ตอนที่แล้วSM:บทที่ 4 บททดสอบของกองทัพ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปSM:บทที่ 6 คุณหนูซี และสงครามครั้งแรก

SM:บทที่ 5 หนทางสร้างเงิน


SM:บทที่ 5 หนทางสร้างเงิน

“ตอนนี้เราลงทะเบียนสำเร็จแล้ว เราต้องหาวิธีสร้างเงินและปรับปรุงพลังในเดือนหน้า ด้วยค่าพลังของเราในตอนนี้เราแค่มีคุณสมบัติเข้าร่วมการประเมินเท่านั้น แต่มันก็ถือเป็นผลลัพธ์ที่เยี่ยมยอดเลยล่ะ”

“วิธีที่เร็วที่สุดในการปรับปรุงวรยุทธ์ก็คือการหาเงิน ตราบใดที่ฉันมีเงินพอ พลังของฉันก็จะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ฉันจะหาเงินจากไหนภายในเดือนนี้ล่ะเนี่ย? เมื่อค่าพลังถึง 1 มันต้องใช้เงินหนึ่งหมื่นหยวนเพื่อเพิ่มค่าพลังให้ได้ 0.1 ซึ่งมันมากเกินไป”

เซี่ยเย่นั่งบนรถไฟขณะเดินทางกลับและคิดถึงเรื่องนี้พร้อมกับหลับตาลง แต่หลังครุ่นคิดมานานเขาก็ไม่พบวิธีที่จะทำให้ได้เงินในเวลารวดเร็ว ดังนั้นเขาจึงไม่เป็นกังวลในเรื่องนี้อีก เขาถามจินตั๋วในใจ “ตั่วตั๋ว ตอนนี้มีวิธีไหนที่จะได้เงินเยอะ ๆ ไหม?”

“คำถามของนายท่านนั้นไม่ยาก แต่หลายคำตอบไม่ได้ฟรีเจ้าค่ะ” จินตั๋วหรี่ตา เซี่ยเย่เองก็ไม่ใส่ใจกับนิสัยตะกละของจินตั๋วและเอ่ยออกมาตรง ๆ “ต้องการเท่าไหร่ก็หักจากบัญชีฉันโดยตรงเลย”

“นายท่านช่างใจกว้างนักที่ปล่อยให้หักเงินหนึ่งหมื่นเหรียญออกจากบัญชี” แต่จินตั๋วก็ไม่ละอายใจ นางหักเงินออกจากบัตรของเซี่ยเย่โดยตรง จากนั้นก็เอ่ยขึ้น “ตั่วตั๋วแนะนำให้นายท่านลงสังเวียนต่อสู้หมัดดำนับแต่บัดนี้ ที่นี่จะได้เงินเร็ว ไม่มีข้อจำกัดมากนัก และเป็นการขัดเกลาทักษะการต่อสู้ที่แท้จริงของนายท่านด้วย”

“เป็นวิธีที่ดีในการสู้มวยเถื่อน แต่ก็อันตรายอย่างมากเช่นกัน มันมีจอมยุทธ์อยู่ไม่มากในที่นั้น แต่พวกนอกกฎหมายก็ไม่น้อยเช่นกัน” เซี่ยเย่ยังคงกังวลอยู่บ้าง เขามีเพียงชีวิตเดียว ถ้าเอาไปเสี่ยงในที่แบบนั้นมันก็ไม่คุ้มค่า

“อย่ากังวลไปเลยเจ้าค่ะ การทำงานของระบบเงินตราค่อนข้างเสถียร ตราบใดที่นายท่านยังมีลมหายใจ อาการบาดเจ็บใด ๆ ก็จะถูกสมานในทันที”

“มันเป็นแค่เงินจำนวนเล็กน้อย” จินตั๋วเอ่ยอย่างมั่นใจ

ในเมื่อไม่มีความกังวลแล้ว เซี่ยเย่ก็ไม่คิดถึงเรื่องนี้อีก เขาลงจากรถไฟและต่อรถอีกขบวนหนึ่งไปยังสังเวียนต่อสู้

สังเวียนต่อสู้แห่งเมืองหนานจงเป็นของผู้มีอิทธิพลมืดในเมืองหนานจง มันไม่ได้ถูกควบคุมโดยทางกองทัพ ซึ่งถือว่าเป็นสวรรค์แห่งอาชญากรเลยทีเดียว

ที่นี่สามารถซื้อของเถื่อนจำนวนมากที่ไม่อาจหาได้ตามตลาดทั่วไป แม้แต่อาวุธปืนหนักที่สามารถข่มขู่บรรดานักสู้ได้

สังเวียนต่อสู้คือวิธีที่เร็วที่สุดในการได้เงิน ในยุคใหม่ที่มนุษย์ถูกคุกคามจากโลกภายนอกมากเกินไป มันจึงเป็นเรื่องดีที่จะหาทางระบายบ้าง

เมื่อเซี่ยเย่มาถึงบริเวณศาลของสังเวียนต่อสู้ มันก็ให้บรรยากาศแปลกพิกลนัก การนองเลือด ความรุนแรง และอาชญากรรมถือเป็นเรื่องปกติของสังเวียนนี้

หลังลงจากรถไฟแล้ว เซี่ยเย่พลันแค่นเสียงและเดินไปยังทิศหนึ่ง แต่ไม่นานนักหลังจากที่เขาจากไป ชายกลางคนในชุดดำทั่วทั้งตัวก็มองยังทางที่เขาจากไปด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย

“ถ้าแกไม่ได้ไปสวรรค์แล้วไปนรกแทน แกคิดถูกแล้วที่มาสถานที่ผีสิงแบบนี้ ที่นี่แหละจะเป็นสุสานของแก”

ฝีเท้าของเซี่ยเย่ไม่เร็วหรือช้าเกินไป ตอนนี้มีคนอยู่ไม่มากนัก ทันใดนั้เซี่ยเย่ก็ก้าวเดินเข้าไปในตรอกมืด

หลังจากนั้นชายกลางคนก็เห็นร่างของเซี่ยเย่หายไปอย่างฉับพลัน เขาจึงไม่อำพรางตัวเองอีก เขาไล่ตามไปในรวดเดียว ซึ่งเร็วเกินกว่าที่คนธรรมดาจะสู้ได้

เมื่อชายร่างใหญ่พุ่งตัวเข้าไปในตรอก เขาพลันรู้สึกถึงลมกรรโชกแรงที่มาจากด้านบนศีรษะจนเงยหน้าขึ้น แล้วก็เห็นขาของเซี่ยเย่กำลังกวาดฟาดลงบนศีรษะ

“ตายซะ!” แม้ชายร่างใหญ่จะไม่ประหลาดใจ เขาก็ปกป้องศีรษะของตัวเองด้วยแขนทั้งคู่ สกัดกั้นการลอบโจมตีจากเซี่ยเย่

ปั้งงง...ชายร่างใหญ่ตกตะลึงไปกับเท้าของเซี่ยเย่ ดวงตาฉายแววประหลาดใจเล็กน้อย เขาจ้องมองเซี่ยเย่ตรงหน้าและเอ่ยพลางแสยะ “ทุกคนบอกว่าตระกูลเซี่ยคือสวะ แต่ไม่มีใครรู้เลยว่าเเกจะเจ้าเล่ห์ขนาดนี้ แถมค่าพลังยังอยู่ในระดับนักรบอีก”

“ไม่ใช่ย่อยนี่ ในเมื่อเเกรู้ความลับของฉัน ไม่ว่าใครจะส่งแกมาก็จะขอยืนยันคำเดียว ตายซะ!”

เซี่ยเย่แข็งแกร่งในตอนแรก ด้วยพลังลูกเตะรุนแรง ชายคนนั้นก็กลัวเหมือนเต่าหดหัว

“เป็นการโจมตีที่น่าประหลาดใจนัก แกคิดว่าแกจะฆ่าฉันได้หรือ ไอ้โอหัง?”

หมัดเหล็กคู่หนึ่งพลันปะทะกัน ประกายไฟนับพันปะทุขึ้น กล้ามเนื้อทั่วร่างเกร็งเป็นก้อนแข็ง ส่งบรรยากาศอันตรายออกมา

ตู้มมม… เซี่ยเย่รู้สึกถึงลมพัดมาวูบหนึ่งแต่ก็ไม่อยากปะทะด้วย กระบวนเก้าดาราพลันถูกใช้และหลบไปอีกทางหนึ่ง

ปั้งง...เกิดเสียงดังสนั่น ฝุ่นสีเหลืองฟุ้งกระจาย หมัดเหล็กของชายร่างใหญ่ปะทะกันบนพื้นจนทรายจำนวนมากสาดกระจาย

เซี่ยเย่ยังใจสั่นไม่หาย​ แม้ตั่วตั๋วจะบอกว่าเขาสามารถฟื้นตัวได้ในทุกอาการบาดเจ็บตราบใดที่เขายังมีชีวิตอยู่​ แต่ตอนนี้เขามีเงินเหลือไม่มาก​ ใครจะรู้ว่าการสมานร่างกายที่ว่าของตั่วตั๋วผู้กระหายเงินจะต้องใช้เงินเป็นจำนวนเท่าใด? ไม่อย่างนั้นแล้วเขาไม่ตายเปล่าหรือ?

“น่าสนใจนักที่เจ้าหลบหลีกมันได้” เสียงเย็นชาของชายร่างใหญ่ดังจากกลุ่มควัน​ ราวกับประหลาดใจและดูถูก

“โอกาสนี้ล่ะ!”

เห็นพลังของชายร่างใหญ่อ่อนลงในหมัดเดียว​ ขาของเซี่ยเย่ก็เตะบนกำแพงและตวัดมาทางด้านขวาของชายร่างใหญ่​ หมัดหนึ่งซัดเข้าที่ซี่โครงของเขา

“ฮึ่มมม”

เสียงฮึ่มเย็นเยือกดังขึ้น​ ชายร่างใหญ่ถองศอกรับหมัดของเซี่ยเย่

ปึ้งงง…. พลังปราณแผ่กระจาย​ พวกเขาก้าวถอยหลังไปหลายก้าว​ ดวงตาฉายแววตื่นตัว​ การเคลื่อนไหวของพวกเขาช้าลง​ ตอนนี้พวกเขาพร้อมแล้วที่จะปล่อยกระบวนไม้ตายใส่อีกฝ่ายในทุกเมื่อ

“พลังเหลือเฟือนักนะ นานเท่าไหร่แล้วที่จะมีใครยันฉันไว้ได้นานขนาดนี้?” ชายร่างใหญ่หัวเราะอย่างบ้าคลั่งและเร่งฝีเท้า การก้าวเท้าของเขาดูหนักหน่วงจนทิ้งรอยเท้าลึก เผชิญหน้ากับการโจมตีอย่างดุดันของชายร่างใหญ่ เซี่ยเย่ก็ระเบิดหมัดออกมาปะทะกับชายร่างใหญ่

ปั้ง ๆ

หลังจากนั้นเพียงชั่วอึดใจ พวกเขาก็ซัดหมัดกันไปสิบยก โดยที่แต่ละยกนั้นหนักหน่วงรุนแรง แต่ในครั้งนี้ไม่มีใครถอยหนีเลย เนื่องเพราะเมื่อใดก็ตามที่บุคคลหนึ่งถอยหนีในครั้งนี้ การเคลื่อนที่ก็จะอ่อนกำลังลง และต้องกลายเป็นฝ่ายแพ้อย่างแน่นอน

“ฉันไม่อาจปล่อยให้เป็นแบบนี้อยู่ได้อีกแล้ว”

ในใจของเซี่ยเย่ตัดสินใจส่งพลังยุทธ์ไปที่เท้าของเขา และเขาก็จะพุ่งตรงไปเมื่อหมัดพุ่งเข้าใส่หน้า

เห็นว่าศัตรูของเขากำลังหาที่ตาย ชายร่างใหญ่ก็เผยรอยยิ้มชั่วร้ายออกมาและมีกำลังเพิ่มขึ้น

วูบบบบ…. ในครั้งนี้​ เงาของเซี่ยเย่พลันวาบหายในชั่วพริบตา​ และพุ่งรับหมัดเหล็กของนักรบฮั่น​ และประชิดตัวในทันที

ปั้งงง… หมัดหนึ่งปะทะกลางอกของชายคนนั้น​จนได้ยินเสียงดัง​ กริ๊ก​ ชายคนนั้นไม่มีเวลาส่งเสียงร้อง​ แผ่นอกเขายุบลงไปนิ้วหนึ่ง​ เลือดพุ่งกระเซ็นเป็นสาย

“ตู้มมม… ร่างของชายร่างใหญ่ปะทะกำแพงราวกับกระสอบทราย​ ร่วงลงพื้นด้วยสภาพอ่อนปวกเปียก​ เลือดไหลซึมออกจากมุมปาก

“อุกกก…” ชายร่างใหญ่ครางอย่างเจ็บปวดและมองชายหนุ่มก้าวเท้าทีละก้าว​ เขาไม่คิดเลยว่าจะตายด้วยน้ำมือของสวะเลื่องชื่อผู้นี้​ เขาไม่อยากเลยสักนิด

“บอกฉันมา​ ว่าใครจ้างแกมาที่นี่?” เซี่ยเย่เหยียบลงบนใบหน้าของชายร่างใหญ่พลางถามเสียงเย็น

“อื้อ ๆ…” ชายร่างใหญ่เหมือนจะเอ่ยอะไรบางอย่างแต่ไม่สามารถปริปากออกมาได้ ดวงตาของเขาฉายแววอ้อนวอนยามมองเซี่ยเย่

“ในเมื่อเเกบอกไม่ได้ แกก็ไร้ประโยชน์ แต่ในเมื่อมีการโจมตีครั้งหนึ่งแล้วก็จะมีการโจมตีครั้งที่สอง ฉันก็จะฆ่าตามที่ฉันต้องการ”

ในคำพูดของเซี่ยเย่ปรากฏรังสีสังหารอย่างไม่สิ้นสุด ด้วยแรงเหยียบจากเท้าของเซี่ยเย่ ลำคอของชายร่างใหญ่ก็บิดเบี้ยว และไร้ซึ่งลมหายใจไป

ชายคนนั้นตายแล้ว และเซี่ยเย่ก็ไม่เสียเวลาเปล่า เขาค้นบัตรสีเงินจากร่างศพและอดยิ้มไม่ได้ “ฉันไม่คิดเลยว่าจะรับทรัพย์ครั้งแรกด้วยวิธีง่ายดายเช่นนี้”

“ตั่วตั๋ว เธอใช้เงินในบัตรนี้โดยตรงได้ไหม?” เซี่ยเย่ถาม เนื่องเพราะระบบแสดงตัวตนของบัตรธนาคารดังกล่าวช่างเข้มงวด ต่อให้คนอื่นได้บัตรไปมันก็เป็นเรื่องไร้ประโยชน์อยู่ดี

“ว้าว นายท่าน บัตรของชายคนนี้มีเงินมากกว่าท่านอีกเจ้าค่ะ มันมีมูลค่าเจ็ดแสนหยวนเชียว” จินตั๋วอุทานอย่างตื่นเต้น ทำให้เซี่ยเย่รู้สึกหูอื้อ “แต่ตั่วตั๋วเเนะนำว่านายท่านอย่าเพิ่งเพิ่มพลังก่อนเจ้าค่ะ ด้วยค่าพลังของนายท่านตอนนี้และวิชาเก้าดาราแล้วก็คงเพียงพอที่จะต่อสู้กับเหล่านักสู้ในสังเวียน และยังได้ประสบการณ์มากมายอีกด้วย ยิ่งกว่านั้นมันยังใช้เงินจำนวนมากในการรักษาอาการบาดเจ็บซึ่งมันสามารถเป็นเเหล่งสำรองได้อีกเจ้าค่ะ”

เซี่ยเย่พยักหน้าและเก็บบัตรไว้พลางเดินออกจากตรอก เมื่อเห็นว่าไม่มีคนแล้วเขาก็ออกจากสถานที่ก่อนหน้าอย่างรวดเร็ว แม้มันจะไม่ใช่เรื่องผิดกฎหมายที่จะฆ่าใครภายในเขตสังเวียนการต่อสู้ แต่มันก็จะนำมาซึ่งปัญหาไม่จำเป็นหากถูกพบตัว