ตอนที่แล้วเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0508 [อ่านฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0510 [อ่านฟรี]

เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0509 [อ่านฟรี]


ตอนที่ 509 : หอใหญ่ทั้งห้า

ฉินหยุนตระหนักได้ ว่าเรื่องราวมันต้องมีอะไรซ่อนเร้น

กระนั้น หลายคนต่างรู้สึก ว่าเย่ว์อู่หลันคิดอยากถวายร่างกายให้จริง!

อย่างไรแล้ว ฉินหยุนก็เป็นผู้ครอบครองอุปกรณ์เต๋า มันคุ้มค่าอย่างยิ่งหากใช้เพียงร่างกายก็แลกเปลี่ยนมาได้

“ไม่ ข้ามีภรรยาแล้ว!” ฉินหยุนตอบกลับฉะฉาน

ฝูงชนต่างอุทานออก!

กระทั่งเทียนรั่วเหลิง ก็ไม่คิดว่าฉินหยุนจะมีภรรยาแล้ว!

“นางเลิศล้ำเพียงนั้น?”

ดวงตางดงามของเย่ว์อู่หลันปรากฏความขื่นขมซ่อนเร้น น้ำเสียงเผยความเศร้าหมอง สภาพนางขณะนี้คล้ายหัวใจแหลกสลาย

“ใช่!” ฉินหยุนยิ้มตอบ

“อย่างนั้นแล้ว หากเป็นสหายเล่า?” เย่ว์อู่หลันยังไม่คิดยอมท้อถอย

“ข้ายั่วยุขั้วอำนาจใหญ่เอาไว้มาก หากเป็นสหายกับข้า เจ้าจะมีแต่โดนร่างแหไปด้วย!”

น้ำเสียงฉินหยุนกล่าวขณะมองทางหลงอู่เฉินและหยางมู่เทียน

“ย่อมไม่เป็นไร ข้าจะไม่ก่อปัญหาใดเพิ่มให้กับเจ้า! ยิ่งไปกว่านั้น ข้าคือเย่ว์อู่หลัน มันผู้ใดคิดกล้าทวงหนี้แค้นจากข้า?”

เย่ว์อู่หลันหรี่ดวงตาทรงเสน่ห์ เผยรอยยิ้มหวาน กระนั้นจิตสังหารแรงกล้าก็แฝงมาพร้อมกับรอยยิ้มของนาง

ฉินหยุนขณะนี้รู้สึก ว่ามันเย็นเยียบได้เทียบเท่าเทียนรั่วเหลิง นางเป็นนางมารผู้หนึ่งที่พร้อมสังหารคนอย่างไม่กระพริบตา ภายใต้รอยยิ้มของนาง ย่อมต้องซุกซ่อนความบ้าคลั่งไร้ปรานีเอาไว้อย่างแน่นอน

“นายน้อยฉิน เย่ว์อู่หลันคือผู้ที่สังหารแม้กระทั่งบิดาของนาง ทางที่ดีเจ้าเองก็ควรระวังตัวไว้!” เจี้ยนหมางกล่าว

“เจี้ยนหมาง อย่าได้กล่าวหาข้าด้วยวาจาโป้ปดของเจ้า ข้าเพียงทำบิดาพิการ หาได้สังหารเขาไม่!” เย่ว์อู่หลันทักท้วงไม่ยินดี “หากเจ้ายังกล้ากล่าวว่าร้ายต่อข้า เช่นนั้นข้าคงต้องกอบกู้เกียรติตัวเองกลับคืนแล้ว!”

ทุกคนต่างตื่นตระหนก พวกเขาไม่คาดคิดว่าเรื่องราวจะดำเนินไปถึงขั้นนี้!

ฉินหยุนหันมองทางเทียนรั่วเหลิง พบว่าเทียนรั่วเหลิงพยักหน้าให้

ขณะนี้ ฉินหยุนค่อยเข้าใจต่อเรื่องราวของบรรดาศิษย์จากห้าตระกูลใหญ่

หยางมู่เทียน ถือได้ว่าอ่อนแอที่สุด!

หลงอู่เฉินครอบครองพลังแข็งแกร่ง กระนั้นเขากลับเป็นผู้เก็บงำตนเองที่สุด อีกฝ่ายเป็นผู้ที่รักษาหน้าตายิ่งกว่าผู้ใด!

สองหญิงสาวนั้นจึงเป็นผู้แข็งแกร่งสะกดข่ม ทางหนึ่งแข็งกร้าวยอมขาดไม่ยอมงอ อีกหนึ่งเป็นผู้ทรงเสน่ห์และอ่อนช้อย

สำหรับเจี้ยนหมาง... คงเป็นคนสุดท้ายที่ฉินหยุนจะคิดเป็นศัตรูด้วย!

นั่นก็เพราะพลังอำนาจของผู้ฝึกตนดาบ เป็นเขาทราบดีว่าชวนสะพรึงขนลุกถึงเพียงใด!

ฉินหยุนทราบก็เพราะเซี่ยอู๋เฟิงเป็นผู้ฝึกตนดาบ

เขาทราบดี ว่าผู้ฝึกตนดาบที่สูงส่ง แม้ศัตรูมีอุปกรณ์เต๋าป้องกัน ก็ยังสามารถสังหารอีกฝ่ายได้แทบในทันที!

ตงฟางเฉ่ามองทางเจี้ยนหมางพร้อมเอ่ยถาม “ท่านนักดาบไร้ดวงตา ด้วยกำลังของท่าน เข้าร่วมห้าสำนักดวงดาวไม่น่าเป็นเรื่องยากไม่ใช่หรือ? ได้ยินว่าท่านสามารถต่อสู้กับอาจารย์ยุทธ์สองคนได้พร้อมกันโดยลำพังด้วยซ้ำ!”

อาจารย์ยุทธ์ เป็นตำแหน่งของผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณ!

ในแดนวิญญาณอ้างว้าง ขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณเรียกหาเป็นอาจารย์ยุทธ์ และขอบเขตวรยุทธ์ลึกล้ำเรียกหาเป็นยอดยุทธ์

หลังจากได้ยินคำถาม เทียนรั่วเหลิงจึงเผยเสียงประหลาดใจ “จริงหรือนี่?”

“น้องตงฟางช่างยอดเยี่ยมนัก! ตอนนั้นเจ้าคงอยู่ด้วยอย่างนั้นละสิ เป็นข้าไม่ทราบ!” เจี้ยนหมางกล่าวตอบ

“หากท่านทราบ ข้าคงไม่อาจได้มายืนตรงนี้!” ตงฟางเฉ่าหัวเราะ

“ข้ามายังหอขุนเขาดาบกระบี่ก็เพื่อเคล็ดวิชาดาบ! หอขุนเขาดาบกระบี่มีวิชาที่เป็นเลิศด้านนี้ยิ่งกว่าห้าสำนักดวงดาวเสียอีก! เจ้าเองก็เป็นผู้ใช้งานดาบ ดังนั้นภายหน้าเจ้าจะได้ทราบและเข้าใจเอง!” เจี้ยนหมางกล่าง

“เจี้ยนหมาง แล้วมรดกสืบทอดวิถีกระบี่แห่งเต๋าของหอขุนเขาดาบกระบี่เล่า? ข้าเป็นผู้ใช้กระบี่!” เย่ว์อู่หลันเร่งร้อนเอ่ยถาม

“กระบี่ถือว่าเหี้ยมโหด! อย่าได้เรียกหาเป็นวิถีกระบี่แห่งเต๋า ผู้ซึ่งใช้กระบี่จำเป็นต้องฝึกฝนสภาวะทางจิต! พระสูตรหัวใจกระบี่ที่สืบทอดในหอขุนเขาดาบกระบี่ถือว่าเลิศล้ำ! เจ้าย่อมต้องไม่นึกเสียดายที่เข้าร่วมที่นี่อย่างแน่นอน!” เจี้ยนหมางกล่าว

“ฝึกฝนจิตใจหรือ?” ฉินหยุนคิดอยู่ครู่หนึ่ง นี่เป็นเขาไม่เคยฝึกฝนวิชากระบี่อย่างจริงจังมาก่อน

“ภายหน้าเจ้าจะเข้าใจเอง!” เจี้ยนหมางไม่คิดอธิบายอื่นใดเพิ่มเติมอีก

เวลาผันผ่านรวดเร็ว สองวันผ่านพ้นราวพลิกหน้ากระดาษ

พวกเขาได้เวลาต้องออกไปแล้ว

คนหนึ่งกล่าวกระซิบ “กลุ่มของหยางอวี้เห่าไม่กลับมา หรือจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น?”

กลุ่มของหยางอวี้เห่าถูกกลุ่มของฉินหยุนกวาดล้าง แน่นอนว่าไม่มีทางปรากฏตัวให้ได้เห็นอีก

ต้องกล่าวกันว่า กลุ่มที่เข้าร่วมเขตแดนอ้างว้างปีศาจแดงแห่งนี้ ทั้งหมดล้วนแกร่งกล้า!

นอกจากหยางอวี้เห่าและหลงอวี้เหว่ย กลุ่มอื่นล้วนรอดชีวิตกันมาได้ทั้งสิ้น!

ขณะนี้พวกเขาออกจากเขตแดนอ้างว้างปีศาจแดง กำลังโดยสารเรือบินของหอขุนเขาดาบกระบี่เดินทางกลับ!

ผู้เฒ่าในชุดดำ ผู้ซึ่งนั่งด้านบนหัวเรือ ทราบว่าภายในเกิดเรื่องอันใดขึ้น เขามองทางฉินหยุนและเทียนรั่วเหลิงด้วยสายตาเผยความประหลาดใจ

ตงฟางเฉ่าเมื่อออกมา เขาจึงส่งคืนอุปกรณ์เต๋าและดาบเต๋าแก่ฉินหยุน

แม้เขาคิดอยากได้พวกมันเพียงใด เขาก็ไม่กล้าออกปากเอ่ยถาม!

ทางหนึ่ง เขาทราบว่าไม่มีกำลังปกป้องพวกมันเอาไว้ อีกทางหนึ่ง เขารู้สึกผิดที่ไม่อาจหาสิ่งวิเศษใดมาตอบแทนที่ฉินหยุนให้หยิบยืมได้!

อย่างไรแล้ว เขาก็ได้รับโอกาสเพราะฉินหยุนและเทียนรั่วเหลิง การได้เข้าร่วมหอขุนเขาดาบกระบี่ ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีมากแล้ว

ฉินหยุนไม่คิดรับกระบี่ที่มอบแก่เทียนรั่วเหลิงกลับคืน นางยั่วยุไปหลายขั้วอำนาจ ด้วยกระบี่ที่ดีในมือ นางจะสามารถใช้มันเพื่อปกป้องตนเองได้!

ผู้คนของหอขุนเขาดาบกระบี่เริ่มทำการนับจำนวนเขาหมาป่ากันแล้ว

พวกฉินหยุนทั้งสามคน นับได้กันคนละสี่สิบเขา!

รวมทั้งสามคน เท่ากับว่าได้รับมากมายถึงหนึ่งร้อยยี่สิบเขา!

นอกจากสามสิบเขาที่ได้รับมาภายหลัง หมายความถึงพวกเขาหามาได้ด้วยตนเองถึงเก้าสิบ

ด้วยครอบครองอุปกรณ์เต๋าในมือ เป็นเรื่องธรรมดาที่พวกเขาจะได้ผลลัพธ์ระดับนี้

กลุ่มของหลงอู่เฉิน ทั้งหมดรวมแล้วได้มาเก้าสิบเขา!

ตัวหลงอู่เฉินต้องการเพียงยี่สิบ ที่เหลือใช้สำหรับแบ่งคนอื่นภายในกลุ่ม

เย่ว์อู่หลันและกลุ่มหกคนของนาง ได้รับมารวมทั้งสิ้นแปดสิบเขา ดังนั้นตัวนางจึงต้องการเพียงแค่ยี่สิบเขา

หยางมู่เทียนเดิมครอบครองแปดสิบ หลังจากสูญเสียไปสามสิบ จึงหลงเหลืออยู่เพียงห้าสิบ!

เพื่อเข้าร่วมหอขุนเขาดาบกระบี่ หยางมู่เทียนจำเป็นต้องขอมายี่สิบเขา เรื่องนี้ทำเอาคนในกลุ่มไม่ยินดี กระนั้นพวกเขาก็ไม่กล้ากล่าวอันใดออก

กลุ่มของเจี้ยนหมางได้รับเขาหมาป่ามากมายที่สุด ห้าคนได้รวมกันหนึ่งร้อยสี่สิบเขา แบ่งกันแล้วจึงได้คนละสามสิบ ดังนั้นจึงเข้าร่วมหอขุนเขาดาบกระบี่ได้สำเร็จ

สิบห้าคนซึ่งผ่านการทดสอบ แปดคนมาจากห้าตระกูลใหญ่ เป็นการได้รับตำแหน่งกว่าครึ่งไปครอง

ตามปกติ ห้าตระกูลใหญ่สมควรมีศิษย์ทั้งสิ้นสิบคนเข้าร่วม ตราบเท่าที่ยังรอดชีวิต พวกเขาย่อมต้องผ่านการทดสอบได้

กระนั้น หยางอวี้เห่า และหลงอวี้เหว่ยล้วนตายสิ้น!

“นำเอาอาวุธที่เจ้าได้รับจากสระน้ำดาบกระบี่ปักที่ประตู!” ชายชราชุดดำตะโกนดัง

ฉินหยุนขว้างกระบี่ใหญ่ออกไป มันแทงเข้าใส่ที่ประตูลึกแน่น

ผู้อื่นล้วนใช้วิธีการของตนเอง นำอาวุธที่ได้รับมา แทงเข้าใส่ประตูทั้งสองบานที่แตกต่าง นี่หมายความถึง หอขุนเขาดาบกระบี่ได้รับศิษย์ใหม่เพิ่มสิบห้าคน!

ผู้ซึ่งล้มเหลวในการทดสอบ ก็ได้แต่เพียงไปดื่มกินปรับทุกข์ในเมือง พร้อมทั้งแพร่กระจายเรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่างการทดสอบ

* * *

ช่วงบ่าย ในลานกว้างของหอขุนเขาดาบกระบี่ ศิษย์ใหม่พร้อมกระบี่ในมือกำลังยืนในพื้นที่โล่งกว้างของลาน

“ที่นี่คือสถาบันกระบี่ระดับต้น!” ชายชราในชุดดำที่มีจิตวิญญาณแรงกล้าเผยเสียงดัง “พวกเจ้าหกคนจะเป็นศิษย์ของข้านับแต่วันนี้!”

ชายชราชุดดำร่างสูงใหญ่ สวมใส่ชุดคลุมตัวนอกสีดำ ที่แขนทั้งสองข้าง เต็มเปี่ยมด้วยรอยแผลเป็นแห่งการศึก

ที่ใบหน้าของเขาก็ปรากฏแผลเป็นจำนวนหนึ่ง มันคือสิ่งที่สร้างความน่าเกรงขามให้แก่เขา

“นามข้าเต๋าฟาน เรียกหาข้าเป็นฟานเซียนเซิงก็ได้!”

*เซียนเซิง = คำยกย่องบุรุษ*

ฉินหยุน เทียนรั่วเหลิง และเย่ว์อู่หลันต่างใช้กระบี่ ดังนั้นพวกเขาจึงอยู่ที่นี่

นอกจากนี้ ยังมีศิษย์ของตระกูลเทียนคนหนึ่ง และตระกูลจีอีกสองคนที่ใช้งานกระบี่อยู่ในที่นี้

จากสิบห้าคนที่ผ่านการทดสอบ มีเพียงหกคนที่ใช้งานกระบี่!

เต๋าฟานนำเอาหีบออกมาหกใบ “ภายในเป็นเสื้อผ้าของพวกเจ้า! ผู้ใช้กระบี่จะสวมใส่ชุดสีดำ ผู้ใช้ดาบจะสวมใส่ชุดสีขาว!”

เย่ว์อู่หลันเปิดหีบออก รับเอาชุดสีดำมาชุดหนึ่ง ใบหน้าขาวนวลของนางเผยความรังเกียจ เป็นนางไม่ชอบเสื้อผ้าสีดำ

เต๋าฟานที่พบเห็นสีหน้ารังเกียจของเย่ว์อู่หลัน เขาเผยรอยยิ้มที่ใบหน้าอย่างจริงจัง “สาวน้อย หากเจ้าต้องการสวมใส่ชุดที่งดงาม เจ้าก็เพียงแค่ยกระดับสถาบันกระบี่ของข้า สู่สถาบันกระบี่ระดับราชัน เมื่อนั้นเจ้าจะได้สวมใส่ชุดที่สวยงาม!”

“ค่อยโล่งอก ข้านึกว่าต้องสวมใส่ชุดสีดำไปทั้งชีวิตแล้ว!” เย่ว์อู่หลันถอนหายใจออก

“แม้ผ่านมาหลายร้อยปี สถาบันกระบี่ของพวกเรายังเป็นเพียงสถาบันกระบี่ระดับต้น!” คำกล่าวของเต๋าฟาน ทำเอารอยยิ้มที่ใบหน้าของเย่ว์อู่หลันเลือนหายวับ

เต๋าฟานกล่าวต่อ “หอขุนเขาดาบกระบี่ มีทั้งสิ้นห้าหอ! หอกระบี่ หอดาบ หออักขระ หอโอสถ และหออาวุโส! จากนามของพวกมัน เจ้าคงทราบแล้วว่าทั้งห้าหอมีต้นตอจากอะไร!”

“หอกระบี่สวมใส่สีดำ หอดาบสวมใส่สีขาว หออักขระสวมใส่สีน้ำเงิน หอโอสถสวมใส่สีเขียว และหออาวุโสสวมใส่สีทอง! ศิษย์ของสถาบันระดับราชัน จะได้รับอนุญาตให้สวมใส่ชุดตามต้องการ!”

ฉินหยุนและคณะพยักหน้ารับ

“และหอกระบี่ของพวกเรา ก็มีสถานะต่ำต้อยที่สุด!”

น้ำเสียงของเต๋าฟานเผยความโศกเจือปน

“กระทั่งว่าหอขุนเขาดาบกระบี่ให้ความยุติธรรมเสมอมา กระนั้นก็ไม่มีอันใดที่ยุติธรรมอย่างแท้จริง! ด้วยเหตุนี้ พวกเจ้าจึงต้องระมัดระวังคำพูดและการกระทำในหอขุนเขาดาบกระบี่ให้ดี!”

ไม่มีผู้ใดคิดว่าเรื่องนี้แปลกใหม่

ตราบเท่าที่อยู่ภายในขั้วอำนาจใหญ่ มันย่อมต้องมีทั้งเส้นสาย มิตร ศัตรู และอื่น ๆ อีกหลากหลาย

“พวกเจ้าเพียงเพิ่งเริ่มต้น มาทำความรู้จักกันก่อนดีกว่า! อีกหลายวันถัดจากนี้ พวกเจ้าคงมีงานให้ได้ทำจนล้นมือ!”

“ข้าพักอาศัยอยู่ในสถาบันกระบี่ระดับต้นแห่งนี้ หากเกิดปัญหาใด ก็มาพบข้าได้!”

เต๋าฟานกล่าวคำจบ เขาจึงเร่งรีบออกจากลานกว้างไป

แม้สถาบันกระบี่ระดับต้นกว้างใหญ่ ทว่ามันเงียบเหงา

โรงฝึกฝนมีเพียงสิบห้าโรง ทั้งยังเงียบเหงากันทั้งสิ้น และยังมีห้องอาบน้ำใหญ่ รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกอื่น

อาณาเขตของสถาบันค่อนข้างกว้างใหญ่ และในสวน ก็ยังมีลานฝึกฝนกว้างกว่าห้าสิบเมตร

แม้ว่าเป็นสถาบันกระบี่ระดับต้น แต่หากพิจารณาให้ดี มันก็มีทุกอย่างครบถ้วนสมบูรณ์พร้อม

“เทียนฉั่ว เจ้าคิดอยากสังหารข้าหรือไม่?” ได้เห็นเต๋าฟานจากไปแล้ว เทียนรั่วเหลิงจึงเอ่ยถามขึ้น

เทียนฉั่วคือบุตรหลานตระกูลเทียน เขาคล้ายรูปปั้นที่แข็งทื่อ ทว่ากลับมีรูปโฉมหล่อเหลา ผิวหนังขาวนวล เส้นผมยาวพลิ้วไหว ชัดเจนว่าเขาดูแลรูปลักษณ์ตนเองดีระดับหนึ่ง

“กระทั่งว่าตระกูลไม่คิดสังหาร ข้าก็คิดสังหารเจ้า! อย่างไรแล้ว เจ้าได้ลงมือสังหารหลงอวี้เหว่ย หากข้าสังหารเจ้า ย่อมได้รับรางวัลเลิศล้ำจากตระกูลหลง!” เทียนฉั่วเผยน้ำเสียงเบาทว่าเปี่ยมด้วยจิตสังหารตอบกลับ

ชายทั้งสองคนจากตระกูลจี หนึ่งสูงหนึ่งเตี้ย ทั้งสองครอบครองคิ้วหนาและดวงตาค่อนข้างโต

“สองหน้าโง่ตระกูลจี พวกเจ้าเล่า? คิดอยากสังหารเทียนรั่วเหลิงและฉินหยุนหรือไม่?” เทียนฉั่วเอ่ยถามอย่างอหังการ

“พวกเราคือแฝดอสูรแห่งตระกูลจี!” ชายร่างใหญ่เผยเสียงคำรามกราดเกรี้ยว

“แฝดอสูรแห่งตระกูลจีหาได้อ่อนด้อย หยาบคายหยอกล้อต่อพวกเขาเช่นนั้น ทางที่ดีเจ้าควรเร่งรีบกล่าวขออภัยต่อพวกเขา!” เย่ว์อู่หลันกล่าวต่อว่า

เทียนรั่วเหลิงเผยเสียงเย็น “สองอสูรตระกูลจี หากคิดสังหารข้า ข้าก็ไม่ขอเกรงใจหากต้องปกป้องตนเอง!”

ชายร่างใหญ่กำหมัดประทับฝ่ามืออีกข้างให้ฉินหยุนพร้อมกล่าว “ข้าจีฉางเจี้ยน!”

“ข้าจีฉางเชี่ยน!” ชายร่างเล็กเอ่ยคำตามติดเป็นลูกคู่

“สวัสดีสองสหาย!” ฉินหยุนประทับหมัดกับฝ่ามือตอบรับอย่างมีมารยาท

“พวกเราย่อมมีอารยธรรม หากผู้อื่นไม่หาเรื่อง พวกเราย่อมไม่ตอบโต้!” จีฉางเจี้ยนเอ่ยคำเสียงเย็น สายตามองทางเทียนฉั่วที่เผยรอยร่องความโกรธเคือง

เย่ว์อู่หลันหัวเราะ “เทียนฉั่ว ในพวกเราหกคน เจ้าคล้ายเป็นเพียงผู้เดียวที่ไม่เข้าพวก!”

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด