ตอนที่แล้ว322 นกเขาไม่ขัน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป324 คุณต้องปลูกมันเอง

323 ตำราแพทย์ซางเย้า


323 ตำราแพทย์ซางเย้า

หวังเย้านั้นรู้ดี ว่าปัจจุบันแพทย์แผนจีนนั้นอยู่ที่อ่อนแอมาก เพราะมันได้ถูกการแพทย์แผนตะวันตกข่มเอาไว้อย่างสมบูรณ์

“คนแก่ๆอย่างพวกฉันมีเวลาเหลืออยู่ไม่มากแล้ว สิ่งที่คิดหวังเอาไว้ตอนนี้ก็คงจะมีแค่ อยากให้มีใครสักคนมาสืบทอดและส่งเสริมให้การแพทย์แผนจีนรุ่งเรืองขึ้นมาอีกครั้ง” ซางกู่จื้อพูดออกมาด้วยความรู้สึกเศร้าใจเล็กน้อย

เขานั้นแก่แล้ว และตัดสินใจปล่อยให้เรื่องมันเป็นไป เขามองเห็นลึกมากกว่านั้น เพราะเรื่องนี้มันไม่ใช่แค่เรื่องของคนคนเดียว แต่เป็นเรื่องของส่วนรวม ความคิดที่ยิ่งใหญ่นี้ คงยากที่จะเป็นไปได้

“คุณยังแข็งแรงอยู่เลยนะครับ” โจวฉงพูดด้วยรอยยิ้ม

“ฮา ฮา” ซางกู่จื้อโบกไม้โบกมือของเขา “ฉันรู้จักร่างกายของฉันดี”

เขาอยู่ในวัย 70 แล้ว ถึงแม้ว่าเขาจะมีความรู้ในการรักษามากแค่ไหน แต่ร่างกายของเขาก็ยังคงแก่ลงอยู่ดี ความรู้ที่มีเพียงช่วยยืดเวลาแก่ตัวในช้าลงได้เท่านั้น สุดท้ายแล้ว มันก็ไม่สามารถเอาชนะกาลเวลาได้

ในระหว่างมื้ออาหาร ซางกู่จื้อได้พูดคุยอย่างออกรส และได้เล่าเรื่องมากมายให้ทุกคนได้ฟัง ซึ่งเรื่องส่วนใหญ่นั้นไม่ได้เกี่ยวกับแพทย์แผนจีนเลย แต่เป็นเรื่องเก่าๆหรือไม่ก็เรื่องประสบการณ์ชีวิตของเขามากกว่า ทั้งหวังเย้าและทุกคนที่ได้ฟังต่างก็รู้สึกอินไปกับเรื่องที่เขาเล่า

หลังจากจบมื้ออาหารแล้ว ทุกคนต่างก็ได้แยกย้ายกันไป

ซางกู่จื้อรั้งหวังเย้าเอาไว้และนำหนังสือที่ดูใหม่เล่มหนึ่งออกมา

“นี่เป็นของขวัญสำหรับเธอ”

“ของขวัญเหรอครับ?”

หวังเย้ามองดูหนังสือเล่มนั้น มันเป็นตำราแพทย์ที่มีชื่อที่ดูแปลกเล็กน้อย

ตำราแพทย์ซางเย้า

“นี่มัน...” หวังเย้าพอจะเดาบางอย่างได้บ้างแล้ว “หนังสือของคุณเหรอครับ?”

“ใช่แล้วล่ะ”

“แล้วได้มีการตีพิมพ์รึยังครับ?”

“ยังหรอก ฉันทำออกมาแค่ไม่กี่เล่มเท่านั้น”

“ยินดีด้วยนะครับ” หวังเย้ายังจำได้ว่า นี่คือสิ่งที่ชายชราเคยบอกเขาเอาไว้ว่ามันคือความฝันสุดท้ายที่เขาอยากจะทำให้สำเร็จ และมันก็ได้กลายเป็นความจริงแล้ว

“ขอบคุณนะ ฉันอยากจะขอบคุณเธอจากใจจริง” ซางกู่จื้อตอบ “สี่วิธีการวินิจฉัย”แบบโบราณ ที่หวังเย้าได้อธิบายให้เขาฟัง ได้เปิดโลกของเขาให้กว้างขึ้นอย่างมาก

“คุณถ่อมตัวเกินไปแล้วล่ะครับ ขอบคุณสำหรับของขวัญนะครับ ผมชอบมันมากเลย”

หวังเย้าพูดจากใจจริง หนังสือเล่มนี้จะเป็นเพียงกระดาษปึกหนึ่ง ในสายตาของคนที่ไม่เข้าใจมัน แต่สำหรับหวังเย้า มันคือสิ่งที่ล้ำค่าอย่างมาก ข้อมูลเชิงลึก, มุมมอง, และประสบการณ์ของชายชรา ที่ฝึกฝนการแพทย์มาตลอดทั้งชีวิตของเขาได้ถูกตีพิมพ์อยู่ในหนังสือเล่มนี้ หนังสือเล่มนี้คือ บทสรุปทั้งชีวิตการเป็นแพทย์แผนจีนของเขา

“ดีแล้วที่เธอชอบมัน ฉันหวังว่าสักวัน เธอจะสามารถสร้างโลกของเธอเองในวงการนี้ได้นะ”

“ขอบคุณครับ ผมจะทำงานอย่างเต็มที่ครับ” หวังเย้าตอบ

หลังจากที่ส่งซางกู่จื้อที่โรงแรมแล้ว หวังเย้าก็ขับรถกลับมาที่บ้าน

เขาจอดรถเอาไว้ และเมื่อเห็นว่าไฟในบ้านยังคงสว่างอยู่ หวังเย้าจึงได้เดินเข้าไปหาพ่อแม่ของเขา พร้อมกับนวดให้พวกเขาด้วย จากนั้น เขาก็กลับขึ้นไปบนเนินเขา มันเป็นเวลาสี่ทุ่มแล้ว เมื่อเขาเดินขึ้นมาถึงเนินเขาหนานชาน แต่เขายังคงไม่ง่วงนอน เขาเปิดไฟสว่างอยู่ภายในกระท่อม จากนั้น เขาก็นำหนังสือที่ซางกู่จื้อมอบให้ออกมาและศึกษาอย่างหมกมุ่น

ที่คำนำของหนังสือ หวังเย้าเห็นบรรทัดหนึ่งที่มีการเขียนขอบคุณคนคนหนึ่งโดยเฉพาะ ซึ่งไม่ได้มีการเขียนชื่อของเขาเอาไว้ และมีเพียงคำว่า “แพทย์ปรุงยา” เท่านั้น ซางกู่จื้อได้แสดงความขอบคุณอย่างจริงใจต่อคนคนนั้น และเพราะเหตุนี้ ตำราเล่มนี้จึงได้มีชื่อว่า ตำราแพทย์ซางเย้า ซึ่งดูประหลาดอยู่เล็กน้อย

ส่วนสารบัญของหนังสือนั้นถูกเขียนเอาไว้อย่างกว้างๆมันมีทั้ง กรณีศึกษาจากผู้ป่วย, สูตรยา, และทฤษฏีการฝังเข็ม ซึ่งได้รวบรวมเอาความรู้เกี่ยวกับแพทย์แผนจีนเอาไว้จำนวนมาก มันคือตำราแพทย์ที่หาไม่ได้ง่ายๆ เมื่อได้เริ่มอ่านแล้ว หวังเย้าก็แทบจะวางไม่ลงและอ่านจนลืมเวลา ไปจนกระทั่งถึงตีหนึ่ง เขาจึงได้วางหนังสือลงอย่างเบามือ เขาได้ลุกขึ้นไปอาบน้ำ ปิดไฟ และเข้านอน

วันถัดมา หวังเย้าตื่นแต่เช้าตรู่

ท้องฟ้ามีเมฆมากเป็นบางส่วน และก็เหมือนกับทุกๆวัน หวังเย้าได้ไปยังก้อนหินใหญ่ที่ยอดเขาเพื่อฝึกฝนร่างกายตัวเอง

ห่างมองมาจากที่ไกลๆ ก็จะสามารถเห็นได้ว่ามีการเคลื่อนไหวอยู่บนก้อนหินที่ยอดเขา ที่บางครั้งก็รวดเร็ว บางครั้งก็เชื่องช้า หากเข้าไปใกล้มากขึ้น ก็จะสามารถได้ยินเสียง ที่คล้ายกับมีบางอย่างได้พุ่งผ่านอากาศไป ร่างกายที่เคลื่อนไหวอยู่นั้นสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน แต่ส่วนแขนขาของเขานั้นไม่อาจจะมองเห็นได้ชัดเจนนัก ด้วยเพราะมันมีการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วจนเกินไป มันดูคล้ายกับการเคลื่อนไหวของไทชิ แต่ความจริงแล้วมันมีชื่อเรียกว่า ฉวนจิง

เปิด!

กำปั้นถูกชกออกไปจนเกิดเสียง ปัง มันเป็นเสียงที่คล้ายกับเสียงฟ้าผ่า และฟังดูแปลกหู

ฟู้ว หวังเย้าพ่นลมหายใจออกมา

เขาดึงพลังฉีกลับและจบการฝึก จากนั้น เขาก็เดินลงไปจากยอดเขา และเมื่อเขาเพิ่งจะก้าวเข้าไปในแปลงสมุนไพร เขาก็ได้ยินเสียงมือถือของเขาดังขึ้น

พันจวินได้โรมาถามเกี่ยวกับเรื่องที่พวกเขาได้คุยกันไปเมื่อวาน

“เรื่องของเพื่อนคุณน่ะเหรอ?”

“ครับ” พันจวินพูด

“วันนี้ผมว่างอยู่ครับ”

“ถ้าอย่างนั้น ผมจะพาเขาไปหาคุณเช้านี้เลยนะครับ”

พวกเขาได้ตกลงเวลากันเรียบร้อย เขาจะได้พบกับเพื่อนของพันจวิน ที่มีโรคประหลาดและยากเกินจะเอ่ยออกมาได้

ในเวลา 10 โมงเช้า พันจวินและเพื่อนของเขาได้เดินทางมาถึงศูนย์การแพทย์

เพื่อนของพันจวินนั้นมีรูปร่างที่สมส่วนและมีความสูงอยู่ที่ 1.8 เมตร

“หมอหวังนี่คือเพื่อนของผมครับ เฉินเหว่ย”

“สวัสดีครับ หมอหวัง”

“สวัสดีครับ”

หลังจากที่นั่งกันเรียบร้อยแล้ว หวังเย้าก็ทำการจับชีพจรของเฉินเหว่ยเพื่อวินิจฉัยโรคให้กับเขา

หืม?

“ก่อนหน้านี้ คุณเคยได้รับบาดเจ็บมาก่อนรึเปล่าครับ?”

“เคยครับ” เฉินเหว่ยตอบ

เขาเป็นชายที่ซื่อตรงคนหนึ่ง และเขาก็เคยได้รับบาดเจ็บที่ช่วงเอว จากการช่วยเหลือเพื่อนของเขามาก่อน

ชายที่ดูแข็งแรงตรงหน้าเขา มีอาการป่วยที่เกิดจากการได้รับบาดเจ็บที่หลอดเลือด บริเวณเอว

“บางครั้ง คุณก็ปัสสาวะออกมาเป็นเลือดด้วยใช่ไหมครับ?” หวังเย้าถาม

“ครับ” เฉินเหว่ยตอบอย่างรวดเร็ว

“ที่ไตของคุณก็มีปัญหาด้วยนะครับ”

ไตนั้นเป็นอวัยวะที่มีมาแต่กำเนิด หากเมื่อไหร่ที่ไตมีการทำงานที่ผิดปกติ มันก็จะส่งผลถึงส่วนอื่นในร่างกาย และทำให้เกิดปัญหาต่างๆตามมา

“ผมจะเขียนใบสั่งยาให้คุณนะครับ”

หวงฉี, ลู่หรง, ตู้จง, เก๋ากี่...

หลังจากที่เขียนใบสั่งยาแล้ว หวังเย้าก็ได้จัดสมุนไพรตามใบสั่ง จากตู้เก็บสมุนไพรที่อยู่อีกด้านหนึ่ง

“การรักษาจะใช้เวลาอยู่ที่ 10 วันนะครับ แล้วก็ยังมียาตัวอื่นอีก”

หวังเย้าได้จ่ายยาอีกตัวหนึ่ง ซึ่งเป็นยาที่มีหน้าที่ในการสลายการอุดตันในเส้นเลือดเป็นหลัก

“คุณสามารถประคบร้อนไว้ที่ตรงบริเวณนี้ได้ด้วยนะครับ” หวังเย้าชี้ไปที่บริเวณเอวของเฉินเหว่ย ซึ่งเป็นส่วนที่เขาเคยได้รับบาดเจ็บมาก่อน

“คุณรู้สึกหนาวเป็นบางครั้งด้วยไหมครับ?”

เฉินเหว่ยรู้สึกประหลาดใจและตอบกลับไปว่า “ครับ ขนาดวันที่ร้อนมากๆ ผมก็ยังรู้สึกหนาวได้เลย”

เขาได้ทิ้งความรู้สึกดูถูกต่อชายหนุ่ม ที่เขาเคยมีก่อนหน้านี้ไปจนหมด เพียงแค่การจับชีพจร หวังเย้าก็สามารถตรวจพบปัญหาหลายอย่าง หมอคนนี้เป็นหมอที่มีฝีมือเก่งกาจ อย่างที่พันจวินบอกเขาไว้จริงๆ

หวังเย้ายังได้เขียนสิ่งที่เฉินเหว่ยควรระวังเอาไว้อีกด้วย คนที่มีอาการป่วยต้องกินยาและดูแลสุขภาพตัวเองด้วย

“ขอบคุณครับ!” เฉินเหว่ยจ่ายเงินค่ารักษาด้วยความเต็มใจ

หลังจากที่เฉินเหว่ยจากไปแล้ว พันจวินยังคงอยู่ต่อเพื่อพูดคุยกับหวังเย้า

“หมอหวังครับ เพื่อนของผมเขาป่วยหนักมากเลยเหรอครับ?”

“เขาต้องหย่าเพราะเรื่องนี้ จะเรียกว่าหนักก็ได้อยู่นะครับ” หวังเย้าพูดเล่น “ตอนนี้อาการของเขายังรักษาทันอยู่ครับ แต่ถ้าเขามาช้ากว่านี้ อาการของเขาก็จะหนักกว่านี้ก็เป็นได้”

ทั้งสองบอกลากัน จากนั้น พันจวินก็เดินออกไปจากประตูและเข้าไปนั่งในรถ เพื่อนของเขาก็ได้ถามเกี่ยวกับเรื่องนี้เช่นกัน

“นี่ หมอหวังบอกไหมว่า อาการป่วยของฉันรักษาได้ไหม?” เรื่องนี้ทำให้เขารู้สึกปวดหัวมาก และมันก็ทำให้ภรรยาของเขาก็ไม่พอใจมากด้วย

“ขอแค่นายกินยาตามใบสั่งที่เขาให้มา ก็ไม่มีปัญหาแน่นอน” พันจวินตอบ

“ถ้าอย่างนั้นก็ดีสิ ดีมาก ถ้าหากมันได้ผลจริงๆ ฉันจะต้องขอบคุณเขาอย่างเต็มที่เลยล่ะ!”

หลังจากที่พวกเขาจากไปแล้ว หวังเย้าก็ได้เขียนรายละเอียดการรักษาของคนไข้ลงไป และในตอนกลางวัน เขาก็ต้องพบกับคนไข้อีกราย

เธอมีชื่อว่า ฟางอี่ เด็กสาวที่ป่วยด้วยโรคประหลาด

พวกเขามีแผนที่จะเดินทางมาในตอนเช้า แต่ก็มีเรื่องที่ทำให้มาไม่ได้ ดังนั้น พวกเขาจึงได้เดินทางมาในตอนกลางวันแทน

หลังจากผ่านมื้อกลางวันไป ท้องฟ้าก็เริ่มมีเสียงฟ้าร้องดังขึ้น ความกดอากาศเริ่มลดต่ำลงและฝนก็ตกลงมาอย่างรวดเร็ว ไม่นาน ฝนก็ได้เทลงมาอย่างหนัก

หวังเย้าอยู่ที่บ้าน และยืนมองฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก อยู่ที่ประตูบ้าน

เนินเขาที่อยู่ทางทิศตะวันออกและตะวันตกของหมู่บ้าน สามารถมองเห็นได้จากบริเวณลานบ้านของเขา ซึ่งอยู่ไม่ไกลมากนักและอยู่ตรงหน้าของเขานี่เอง เนินเขานั้นเต็มไปด้วยต้นไม้ที่ยังคงเขียวชอุ่ม แม้จะเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วงแล้วก็ตาม และพวกมันก็ยิ่งเขียวมากขึ้น เมื่อถูกชะล้างด้วยน้ำฝน

ฝนเริ่มซาลงเมื่อตกลงมาได้ชั่วโมงกว่า แต่ก็ยังคงตกลงมาเรื่อยๆไม่หยุด หวังเย้าได้ถือร่มและเดินไปที่ศูนย์การแพทย์ จากนั้น เขาก็นำหนังสือของซางกู่จื้อออกมาอ่าน

ด้านนอก ฝนได้โปรยลงมาเงียบๆ

ฟางอี่และครอบครัวของเธอ ได้เดินทางมาถึงท่ามกลางสายฝนที่ยังคงโปรยปราย ในเวลาบ่าย 2 โมงครึ่ง

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด