ตอนที่แล้วเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0514
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0516

เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0515


ตอนที่ 515 : ดาบกระบี่บุกโจมตีและตั้งรับ

คนของตระกูลหลงและหยางเกิดสำนึกเสียใจ กระนั้นสีหน้าก็เขียวคล้ำ

แต่เดิม พวกเขาลงแรงไปอย่างมหาศาล จนกระทั่งบีบบังคับให้เบื้องบนของหอขุนเขาดาบกระบี่ยอมร่วมมือ

ทั้งหมดก็เพื่อ ให้ฉินหยุนและคณะออกพ้นจากตัวเมือง พวกเขาจะได้มีโอกาสก่อการลงมือ

หากพวกเขาทำสำเร็จ เท่ากับพวกเขาสามารถครอบครองอุปกรณ์เต๋า ทั้งยังจะสามารถจัดการเทียนรั่วเหลิง

กระนั้นตอนนี้ พวกเขาไม่อาจแม้ได้สัมผัสอุปกรณ์เต๋า กระทั่งเทียนรั่วเหลิงก็ยังไม่ถูกพรากเอาชีวิต

ที่เลวร้ายที่สุดคือตระกูลหลง อาจารย์ยุทธ์ของพวกเขาสองคน ขณะนี้สิ้นสภาพด้วยฝีมือฉินหยุน

กล่าวได้ว่า นี่เป็นความเสียหายหนักหนาที่สุดในรอบหลายปีของตระกูลหลง

เย่ว์อู่หลันเข้าถึงด้านหลังฉินหยุน สำรวจอาการบาดเจ็บของเขา

หญิงชราสองคนซึ่งถูกส่งมาจากตระกูลเย่ว์ คิดเข้าไปนำเย่ว์อู่หลันให้ถอยห่างออกมา

แต่ตอนนี้ ทุกผู้คนได้พบเห็นศักยภาพเหนือล้ำของฉินหยุน พวกนางทั้งสองต่างคิด ว่าหากให้เย่ว์อู่หลันได้อยู่ร่วมฉินหยุนอาจไม่แย่ดังที่คิด บางทีนางอาจถึงขั้นได้รับอุปกรณ์เต๋ามาครอบครอง

ด้วยเหตุนี้ พวกนางจึงไม่คิดก้าวก่ายเรื่องของเย่ว์อู่หลันอีก

ไม่นานหลังจากเย่ว์อู่หลันถึงข้างกายฉินหยุน หลงหยวนเหว่ยที่พิกลพิการเผยสีหน้าแปรเปลี่ยนเป็นเย็นเยือก นำเอาบ้องไม้ไผ่ขนาดเล็กออกมา

ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!

เข็มสีดำขนาดเล็กยิ่งจำนวนหนึ่ง ฉับพลันยิงเข้าหาเย่ว์อู่หลัน!

ผู้ฝึกตนหลายคนในที่นี้เป็นพยาน รับชมเรื่องราวที่เกิดขึ้นจากด้านข้าง พวกเขาต่างพบเห็น ว่าเย่ว์อู่หลันกำลังถูกอาวุธลับเข้าเล่นงาน!

เย่ว์อู่หลันตั้งระวังอยู่นานแล้ว แสงสว่างสีทองเรืองรองปรากฏจากกายนาง ทำการสกัดเข็มสีดำขนาดเล็กที่ใกล้ถึงลำคอเอาไว้ได้สำเร็จ!

“สารเลวนัก เป็นเจ้าใช้อาวุธลับจริง!”

เย่ว์อู่หลันพอกล่าวคำจบ นางจึงทะยานร่าง ลูบไล้ที่ศีรษะของหลงหยวนเหว่ยเบามือ

จากนั้นเสียงอะไรแตกหักพลันดังขึ้น

ด้วยอะไรไม่ทราบ ศีรษะของหลงหยวนเหว่ยปริแตกแยกออก!

หลงหยวนเหว่ยสิ้นชีพทั้งสภาพนั้น!

เพียงเย่ว์อู่หลันลูบไล้บางเบา ศีรษะของอีกฝ่ายถึงขั้นปริแตกแยกออกจนถึงแก่ความตาย!

สิ่งนี้เป็นเคล็ดวิชาประหลาด ขนาดทำเอาฉินหยุนต้องอึ้งกายแข็งทื่อ!

“เย่ว์... เย่ว์อู่หลัน เป็นเจ้าลงมือสังหารหลงหยวนเหว่ย!” อาจารย์ยุทธ์ที่สิ้นสภาพแล้วของตระกูลหลงคำรามดัง

คำอีกฝ่ายเพียงเพิ่งกล่าวจบ เย่ว์อู่หลันก็ทะยานเข้าหาแล้ว!

มือขาวนวลของเย่ว์อู่หลัน ตบเข้าที่ศีรษะของผู้อาวุโสตระกูลหลง

เพียงการลูบสัมผัสเบามือ ศีรษะอีกฝ่ายจึงระเบิดออกเป็นก้อนเลือดเนื้อ

เย่ว์อู่หลันไม่คิดหยุด ฝ่ามือของนางเคลื่อนเข้าหาศีรษะของชายชราอีกคนหนึ่งจากตระกูลหลง

ครานี้ ชายชราไม่แม้มีเวลาให้พูดกล่าวอันใด ศีรษะนั้นได้ระเบิดกระเด็นกระจายไปแล้ว

ภาพฉากที่เกิดขึ้นชวนผู้คนขนลุก กระนั้น เย่ว์อู่หลันเพียงกล่าวอย่างซุกซน “พวกมันล้วนพิการถ้วนหน้า ให้ข้าจบชีวิตแสนอนาถาของพวกมันถือเป็นการช่วยเหลือ! พวกมันย่อมต้องสำนึกในบุญคุณข้าอย่างแน่นอน!”

สองหญิงชราจากตระกูลเย่ว์ ขณะนี้เผยสีหน้าราวเห็นภูตผี พวกนางเดิมคิดว่าจะต้องเกิดเรื่องราวใหญ่โตขึ้น กระนั้นกลับจบสิ้นลงง่ายดาย

พวกนางทั้งสองเดิมคิดให้เย่ว์อู่หลันเข้าใกล้ชิดฉินหยุน นางอาจจะมีโอกาสได้รับอุปกรณ์เต๋าภายหน้าก็เป็นได้

แต่แล้วเรื่องราวเกินคาดคิดกลับเกิดขึ้น ไม่นานหลังเย่ว์อู่หลันเข้ามาใกล้ คนทั้งสามจากตระกูลหลงก็สิ้นชีพกันถ้วนหน้า!

เทียนรั่วเหลิง ไม่คล้ายแปลกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น!

เพราะหากนางทราบว่าหลงหยวนเหว่ยใช้อาวุธลับ นางก็คงบันดาลโทสะออกมาไม่ต่างกัน

เย่ว์อู่หลันหยิบจับบ้องไม้ไผ่น้อยขึ้นมารับชม ยิงเอาเข็มสีดำเคลือบพิษออกมาจำนวนหนึ่ง เป้าหมายเป็นหยางไห่เผิงซึ่งบาดเจ็บอยู่ไม่ไกลออกไป

ฟิ่ว! ฟิ่ว!

เข็มพิษทิ่มแทงเข้าที่ลำคอหยางไห่เผิง พร้อมกันนี้ ลำคอของอีกฝ่ายจึงถูกย้อมเป็นสีดำ!

“พิษดีไม่น้อย!”

เย่ว์อู่หลันกล่าวคำจบ นางจึงทะยานกลับคืนสู่ด้านในประตูเมืองเพื่อหลบซ่อน

ผู้คนตระกูลหยางบังเกิดโทสะ เร่งร้อนเข้าช่วยเหลือขับพิษออกจากร่างหยางไห่เผิง ริมฝีปากก็สาปแช่งเย่ว์อู่หลันไม่ขาดปาก

เซียงเต๋าเข้าไปคว้าตัวฉินหยุน นำเขากลับคืนสู่ด้านในประตูเมือง

“พวกเจ้าทั้งสาม กลับไปได้แล้ว!” เซียงเต๋าเป็นกังวล ว่าหากปล่อยให้เรื่องเลยเถิดกว่านี้ ท้องฟ้าอาจเปลี่ยนสีเกิดเภทภัย

ผู้คนของตระกูลหลงขณะนี้ถูกสังหารหมดสิ้นแล้ว!

สองคนเป็นอาจารย์ยุทธ์ อีกหนึ่งเป็นขอบเขตวรยุทธ์เต๋า ศิษย์แห่งตำหนักพฤกษาดวงดาว!

ตระกูลหลู่ที่ส่งมาทั้งหมด ก็ถูกกำจัดอย่างสิ้นซาก!

อาจารย์ยุทธ์จากตระกูลหยางและตระกูลเทียน ต่างก็ถูกสับฟันเอาแขนออก เป็นการทำให้พวกเขาเสื่อมเสียหน้าตาไม่ใช่น้อย!

ตระกูลหยางและตระกูลหลง เป็นสองในห้าตระกูลใหญ่ ขณะนี้ถูกยั่วยุอย่างร้ายแรงโดยฉินหยุน เย่ว์อู่หลัน และเทียนรั่วเหลิง

ด้วยฐานะจ้าวหอกระบี่ เรื่องราวที่เกิดขึ้น มันทำให้เขารู้สึกราวกับเพิ่งยั่วยุตระกูลใหญ่ไปด้วยตนเอง

เรื่องราวเช่นนี้ ถือว่าเป็นเรื่องที่อาจสร้างความโกลาหลอย่างมหาศาลแก่แคว้นมหาดวงดาว

ทางด้านผู้มารับชม พวกเขาได้เป็นประจักษ์พยานตั้งแต่เริ่มจนสิ้นสุด ขณะเดินกลับ พวกเขายังพูดคุยกันเองอย่างออกรสชาติ อาการตื่นตะลึงยังคงมีอย่างไม่ขาด ทั้งหมดที่เกิดขึ้นวันนี้ สมควรถูกบอกเล่าแก่มิตรสหายและครอบครัวเพื่อกระจายต่อ

* * *

หอขุนเขาดาบกระบี่ เขตทิศใต้ซึ่งสถาบันกระบี่ตั้งอยู่

ฉินหยุน เทียนรั่วเหลิง และเย่ว์อู่หลัน กลับมาถึงสถาบันกระบี่กันถ้วนหน้าแล้ว พวกเขากำลังอยู่ในห้องโถงเล็กแห่งหนึ่ง

“ผู้อาวุโสเย่ว์เหลียงและเทียนฉั่ว พวกเจ้าเป็นผู้ลงมือสังหารใช่หรือไม่?” เซียงเต๋ามองทางฉินหยุนและคณะ คิ้วขณะนี้ขมวดพลางเอ่ยถาม

“เรื่องนี้จะเป็นไปได้อย่างไร?” ฉินหยุนเอ่ยตอบ

“ถูกต้อง พวกเราหาได้มีข้อพิพาทใดกับพวกเขา เหตุใดพวกเราต้องลงมือสังหารทั้งสองคนนั้น?” เย่ว์อู่หลันเร่งรีบเสริมคำ

“ข้ารู้ว่าพวกเจ้าไม่มีทางยอมรับ! กล่าวตามตรง ทำให้มั่นใจว่าทุกอย่างสะอาดเรียบร้อยไม่มีใดให้สืบสาวก็พอ!”

“จ้าวหอ ขอขอบคุณในคำชี้แนะของท่านขอรับ!” ฉินหยุนกล่าวพร้อมยิ้มตื้นตัน

เซียงเต๋าถอนหายใจ “เต๋าฟานเป็นสหายเก่าของข้าเอง เขามาพบข้า บอกต่อข้าให้ช่วยเหลือพวกเจ้า! ดังนั้นคนที่ควรได้รับคำขอบคุณควรเป็นเขา!”

“สองผู้อาวุโสตระกูลหลง ขณะนี้อยู่ในหออาวุโส พวกเขาจะหาทางจัดการพวกเจ้าต่อเนื่อง เต๋าฟานจะไม่มีทางขัดขืน ไม่เช่นนั้นทั้งเขาและพวกเจ้ามีแต่ชะตาต้องถูกขับไล่ออกจากหอขุนเขาดาบกระบี่!”

“พวกเจ้าขณะนี้เป็นเพียงศิษย์นอก ตราบเท่าที่ขัดขืนต่อกฎอย่างร้ายแรง เมื่อนั้นพวกเขาจะมีเหตุผลให้ขับไล่พวกเจ้าออกไป!”

ได้ยินคำกล่าวของเซียงเต๋า ฉินหยุนและคณะจึงทราบ ว่าตระกูลหลงครอบครองอิทธิพลในหอขุนเขาดาบกระบี่ไม่ใช่น้อย

“จ้าวหอ พวกเราต้องทำอย่างไรจึงสามารถเป็นศิษย์หลัก?” เทียนรั่วเหลิงเอ่ยถาม ขณะนี้นางค่อยตระหนักได้ถึงความสำคัญของการเป็นศิษย์หลัก

“ก็เหมือนดังสำนักอื่น ก้าวสู่ขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณ และกลายเป็นอาจารย์ยุทธ์! พวกเจ้าเพิ่งเข้าร่วมหอขุนเขาดาบกระบี่ ดังนั้นอย่าได้เร่งร้อนคิดเรื่องนี้มากนัก”

“จ้าวหอ พละกำลังของหอขุนเขาดาบกระบี่เลิศล้ำหรือไม่? ท่านสามารถปกป้องพวกเราได้จริงหรือ?” เย่ว์อู่หลันเอ่ยถามด้วยความเป็นกังวล

“ตราบเท่าที่ไม่ได้กระทำการขัดขืนต่อกฎอย่างร้ายแรงภายในหอขุนเขาดาบกระบี่ ข้าก็ยังสามารถช่วยเหลือพวกเจ้า! เพราะเหตุนั้น พวกเจ้าต้องปฏิบัติตัวตามกฎอย่างเคร่งครัด!”

เซียงเต๋าเทน้ำชาพลางกล่าวต่อ “หอขุนเขาดาบกระบี่ ประกอบด้วยห้าหอ โดยยกเว้นหออาวุโส ในทุกหอ จะมีจ้าวหอซึ่งมีสิทธิ์ขาดสูงสุด!”

“ทางด้านผู้อาวุโสของหออาวุโส พวกเขาบางคนจะรับหน้าที่จัดการเรื่องราวเล็กน้อย บางครั้งก็รับหน้าที่ชี้แนะแก่จ้าวหอ หรือไม่ก็ทำนุบำรุงป้อนงานให้แก่หอขุนเขาดาบกระบี่! สิทธิ์ที่ผู้อาวุโสได้รับ ถือว่ามีหลากหลายไม่ใช่น้อย!”

“จ้าวหอของหออาวุโส เป็นจ้าวสำนักหอขุนเขาดาบกระบี่! เขาไม่ค่อยปรากฏตัวมากนัก กระทั่งข้ายังไม่พบเจอเขามานับสิบปีแล้ว บางทีอาจกำลังฝึกฝนอยู่ภายในสำนักเซียนสักแห่งหนึ่ง”

ถึงคราวนี้ ฉินหยุนและคณะค่อยได้ทราบเรื่องราวของหอขุนเขาดาบกระบี่ขึ้นมาบ้าง

เซียงเต๋ากล่าวเสริม “ในสถานที่ซึ่งศิษย์หลักของหอกระบี่และหอดาบพักอาศัยอยู่ มันคือสนามแห่งการสังหารระดับราชัน คนเหล่านั้นกำลังแข่งขันกัน เพื่อได้รับโอกาสในการเข้าร่วมสำนักเซียน”

“หากพวกเจ้ามีฝีมือเพียงพอ พวกเจ้าก็มีโอกาสได้เข้าร่วมสำนักเซียน!”

เทียนรั่วเหลิงเอ่ยถาม “สำนักเซียนใดที่พวกเราจะเข้าร่วมได้?”

“นครเซียนยุทธภัณฑ์ หรือไม่ก็ตำหนักเซียนดาบ! ทั้งสองสำนัก ล้วนมีความสัมพันธ์อันดีกับหอขุนเขาดาบกระบี่ของเรา!”

กล่าวคำจบ เซียงเต๋ายกถ้วยชาขึ้นดื่มจนหมด ก่อนจะก้าวเดินไปยังประตูห้องโถงเล็ก

“ข้าคิดกลับแล้ว พวกเจ้าต้องฟังคำชี้แนะของเต๋าฟานให้ดี!”

ฉินหยุนและสองสาว ร่วมเดินไปส่งอีกฝ่ายออกจากสถาบันกระบี่

เย่ว์อู่หลันกล่าวเสียงเบา “อสูรแฝดตระกูลจีคงถูกพาตัวไปแล้ว! หวังว่าสองคนนั่นจะปิดปากเงียบได้ดี”

ฉินหยุนส่ายศีรษะพลางยิ้ม “ตระกูลจีเป็นกังวล ว่าหากปล่อยอยู่กับพวกเราต่อไปอาจเกิดเภทภัยขึ้นมาได้”

“ตระกูลจีช่างมองการไกลนัก!” เย่ว์อู่หลันยิ้มกล่าว “นี่ก็นับว่าดี พวกเราสามคนถือว่ายั่วยุตระกูลใหญ่กันถ้วนหน้า!”

“พลังอำนาจของหอขุนเขาดาบกระบี่ถือว่าไม่เลว พวกเขาต้องการเป็นสำนักที่แกร่งกล้า คิดตั้งตัวให้ทัดเทียมกับห้าสำนักดวงดาว ดังนั้นพวกเขาจึงไม่เคยเผยความอ่อนแอใดแม้เป็นห้าตระกูลใหญ่! ตราบเท่าที่พวกเราอยู่ที่นี่ พวกเราก็จะปลอดภัยไปชั่วระยะเวลาหนึ่ง” เทียนรั่วเหลิงกล่าวออกมา

เย่ว์อู่หลันยิ้มบาง “ฉินหยุน รั่วเหลิง เหตุใดพวกเราไม่ทำอย่างนี้ ในเมื่อพวกเราร่วมทุกข์ด้วยกันแล้ว เช่นนั้นก็สาบานเป็นพี่น้องกันเลยเป็นอย่างไร?”

“วิเศษนัก! ไม่ว่าจะด้วยอะไร ข้าก็ถูกตระกูลเทียนทอดทิ้งแล้ว ทางด้านตระกูลเทียน ข้าหาได้มีเรื่องใดให้กังวลไม่!” เทียนรั่วเหลิงเผยรอยยิ้มบางออกมา

“ฉินหยุน เจ้าเล่าคิดอย่างไร? เจ้าคงไม่มองเหยียดต่อน้องสาวทั้งสองคนตรงหน้านี้หรอกใช่หรือไม่?” เย่ว์อู่หลันเขย่าแขนฉินหยุนพร้อมพึมพำ “พี่ฉิน พี่ฉิน... หากท่านตกลง พวกเราจะได้สาบานเป็นพี่น้องร่วมกัน!”

“ก็นะ... แค่ก แค่ก!” ฉินหยุนกระแอมไอดังพลางยิ้ม “อันที่จริงข้าน่าจะอ่อนกว่าพวกเจ้า!”

“เรื่องนี้เป็นไปได้?” เย่ว์อู่หลันถามออกด้วยความตื่นตะลึง

เทียนรั่วเหลิงพบว่าเรื่องนี้ยากแก่การเชื่อ เพราะฉินหยุนแข็งแกร่งยิ่ง เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะอ่อนเยาว์กว่าพวกนางทั้งสอง

พวกนางต่างคิด ว่าฉินหยุนสมควรอายุราวสามสิบปีได้แล้ว

เต๋าฟานเพิ่งกลับมาถึง ขณะนี้เผยความโล่งใจยามได้เห็นฉินหยุนและคณะปลอดภัยดี

“พวกเจ้าทั้งสามช่างเป็นไม้กวนเรียกหาเภทภัยโดยแท้ ถึงขั้นก่อปัญหาใหญ่ กระนั้นกลับพูดจาหัวร่อต่อกระซิกกันได้ ไม่คล้ายจะเห็นว่ากังวลต่อเรื่องที่ก่อไปแม้เพียงนิด!” เต๋าฟานส่ายศีรษะพลางยิ้ม

“ผู้อาวุโสฟาน ท่านเชื่อหรือไม่หากฉินหยุนผู้นี้กล่าวอ้างว่าอ่อนเยาว์กว่าพวกเรา?” เย่ว์อู่หลันเผยความไม่ยินดีออกมาเล็กน้อย “ข้าขณะนี้อายุยี่สิบหก!”

“ข้ายี่สิบเจ็ด!” เทียนรั่วเหลิงเผยเสียงเย็น

เต๋าฟานนำแผ่นจานออกมาพร้อมกล่าว “วางมือพวกเจ้าลงที่แผ่นจานนี้ แล้วมันจะแสดงอายุพวกเจ้าออกมาให้ได้เห็น!”

ที่ตรงกลางแผ่นจาน มันมีผลึกแก้วชิ้นหนึ่งประดับเอาไว้

เทียนรั่วเหลิงและเย่ว์อู่หลัน ต่างวางมือลงบนแผ่นจานเพื่อตรวจสอบอายุตนเอง และอายุของพวกนาง ก็เป็นจริงดังที่พวกนางกล่าวออก

คราวฉินหยุนทดสอบ มันเผยเลขยี่สิบเอ็ดออกมา!

เย่ว์อู่หลัน เทียนรั่วเหลิง และผู้อาวุโสฟาน ขณะนี้ตื่นตะลึง!

พวกเขาเดิมคิดว่าฉินหยุนสมควรอายุราวยี่สิบห้าปี!

กระนั้น อีกฝ่ายกลับอ่อนเยาว์เพียงยี่สิบเอ็ด

“แปลกหรือ?” ฉินหยุนยิ้มกว้าง

“ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เก้าด้วยอายุเพียงยี่สิบเอ็ดหาได้แปลก! เพียงแต่คนที่แข็งแกร่งเช่นเจ้า หาได้ยากยิ่งนัก!”

เย่ว์อู่หลันหยิกที่ใบหน้าฉินหยุนพร้อมเผยรอยยิ้มอ่อนหวาน “น้องชาย เร่งรีบเรียกหาข้าเป็นพี่สาว ไม่นึกเลยว่าเจ้าเป็นเจ้าหนูคนหนึ่ง ถึงขั้นลวงหลอกบอกต่อข้าว่ามีภรรยาแล้ว!”

เต๋าฟานกล่าวขึ้น “หลายวันนี้พวกเจ้าไปพักผ่อนกันเสีย ฟื้นฟูอาการบาดเจ็บให้กลับคืนมาดังเดิม! ข้าจะได้เริ่มแนะนำพวกเจ้าถึงการฝึกฝนเคล็ดวิชากระบี่พื้นฐาน!”

แม้ว่าในสถาบันกระบี่มีคนเพียงสาม กระนั้นพวกเขาต่างแข็งแกร่งและครองศักยภาพสูงล้ำ

เต๋าฟานคล้ายกระชุ่มกระชวยยิ่งนักยามนึกถึงอนาคตของสถาบันกระบี่ในภายหน้า

“ภายในสิบวัน จะมีงานแข่งขันดาบกระบี่บุกโจมตีและตั้งรับ! หากได้รับอันดับหนึ่ง สถาบันกระบี่หรือสถาบันดาบ จะส่งมอบรางวัลล้ำค่ามาเป็นสิ่งตอบแทนให้!”

“แน่นอนว่า เป็นไปไม่ได้ที่สถาบันกระบี่ลำดับที่เก้าอย่างพวกเราจะได้รับอันดับหนึ่ง ดังนั้นเข้าร่วมให้ได้หนึ่งในยี่สิบอันดับแรกก็นับว่าน่าพึงพอใจแล้ว!”

“หากเจ้าไม่อาจเข้าถึงยี่สิบอันดับแรก ก็จำเป็นต้องไปขุดแร่ในเหมืองสักครึ่งปี! หากพวกเราได้ตำแหน่งรั้งท้าย พวกเจ้าจะต้องทำงานให้แก่หอขุนเขาดาบกระบี่ โดยการขุดเหมืองเป็นเวลาหนึ่งปีครึ่ง!”

เย่ว์อู่หลันพอได้ยินจึงเอ่ยถามด้วยความเป็นกังวล “การได้ยี่สิบอันดับแรกนั้นยากหรือไม่?”

เต๋าฟานเผยสีหน้าเคร่งเครียด “ก็ไม่ยากนัก แต่ก็ไม่ได้ง่าย! นี่เป็นเพราะสามอันดับแรกของหอขุนเขาดาบกระบี่ จะเข้าร่วมการแข่งขันอย่างพร้อมหน้ากัน!”

“ด้วยเหตุนี้ พวกเจ้าจึงต้องพยายามให้ดีที่สุดเมื่อถึงเวลา ไม่อย่างนั้นแล้ว พวกเจ้าก็จำเป็นต้องไปขุดเหมืองกันสักครึ่งปี!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด