ตอนที่แล้วเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0519
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0521

เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0520


ตอนที่ 520 : อันดับหนึ่ง

ภายในสังเวียนค่ายอาคมวิญญาณ เรื่องราวแปลกประหลาดได้บังเกิดขึ้น!

ผู้อาวุโสหลายคนที่รับชมภายนอก ขณะนี้ตื่นตะลึง พวกเขาถึงขั้นมองหน้ากันเอง

ฉินหยุน เทียนรั่วเหลิง และเย่ว์อู่หลันที่เต็มไปด้วยบาดแผลกำลังจะสิ้นสภาพอยู่แล้วนั้น

ขณะนี้พวกเขากลับถูกห่อหุ้มเอาไว้ด้วยม่านพลังประหลาดคุ้มกัน หากคิดทำลายบุกฝ่า ก็เป็นเรื่องยากเกินไป!

“เป็นวิญญาณยุทธ์สั่นไหว!” ชายชราคนหนึ่งที่มีภูมิความรู้และประสบการณ์อุทานร้องออก “นี่คือพลังสั่นไหว!”

“ฉินหยุนถึงขั้นครอบครองวิญญาณยุทธ์สั่นไหว เป็นวิญญาณยุทธ์ในตำนาน!”

“เขาถึงขั้นมีดีซุกซ่อนไว้เพียงนี้!”

“ไม่ใช่ว่าวิญญาณยุทธ์ของเขา เป็นวิญญาณยุทธ์อสนีบาตหรือไร?”

“แล้วก็นี่เป็นไปได้หรือ? กระทั่งว่าเป็นวิญญาณยุทธ์สั่นไหว หากคิดใช้พลังระดับนี้ก็ถือเป็นเรื่องยาก มีแต่ผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณ จึงสามารถสร้างม่านพลังสั่นไหวที่แข็งแกร่งเช่นนี้ขึ้นมาได้!”

“ถูกต้องแล้ว ฉินหยุนต้องใช้อุบายใดอย่างแน่นอน!”

ผู้อาวุโสสถาบันดาบอสนีบาตคราม ขณะนี้สีหน้าน่าเกลียด ปากร้องตะโกนถามอย่างกราดเกรี้ยว “ฉินหยุน เจ้าทำอะไรลงไป?”

“ข้าทำอะไรล้วนไม่เกี่ยวกับเจ้า!” ฉินหยุนตอบโต้อย่างทันควัน

เทียนรั่วเหลิง และเย่ว์อู่หลัน ขณะนี้กำลังโคจรถ่ายเทพลังให้แก่ฉินหยุน และเขาจะสามารถรักษาม่านพลังเอาไว้ได้จนกระทั่งสิ้นสุดการแข่งขันรอบนี้

ขณะนี้ อุปกรณ์อักขระแสง กำลังรักษาบาดแผลของพวกเขาอยู่เช่นกัน

“ผู้อาวุโส ฉินหยุนต้องใช้อุบายใดอย่างแน่นอน พวกเราต้องลงโทษมัน เป็นมันที่ละเมิดกฎการแข่งขัน!”

ชายชราจากสถาบันดาบอสนีบาตคราม เร่งร้อนมองทางผู้อาวุโสหลายคนในชุดสีทอง น้ำเสียงเอ่ยออกอย่างเกรี้ยวกราด

“จงบอกต่อข้า พวกเขาใช้อุบายใด?” น้ำเสียงของเต๋าฟานเย็นเยือกขณะเอ่ยถาม “หากพวกเจ้าไม่อาจยืนยัน นี่ถือเป็นการยั่วยุข้า!”

“คิดหรือว่าข้าสน โดยสรุป ฉินหยุนได้ละเมิดกฎแน่นอนแล้ว!” ชายชราอีกฝ่ายตะโกนตอบกลับ

เซียงเต๋าเผยสีหน้าเฉยชา “หากเจ้าไม่อาจยืนยัน เจ้าจงไปเชิญจ้าวหอทั้งสี่ที่เหลือมา ให้พวกเขาได้เป็นประจักษ์พยานยืนยัน ว่าฉินหยุนขัดต่อกฎใด!”

จ้าวหอของหอจารึก หอโอสถ และหออาวุโส รวมถึงหอดาบ ล้วนเป็นตัวตนยากปรากฏ

โดยเฉพาะจ้าวหอของหออาวุโส เขาคือจ้าวสำนักหอขุนเขาดาบกระบี่!

“เจ้า... เจ้า...” ชายชราจากสถาบันดาบอสนีบาตคราม ไม่ทราบแล้วว่าควรตอบสนองอย่างไรดี

ด้วยฐานะจ้าวหอของหอกระบี่ เขาถือมีสิทธิ์เหนือผู้ใดในที่นี้

และที่นี่คืออาณาเขตของเซียงเต๋า กระทั่งว่าเป็นบรรดาผู้อาวุโส พวกเขาก็ยังต้องไว้หน้าเซียงเต๋า

ฉินหยุนขณะนี้ทราบถึงความสำคัญของการที่มีคนมากกว่า หากพวกเขามีกันสิบคนเท่าเทียม พวกเขาก็คงไม่มีบาดแผลใดตามร่างกายด้วยซ้ำ

เวลาผ่านไปทีละน้อย!

ชายชราจากสถาบันดาบอสนีบาตครามเผยสีหน้าไม่ยินดี ความโกรธเกรี้ยวปรากฏเด่นชัดที่สีหน้า

ผู้ฝึกตนชุดขาวสิบคน ขณะนี้ยังคงโถมโจมตีด้วยการจ้วงแทงดาบในมือ

กระนั้น จนถึงตอนนี้ พวกเขาก็ยังไม่อาจทะลวงผ่านอำนาจการป้องกันของม่านพลังสั่นไหวไปได้!

เย่ว์อู่หลันและเทียนรั่วเหลิง ล้วนเกิดความตื่นตะลึงไม่ต่างจากผู้อื่น

พวกนางทราบว่าฉินหยุนครอบครองวิญญาณยุทธ์อสนีบาตและอัคคี แต่แล้วที่เขาปลดปล่อยออกมาขณะนี้ มันเป็นพลังสั่นไหวอันแข็งแกร่ง

ฉินหยุนครอบครองสามแก่นเต๋า รวมเข้ากับความช่วยเหลือของเทียนรั่วเหลิงและเย่ว์อู่หลัน เท่ากับเขามีพลังของห้าแก่นเต๋า พวกมันนับว่ามากพอที่จะให้พวกเขาลากถ่วงเวลาไปได้อีกยาวนาน

“พี่สาวใหญ่ พี่สาวรอง ใช้โอกาสนี้จดจำใบหน้าพวกมันทั้งสิบ หากเมื่อใดพบเจอพวกมันที่ภายนอก เมื่อนั้นขอให้ส่งคืนความตายอันน่าสังเวชแก่พวกมัน!” คำกล่าวเย็นเยือกของฉินหยุน มันเปี่ยมแน่นด้วยความโกรธ

“ข้าย่อมจดจำใบหน้าพวกมันทั้งสิบไว้หมดสิ้น! ใบหน้าที่แสนอัปลักษณ์ของพวกมัน ขณะนี้ฝังแน่นในความทรงจำข้าแล้ว!” น้ำเสียงของนางเย็นเยือกเผยจิตสังหารรุนแรงเด่นชัด กระทั่งผู้คนภายนอกม่านพลัง ยังต้องเกิดอาการหวาดวิตก

“มีแต่สังหารพวกมัน จึงค่อยลบภาพใบหน้าอัปลักษณ์พวกมันออกจากความทรงจำข้าได้!”

เมื่อเย่ว์อู่หลันนึกถึงสภาพพวกตนสามคน ที่ถูกรุมโจมตีจนมีสภาพย่ำแย่เมื่อครู่ โทสะภายในใจของนางพุ่งสูงจนถึงขีดสุด

ไม่มีผู้ใดสงสัยต่อคำพูดนาง

เพราะพวกเขาทั้งสาม กระทั่งคนของตระกูลหลงและตระกูลหยางก็กล้าลงมือสังหาร!

ชั่วขณะนี้ คลื่นความหวาดกลัวแผ่ขยายเข้าเกาะกุมหัวใจ แก่ศิษย์ทั้งสิบคนของสถาบันดาบอสนีบาตคราม!

พวกเขาเดิมคิด ว่าการบุกโจมตีครั้งนี้ สมควรทำฉินหยุนและคณะพิการจนสิ้น และถือเป็นการจัดการปัญหาที่อาจเกิดขึ้นภายหน้าในคราวเดียว!

ผู้ใดกันคาดคิด ว่าอีกฝ่ายที่มีกันเพียงสามคน จะสามารถยืนหยัดต้านทานจนกระทั่งถึงตอนนี้ได้!

ฉินหยุน เทียนรั่วเหลิง และเย่ว์อู่หลัน ล้วนเป็นตัวตนโหดเหี้ยม

หากพวกเขารอดพ้นจากเดือนนี้ไปได้ การบุกโจมตีของพวกเขาจะดุดันและดุร้าย

“พวกเจ้าอย่าได้หวาดกลัวพวกมันไป! เดือนถัดไป สถาบันเต๋าฟานก็ตระเตรียมโจมตีได้แค่สองครั้งต่อวัน! นับจากนี้อีกเดือนหนึ่ง พวกมันจะยังมีคู่อริให้จัดการอีกเยอะถมกว่าจะถึงคราวพวกเจ้า!”

“การแข่งขันดาบกระบี่บุกโจมตีและตั้งรับ ไม่เคยมีความสำเร็จอย่างต่อเนื่องมาก่อน!”

ชายชราจากสถาบันดาบอสนีบาตคราม พยายามสร้างขวัญกำลังใจแก่ศิษย์ของตนอย่างสุดแรง

ไม่ช้า ก้านธูปจึงไหม้จนหมดสิ้น!

“หยุดมือ!” เซียงเต๋าเร่งรีบตะโกนดัง

ใบหน้ากลุ่มศิษย์ของสถาบันดาบอสนีบาตคราม ต่างเผยความไม่ยินดีกันออกมาเด่นชัด!

ฉินหยุนและคณะ กำลังส่งคลื่นจิตสังหารรุนแรงมองทางศิษย์สิบคนที่โจมตีพวกเขาอย่างไม่วางตา

“พวกเจ้า เร่งรีบกลับไปรักษา ยังมีการแข่งขันรอบสองในช่วงบ่าย!” เต๋าฟานเร่งรีบเดินเข้ามา ตรวจสอบอาการบาดเจ็บของพวกเขา

“เหล่าฟาน พวกเราบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น!” ฉินหยุนเผยยิ้มกว้าง

“สิ่งเดียวที่ต้องการฟื้นฟูโดยเร็ว คือพวกเราใช้พลังงานกันไปมาก!” ได้เห็นเต๋าฟานเป็นห่วงพวกตน เทียนรั่วเหลิงจึงเกิดความอบอุ่นขึ้นในใจ

“เหล่าฟาน กลับไปพักกันก่อนดีกว่า!” เย่ว์อู่หลันขณะนี้ผ่อนคลายลงไปมาก

“สถาบันฟานเต๋าชนะ ได้รับแปดแต้ม! สถาบันดาบอสนีบาตครามพ่ายแพ้ สูญเสียแปดแต้ม! ขณะนี้ สถาบันฟานเต๋าถือเป็นอันดับหนึ่ง!”

เซียงเต๋าประกาศเสียงดังก้องทั้งเผยรอยยิ้ม

เต๋าฟานยิ้มรับ “พวกเจ้าลงแรงกันไปมาก ย่อมได้ผลกลับมามากเช่นเดียวกัน!”

สถาบันของเต๋าฟาน เป็นสวนฝึกฝนระดับต้น หากแข่งขันตั้งป้องกันได้สำเร็จ พวกเขาจะได้รับแปดแต้ม ดังนั้นแล้ว ถือเป็นเรื่องปกติที่จะได้รับอันดับหนึ่ง

นี่ก็เพราะภายใต้สถานการณ์ปกติ หาได้ยากยิ่งที่จะมีผู้อื่นท้าทายผู้ที่ด้อยกว่า กระทั่งว่าบุกโจมตี ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นการรับประกันชัยชนะเสมอไป

กลุ่มคนจากสถาบันดาบอสนีบาตคราม ต่างเกิดความไม่ยินดีขึ้นภายในใจ ขณะต้องจำยอมเดินไปจากสถาบันฟานเต๋า

ฉกชิงไก่ไม่สำเร็จ กระทั่งข้าวยังสูญเสีย สถาบันดาบอสนีบาตครามใช้จ่ายไปมากถึงสิบสามล้านเหรียญม่วง เพื่อชิงเอาสิทธิ์ในการเลือกมาก่อนผู้อื่น ขณะนี้พวกเขาลงมือล้มเหลว กระทั่งสูญเสียถึงแปดแต้ม ดังนั้น พวกเขาขณะนี้จึงอยู่รั้งท้ายอันดับ!

ฉินหยุนและสองสาว เร่งรีบกลับเข้าห้องลับเพื่อทำการพักฟื้น

เขานำเอาอ่างหยกออกมาสองอ่าง เพื่อให้เย่ว์อู่หลันและเทียนรั่วเหลิงได้ใช้แช่กาย

ฉินหยุนครอบครองโทเทมต้นไม้ และยังมีสายเลือดราชสีห์สวรรค์ เขาสามารถฟื้นฟูอาการบาดเจ็บอย่างรวดเร็วได้

เวลานี้ เขากำลังคิดทำอะไรบางอย่างในห้องลับ

อวัยวะภายในมังกรถูกนำออกมา และเผาไหม้ด้วยน้ำมันสัตว์ จากนั้นจึงใช้ค้อนเทวะเก้าตะวัน ทำการทุบจนเกิดแผ่นบางขึ้น

จากนั้นเขาจึงลองพยายามเจาะทะลวงแผ่นบางดังกล่าว ด้วยอุปกรณ์เต๋าที่คมกริบ

แม้ว่าสามารถแทงทะลุ แต่มันก็แทงทะลุได้ยากเพราะความยืดหยุ่นอย่างมหาศาลของตัวมัน

หากหนากว่านี้และใช้รัดพันรอบร่างกาย เขาจะไม่ได้รับบาดเจ็บหากถูกฟันแทงด้วยดาบที่แหลมคม

วัตถุชิ้นนี้ มีอำนาจการป้องกันที่ดีเยี่ยมชิ้นหนึ่ง

หากเขาสร้างชุดเกราะในรูปแบบดังกล่าว เขาจะยังสามารถแกะสลักอักขระวิญญาณ แต่คิดทำแบบนั้นจำเป็นต้องใช้เวลา

ฉินหยุนเร่งรีบขัดเกลาเครื่องในมังกร ทำพวกมันให้หนาขึ้นจนมีขนาดราวผืนผ้า จากนั้น เขาค่อยนำพวกมันไปแปะไว้ตรงส่วนสำคัญตามร่างกาย นี่ก็เพื่อหลีกเลี่ยงการโจมตีจุดตาย

กระทั่งว่าเขาถูกโจมตีเข้าที่ตรงบริเวณจุดสำคัญ เขาก็จะยังไม่เป็นอะไรมาก เพราะหัวใจและแก่นเต๋าของเขา จะไม่มีทางให้อำนาจการโจมตีจากระดับที่เท่ากันแทงทะลุได้

ในช่วงบ่าย ฉินหยุนทำการหลอมสร้างแผ่นเครื่องในมังกรออกมาจำนวนหนึ่ง จากนั้นจึงนำพวกมันไปติดแปะไว้ตรงบริเวณส่วนสำคัญของร่างกาย

แม้ว่าเทียนรั่วเหลิงและเย่ว์อู่หลันไม่ทราบว่ามันคืออะไร แต่พวกนางพอได้เห็นว่าฉินหยุนสร้างขึ้นกับมือ จึงทราบว่าเป็นของที่สำคัญอย่างหนึ่ง

พวกนางเอง ก็ใช้แผ่นเหล่านี้เพื่อแปะตามส่วนสำคัญของร่างกาย

ศึกรอบที่สองในช่วงบ่าย ขณะนี้ได้เวลาเริ่มแล้ว!

ฝ่ายที่มาเพื่อบุกโจมตี ยังคงเป็นสวนฝึกชั้นยอดจากสถาบันดาบ นามของพวกเขา คือสถาบันดาบคมประกาย

ทั้งสิ้นมีกันสิบเอ็ดคน ทั้งหมดต่างสวมใส่ชุดสีขาว!

ในช่วงบ่าย พวกเขาใช้จ่ายไปนับสิบล้านเหรียญม่วง เพื่อซื้อสิทธิ์ในการเลือกสถาบันฟานเต๋า

ก่อนการบุกโจมตีทุกรอบ จะมีการประมูลขันต่อราคากันเกิดขึ้น!

หากมีเหรียญม่วงมากพอ การซื้อหาสิทธิ์เลือกคู่ต่อสู้ก่อนไม่ใช่เรื่องยากแต่อย่างใด!

สถาบันฟานเต๋า ขณะนี้ยิ่งมายิ่งคึกคัก!

เพราะฉินหยุนและคณะมีชื่อเสียงโด่งดังภายในหอขุนเขาดาบกระบี่ เป็นพวกเขาที่สามารถตั้งป้องกันได้สำเร็จแม้อีกฝ่ายบุกโจมตีกันด้วยจำนวนคนที่มากกว่า

ผู้อาวุโสหลายคน รวมถึงศิษย์ของสวนฝึกระดับราชัน ต่างก็มารับชม

สถาบันดาบคมประกาย เป็นหนึ่งในสถาบันอันดับสูงที่ขึ้นชื่อเรื่องความแข็งแกร่ง เพราะพวกเขามีศิษย์จำนวนมาก พละกำลังโดยรวมของพวกเขา จึงถือว่าแข็งแกร่งยิ่งกว่าสถาบันดาบอสนีบาตครามก่อนหน้านี้

“ข้าคือหัวหน้าของสถาบันดาบคมประกาย! ได้ยินว่าพวกเจ้าสามคนอหังการอวดดี ดังนั้นจึงมาเพื่อสั่งสอนบทเรียนให้หลาบจำ!”

ชายใบหน้ากลมไว้หนวดเคราเล็กน้อย ขณะนี้เผยสีหน้าอหังการอวดดีกล่าวคำออก

“พวกเรามีกันแค่สาม ทั้งยังเป็นสถาบันระดับต้น! พวกเจ้ามากันสิบเอ็ดคนเพื่อสอนสั่งบทเรียนแก่พวกเรา ถือเป็นการประเมินพวกเราที่สูงล้ำยิ่งนัก!” เทียนรั่วเหลิงเผยเสียงเย็นชากล่าวประชดประชัน

“สถาบันดาบนี่มีแต่เศษเดนมนุษย์เช่นพวกเจ้าหรือไร? ถือว่าวิเศษนัก! เมื่อใดสถาบันกระบี่พวกเราได้เป็นฝ่ายบุกโจมตี เมื่อนั้นย่อมต้องเลือกสถาบันสวะเช่นนี้เพื่อกลั่นแกล้งเสียบ้าง!” ฉินหยุนกล่าวเหยียดหยันอีกฝ่าย

ชายวัยกลางคนทั้งสิบเอ็ดจากสถาบันดาบคมประกาย ขณะนี้หัวเราะออกกันเสียงดัง

“ถึงคราวพวกเจ้าโจมตีงั้นหรือ? นั่นหมายความถึงเดือนหน้าอย่างนั้นหรือ? พวกเจ้าช่างอวดดีนัก! เพียงแค่วันนี้ก็ให้รอดพ้นจากการพิการเสียก่อนเถอะ!” หัวหน้าสถาบันดาบคมประกายหัวเราะดังอย่างไม่ยี่หระต่อคำขู่

“เป็นข้าไม่เข้าใจยิ่งนัก พวกเจ้ารังแกพวกเราสามคนที่อ่อนเยาว์กว่า แต่แล้วกลับยังวางท่าอวดดีโดยการนำคนมามากกว่า! หากเป็นข้า คงไม่กล้าบอกต่อเรื่องราวนี้แก่ผู้อื่นจนสร้างความอับอายแก่ตนเองแล้ว!”

“แต่เหมือนหนังหน้าพวกเจ้าหนาไม่น้อย เมื่อใดถึงคราวพวกเจ้าตั้งรับ ข้าคิดอยากเห็นนักว่ามันจะทานทนได้ถึงที่ตรงใด!”

คำกล่าวเหยียดหยันเหล่านี้จากเย่ว์อู่หลัน ทำเอาเสียงหัวเราะระเบิดดังจากกลุ่มศิษย์ของสวนฝึกราชัน!

เต๋าฟานหัวเราะดังเช่นกัน “พวกเจ้าอายุอย่างน้อยก็ห้าสิบ รวมพวกเจ้าเข้าด้วยกันทั้งหมดอายุเกินกว่าห้าร้อย ไม่ละอายใจหรือไรที่ยกโขยงกันมากล่าววาจาอวดดีต่อหน้าเด็กน้อยสามคนนี่!”

จ้าวหอของหอกระบี่ เซียงเต๋าเองก็หัวเราะออก “หอดาบถึงกับมีกลุ่มคนเช่นนี้คงอยู่ด้วย!”

โดนกล่าวเหยียดหยันจากจ้าวหอแห่งหอกระบี่ ก็เปรียบดังเท่าทวีเสริมโทสะแก่กลุ่มชายวัยกลางคนของสถาบันดาบคมประกาย

“เริ่มกันได้!” เซียงเต๋าตะโกนดัง

เมื่อเต๋าฟานและเซียงเต๋าได้ทราบว่าฉินหยุนครอบครองม่านพลังสั่นไหวอันแข็งแกร่ง พวกเขาขณะนี้ต่างวางใจกันได้มาก

บรรดาผู้มาจากสถาบันดาบคมประกาย ต่างคิดกันไปว่าทั้งสามคนบาดเจ็บจากศึกก่อนหน้ามาไม่น้อย คิดจัดการอีกฝ่าย ย่อมถือเป็นเรื่องง่ายดาย

การประลองเมื่อเริ่มขึ้น ชายวัยกลางคนชุดขาวทั้งสิบเอ็ด จึงพร้อมใจกันโหมโจมตีออกอย่างโหดเหี้ยม!

พวกเขาเป็นดังฝูงหมาป่าหิวโหย เข้าปิดล้อมลูกแกะน้อย คิดใช้คมเขี้ยวแทงลึกเข้าเนื้ออีกฝ่าย และกัดกินอย่างสาแก่ใจให้อิ่มเอม

พวกเขาต่างเล็งเป้าปลายดาบที่จุดตาย อย่างเช่นดวงตา ใบหน้า ใบหู และกระทั่งตรงระหว่างขา...

เพื่อสร้างโอกาส พวกเขากระทั่งพัดสายลมรุนแรงใส่อีกฝ่ายเป็นการเบี่ยงเบน ก่อนจะทิ่มแทงดาบอย่างไร้ยางอายเข้าใส่จุดตายของอีกฝ่าย!

ด้วยเพราะเยื่อเครื่องในมังกรคุ้มกัน เทียนรั่วเหลิงและเย่ว์อู่หลัน เพียงป้องกันที่ศีรษะ และคอยรับการโจมตีอย่างเป็นระบบระเบียบ

อีกฝ่ายสิบเอ็ดคน รุมล้อมโจมตีจากทั่วทิศ หากเป็นผู้อื่น พวกเขาคงถูกแทงพรุนเป็นรวงผึ้งไปนานแล้ว!

ร่างกายเทียนรั่วเหลิงถูกจ้วงแทงหลายสิบครั้ง แม้นางรู้สึกไม่สบายใจที่ถูกดาบทิ่มแทงเข้าใส่ ทว่าร่างกายนางหาได้ถูกแทงจนทะลุแต่อย่างใดไม่!

เมื่อปลายดาบจ้วงแทงเข้าใส่เยื่อเครื่องในมังกรที่ยืดหยุ่น มันไม่มีทางแทงทะลุผ่าน และหากผู้ถูกโจมตีปลดปล่อยแรงออกสักเล็กน้อย มันจะสามารถสะท้อนปลายดาบนั้นกลับคืนให้แฉลบออกไปได้!

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด