ตอนที่แล้วSM:บทที่ 6 คุณหนูซี และสงครามครั้งแรก
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปSM:บทที่ 8 กระบวนเดียว

SM:บทที่ 7 สังหาร! และกระบวนการต่อสู้


SM:บทที่ 7 สังหาร! และกระบวนการต่อสู้

“กลิ่นเลือดนี่มันช่างสุดยอดไปเลย” หมาป่าเลือดจ้องมองเหยื่อตรงหน้า ปากของเขาอ้ากว้าง เผยให้เห็นฟันแวววาว พร้อมกับแลบลิ้นออกมาอย่างน่ารังเกียจ

เซี่ยเย่ไม่สะทกสะท้านใด ๆ หลังเผชิญกับภาพลวงตาของกองทัพมาแล้ว ความกลัวในใจของเขาก็ลดลงไปหลายส่วน และเขาก็ไม่หวาดกลัวหากต้องพรากชีวิตมนุษย์คนหนึ่งด้วยมือของตัวเอง

“ไอ้หนุ่ม ไม่มีประโยชน์หรอกที่จะทำเป็นสงบ สิ่งที่ฉันชอบมากที่สุดคือฉีกร่างของศัตรูเป็นชิ้น ๆ เสียงร้องของพวกเขาเป็นดนตรีที่่ไพเราะที่สุดในโลกเลย” หมาป่าเลือดมองเซี่ยเย่ที่มีท่าทีเฉยเมย และเขาก็พลันย่างสามขุมเข้ามาราวกับหมาป่าผู้เย็นชา

การต่อสู้มีหลายวิธี แม้กระทั่งด้วยกระบี่ ดาบ หรือไร้อาวุธ บางทีก็เริ่มใช้วิธีการอย่างสัตว์ป่า วิธีการต่อสู้ของหมาป่าเลือดนั้นดูราาวกับหมาป่า มันเป็นวิธีการโจมตีที่บ้าเลือดและโหดร้าย นั่นก็คือการตะครุบและกัด

“เริ่มการต่อสู้ได้!”

สิ้นคำสั่งของโฆษก ทั้งสังเวียนก็เกิดเสียงลุกฮือขึ้นระลอกใหม่ ในเสียงตะโกนนั้น ชายหนุ่มที่ดูราวกับหมาป่าก็ได้พุ่งตัวเข้าหาเซี่ยเย่

“โฮกกก”

มือทั้งคู่ของหมาป่าเลือดดูราวกับกรงเล็บพุ่งเข้าที่ศีรษะของเซี่ยเย่

เห็นว่าหมาป่าเลือดจะทลายศีรษะของเซี่ยเย่ ทุกคนในสังเวียนก็เหมือนจะเห็นภาพสมองระเบิดกระจาย

ในตอนนี้เงาของเซี่ยเย่ก็สว่างวาบขึ้น จนหมาป่าเลือดคว้าไว้ได้เพียงภาพเงา โดยที่ตัวคนอยู่กลางอากาศ หมาป่าเลือดอยู่ห่างไปแค่เล็กน้อย รู้สึกได้เพียงลมกรรโชกแรงพัดวูบ ก่อนที่ร่างของเขาจะบิดตัวเตะมาจากเบื้องหลัง

ปั้งงง...หมัดและเท้าปะทะกัน ทำให้คนทั้งคู่กระเด็นกลับ แรงปะทะในครั้งนี้ทำให้เสียงตะโกนของทุกคนดังกระหึ่่ม

แม้จะไม่ได้เห็นความตายของเซี่ยเย่ ความยอดเยี่ยมของการต่อสู้ก็ทำให้เหล่าบรรดาผู้ร่ำรวยทั้งหลายตื่นเต้นและร้องตะโกนดังมากขึ้น

หลังการปะทะหนึ่งครั้ง เซี่ยเย่กับหมาป่าเลือดก็โถมเข้าใส่กันอีกครั้ง วิชาเก้าดาราของเซี่ยเย่ถูกปล่อยออกมาเต็มพิกัด ทิ้งไว้เพียงภาพลวงตาแห่งเต๋า

หมาป่าเลือดก็มีฝีมือไม่แพ้กัน แม้ความเร็วของเขาจะไม่เร็วเท่าเซี่ยเย่ แต่สัญชาตญานสัตว์ป่าก็ทำให้เขาสามารถสกัดการโจมตีของเซี่ยเย่ได้

“กรงเล็บหมาป่ากระหายเลือด!”

ภายใต้การโจมตีเป็นเวลานาน หมาป่าเลือดก็ได้มีอาการบ้าคลั่ง เขากุมมือทั้งคู่วางบนอก ทิ้งรอยเลือดไว้ มือทั้งคู่ของเขาพลันสะบัดไปที่เซี่ยเย่ และเลือดบนมือของเขาก็เปลี่ยนเป็นใบมีดด้วยอำนาจของพลังยุทธ์พุ่งตรงไปที่เซี่ยเย่

เป็นครั้งแรกที่ได้เผชิญกับการโจมตีน่าประหลาด เซี่ยเย่ก็อึ้งค้างไปเล็กน้อย เเม้เขาจะใช้วิชาเก้าดารามันก็ยังมีรอยบาดอยู่บนอกจนทิ้งรอยเลือดไว้

“ตายซะ!” หมาป่าเลือดซัดหมัดใส่เขาในกระบวนเดียวอีกครั้ง และกรงเล็บทั้งสองที่ฉายแสงสีเลือดก็ตะครุบแผ่นอกของเซี่ยเย่ที่ได้รับบาดเจ็บ

“กระบวนโจมตีเก้าดารา!”

ในครั้งนี้ ร่างของเซี่ยเย่เปลี่ยนเป็นภาพเงา แต่มันก็มีการโจมตีหลังจากนั้น ภายใต้อิทธิพลของวิชาเก้าดารา พลังของมันก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเป็นสองเท่า และหมัดหนึ่งก็ซัดตรงไปที่กรงเล็บสีเลือดของหมาป่าเลือด

กร๊อบบ...เสียงกระดูกหักดังขึ้น มือทั้งคู่ของหมาป่าเลือดที่ฉีกทึ้งร่างของศัตรูมานับไม่ถ้วนก็ถูกทำลายราบคาบ

หมาป่าเลือดไม่มีเวลาจะส่งเสียงร้อง เขาเห็นฝ่ามือของเซี่ยเย่ฟาดออกมาและคว้าศีรษะของหมาป่าเลือดชูขึ้นสูง

หมาป่าเลือดดิ้นรน แต่เขาสูญเสียพลังสำรองไปจนหมดเมื่อมือของเขาถูกทำลาย เขาทำได้เพียงดิ้นรนอย่างบ้าคลั่งเหมือนเคย

“ฆ่า ๆๆ….” ทันใดนั้นทุกคนที่เห็นภาพนี้ก็ตะโกนขึ้นเป็นเสียงเดียว ฟังดูราวกับเสียงคำรามจากขุมนรก เป็นภาพที่ครั้งหนึ่งที่หมาป่าเลือดรู้สึกชื่นชอบมันอย่างมาก แต่ตอนนี้ที่กลายเป็นตัวเขาเองตกในสภาพนี้ เขาก็ไม่เหลือความโหดร้ายใด ๆ และร้องตะโกนในที่สุด “ได้โปรด ปล่อยฉันไปเถอะ”

ดวงตาของเซี่ยเย่ฉายแววเย็นชา ดูเหมือนไม่ได้ยินเสียงตะโกนก้องจากภาพรอบด้านหรือเสียงร้องของหมาป่าเลือด ในสังเวียนอันชั่วร้ายนี้ไม่มีคำว่าถูกหรือผิด มีเพียงความเป็นกับความตาย มีเพียงเซี่ยเย่เท่านั้นที่ไม่มีตัวช่วยใด ๆ เลยในมือ และเขาก็พยายามอย่างเป็นที่สุดแล้ว

โพละ… ศีรษะของหมาป่าเลือดระเบิดกระจายราวกับแตงโม สีแดงและสีขาวกระจายไปทุกที่

ขณะเดียวกัน หลังจากที่เหล่าเจ้ามือในสังเวียนทั้งหลายเห็นภาพนั้นในชั่วพริบตา หลายคนก็เริ่มส่งเสียงก่นด่าสบถออกมา เนื่องเพราะพวกเขาส่วนใหญ่พนันให้หมาป่าเลือดเป็นฝ่ายชนะ

ในสังเวียน เมินร่างไร้ศีรษะของหมาป่าเลือดแล้ว เซี่ยเย่ก็หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดเลือดบนฝ่ามือ เขาโยนมันไปที่ร่างของหมาป่าเลือดและหันหลังจากไป

“คุณเงา ยินดีด้วยกับชัยชนะครั้งแรก บัตรนี้มีเงินทั้งหมดเก้าแสนหยวน มันเป็นของรางวัลในการต่อสู้ครั้งนี้” ตี้หยุนมองชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหล่าตรงหน้าอย่างใคร่รู้ เธอไม่อาจคิดเลยว่าเขาจะเป็นคนเดียวกับนักรบผู้โหดร้ายในตอนนี้

เซี่ยเย่ยิ้มและหยิบบัตรนั้นมา เขารู้สึกพอใจไม่น้อยที่ได้เงินไปเก้าแสนหยวนในการต่อสู้ครั้งแรก

“ผมไม่รู้เลยว่าการแข่งขันนัดต่อไปจะเริ่มเมื่อไหร่?” เซี่ยเย่ถาม

ตี้หยุนรู้ว่าเซี่ยเย่ต้องการต่อสู้ แม้เธอจะไม่รู้ว่าทำไม แต่ตราบใดที่นักสู้ต้องการสู้ มันก็จะมีการต่อสู้นับครั้งไม่ถ้วนรอเขาอยู่

“การต่อสู้นัดต่อไปของคุณจะเป็นวันพรุ่งนี้ตอนสิบเอ็ดโมง ซึ่งคุณต้องมาถึงตรงเวลานะ” ตี้หยุนเอ่ยด้วยรอยยิ้ม

เซี่ยเย่พยักหน้า เขาอำลาตี้หยุนและเดินจากสังเวียนไปขึ้นรถไฟกลับบ้าน

“คุณหนู คุณเงากลับไปแล้วค่ะ” ตี้หยุนรายงานต่อคุณหนูซี

“อืม เป็นประโยชน์กับฉันอย่างมากเลยล่ะที่สนใจชายคนนี้ขึ้นมา” คุณหนูซีพูดจบ เธอเมินตี้หยุนที่กำลังประหลาดใจอยู่ และเดินจากไปเช่นเดียวกัน

บนรถไฟ เซี่ยเย่เอ่ยถามจินตั๋วในใจของเขา “ตั่วตั๋ว ตอนนี้ค่าพลังสูงสุดของฉันอยู่ที่เท่าไหร่แล้ว?”

วันนี้เขาฆ่าสองนักสู้ไป จากคำพูดของตั่วตั๋วแล้วจะสามารถเพิ่มค่าพลังได้สูงสุด จากการคิดว่าค่าพลังสูงสุดอยู่ที่ 3.2 เซี่ยเย่ก็รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย

“นายท่าน ตอนนี้ค่าพลังของท่านจำกัดอยู่ที่ 3.4 เจ้าค่ะ”

คำตอบของจินตั๋วสร้างความประหลาดใจให้กับเซี่ยเย่เล็กน้อย เขาครุ่นคิด “นักรบสองคนที่สูบพลังชีพมา มีค่าพลังเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเพียง 0.2 เท่านั้นเหรอ?”

“นายท่าน ท่านต้องทราบนะเจ้าคะว่ามันเป็นเรื่องยากยิ่งในการพัฒนาค่าพลังของคนที่มีชีวิตอยู่ และพลังของนักสู้สองคนที่ท่านฆ่าไปนั้นต่ำเตี้ยเป็นอย่างมาก บวกกับระดับของพลังชีพมนุษย์อย่างท่านที่อ่อนด้อย เพิ่มขึ้นมา 0.2 นับว่าเป็นเรื่องดีไม่น้อยแล้วเจ้าค่ะ”

เซี่ยเย่ย่นคิ้วและเอ่ยถาม “ฉันจะพัฒนาพลังชีพให้เร็วกว่านี้ได้อย่างไรล่ะ?”

“นายท่านทำเพียงต้องออกล่าสัตว์ทรงพลังบางอย่าง และต้องเป็นสัตว์ที่มีพลังชีพขั้นพื้นฐานในระดับสูงด้วย อย่างเช่นปีศาจหรือผีดิบที่มีอยู่บนโลก แน่นอนว่ามันมีสมบัติที่สามารถทำให้พลังชีพของท่านเพิ่มขึ้นได้ในทันที แต่สิ่งของเหล่านี้มีจำนวนน้อยมาก และไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะได้มันมาเลย”

“เธอหมายความว่าปีศาจและผีดิบในป่าจะมีพลังชีพสูงกว่าเรางั้นเหรอ?” เซี่ยเย่ไม่อาจรับกับคำพูดของจินตั๋วได้ มนุษย์ถือเป็นสัตว์พิเศษของโลกใบนี้ และความรู้สึกเหนือกว่าโดยธรรมชาติไม่อาจถูกลบล้างได้

“ความจริงแล้วปีศาจกับผีดิบพวกนั้นคือผลจากวิวัฒนาการทางชีววิทยา แต่ผีดิบคือการกลายพันธ์และวิวัฒนาการของมนุษย์บนโลก ยิ่งกว่านั้นสิ่งที่ข้าพูดก็คือพลังชีพของมนุษย์โลกนั้นอ่อนด้อย ในจักรวาลนี้ยังมีกลุ่มสิ่งมีชีวิตชั้นสูงอยู่อีกหลายกลุ่ม ซึ่งบางกลุ่มก็มีค่าพลังชีพสูงมาก”

การอธิบายของจินตั๋วเหมือนการเปิดโลกอันลึกลับให้กับเซี่ยเย่ และเขาก็ได้เบิกเนตรในตอนนี้ แต่สิ่งเหล่านั้นไม่ใช่สิ่งที่เซี่ยเย่ต้องนำมาพิจารณาในตอนนี้ สิ่งที่เขาต้องการคือพัฒนาพลังให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้และผ่านการประเมินวรยุทธ์

ต่อจากนั้นเซี่ยเย่ก็กลับถึงที่ของเขาที่ตระกูลเซี่ยอาศัยอยู่ มองตระกูลเซี่ยแล้วเซี่ยเย่พลันรู้สึกประหลาดใจบางอย่าง แม้ว่าเขาจะรู้สึกว่าตัวเองเข้ากันไม่ได้กับครอบครัวตรงหน้าเลย

เมินคนอื่น ๆ แล้วเซี่ยเย่ก็เตรียมกลับเข้าที่พักของเขา แต่หนทางข้างหน้าก็มีสตรีงดงามผู้หนึ่งขวางทางไว้

“เซี่ยเย่ วันนี้ฉันไม่เห็นนายมาทั้งวันเลย นายไปตะลอนอยู่ที่ไหนมา?”