SM:บทที่ 5 หนทางสร้างเงิน
SM:บทที่ 5 หนทางสร้างเงิน
“ตอนนี้เราลงทะเบียนสำเร็จแล้ว เราต้องหาวิธีสร้างเงินและปรับปรุงพลังในเดือนหน้า ด้วยค่าพลังของเราในตอนนี้เราแค่มีคุณสมบัติเข้าร่วมการประเมินเท่านั้น แต่มันก็ถือเป็นผลลัพธ์ที่เยี่ยมยอดเลยล่ะ”
“วิธีที่เร็วที่สุดในการปรับปรุงวรยุทธ์ก็คือการหาเงิน ตราบใดที่ฉันมีเงินพอ พลังของฉันก็จะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ฉันจะหาเงินจากไหนภายในเดือนนี้ล่ะเนี่ย? เมื่อค่าพลังถึง 1 มันต้องใช้เงินหนึ่งหมื่นหยวนเพื่อเพิ่มค่าพลังให้ได้ 0.1 ซึ่งมันมากเกินไป”
เซี่ยเย่นั่งบนรถไฟขณะเดินทางกลับและคิดถึงเรื่องนี้พร้อมกับหลับตาลง แต่หลังครุ่นคิดมานานเขาก็ไม่พบวิธีที่จะทำให้ได้เงินในเวลารวดเร็ว ดังนั้นเขาจึงไม่เป็นกังวลในเรื่องนี้อีก เขาถามจินตั๋วในใจ “ตั่วตั๋ว ตอนนี้มีวิธีไหนที่จะได้เงินเยอะ ๆ ไหม?”
“คำถามของนายท่านนั้นไม่ยาก แต่หลายคำตอบไม่ได้ฟรีเจ้าค่ะ” จินตั๋วหรี่ตา เซี่ยเย่เองก็ไม่ใส่ใจกับนิสัยตะกละของจินตั๋วและเอ่ยออกมาตรง ๆ “ต้องการเท่าไหร่ก็หักจากบัญชีฉันโดยตรงเลย”
“นายท่านช่างใจกว้างนักที่ปล่อยให้หักเงินหนึ่งหมื่นเหรียญออกจากบัญชี” แต่จินตั๋วก็ไม่ละอายใจ นางหักเงินออกจากบัตรของเซี่ยเย่โดยตรง จากนั้นก็เอ่ยขึ้น “ตั่วตั๋วแนะนำให้นายท่านลงสังเวียนต่อสู้หมัดดำนับแต่บัดนี้ ที่นี่จะได้เงินเร็ว ไม่มีข้อจำกัดมากนัก และเป็นการขัดเกลาทักษะการต่อสู้ที่แท้จริงของนายท่านด้วย”
“เป็นวิธีที่ดีในการสู้มวยเถื่อน แต่ก็อันตรายอย่างมากเช่นกัน มันมีจอมยุทธ์อยู่ไม่มากในที่นั้น แต่พวกนอกกฎหมายก็ไม่น้อยเช่นกัน” เซี่ยเย่ยังคงกังวลอยู่บ้าง เขามีเพียงชีวิตเดียว ถ้าเอาไปเสี่ยงในที่แบบนั้นมันก็ไม่คุ้มค่า
“อย่ากังวลไปเลยเจ้าค่ะ การทำงานของระบบเงินตราค่อนข้างเสถียร ตราบใดที่นายท่านยังมีลมหายใจ อาการบาดเจ็บใด ๆ ก็จะถูกสมานในทันที”
“มันเป็นแค่เงินจำนวนเล็กน้อย” จินตั๋วเอ่ยอย่างมั่นใจ
ในเมื่อไม่มีความกังวลแล้ว เซี่ยเย่ก็ไม่คิดถึงเรื่องนี้อีก เขาลงจากรถไฟและต่อรถอีกขบวนหนึ่งไปยังสังเวียนต่อสู้
สังเวียนต่อสู้แห่งเมืองหนานจงเป็นของผู้มีอิทธิพลมืดในเมืองหนานจง มันไม่ได้ถูกควบคุมโดยทางกองทัพ ซึ่งถือว่าเป็นสวรรค์แห่งอาชญากรเลยทีเดียว
ที่นี่สามารถซื้อของเถื่อนจำนวนมากที่ไม่อาจหาได้ตามตลาดทั่วไป แม้แต่อาวุธปืนหนักที่สามารถข่มขู่บรรดานักสู้ได้
สังเวียนต่อสู้คือวิธีที่เร็วที่สุดในการได้เงิน ในยุคใหม่ที่มนุษย์ถูกคุกคามจากโลกภายนอกมากเกินไป มันจึงเป็นเรื่องดีที่จะหาทางระบายบ้าง
เมื่อเซี่ยเย่มาถึงบริเวณศาลของสังเวียนต่อสู้ มันก็ให้บรรยากาศแปลกพิกลนัก การนองเลือด ความรุนแรง และอาชญากรรมถือเป็นเรื่องปกติของสังเวียนนี้
หลังลงจากรถไฟแล้ว เซี่ยเย่พลันแค่นเสียงและเดินไปยังทิศหนึ่ง แต่ไม่นานนักหลังจากที่เขาจากไป ชายกลางคนในชุดดำทั่วทั้งตัวก็มองยังทางที่เขาจากไปด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย
“ถ้าแกไม่ได้ไปสวรรค์แล้วไปนรกแทน แกคิดถูกแล้วที่มาสถานที่ผีสิงแบบนี้ ที่นี่แหละจะเป็นสุสานของแก”
ฝีเท้าของเซี่ยเย่ไม่เร็วหรือช้าเกินไป ตอนนี้มีคนอยู่ไม่มากนัก ทันใดนั้เซี่ยเย่ก็ก้าวเดินเข้าไปในตรอกมืด
หลังจากนั้นชายกลางคนก็เห็นร่างของเซี่ยเย่หายไปอย่างฉับพลัน เขาจึงไม่อำพรางตัวเองอีก เขาไล่ตามไปในรวดเดียว ซึ่งเร็วเกินกว่าที่คนธรรมดาจะสู้ได้
เมื่อชายร่างใหญ่พุ่งตัวเข้าไปในตรอก เขาพลันรู้สึกถึงลมกรรโชกแรงที่มาจากด้านบนศีรษะจนเงยหน้าขึ้น แล้วก็เห็นขาของเซี่ยเย่กำลังกวาดฟาดลงบนศีรษะ
“ตายซะ!” แม้ชายร่างใหญ่จะไม่ประหลาดใจ เขาก็ปกป้องศีรษะของตัวเองด้วยแขนทั้งคู่ สกัดกั้นการลอบโจมตีจากเซี่ยเย่
ปั้งงง...ชายร่างใหญ่ตกตะลึงไปกับเท้าของเซี่ยเย่ ดวงตาฉายแววประหลาดใจเล็กน้อย เขาจ้องมองเซี่ยเย่ตรงหน้าและเอ่ยพลางแสยะ “ทุกคนบอกว่าตระกูลเซี่ยคือสวะ แต่ไม่มีใครรู้เลยว่าเเกจะเจ้าเล่ห์ขนาดนี้ แถมค่าพลังยังอยู่ในระดับนักรบอีก”
“ไม่ใช่ย่อยนี่ ในเมื่อเเกรู้ความลับของฉัน ไม่ว่าใครจะส่งแกมาก็จะขอยืนยันคำเดียว ตายซะ!”
เซี่ยเย่แข็งแกร่งในตอนแรก ด้วยพลังลูกเตะรุนแรง ชายคนนั้นก็กลัวเหมือนเต่าหดหัว
“เป็นการโจมตีที่น่าประหลาดใจนัก แกคิดว่าแกจะฆ่าฉันได้หรือ ไอ้โอหัง?”
หมัดเหล็กคู่หนึ่งพลันปะทะกัน ประกายไฟนับพันปะทุขึ้น กล้ามเนื้อทั่วร่างเกร็งเป็นก้อนแข็ง ส่งบรรยากาศอันตรายออกมา
ตู้มมม… เซี่ยเย่รู้สึกถึงลมพัดมาวูบหนึ่งแต่ก็ไม่อยากปะทะด้วย กระบวนเก้าดาราพลันถูกใช้และหลบไปอีกทางหนึ่ง
ปั้งง...เกิดเสียงดังสนั่น ฝุ่นสีเหลืองฟุ้งกระจาย หมัดเหล็กของชายร่างใหญ่ปะทะกันบนพื้นจนทรายจำนวนมากสาดกระจาย
เซี่ยเย่ยังใจสั่นไม่หาย แม้ตั่วตั๋วจะบอกว่าเขาสามารถฟื้นตัวได้ในทุกอาการบาดเจ็บตราบใดที่เขายังมีชีวิตอยู่ แต่ตอนนี้เขามีเงินเหลือไม่มาก ใครจะรู้ว่าการสมานร่างกายที่ว่าของตั่วตั๋วผู้กระหายเงินจะต้องใช้เงินเป็นจำนวนเท่าใด? ไม่อย่างนั้นแล้วเขาไม่ตายเปล่าหรือ?
“น่าสนใจนักที่เจ้าหลบหลีกมันได้” เสียงเย็นชาของชายร่างใหญ่ดังจากกลุ่มควัน ราวกับประหลาดใจและดูถูก
“โอกาสนี้ล่ะ!”
เห็นพลังของชายร่างใหญ่อ่อนลงในหมัดเดียว ขาของเซี่ยเย่ก็เตะบนกำแพงและตวัดมาทางด้านขวาของชายร่างใหญ่ หมัดหนึ่งซัดเข้าที่ซี่โครงของเขา
“ฮึ่มมม”
เสียงฮึ่มเย็นเยือกดังขึ้น ชายร่างใหญ่ถองศอกรับหมัดของเซี่ยเย่
ปึ้งงง…. พลังปราณแผ่กระจาย พวกเขาก้าวถอยหลังไปหลายก้าว ดวงตาฉายแววตื่นตัว การเคลื่อนไหวของพวกเขาช้าลง ตอนนี้พวกเขาพร้อมแล้วที่จะปล่อยกระบวนไม้ตายใส่อีกฝ่ายในทุกเมื่อ
“พลังเหลือเฟือนักนะ นานเท่าไหร่แล้วที่จะมีใครยันฉันไว้ได้นานขนาดนี้?” ชายร่างใหญ่หัวเราะอย่างบ้าคลั่งและเร่งฝีเท้า การก้าวเท้าของเขาดูหนักหน่วงจนทิ้งรอยเท้าลึก เผชิญหน้ากับการโจมตีอย่างดุดันของชายร่างใหญ่ เซี่ยเย่ก็ระเบิดหมัดออกมาปะทะกับชายร่างใหญ่
ปั้ง ๆ
หลังจากนั้นเพียงชั่วอึดใจ พวกเขาก็ซัดหมัดกันไปสิบยก โดยที่แต่ละยกนั้นหนักหน่วงรุนแรง แต่ในครั้งนี้ไม่มีใครถอยหนีเลย เนื่องเพราะเมื่อใดก็ตามที่บุคคลหนึ่งถอยหนีในครั้งนี้ การเคลื่อนที่ก็จะอ่อนกำลังลง และต้องกลายเป็นฝ่ายแพ้อย่างแน่นอน
“ฉันไม่อาจปล่อยให้เป็นแบบนี้อยู่ได้อีกแล้ว”
ในใจของเซี่ยเย่ตัดสินใจส่งพลังยุทธ์ไปที่เท้าของเขา และเขาก็จะพุ่งตรงไปเมื่อหมัดพุ่งเข้าใส่หน้า
เห็นว่าศัตรูของเขากำลังหาที่ตาย ชายร่างใหญ่ก็เผยรอยยิ้มชั่วร้ายออกมาและมีกำลังเพิ่มขึ้น
วูบบบบ…. ในครั้งนี้ เงาของเซี่ยเย่พลันวาบหายในชั่วพริบตา และพุ่งรับหมัดเหล็กของนักรบฮั่น และประชิดตัวในทันที
ปั้งงง… หมัดหนึ่งปะทะกลางอกของชายคนนั้นจนได้ยินเสียงดัง กริ๊ก ชายคนนั้นไม่มีเวลาส่งเสียงร้อง แผ่นอกเขายุบลงไปนิ้วหนึ่ง เลือดพุ่งกระเซ็นเป็นสาย
“ตู้มมม… ร่างของชายร่างใหญ่ปะทะกำแพงราวกับกระสอบทราย ร่วงลงพื้นด้วยสภาพอ่อนปวกเปียก เลือดไหลซึมออกจากมุมปาก
“อุกกก…” ชายร่างใหญ่ครางอย่างเจ็บปวดและมองชายหนุ่มก้าวเท้าทีละก้าว เขาไม่คิดเลยว่าจะตายด้วยน้ำมือของสวะเลื่องชื่อผู้นี้ เขาไม่อยากเลยสักนิด
“บอกฉันมา ว่าใครจ้างแกมาที่นี่?” เซี่ยเย่เหยียบลงบนใบหน้าของชายร่างใหญ่พลางถามเสียงเย็น
“อื้อ ๆ…” ชายร่างใหญ่เหมือนจะเอ่ยอะไรบางอย่างแต่ไม่สามารถปริปากออกมาได้ ดวงตาของเขาฉายแววอ้อนวอนยามมองเซี่ยเย่
“ในเมื่อเเกบอกไม่ได้ แกก็ไร้ประโยชน์ แต่ในเมื่อมีการโจมตีครั้งหนึ่งแล้วก็จะมีการโจมตีครั้งที่สอง ฉันก็จะฆ่าตามที่ฉันต้องการ”
ในคำพูดของเซี่ยเย่ปรากฏรังสีสังหารอย่างไม่สิ้นสุด ด้วยแรงเหยียบจากเท้าของเซี่ยเย่ ลำคอของชายร่างใหญ่ก็บิดเบี้ยว และไร้ซึ่งลมหายใจไป
ชายคนนั้นตายแล้ว และเซี่ยเย่ก็ไม่เสียเวลาเปล่า เขาค้นบัตรสีเงินจากร่างศพและอดยิ้มไม่ได้ “ฉันไม่คิดเลยว่าจะรับทรัพย์ครั้งแรกด้วยวิธีง่ายดายเช่นนี้”
“ตั่วตั๋ว เธอใช้เงินในบัตรนี้โดยตรงได้ไหม?” เซี่ยเย่ถาม เนื่องเพราะระบบแสดงตัวตนของบัตรธนาคารดังกล่าวช่างเข้มงวด ต่อให้คนอื่นได้บัตรไปมันก็เป็นเรื่องไร้ประโยชน์อยู่ดี
“ว้าว นายท่าน บัตรของชายคนนี้มีเงินมากกว่าท่านอีกเจ้าค่ะ มันมีมูลค่าเจ็ดแสนหยวนเชียว” จินตั๋วอุทานอย่างตื่นเต้น ทำให้เซี่ยเย่รู้สึกหูอื้อ “แต่ตั่วตั๋วเเนะนำว่านายท่านอย่าเพิ่งเพิ่มพลังก่อนเจ้าค่ะ ด้วยค่าพลังของนายท่านตอนนี้และวิชาเก้าดาราแล้วก็คงเพียงพอที่จะต่อสู้กับเหล่านักสู้ในสังเวียน และยังได้ประสบการณ์มากมายอีกด้วย ยิ่งกว่านั้นมันยังใช้เงินจำนวนมากในการรักษาอาการบาดเจ็บซึ่งมันสามารถเป็นเเหล่งสำรองได้อีกเจ้าค่ะ”
เซี่ยเย่พยักหน้าและเก็บบัตรไว้พลางเดินออกจากตรอก เมื่อเห็นว่าไม่มีคนแล้วเขาก็ออกจากสถานที่ก่อนหน้าอย่างรวดเร็ว แม้มันจะไม่ใช่เรื่องผิดกฎหมายที่จะฆ่าใครภายในเขตสังเวียนการต่อสู้ แต่มันก็จะนำมาซึ่งปัญหาไม่จำเป็นหากถูกพบตัว