ตอนที่แล้วSM:บทที่ 3 มหาวิทยาลัยฉินอู่
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปSM:บทที่ 5 หนทางสร้างเงิน

SM:บทที่ 4 บททดสอบของกองทัพ


SM:บทที่ 4 บททดสอบของกองทัพ

อีกด้านหนึ่ง เซี่ยเย่ไม่รู้ตัวเลยว่าแผนการกำจัดเขากำลังบ่มได้ที่ แล้วเขาก็เดินทางไปยังกองกำลังหนานจงโดยลำพัง

การเป็นกองกำลังต่อสู้หลักของหนานจง ฝ่ายกองทัพแห่งหนานจงนับว่าเป็นหลักประกันขั้นเด็ดขาดของเมืองศูนย์กลางในการต่อสู้กับเหล่าผีดิบและปีศาจที่อยู่ในบริเวณนั้น แม้แต่กองกำลังของตระกูลทรงอิทธิพลยังไม่กล้าต่อสู้กับฝ่ายกองทัพเลย

ฝ่ายกองทัพตั้งอยู่ในใจกลางของเมือง มันเป็นเวลาเที่ยงวันยามที่เซี่ยเย่นั่งรถไฟไปถึงที่นั่น หลังทานอาหารกลางวันแล้ว เซี่ยเย่ก็ออกมาจากด้านนอกฝ่ายกองทัพ

มองตึกสูงตระหง่านตรงหน้าเขาที่มีทหารถือปืนยืนอยู่ตรงประตู เซี่ยเย่ก็รู้สึกหวาดหวั่น

“เขตหวงห้ามของกระทรวงกลาโหม ไม่อนุญาตให้บุคคลภายนอกเข้า” ทันทีที่เซี่ยเย่เดินเข้าใกล้ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยท่าทางขึงขังก็ชี้ปืนมาพร้อมกับเอ่ยเสียงเย็น

เซี่ยเย่ไม่ได้ตื่นตระหนก เขาเอ่ยขึ้น “ผมมาฝ่ายกองทัพเพื่อสมัครการประเมินวรยุทธ์น่ะ สำนักทะเบียนอยู่ที่ไหนหรือครับ?”

ได้ยินเจตนาของเซี่ยเย่ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็เบี่ยงกระบอกปืน เขามีท่าทีนิ่งเฉยโดยไม่ต้อนรับขับสู้ใด ๆ และเอ่ยเสียงทุ้ม “ขึ้นไปที่ชั้นสอง จะมีเจ้าหน้าที่พิเศษรับรองนายอยู่”

เซี่ยเย่ยิ้มและเดินเข้าไปในตึก มีคนไม่มากนักภายในตึก รวมถึงทหารและนักรบทั่วไป

กระทรวงกลาโหมไม่มีเจ้าหน้าที่ทหารทั่วไปอยู่ เนื่องเพราะทางกระทรวงได้ออกภารกิจบางอย่างออกมาซึ่งเจ้าหน้าที่ทหารทั่วไปเหล่านั้นไม่อาจทำได้ตามลำพัง ดังนั้นภารกิจเหล่านี้จึงเปิดเผยต่อเจ้าหน้าที่ทหารคนอื่น ๆ ด้วย ตราบใดที่มีพลังแข็งแกร่งพอจะทำภารกิจได้สำเร็จลุล่วงก็จะได้รับรางวัล แน่นอนว่าด้วยพลังของเซี่ยเย่แล้วก็ไม่มีคุณสมบัติได้รับภารกิจพวกนั้นเลย

ขึ้นลิฟต์มาแล้ว เซี่ยเย่ก็มาถึงชั้นสองและพบกับสำนักทะเบียนในไม่ช้า

โต๊ะรับรองเป็นทหารหญิงสาวสวยผมสั้นเสมอติ่งหู เมื่อเห็นเซี่ยเย่แล้วเธอก็เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ท่านคะ ท่านมาที่นี่เพื่อสมัครการประเมินวรยุทธ์ใช่ไหมคะ?”

เซี่ยเย่นึกในใจ พูดอะไรไร้สาระแบบนั้น? ฉันจะมาทำอะไรได้นอกจากลงชื่อสมัครที่นี่

แต่เซี่ยเย่ก็พยักหน้า “ครับ ผมไม่รู้ว่าการลงทะเบียนมันต้องใช้อะไรบ้าง?”

“ขอให้ท่านมอบบัตรประจำตัวมาค่ะ แล้วฉันจะบันทึกข้อมูลทั่วไป จากนั้นท่านก็ไปรับบททดสอบเล็กน้อยนะคะ เมื่อใดที่ท่านผ่านบททดสอบนี้แล้ว ท่านจึงจะสามารถลงชื่อประเมินวรยุทธ์ได้ค่ะ” ทหารหญิงเอ่ยอย่างเรียบง่าย

“บททดสอบเล็ก ๆ เหรอ? ตอนเข้ามหาวิทยาลัยไม่มีขั้นตอนนี้นะ แต่อย่างน้อยคงไม่มีปัญหาในบททดสอบสมัครเข้าด้วยค่าพลังของเราในตอนนี้หรอกน่า” เซี่ยเย่คิดในใจก่อนยื่นบัตรประจำตัวให้

ทหารหญิงต่างใส่บัตรประจำตัวเเม่เหล็กของเซี่ยเย่เข้าไปในคอมพิวเตอร์ จากนั้นก็พาเซี่ยเย่มาที่ห้องโถงบนชั้นสอง

ภายในห้องโถงมีคนจำนวนมากทั้งชายและหญิง ดูเหมือนว่าในบรรดาคนที่มารับบททดสอบจะมีอายุตั้งแต่วัยกลางคนจากสามสิบจนถึงสี่สิบปีจนถึงวัยรุ่นอายุราวสิบกว่าปี

“นี่คือหมายเลขของท่านค่ะ ท่านจะได้รับบททดสอบเมื่อหมายเลขของท่านถูกเรียก”

เซี่ยเย่ยิ้มและรับบัตรหมายเลข พบว่าหมายเลขของเขาคือ 433 จากนั้นเขาก็เข้าแถวยืนรอมองคนที่อยู่ในห้องโถง

ชั่วอึดใจเดียว เซี่ยเย่ก็สัมผัสได้ว่าคนเหล่านี้ส่วนใหญ่ต่างเป็นนักรบที่มีค่าพลังเท่ากับ 1 แต่เขาคิดว่าเป็นไปไม่ได้หรอกที่จะมีความกล้ามายังหน่วยงานทหารเพื่อมาลงชื่อประเมินสภาพนักรบโดยไม่มีพลังยุทธ์ใด ๆ

บางคนมีค่าพลังไปไกลเกินกว่า 1แต่คนเหล่านี้ไม่ได้เป็นหนุ่มสาววัยเยาว์ และพวกเขาก็ไม่รู้ว่าทำไมพวกเขาถึงไม่ผ่านการประเมินสภาพนักรบเลย

“หมายเลข 127 ห้องทดสอบ 3” เสียงวิทยุดังก้องในห้องโถง จากนั้นชายกลางคนคนหนึ่งอายุราวสามสิบก็เดินเข้าไปในห้องทดสอบหมายเลขสามด้วยความกระวนกระวาย

ในฝูงชนตอนนี้ ชายคนหนึ่งก็เอ่ยกับผู้คนรอบตัวด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “ฉันไม่รู้ว่าเหล่าหยางจะทนรับบรรดาปีศาจพวกนั้นได้ในตอนนี้หรือไม่?”

“มันยากเกินไปแล้ว แม้ค่าพลังของพวกเราจะถึง1 แต่ความกลัวของคนเหล่านั้นต่อบรรดาปีศาจก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทนได้ พูดตรงๆ ก็คือฉันยังทำใจไม่ได้ ฉันคิดไปถึงภาพปีศาจกินคนอยู่ แม้จะรู้ว่ามันเป็นภาพลวง แต่มันก็เหมือนจริงมาก ฉันมักจะตื่นขึ้นมายามเจอฝันร้ายกลางดึก” หนึ่งในนั้นหน้าซีดพลางตัวสั่น

“อา แต่มันก็ถือเป็นเรื่องดีเหมือนกันนะ ถ้าเรากลายเป็นจอมยุทธ์เข้าจริง ๆ ดังนั้นเราก็จะต้องเผชิญกับปีศาจพวกนั้น และเราก็ไม่สามารถสำแดงพลังออกมาได้เพราะหวาดกลัว มันเป็นแค่ความตายสีขาวเท่านั้นแหละ”

เซี่ยเย่ฟังเก็บรายละเอียดขณะที่ดวงตาฉายประกาย เขาเดาลักษณะข้อสอบได้แล้วล่ะ

พูดตามตรง เขาไม่มีพื้นฐานพลังเลย เขาเลยไม่ได้เห็นปีศาจหรือผีดิบของจริง ถ้าเขาไม่สามารถเอาชนะความกลัวได้มันก็ไร้ประโยชน์

เมื่อเวลาผ่านไป ยามเซี่ยเย่ได้ยินเสียงเรียกขานหมายเลขของเขา เขาก็เข้าไปในห้องทดสอบในทันที

ในตอนนั้นที่เซี่ยเย่เข้าไป เขาก็รู้สึกเพียงเสียงลมหายใจกระชั้นถี่ เมื่อลืมตาขึ้น เขาก็ไม่เห็นว่าตัวเองกำลังอยู่ในห้องทดสอบ แต่เป็นทุ่งหญ้ารกชัฎที่เต็มไปด้วยวัชพืชแทน

ไม่ไกลกันนัก อสูรหมาป่าสูงราวสี่เมตรกำลังกัดกินซากศพอยู่ มองมาจากเซี่ยเย่ก็รู้ว่ามันเป็นศพมนุษย์ แต่เป็นศพที่เหลือเพียงครึ่งส่วน ทันใดนั้นปีศาจก็เหมือนจะรับรู้ถึงการมีอยู่ของเซี่ยเย่ ศีรษะใหญ่ของมันพลันหันมาทางเขาทันที

โฮกกก...

เสียงคำรามราวฟ้าร้องดังจากปากของมัน เซี่ยเย่รู้สึกเพียงสายลมพัดกรรโชกมา ทำให้เขายืนไม่เป็นสุขและเริ่มหน้าซีด

ขณะที่เซี่ยเย่กำลังจะถอยหลัง เสียงก้าวเท้าหนัก ๆ ก็ดังจากเบื้องหลัง เมื่อเซี่ยเย่หันไป เขาก็เห็นร่างมนุษย์ท่าทางดุดันหลายร่าง มันคือผีดิบที่เป็นโศกนาฏกรรมของยุคใหม่ และเป็นความหลากหลายของมนุษย์อย่างหนึ่ง

เขาไม่รู้ว่ามันโดนเสียงคำรามของปีศาจปลุกมาหรือเปล่า ผีดิบพวกนี้ช่างโกรธเกรี้ยวและรับมือยาก พวกมันคำรามใส่เซี่ยเย่

ตอนนี้เขาตกอยู่ในสภาพหนีเสือปะจระเข้ เซี่ยเย่รู้สึกเพียงร่างกายของเขากำลังหลุดจากการควบคุมในขณะนี้ แต่เขาก็ไม่มีพลังพอที่จะหนี

“ตึ้งงง...จิตของนายท่านกำลังผิดปกติเนื่องจากความกลัว ระบบเงินตราจะหักเงินหนึ่งหมื่นหยวนจากนายท่านเพื่อทำให้นายท่านมีภูมิคุ้มกันความกลัว”

เสียงจำนวนหนึ่งดังจากในใจของเซี่ยเย่ ทันใดนั้นเซี่ยเย่ก็รู้สึกได้ว่าความกลัวกำลังหายไปช้า ๆ เมื่อเผชิญหน้ากับปีศาจและผีดิบเสมือนพวกนี้ เขาจึงไม่มีความคิดที่จะหลบหนี

“ตึ้งง...ยินดีด้วยกับหมายเลข 433 ที่ผ่านบททดสอบและได้รับคุณสมบัติให้เข้าร่วมการประเมินวรยุทธ์”

ภาพตรงหน้าเปลี่ยนไป เซี่ยเย่ลืมตาขึ้นอีกครั้ง คราวนี้ไม่มีปีศาจหรือผีดิบอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว มีเพียงอักษรสีขาวเย็นตาสี่ตัวบนผนัง ดูเหมือนว่าภาพตรงหน้าในตอนนี้เป็นเพียงภาพฉายเสมือนที่ดูจะเหมือนความจริงมากไปหน่อย

“แต่อย่างไรก็ต้องขอบคุณการใช้งานผิดปกติของระบบเงินตราล่ะนะ ที่มันช่วยให้ฉันกำจัดความกลัวได้ ไม่อย่างนั้นฉันคงไม่มีคุณสมบัติเข้าร่วมการประเมินในครั้งนี้เเน่”

“ในทางกลับกัน มันก็อธิบายได้ว่าทำไมอัตราการผ่านทดสอบของหน่วยทหารแต่ละหน่วยจึงมีสูงกว่าโรงเรียนและเส้นสายเหล่านั้น มันไม่ใช่เพราะระดับพลังยุทธ์ แต่เป็นระดับจิตใจยามเผชิญหน้ากับเหล่าปีศาจต่างหากล่ะ”