ตอนที่แล้วเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0510
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0512

เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0511


ตอนที่ 511 : นำส่งดาบกระบี่

ข่าวคราวการตายของเย่ว์เหลียง ทำเอาเต๋าฟานกายชะงักงัน

“เป็นไปไม่ได้!” ใบหน้าของเย่ว์อู่หลันเผยความตื่นตะลึง ขณะนี้เอามือป้องปากเผยดวงตาเบิกออกกว้าง

ผู้อาวุโสในชุดขาวถอนหายใจ “แต่เขาเสียชีวิตแล้วจริง ยันต์ชีวิตของเขาเมื่อวานเพิ่งมอดไหม้ไป!”

ยันต์ชีวิต เป็นยันต์ชนิดพิเศษ หลังจากขัดเกลาขึ้น ตราบเท่าที่หยดเลือดลงไปบนพื้นผิวของแผ่นยันต์ เมื่อเจ้าของหยดเลือดสิ้นชีพ ตัวยันต์จะเริ่มเผาไหม้ตัวของมันเอง

“เขาตายได้อย่างไรกัน?” เต๋าฟานเอ่ยถาม

“ข้าไม่อาจทราบ! เขาตายเมื่อวาน และก็ไม่ได้มีการทำเรื่องออกไปจากหอขุนเขาดาบกระบี่ด้วย โดยรายละเอียดแล้ว พวกเรากำลังส่งคนไปสืบสวนอยู่!”

ชายชราชุดขาวกล่าวต่อ “เทียนฉั่วออกไปเมื่อคืน นี่เขายังไม่กลับมาอีกหรือ?”

เต๋าฟานส่ายศีรษะ “ยังไม่กลับ!”

“ศิษย์ใหม่เพ่นพ่านไปทั่วเช่นนี้ หากเขากลับมา ต้องลงโทษให้หนัก!” กล่าวคำจบ ชายชราชุดขาวจึงออกจากสถาบันกระบี่อย่างเร่งรีบ

เต๋าฟานเอ่ยถาม “ในพื้นที่หอขุนเขาดาบกระบี่มีกฎเกณฑ์เรียบง่าย ภายใต้สถานการณ์ปกติ พวกเจ้าต้องไม่ต่อสู้กันเอง หากข้าพบเห็นเมื่อใด บทลงโทษย่อมหนักหนา!”

“สามวันสุดท้ายของแต่ละเดือน พวกเจ้าจะสามารถออกจากหอขุนเขาไปได้!”

“ภายในหอขุนเขา มันมีสถานที่สำหรับซื้อขาย ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตก”

“หอขุนเขาดาบกระบี่ของพวกเรา ยังมีการแข่งขันประลองยุทธ์ในทุกช่วงระยะเวลาหนึ่ง พวกเจ้าหากเข้าร่วมการแข่งขันประลองยุทธ์ ก็จะมีรางวัลให้!”

“หากต้องการทรัพยากรการฝึกฝนมากขึ้น ก็จงพยายามให้มาก ภายหน้าพวกเจ้าจะได้ทราบรายละเอียดด้วยตนเอง!”

ถัดจากนั้น เต๋าฟานจึงนำเอาตำราจำนวนหนึ่งออกมา ส่งต่อพวกมันให้แก่ฉินหยุนและคณะ

“เคล็ดวิชากระบี่คือสิ่งที่ข้าเชี่ยวขาญ เป็นวิชายุทธ์โลการะดับต้น!”

“เนื้อหามีสองบท วิธีการฝึกฝนจิต และวิชากระบี่ หากคิดเรียนรู้ ก็จำเป็นต้องใช้ทั้งสองควบคู่กันไป”

“ตอนนี้ ให้ข้าชี้แนะเรื่องวิธีการฝึกฝนจิตก่อน!”

ฉินหยุนและพรรคพวก ต่างตั้งใจฟังกันอย่างเต็มที่

วิชากระบี่มีความลึกล้ำ แต่ละคนจะมีความรู้และเข้าใจในตัววิชาที่แตกต่างกันออกไป

ตำราที่ได้รับมา ทั้งหนาและใหญ่โต

กระนั้น มีเพียงหนึ่งหน้าที่เอ่ยถึงวิธีการฝึกฝนจิต ส่วนที่เหลือ เป็นวิชากระบี่ทั้งสิ้น!

“เมื่อใดใช้กระบี่ สิ่งหนึ่งที่ต้องฝึกฝนคือจิตตั้งมั่น และไม่มีวิธีการเรียบง่ายให้นำไปใช้”

“จุดประสงค์หลักในการฝึกฝนวิถีกระบี่ ก็เพื่อเผยกระบี่ในแต่ละตัวคนออกมา!”

“ฝึกฝนหัวใจกระบี่ ก็เป็นเช่นเดียวกับการฝึกฝนหัวใจยุทธ์เต๋า มันจะช่วยเพิ่มความรู้และเข้าใจต่อเคล็ดวิชากระบี่ทั้งหลาย! เมื่อใดสำเร็จ เมื่อนั้นย่อมสามารถเชี่ยวชาญเคล็ดวิชากระบี่ได้อย่างรวดเร็ว!”

เต๋าฟานเปิดตำราไปพลางอธิบายไป

ถึงอย่างนั้น เนื้อหาที่พูดกล่าวจนถึงตอนนี้ก็อยู่เพียงหน้าหนึ่ง การบรรยายความรู้ของเต๋าฟานครั้งนี้ ถึงกับต้องใช้เวลาทั้งวัน กว่าจะเสร็จฟ้าก็มืดแล้ว!

“ข้าบอกทุกสิ่งเท่าที่ทำได้แล้ว ถัดจากนี้ พวกเจ้าจำเป็นต้องฝึกฝนกระบวนท่าตามความเข้าใจตนเอง พร้อมกับฝึกฝนจิตไปด้วย!”

“พวกเจ้าต่างได้เห็นวิชากระบี่กันแล้ว วิชากระบี่เหล่านี้ถือว่าธรรมดาที่สุด!”

“หากพวกเจ้าคุ้นเคยวิชากระบี่ทุกชนิด เมื่อนั้นจะเป็นเรื่องง่ายหากภายหน้าพวกเจ้าได้รับวิชากระบี่อื่น ๆ มาครอง!”

“นอกจากนี้แล้ว พวกเจ้ายังสามารถนำเคล็ดวิชากระบี่นานาชนิดมาผสานกัน เพื่อให้เกิดความสมบูรณ์แบบของตนเองขึ้นมาได้!”

“เอาละ วันนี้ก็ให้ไปย่อยข้อมูลที่เพิ่งได้รับ! ข้าขอตัวไปตามหาเทียนฉั่วก่อน”

เต๋าฟานมองทางเย่ว์อู่หลัน ผู้ซึ่งยังคงไร้อารมณ์ใดแสดงออก จากนั้นจึงค่อยออกไปจากสถาบันกระบี่ด้วยความเร่งรีบ

ฉินหยุนและคณะทราบ ว่าเทียนฉั่วตายแล้วอย่างที่ไม่มีทางจะหาได้พบ

“สถาบันกระบี่ ระดับต้น หมายเลขเก้า!” ฉินหยุนเดินไปทางประตู รับชมตัวบานประตู

“กลับห้องกันดีกว่า!” เย่ว์อู่หลันโพล่งกล่าวขึ้น

พวกเขาแต่ละคนกลับห้องพักผ่อนตนเอง กระนั้นก็หาได้พักผ่อนไม่ แต่เป็นการพิจารณาเคล็ดวิชากระบี่พื้นฐาน

ภายในห้องลับ ฉินหยุนถือกระบี่ในมือ กำลังฟาดฟันออกด้วยกระบวนท่ากระบี่หลากหลายพร้อมทำการจดจำ

กระบี่มีท่วงท่าการเคลื่อนไหวหลากหลาย ทุกอย่างล้วนแตกต่างกันออกไป

กระทั่งว่ามันดูเรียบง่าย แต่แท้จริงต้องผ่านการฝึกฝนอย่างหนัก มันหาได้หวือหวา ทั้งหมดทั้งมวลล้วนเป็นกระบวนท่าพื้นฐานเรียบง่าย

“มีทั้งสิ้นหนึ่งร้อยหน้ากระดาษ ทุกหน้ากระดาษมีสิบกระบวนท่า ตราบเท่าที่ฝึกฝน เราจะสามารถใช้งานพวกมันออกมาได้! ดีที่สุดคือทำความคุ้นเคยกับพวกมันทั้งหมดภายในสี่หรือห้าเดือนกระมัง?”

ฉินหยุนใช้เวลาทั้งคืน ฝึกฝนกระบวนท่ากระบี่จากหน้าแล้วหน้าเล่าเพื่อทำความคุ้นชิน

ฟ้าสาง เต๋าฟานในชุดดำ กำลังยืนรอในลานกว้าง

สีหน้าของเขาดำมืด ความสงสัยเปี่ยมล้น กระนั้นก็เผยความช่วยไม่ได้ออกมาเช่นกัน

“ฟานเซียนเซิง!”

ฉินหยุนก้าวเดินออกจากห้อง กล่าวทักทายเต๋าฟานอย่างสุภาพเมื่อพบเห็นอีกฝ่าย

อสูรแฝดตระกูลจี้ เย่ว์อู่หลัน และเทียนรั่วเหลิง ต่างเดินออกจากห้องพร้อมกล่าวทักทายเต๋าฟาน

“เทียนฉั่วเสียชีวิตแล้ว! นี่เป็นข่าวคราวที่ได้รับจากตระกูลเทียน!” เต๋าฟานถอนหายใจ “สองคนตายสองวันต่อเนื่อง นอกจากนี้ ทั้งสองยังตายในหอขุนเขาดาบกระบี่ของเรา ทั้งยังเป็นคนของห้าตระกูลใหญ่อีก!”

ตระกูลเทียนขณะนี้ยืนยันแล้วถึงความตายของเทียนฉั่ว โดยอาศัยยันต์ชีวิต

“เช่นกัน ข้าต้องส่งพวกเจ้าออกไปนอกเมือง นำเอาดาบและกระบี่จำนวนหนึ่งไปยังนครโบราณ และวางพวกมันไว้ภายในสระน้ำดาบกระบี่!”

เต๋าฟานพอเอ่ยถึงเรื่องนี้ สีหน้าจึงเผยความช่วยไม่ได้ออกมา

“เหล่าฟาน เรื่องราวเช่นนี้ ไม่น่าใช่เรื่องที่พวกเราสามารถทำได้ไม่ใช่หรือ? พวกเราเพิ่งเข้าสำนักมาเองนะ!” เย่ว์อู่หลันคล้ายคาดเดาบางอย่างได้

“มันช่วยไม่ได้ เรื่องนี้มีการจัดแจงไว้อยู่ก่อนแล้ว!”

“หากพวกเจ้าทำสำเร็จ สถาบันกระบี่หมายเลขเก้าจะได้รับห้าร้อยแต้ม!”

เทียนรั่วเหลิงเผยเสียงเย็น “นี่จะต้องมีคนของตระกูลหลงรอคอยข้าอยู่นอกเมืองแน่! พวกเจ้าจัดการงานในส่วนของตัวเอง ข้าจะเข้าหยุดยั้งพวกมัน ระหว่างนั้นพวกเจ้าคุ้มกันดาบกระบี่กลับออกไป!”

เบื้องบนของหอขุนเขาดาบกระบี่ ย่อมมีคนของตระกูลหลง เพราะเหตุนั้นพวกเขาจึงจัดแจงให้ฉินหยุนและคณะออกไปนอกเมือง

ด้วยวิธีการนี้ พวกเขาจะได้มีโอกาสลงมือต่อเทียนรั่วเหลิง

“หากพวกเจ้ากลับมาได้สำเร็จ พวกเขาก็ส่งออกไปอีกครั้งหนึ่ง ข้าทำได้แค่ทักท้วงอย่างไม่อาจสำเร็จ!”

ผู้อาวุโสฟานเองก็รู้สึก ว่าฉินหยุนและคณะค่อนข้างมีศักยภาพสูงล้ำ

หากกลุ่มนี้ก่อร่างสร้างตัวขึ้นได้ดีเมื่อใด เมื่อนั้นเขาจะได้รับผลประโยชน์มหาศาล

รถลากสองคันใหญ่รออยู่ที่ทางเข้าออก แต่ละคันบรรทุกดาบและกระบี่

ดาบและกระบี่เหล่านี้ถูกขัดเกลาขึ้นด้วยกระบวนการพิเศษ พวกมันไม่อาจนำเก็บสู่มิติเก็บของ

สระน้ำดาบกระบี่ ตั้งอยู่ภายในนครโบราณสำหรับการทดสอบ หรือไม่ก็สำหรับการแข่งขัน

สองพี่น้องตระกูลจีขันอาสาเป็นคนลากรถ

พวกเขาทราบดี ว่าการเดินทางสู่นครโบราณครั้งนี้ จะต้องเผชิญหน้ากับอันตรายร้ายแรง

นครโบราณดาบกระบี่ ไม่ได้ไกลจากตัวนครดาบกระบี่มากนัก พวกเขาเพียงอาศัยการเดินเท้าออกจากเมืองก็สามารถถึงที่หมาย

ฉินหยุนและคณะพอมาถึงประตูเมือง ขณะคิดออกพ้นจาก ผู้อาวุโสคนหนึ่งผลันโผล่พรวดขึ้นมา

“ท่านปู่!” อสูรแฝดแห่งตระกูลจีเร่งร้อนตะโกนดัง

“จงไป อย่าได้ข้องเกี่ยวกับเรื่องราววุ่นวายนี้!” ชายชราคว้าร่างสองพี่น้องตระกูลจี พร้อมออกจากเมืองไปอย่างเร่งร้อน

เย่ว์อู่หลันและเทียนรั่วเหลิงมองกันเองอย่างเย็นชา ทั้งสองเป็นกังวลว่าสองพี่น้องจะเปิดโปงความลับ

“เมื่อใดพวกเราออกพ้นเมือง เมื่อนั้นอันตรายจะย่างกรายเข้ามาได้ทุกเมื่อ!” ฉินหยุนกล่าวพร้อมคิ้วขมวด “เหตุใดพวกเราไม่ออกไปภายหลัง?”

หลังได้ยินคำถาม เทียนรั่วเหลิงนิ่งไปครู่จึงค่อยตอบ “พวกมันมาก็เพราะข้า! พวกเจ้าจงวางใจและทำงานต่อให้เสร็จ เรื่องราวอื่นใดล้วนให้ข้าจัดการ!”

คำของนางพอกล่าวจบ คลื่นพลังเต๋าเย็นเยือกรุนแรงจึงทะลักล้นออกจากกายนาง!

หญิงสาวผู้นี้ คือผู้ที่ครอบครองทั้งความเย็นเยือกหยิ่งผยอง และความดิบเถื่อน นางไม่หวั่นเกรงต่อความตาย

ฉินหยุนใช้พลังจิต เพื่อลากรถทั้งสองคันไปทางประตูเมือง

พวกเขาเป็นศิษย์ของหอขุนเขาดาบกระบี่ แม้คิดยืนขวางทางสักครึ่งค่อนวัน ก็หาได้มีผู้ใดเข้ามากล่าวอันใดด้วย

ฉินหยุนและเย่ว์อู่หลันยืนอยู่ภายในประตูเมือง ฝีเท้าไม่คิดก้าวออกพ้นจากเมือง

ขณะเทียนรั่วเหลิงคิดออกพ้นจากเมือง ชายวัยกลางคน และชายหนุ่มหล่อเหลาคนหนึ่งที่มีคิ้วเรียวประดุจดาบ ขณะนี้เคลื่อนคล้อยเชื่องช้าลงมาจากที่ไกลออกไป

พวกเขาสวมใส่ชุดสีทอง ลายมังกรปักที่ชุด มองเพียงครั้งเดียวก็ทราบ ว่าเป็นคนของตระกูลหลง!

ชายหนุ่มที่มีคิ้วรูปดาบรูปร่างผอมบาง ร่างกายอีกฝ่ายไม่สูง กระนั้นสีหน้ากลับเย็นเยือกอหังการ ความโกรธเกรี้ยวประดับที่ใบหน้าอย่างชัดเจน

“เทียนรั่วเหลิง ข้าคือพี่ชายของหลงอวี้เหว่ย หลงหยวนเหว่ย!” ชายหนุ่มคิ้วดาบนำเอาดาบยาวออกมา ชี้มันเข้าหาเทียนรั่วเหลิงพร้อมกล่าวต่อ “วันนี้ข้าคิดจับตัวเจ้า ส่งเจ้ากลับสู่หน้าประตูตระกูลหลง แล้วค่อยปลิดปลงศีรษะเจ้าออกมา!”

ที่หน้าประตูเมืองเกิดเสียงดัง ผู้คนเร่งรีบมารับชมเรื่องราว

“หลงหยวนเหว่ยเหมือนจะเป็นศิษย์ของตำหนักพฤกษาดวงดาว อีกทั้งยังเป็นผู้ที่คุ้นเคยกับเหลียวฉงเจิ้งไม่น้อยเลยทีเดียว!”

“ชายคนนั้นสมควรเป็นฉินหยุนกระมัง? อีกฝ่ายก่อเรื่องกับเหลียวฉงเจิ้งไว้ไม่น้อย สงสัยนักว่าหลงหยวนเหว่ยจะใช้โอกาสนี้ล้างแค้นแทนให้ด้วยเลยหรือไม่!”

“ผู้อาวุโสข้างกายหลงหยวนเหว่ยสมควรเป็นบิดาเขาแล้ว ทั้งยังอยู่ขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณ!”

เมื่อฉินหยุนได้ยินคำกล่าวของผู้คน เขาจึงค่อยกำหมัดแน่นทีละน้อย

“หลงหยวนเหว่ย เจ้าคิดจัดการข้าอย่างยุติธรรม? หรือเป็นเจ้าคิดร่วมมือกับบิดาจับตัวข้ากัน?”

เทียนรั่วเหลิงไม่เผยความหวั่นเกรง นางยังคงเผยสีหน้าเย็นเยือกมองที่หลงหยวนเหว่ยพร้อมเอ่ยถาม

“ในเมื่อพวกเราต่างเป็นผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์เต๋า ย่อมต้องตัดสินกันด้วยพลังยุทธ์!”

“อุปกรณ์เต๋าไม่อาจใช้ในการต่อสู้! หากเจ้าพ่ายแพ้ต่อข้า จงมอบอุปกรณ์เต๋านั้นมา อย่างนี้เป็นไร?” หลงหยวนเหว่ยเผยสีหน้าราวคนคลั่งจอมละโมบ

หากเขาสามารถได้รับอุปกรณ์เต๋า พละกำลังของเขาจะเพิ่มพูนอย่างก้าวทะยาน!

“หากไม่สร้างความยากลำบากแก่สหายทั้งสองข้า ข้ายินดีให้สัญญา!” เทียนรั่วเหลิงมองเย็นเยียบทางฉินหยุนและเย่ว์อู่หลันทางด้านหลัง

“อย่าได้ห่วง ข้าย่อมไม่สร้างความยากลำบากแก่สองคนนั่น!” หลงหยวนเหว่ยหัวเราะเย็น “ฉินหยุนเป็นของพี่เหลียว แน่นอนว่าพี่เหลียวย่อมต้องจัดการมันด้วยตนเอง!”

เทียนรั่วเหลิงหันไปกล่าวกับฉินหยุนและเย่ว์อู่หลัน “คุ้มกันดาบและกระบี่พวกนี้ไป!”

“อู่หลัน เจ้าอยู่ที่นี่! ข้าจะคุ้มกันดาบและกระบี่พวกนี้เอง เจ้าให้เคลื่อนไหวไปตามสถานการณ์!” กล่าวคำจบ ฉินหยุนจึงควบคุมรถลากทั้งสองคันออกพ้นจากประตูเมือง

ข้อพิพาทส่วนบุคคล หอขุนเขาดาบและกระบี่หาได้สนใจและเกียจคร้านจะยุ่งเกี่ยว

ตราบเท่าที่ไม่สร้างปัญหาแก่นครดาบกระบี่ หอขุนเขาดาบกระบี่ย่อมไม่คิดแทรกแซง

ฉินหยุนควบคุมรถลากคันใหญ่ทั้งสอง เร่งรีบควบขับพวกมันมุ่งหน้าสู่นครโบราณซึ่งอยู่ไกลออกไป

ในพื้นที่โล่งกว้างนอกประตูเมือง เทียนรั่วเหลิงและหลงหยวนเหว่ย ขณะนี้กำลังเตรียมปะทะกันครั้งใหญ่...

เทียนรั่วเหลิงแข็งแกร่ง คิดจัดการหลงหยวนเหว่ย ไม่น่าใช่ปัญหา!

ฉินหยุนเชื่อมั่นใจความแข็งแกร่งของเทียนรั่วเหลิง!

กระนั้น เขาก็ยังเป็นกังวล ว่าตระกูลหลงจะใช้อุบายต่ำช้า เขาเป็นกังวลว่าอาจารย์ยุทธ์ขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณที่ร่วมทางมา จะก่อเรื่องน่าละอายขึ้น

ในแดนวิญญาณอ้างว้าง หากเป็นผู้มีระดับการฝึกฝนสูงกว่า พวกเขาจะไม่แทรกแซงเรื่องราวของผู้ที่ด้อยกว่า

โดยเฉพาะเมื่อมีหลายคนกำลังรับชมเรื่องราว อีกฝ่ายย่อมไม่กล้าลงมือ

หากคิดรังแกผู้มีระดับการฝึกฝนต่ำกว่า สิ่งนั้นจะถูกนับเป็นเรื่องชวนอับอายขั้นร้ายแรง!

ฉินหยุนควบคุมสองรถลาก มุ่งหน้าออกด้วยความเร็วสูงผ่านอากาศ

หนึ่งชั่วยาม คือเวลาที่ใช้เคลื่อนย้ายดาบและกระบี่ นำพวกมันเก็บใส่สระน้ำดาบกระบี่

“นี่เป็นความเร็วสูงสุดเท่าที่เราจะทำได้แล้ว แต่ถึงอย่างนั้นคิดไปกลับก็ต้องใช้เวลามากถึงสองชั่วยาม!”

ฉินหยุนเร่งรีบกลับมา เขาเป็นกังวลอย่างยิ่งว่าเทียนรั่วเหลิงอาจเกิดเรื่องไม่คาดคิด

ระหว่างทางบินกลับ ขุมพลังรุนแรงพลันสะกดลงมาที่ตัวเขา!

ตู้ม!

พลังรุนแรงนี้ มันโจมตีเขาลงมาจากเบื้องบน!

ฉินหยุนร่างกายกระแทกพื้น เกิดขึ้นเป็นหลุมแผ่นดินแยกขนาดใหญ่

ขณะคลุกคลานออกจากหลุม เขาจึงได้พบว่าถูกชายสี่คนปิดล้อม

“พวกเจ้าเป็นใคร?” ฉินหยุนตระหนกตั้งระวังเมื่อพบเห็นอาจารย์ยุทธ์ชราขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณ

“พวกเรามาจากตระกูลหลู่! เจ้าตัวสารเลว ถึงขั้นลงมือสังหารศิษย์สองคนของตระกูลหลู่เราในระหว่างการทดสอบ เจ้าคิดหรือว่าจะยังมีชีวิตรอดไปได้?”

ใบหน้าชายชราขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณเผยรอยยิ้มเย็น

“ด้วยฐานะศิษย์ของตระกูลหลู่ พวกมันทำตัวเป็นสุนัขผู้อื่น เป็นข้านึกว่าพวกมันหาได้สลักสำคัญอันใดต่อตระกูลหลู่ ดังนั้นจึงสังหารมันไปดั่งมดปลวกตัวหนึ่งก็เท่านั้นเอง!”

ฉินหยุนเมื่อพบว่ามีอาจารย์ยุทธ์เพียงหนึ่ง เขาจึงไม่หวั่นเกรงใด

อีกสามคนเป็นชายหนุ่มในชุดขาวที่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เก้าเท่านั้น!

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด