่อครู่ ผู้คนแทบดวงตามืดบอด หลายคนไม่อาจได้เห็นชัดว่าหม้อนั่นคืออะไรกันแน่

เมื่อเจี้ยนหลางบินกลับมา เขาจึงได้พบ ว่าทุกอย่างกลับคืนสู่ความสงบ ดวงตาทั้งสองเบิกออกกว้างด้วยความตื่นตะลึง

“จ้าวหอดาบ การบุกโจมตีสถาบันดาบแห่งปัญญาของพวกเรา ผลลัพธ์คือชนะใช่หรือไม่ขอรับ?” ฉินหยุนเอ่ยถามต่อเจี้ยนหลางที่ร่างนิ่งค้างกลางอากาศ ราวกับเมื่อครู่ไม่เคยเกิดเรื่องอันใดขึ้น

เมื่อครู่นี้ อาจารย์ยุทธ์ของสำนักดาบดวงดาบ ได้ทะยานร่างเข้าใส่ฉินหยุน ทว่า เป็นเซียงเต๋าที่ตัดแขนอีกฝ่ายรั้งเอาไว้!

“เศษสวะสำนักดาบดวงดาว อย่าได้คิดแตะต้องศิษย์หอกระบี่ข้า จงไสหัวไปให้พ้น!”

เขาเองก็ตื่นตะลึง คล้ายกับเขาทราบ ว่าสิ่งที่ฉินหยุนปลดปล่อยออกมาเมื่อครู่คืออะไร

เทียนรั่วเหลิงและเย่ว์อู่หลัน ทั้งสองต่างทราบ ว่ามันเป็นเตาหลอมที่ฉินหยุนใช้เพื่อหลอมวัสดุ

พวกนางไม่คาดคิด ว่าหม้อดังกล่าวจะแกร่งกล้า ขนาดสามารถกักขังขอบเขตวรยุทธ์ลึกล้ำเอาไว้ภายใน

“คนของหอขุนเขาดาบกระบี่ล้วนเป็นบ้ากันไปหมดแล้วหรือไร? ไม่คิดต้องการให้ศิษย์พวกเจ้าเข้าร่วมสำนักดาบดวงดาวแล้วอย่างนั้นหรือ?” อาจารย์ยุทธ์ของสำนักดาบดวงดาว ขณะนี้คำรามเกรี้ยวกราดพลางเข้าไปเก็บแขนตนเองขึ้นมา

“สำนักดาบดวงดาวงั้นหรือ? เหอะ! หอขุนเขาดาบกระบี่ของพวกเรา กำลังจะก้าวทะยานขึ้นเป็นสำนักที่แกร่งกล้ายิ่งกว่าห้าสำนักดวงดาว!”

“จงกลับไปบอกจ้าวสำนักของสำนักดาบดวงดาว ว่าพวกเราจัดการศิษย์ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าที่แข็งแกร่งที่สุดของพวกเจ้าไปแล้ว!” เซียงเต๋าแค่นเสียง

หอขุนเขาดาบกระบี่ มักถูกมองเป็นสำนักชั้นรองมาโดยตลอด ขณะนี้ ถือเป็นโอกาสหาได้ยาก ที่พวกเขาจะได้สำแดงพลังอำนาจ พวกเขาย่อมต้องคว้าโอกาสนี้เอาไว้

หากถึงเวลาจำเป็น ผู้คนของหอขุนเขาดาบกระบี่ ที่กระจายตัวไปยังสำนักดวงดาวและสำนักเซียน จะกลับมารวมตัวเพื่อคุ้มกันสำนักอย่างรวดเร็ว

ขอบเขตวรยุทธ์ลึกล้ำ และราชันยุทธ์ของหอขุนเขาดาบกระบี่ ต่างกระจายตัวกันออกไปฝึกฝนในห้าสำนักดวงดาว และห้าสำนักเซียน

หากจำเป็น พวกเขาเหล่านั้นจะส่งศิษย์ของตนเองมาเพื่อคุ้มกันสำนักหลัก!

คนทั้งสามซึ่งถูกส่งมาจากสำนักดาบดวงดาว มีเพียงผู้เดียวที่สามารถรอดชีวิตกลับไป

ฉินหยุนมองทางเจี้ยนหมางและกล่าว “ในศึกบุกโจมตี ถือว่าสถาบันฟานเต๋าพ่ายแพ้ก็แล้วกัน!”

เจี้ยนหมางเป็นคนของตระกูลเจี้ยน ก่อนหน้านี้ เจี้ยนหลางนับว่าช่วยเหลือฉินหยุนเอาไว้ เพราะเหตุนั้น ฉินหยุนจึงยินดีส่งต่อให้แก่ผู้เยาว์ของเจี้ยนหลาง อย่างไรแล้ว เขาก็เสียเพียงแค่สองแต้ม

หยางมู่เทียนและหลงอวี้เฉิน ขณะนี้ถูกนำตัวกลับไปพักฟื้น

เหตุการณ์ครั้งใหญ่เกิดขึ้นต่อหอขุนเขาดาบกระบี่ เป็นปกติที่จะเกิดความอึกทึกตามหลัง

ผ่านการหารือระหว่างเซียงเต๋าและเจี้ยนหลาง พวกเขาตัดสินใจผนึกการเข้าออกหอขุนเขาดาบกระบี่เป็นการชั่วคราว

หากพวกเขาสองคนร่วมมือกัน คิดควบคุมเบื้องบนของหอขุนเขาดาบกระบี่ชั่วคราว ถือว่าสามารถทำได้

หอโอสถและหอจารึก ทั้งสองเป็นฝ่ายบุ๋น ในหอขุนเขาดาบกระบี่ผู้ใดแข็งแกร่งกว่า พวกเขาย่อมยินดีทำตาม

หออาวุโสยังมีผู้อาวุโสอีกหลายคน ผู้อาวุโสเหล่านี้ต่างมาจากตระกูลหลงและตระกูลหยาง พวกเขาย่อมไม่คิดฟังคำของเจี้ยนหลางและเซียงเต๋า แต่ก็ยังต้องสงวนท่าที

เมื่อหอขุนเขาดาบกระบี่ถูกปิดผนึก จะไม่มีผู้ใดสามารถเข้าหรือออก!

นี่ก็เพื่อเป็นหลักประกัน ว่าการแข่งขันรอบต่อไปจะดำเนินไปได้อย่างราบลื่น

ผู้อาวุโสตระกูลหลงและตระกูลหยาง ต้องการนำตัวหลงอู่เฉินและหยางมู่เทียน กลับไปพักฟื้นที่ตระกูลสาขา พวกเขายืนกรานที่จะออกจากเมือง

เจี้ยนหลางและเซียงเต๋า ไม่อาจห้ามพวกเขาไว้ได้

นี่เป็นเพราะ คนของตระกูลหลงและตระกูลหยางเตรียมใจไว้ก่อนแล้ว ว่าเมื่อใดออกไป พวกเขาจะต้องสูญเสียอำนาจในหอขุนเขาดาบกระบี่โดยสมบูรณ์

ครั้งนี้ พวกเขาตัดสินใจไปจากหอขุนเขาดาบกระบี่อย่างถาวร

ผลลัพธ์ที่ได้ ทั่วทั้งหอขุนเขาดาบกระบี่เห็นพ้องต้องกัน!

เจี้ยนหลางลงมือทำลายประกาศค่าหัวของตระกูลหลงและตระกูลหยางโดยทันที

เพื่อเอาชนะใจผู้คน เจี้ยนหลางและเซียงเต๋า กระทั่งเปลี่ยนกฎเกณฑ์ ในการแข่งขันบุกโจมตีและตั้งรับ ตราบเท่าที่เข้าเป็นหนึ่งในห้าสิบอันดับแรก ก็ไม่จำเป็นต้องไปขุดเหมืองแต่อย่างใด

เดิมพวกเขากำหนดเอาไว้ที่หนึ่งในยี่สิบอันดับแรก

หนึ่งเดือนให้หลัง การแข่งขันสิ้นสุด!

สถาบันฟานเต๋า ได้รับอันดับหนึ่งไปอย่างไร้ข้อกังขา!

ได้รับอันดับหนึ่งในการแข่งขันดาบกระบี่บุกโจมตีและตั้งรับ ย่อมได้รับรางวัลจากหอทั้งห้า

รางวัลจากหอกระบี่ เป็นเคล็ดวิชาลึกลับทลายจันทรา ทางด้านหอดาบ พวกเขามอบคนละหนึ่งร้อยล้านเหรียญม่วงแก่ฉินหยุน เทียนรั่วเหลิง และเย่ว์อู่หลัน

รางวัลจากหอโอสถ เป็นเม็ดยากระดูกลึกล้ำสามเม็ด และรางวัลจากหอจารึก เป็นยันต์ลึกล้ำอสนีบาต

ทางด้านหออาวุโส พวกเขาร่วมมือกัน เปิดการทำงานค่ายอาคมวิญญาณเต๋า อนุญาตให้ฉินหยุนและคณะ ได้เข้าไปเพื่อฝึกฝนวิญญาณเต๋า

หลังจากก้าวถึงขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เก้า สิ่งหนึ่งที่ต้องเริ่ม คือการฝึกฝนวิญญาณเต๋า

ตราบเท่าที่ฝึกฝนวิญญาณเต๋า พวกเขาจะก้าวถึงขีดสุดของขอบเขตวรยุทธ์เต๋า อยู่ครึ่งก้าวระหว่างไปยังขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณ

ยกตัวอย่าง ฉินหยุน เทียนรั่วเหลิง และเย่ว์อู่หลันเพิ่งก้าวสู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เก้า

พวกเขายังไม่ทราบว่าควรฝึกฝนวิญญาณเต๋าอย่างไรดี

ในตอนนี้ หากมีอะไรมาชี้นำพวกเขาให้เบิกวิญญาณออก พวกเขาจะสามารถฝึกฝนวิญญาณเต๋าได้อย่างรวดเร็ว และก้าวไปยังจุดสูงสุดของขอบเขตวรยุทธ์เต๋า

จากหอทั้งห้า รางวัลจากหอกระบี่และหออาวุโส ถือว่าดีเลิศที่สุด

เคล็ดวิชาลึกลับของหอกระบี่ เป็นสิ่งที่ยากได้รับอย่างยิ่ง ฉินหยุนคิดอยากฝึกฝนพวกมันมาเนิ่นนานแล้ว

และเมื่อหออาวุโสเปิดค่ายอาคมวิญญาณเต๋า เพื่อชี้นำให้พวกเขาเบิกวิญญาณ นั่นก็ถือเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ล้ำค่าอย่างยิ่ง

ค่ายอาคมวิญญาณเต๋า อยู่ที่ชั้นเจ็ดสูงสุดของหอคอยเจ็ดชั้นทางตะวันออกของหอขุนเขาดาบกระบี่

ฉินหยุน เย่ว์อู่หลัน และเทียนรั่วเหลิง ใช้เวลาพักผ่อนกันสองวันเต็ม เมื่อพักฟื้นกันเรียบร้อย พวกเขาค่อยไปยังยอดของหอคอยเจ็ดชั้น

เซียงเต๋าและเจี้ยนหลาง ขณะนี้มาถึงที่ด้านล่างของหอคอยเจ็ดชั้น

หลังเปิดค่ายอาคมวิญญาณเต๋า มันจะทำงานอย่างต่อเนื่องถึงเก้าวันเต็ม

หากค่ายอาคมใหญ่นี้ทำงานครั้งหนึ่ง มันจำเป็นต้องใช้เวลาพักฟื้นถึงหลายเดือน หรืออาจกระทั่งนานนับปี จนกว่าจะสามารถพร้อมใช้งานอีกครั้งหนึ่ง

หลังจากทำงานไปครั้งหนึ่ง อักขระของค่ายอาคมจะยิ่งเสียหาย

“พี่สาวใหญ่ พี่สาวรอง อะไรคือการเบิกวิญญาณ?” ฉินหยุนเพียงได้ยินจากหยางฉีเย่ว์บอกโดยคร่าว เขาไม่ทราบข้อบ่งชี้ที่แน่ชัด

“วิญญาณเต๋าเป็นแหล่งกำเนิดวิญญาณทั้งหมด หลังจากพวกเราฝึกฝนวิญญาณเต๋า พวกเราจะสามารถฝึกฝนวิญญาณเทวะอื่นได้” เย่ว์อู่หลันหัวเราะเบา สีหน้าของนางเผยความงดงามและยั่วยวนเย้าเสน่ห์

เทียนรั่วเหลิงกล่าวเสริม “หลังจากฝึกฝนวิญญาณเต๋า พวกเราจะเข้าสู่จุดสูงสุดของขอบเขตวรยุทธ์เต๋า! หลังจากนั้นตราบเท่าที่สร้างกระดูกวิญญาณขึ้นมาได้ เมื่อนั้นจะถือเป็นการก้าวเข้าสู่ขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณ!”

“กระดูกวิญญาณ?” ฉินหยุนเผยสีหน้าสงสัยออกมาอีกครั้งหนึ่ง

“ข้าไม่ทราบแน่ชัด โดยสรุปแล้ว วิญญาณเต๋าเหล่านี้ลึกลับอย่างยิ่ง อาจารย์ยุทธ์ขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณ ตามปกติจะไม่เปิดเผยพวกมันออกมา!” เทียนรั่วเหลิงกล่าว “เมื่อพวกเราฝึกฝนถึงขั้นวิญญาณเต๋า พวกเราจะทราบเองอย่างกระจ่างชัด ถึงตอนนั้น ค่อยสอบถามผู้อาวุโสฟานเพิ่มเติมยังไม่สาย!”

ค่ายอาคมวิญญาณเต๋าเริ่มการทำงานแล้ว!

หลังเริ่มต้นการทำงาน ฉินหยุนรับรู้ถึงพลังงานเก้าตะวันอัดแน่นอยู่ภายในตัวค่ายอาคม

ขณะนี้ค่ายอาคมวิญญาณ กำลังปลดปล่อยพลังงานชนิดพิเศษ เพื่อชักนำพลังวิญญาณเก้าตะวันสู่ร่างกายพวกเขา สู่วิญญาณของพวกเขา ทั้งยังเป็นไปด้วยความเร็วยิ่งยวด!

เพียงไม่นาน ฉินหยุนรับรู้ได้ ว่าวิญญาณของตนเองกำลังอาบไล้ด้วยพลังงานเก้าตะวัน

ราวกับเขาได้แช่กายในน้ำพุร้อนเก้าสีสัน มันให้ความรู้สึกสบายเป็นอย่างยิ่ง

เทียนรั่วเหลิงและเย่ว์อู่หลัน มีห้าและหกชีพจรวิญญาณตามลำดับ ด้วยเหตุนี้ พวกนางจึงไม่อาจเห็นเมฆมากสีสันดังเช่นฉินหยุน

ฉินหยุนขณะนี้ปล่อยตัวตามสบาย เขาเริ่มจินตนาการถึงห้วงอวกาศขณะลอยล่อง

แต่แล้วอย่างกะทันหัน ห้วงอากาศเหนืออวกาศจินตนาการ ฉับพลันมันบังเกิดดวงตะวันสีดำปรากฏ

ดวงตะวันสีดำดังกล่าว ขณะนี้กำลังดูดกลืนเมฆเก้าสีสันเหล่านั้นราวหิวกระหายคลุ้มคลั่ง!

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด