ตอนที่แล้วMPE บทที่ 32 การฝึกนรก
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปMPE บทที่ 34 สัตว์อสูรประเภทพฤกษา

MPE บทที่ 33 ที่ปรึกษาผู้เพาะพันธุ์สัตว์อสูร


หลังจากการฝึกนรกตลอดสัปดาห์ได้ผ่านพ้นไป เกาเผิงตัดสินใจหยุดพักในช่วงสุดสัปดาห์และนอนขดตัวอยู่บนเตียงโดยไม่ลุกไปไหน

“ครืด…ครืด…” เสียงนาฬิกสปลุกจากหัวเตียงดังขึ้นอย่างกะทันหัน

เกาเผิงยื่นมือออกมาจากผ้าห่มและกดปุ่มหยุดนาฬิกาปลุก หลังนั้นเขาจึงค่อยๆลุกขึ้นจากเตียง ด้วยเส้นผมที่ยุ่งเหมือนรังนก

“เห้อ…ถ้าฉันไม่ทำงาน ฉันเอาตังค์ที่ไหนมาเลี้ยงสัตว์อสูรที่หิวกระหายทั้งสองตัวของฉันได้” เกาเผิงถอนหายใจและขยี้ตา

จากนั้นเขาลุกไปแต่งตัวและเตรียมอาหารเช้า

“แกร็ก แกร็ก แกร็ก แกร็ก…” เสียงดังออกมาจากใต้โซฟา

ขณะที่เกาเผิงกำลังทอดไข่ ต้าซื่อมองเขาด้วยสายตาที่คาดหวัง

เกาเผิงพลิกไข่ในกระทะต่อ รอยยิ้มปรากฏต่อในใบหน้าเขา

ตรงห้องนั่งเล่น ต้าซื่อนอนรออยู่ที่ชามสเตนแลสของมัน มันใช้ขากรรไกรเคาะชามให้เกาเผิงสนใจมัน

“รอก่อน อย่าเร่งสิ”

เกาเผิงผัดไข่ไปมา ทำให้กลิ่นหอมของไข่ผสมเนื้อลอยอบอวนไปในอากาศ

หลังจากทอดไข่เสร็จ เขาก็มาดูหม้อที่ต้มน้ำซุปไว้ เขาหั่นต้นหอมใส่ ทุกอย่างก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย

“มานี่สิ” เกาเผิงโบกมือเรียกต้าซื่อ

ต้าซื่อค่อยๆคลานเข้าไปหาชามอาหารของมันด้วยดวงตาส่องประกาย มันพุ่งตัวลงไปในชามอาหารขนาดใหญ่ด้วยความเร็วสูงทันทีที่เกาเผิงเทอาหารลงไป ไม่นานชามอาหารของมันก็กลายเป็นว่างเปล่าอีกครั้ง

…..

“อรุณสวัสดิ์ค่ะ บอส” ซุนซวนซวนพนักงานต้อนรับกล่าวทักทายเกาเผิงที่พึ่งมาถึง

เกาเผิงพยักหน้าและเดินเข้าไปในห้องทำงานของตน

เมื่อถึงเวลา 10นาฬิกา เกาเผิงได้รับโทรศัพท์จากเบอร์ที่ไม่รู้จัก

“บอสน้อย นี่ผมเอง หม่าเจียง”

เกาเผิงจำได้ทันทีว่าเขาคือหม่าเจียง ลูกเศรษฐี ที่เป็นลูกค้าคนแรกของเขา ด้วยความตรงไปตรงมาของหม่าเจียง มันทำให้เกาเผิงมีความประทับใจที่ดีต่อเขา

“บอสน้อย จำเรื่องที่ผมพูดไว้คราวก่อนได้มั้ย ว่ายังมีสัตว์อสูรอีกหลายตัวที่ต้องการให้คุณช่วยดูแล วันนี้คุณพอจะมีเวลาว่างบ้างไหม?”

“แน่นอน เข้ามาได้เลย” เกาเผิงตอบ

“ตกลง!” หม่าเจียงเต็มไปด้วยความสุข

หลังจากวางโทรศัพท์ เกาเผิงบันทึกหมายเลขโทรศัพท์ของหม่าเจียงเอาไว้ว่า ‘เงินก้อนใหญ่’

ผ่านไปสักพัก เสียงเคาะประตูจึงดังขึ้น

“เข้ามา” เกาเผิงกล่าว

“สวัสดีครับ” ชายวัยกลางคนในสูทสีเทาและสวมแว่นตาขอบทองเดินเข้ามา

ชายวัยกลางคนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อเห็นเกาเผิงครั้งแรก แต่ด้วยการอบรมที่ดีเขาจึงไม่แสดงอาการผิดปกติใดๆออกมา

“คุณคงจะเป็นคุณเกาสินะครับ? ผมเป็นผู้จัดการทั่วไปของบริษัทรักษาความปลอดภัยบลูชิลด์ ผมมีชื่อว่าหลิวเฉินหลินครับ”

“ยินดีที่ได้รู้จักครับ คุณหลิว” เกาเผิงพยักหน้า

“ทางเราได้ยินชื่อเสียงของคุณมาเป็นอย่างดี คุณเป็นผู้เพาะพันธุ์สัตว์อสูรที่อายุน้อยที่สุดของเมืองฉานอันและยังเป็นผู้เพาะพันธุ์สัตว์อสูรขั้นกลางอีกด้วย ดังนั้นเราจึงต้องการเชิญคุณมาเป็นที่ปรึกษาผู้เพาะพันธุ์สัตว์อสูรของบริษัทเรา” หลิวเฉินหลินกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“ที่ปรึกษาผู้เพาะพันธุ์สัตว์อสูร มันคืออะไรเหรอครับ?” เกาเผิงถาม

“โอ้ ผมลืมกล่าวรายละเอียด ขออภัยด้วยนะครับ” หลิวเฉินหลินขอโทษ

“บริษัทของเรารับคุ้มกันความปลอดภัยให้กับลูกค้า สัตว์อสูรที่พวกเราเลือกใช้ก็คือตั๊กแตนตำข้าวปีศาจจากกลุ่มบริษัทเซาเทิร์นสกาย”

เกาเผิงตกใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินชื่อบริษัทเซาเทิร์นสกาย ตาของเขาเคยเป็นผู้บริหารของบริษัทนี้ ก่อนที่จะหายตัวไปอย่างลึกลับ

“ตอนนี้ตั๊กแตนตำข้าวปีศาจชุดแรกของเรากำลังจะถึงจุดคอขวดของการวิวัฒนาการ ดังนั้นเราจึงต้องการว่าจ้างผู้เพาะพันธุ์สัตว์อสูรมาเป็นที่ปรึกษาเพื่อยกระดับพวกมัน”

“ตำแหน่งนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่องานประจำของคุณแน่นอน ทางเราจะรบกวนคุณในบางเวลาเท่านั้น” หลิวเฉินหลินกล่าวเสริม

เกาเผิงขมวดคิ้ว “ทำไมต้องเป็นผม ในเมืองฉางอานยังมีผู้เพาะพันธุ์สัตว์อสูรขั้นกลางคนอื่นอีกมาก ถ้าผมจำไม่ผิด มันมีกระทั่งผู้เพาะพันธุ์สัตว์อสูรขั้นสูงอีกด้วย มาตรฐานของพวกเขาย่อมสูงกว่าผมมาก”

หลิวเฉินหลินส่ายศีรษะ “คุณเกาที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่ยังหนุ่ม เราเชื่อว่าคุณย่อมมีทักษะที่ไม่ธรรมดา คุณอาจไม่ตระหนักถึงเรื่องนี้ แต่เราให้คุณค่ากับคุณมากกว่าที่คุณคิด สำหรับผู้เพาะพันธุ์สัตว์อสูรขั้นสูง 2ท่านของเมืองฉางอานนั้น ทางเราไม่อยู่ในฐานะที่จะว่าจ้างพวกเขาได้”

หลิวเฉินหลินเผยรอยยิ้มขมขื่น

“หนึ่งในนั้นคือผู้อำนวยการเฉินของสมาคมผู้เพาะพันธุ์สัตว์อสูร แล้วบริษัทเล็กๆของเราจะขอให้เขามาเป็นที่ปรึกษาได้อย่างไร?”

“ส่วนอีกคนคือกู่เซียนหลิน” หลิวเฉินหลินกล่าวต่อ “กู่เซียนหลินเป็นผู้เพาะพันธุ์สัตว์อสูรอันดับหนึ่งของเมืองฉางอานและมีตำแหน่งในหน่วยงานรัฐบาล แน่นอนว่าเราไม่มีสิทธิ์ขอให้เขามาเป็นที่ปรึกษาให้บริษัทเรา”

ไม่ว่ามันจะเป็นการยกย่องที่เกินจริงไปสักหน่อย แต่เกาเผิงก็รู้สึกมีความสุขที่มีบางคนมองเห็นคุณค่าของเขา

ความจริงคือเขายังเป็นเพียงเด็กวัยรุ่นที่ขาดประสบการณ์และวุฒิภาวะ มันจึงช่วยไม่ได้ที่เขาจะรู้สึก เมื่อมีใครมายกยอสรรเสริญ

“เอาล่ะ ยังไม่ต้องพูดถึงค่าตอบแทน ผมมีเงื่อนไข 3ข้อ”

“ข้อที่หนึ่ง ผมต้องไปโรงเรียนวันจันทร์ถึงศุกร์ หากไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน อย่ารบกวนผม ข้อที่สอง ผมสามารถให้คำแนะนำแต่จะไม่ดูแลพวกมันตลอดเวลา ข้อที่สาม ผมจะไม่ทำสัญญาว่าจะทำงานให้กับบริษัทของคุณเท่านั้น หากบริษัทของคุณยอมรับเงื่อนไขทั้งสามข้อของผมได้ เราก็สามารถพูดคุยในขั้นต่อไปได้”

เกาเผิงจิบชาและพร้อมรับการปฏิเสธ

เมื่อเห็นการแสดงออกของเกาเผิง ช่วยไม่ได้ที่มุมปากของหลิวเฉินหลินจะกระตุก

เขาจ้องมองเกาเผิงชั่วขณะก่อนจะเปิดปากตอบ “เอาล่ะ ตกลง เรายอมรับเงื่อนไขของคุณ”

“หื้ม?” เกาเผิงตะลึง ‘คุณยอมรับเงื่อนไขนี้งั้นเหรอ?’

หลังจากที่ตกลงรับเงื่อนไข หลิวเฉินหลินจึงนำเอกสารสัญญาออกมาจากกระเป๋าและยื่นให้เกาเผิงพิจารณา

“ไม่มีปัญหา” มันเป็นสัญญาที่เรียบง่ายและไม่ซับซ้อน

เกาเผิงจะได้รับค่าตอบแทน 500 เครดิตพันธมิตรต่อปี พร้อมค่าคอมมิชชั่น

ค่าคอมมิชชั่นคือ 50 เครดิตพันธมิตรต่อตั๊กแตนตำข้าวปีศาจทุกๆ ตัวที่เกาเผิงสามารถยกระดับได้

หลังจากเซ็นสัญญา หลิวเฉินหลินยืนขึ้นและพร้อมฝืนปั้นรอยยิ้มสุภาพ

“ยินดีที่ได้ร่วมงานกันนะครับ ตอนนี้ ผมคงต้องขอตัวก่อน”

ในลิฟท์ หลิวเฉินหลินลังเลอยู่ชั่วครู่ก่อนจะตัดสินใจโทรศัพท์

“ลุงครับ เขาเซ็นสัญญาเรียบร้อยแล้ว เขาไม่เต็มใจที่จะทำงานเต็มเวลา  มีผู้เพาะพันธุ์สัตว์อสูรขั้นกลางมากมายในเมืองฉางอาน ทำไมเราต้อง…” ฝั่งตรงข้ามกล่าวบางคำทำให้หลิวเฉินหลินเผยใบหน้าปั้นยากก่อนจะวางสายโทรศัพท์ไปในที่สุด

เมื่อประตูลิฟต์เปิดออก เขาพบหม่าเจียงที่ถือกระถางดอกไม้ ยืนรอลิฟต์อยู่ด้านนอก

หม่าเจียงขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะจำได้ว่าเขาคือผู้จัดการทั่วไปของบริษัทรักษาความปลอดภัยบลูชิลด์และเขายังทำหน้าเป็นตัวแทนบริษัทอีกด้วย

เขามาจากชั้น3 แสดงว่าเขามาหาคุณเกา

‘เขาก็มาหาคุณเกาอย่างงั้นเหรอ และเขามาทำไมนะ’ หลังจากคิดไปคิดมา หม่าเจียงก็เลิกสนใจเรื่องหลิวเฉินหลิน เขาหอบกระถางดอกไม้มาให้เกาเผิงยกระดับมัน เพื่อที่จะทำให้เขาได้รับฉายาราชันแห่งดอกไม้แห่งเมืองฉางอาน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด