ตอนที่แล้วChapter 151 – Great Plains of Barrastan (2) [16-04-2020]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 153 – Great Plains of Barrastan (4) [20-04-2020]

Chapter 152 – Great Plains of Barrastan (3) [18-04-2020]


Chapter 152 – Great Plains of Barrastan (3)

ซังจินได้ดึงดาบออกมาจากหัวใจของปีศาจ

"ก๊า"

ปีศาจได้ไอเลือดสีดำออกมาด้วยเสียงสั้นๆ นี่มันเป็นกลุ่มสำรวจที่สามแล้วที่ซังจินได้เจอ ค่ายพักของศัตรูในตอนนี้ได้อยู่เบื้องหน้าของซังจินแล้ว เบสโกโร่ได้พึมพัมขึ้น

'ตอนนี้มันเริ่มต้นจริงๆแล้ว!'

ตามที่เบสโกโร่ได้กล่าวออกมา ตอนนี้มันได้เริ่มต้นจริงๆแล้ว ซังจินได้หยิบเอา 'ราเวน - ผ้าคลุมแห่งความมืด' ออกมาจากลูกบาศก์ นี่มันก็คือเสื้อคลุมที่อิลลิชได้ใช้มันหนีซังจินไปในตอนนั้น ภายนอกมันเป็นสีดำเหมือนกับร้านค้าลับในตลาดมืด ซังจินได้ถือไอเทมเอาไว้และพูดขึ้น

"สวมใส่"

เสื้อคลุมสีดำได้ถูกสวมใส่ลงบนหลังของซังจิน และ 'ลมหายใจเยือกแข็ง - เสื้อคลุมเยือกแข็ง' ซึ่งซังจินได้สวมใส่อยู่ในก่อนหน้านี้ ได้มาอยู่ในมือของเขาแทน ซังจินได้เก็บมันลงไปในลูกบาศก์และพูดออกมา

"ถ้างั้นมาเริ่มกันเถอะ"

หลังจากที่เขาได้เปลื่ยนเสื้อคลุมแล้ว ซังจินก็ได้ซ่อนตัวและเริ่มเดินเข้าไปในค่ายของปีศาจ แม้ว่าตอนนี้จะเป็นเวลากลางวัน แต่ภายในค่ายนั้นเงียบมาก

นี้มันเป็นเพราะว่าเผ่าพันธ์ปีศาจนั้นจะออกหากินในเวลากลางคืนเป็นธรรมชาติ และดังนั้นรูปแบบการนอนหลับของพวกมันก็เลยตรงกันข้ามกับพวกมนุษย์ เรื่องนี้มันก็ได้มีบันทึกเอาไว้ในกระดาษข้อมูล ด้วยเหตุนี้การเคลื่อนไหวในตอนกลางวันจะดีกว่า

ในค่ายของเหล่าปีศาจ พวกมันถูกแยกออกมาเป็นหมู่ๆ แม้ว่าจะไม่มีเหตุผลที่ชัดเจนในเรื่องนี้ แต่ดูเหมือนว่าตำแหน่งแบบนี้มันจะเป็นการตอบสนองป้องกันต่ออาวุธพื้นที่ของมนุษย์และเวทย์ทำลายล้าง

รูปแบบการนอนหลับที่ต่างกับมนุษย์และค่ายพักที่แยกออกจากกัน ทั้งสองอย่างนี้เป็นองค์ประกอบสำคัญที่ทำให้เหล่านักล่าสามารถจะเคลียร์บทนี้ได้ ซังจินได้มองเข้าไปในค่าย

มันมียามอยู่สองตัวที่เฝ้าค่ายอยู่ แต่ว่าเพราะว่ามันอาจจะพึ่งเอาชนะศึกมาได้พวกมันก็เลยไม่ได้ระวังตัวมากนัก

หลังจากนั้นซังจินก็ตรวจสอบที่อื่นๆ ในระหว่างแต่ระล่างจะมีกลองกลมที่มีรูปแบบการเขียนเลือดอยู่

'มันอยู่นี่'

มันเป็นกลองที่ใช้ในการส่งสัญญาณเตือนภัยในสถานการณ์ฉุกเฉิน ถ้าหากมันถูกตี เสียงมันก็จะดังไปทั่วค่ายและศัตรูทั้งหมดก็จะตื่นตัว และการต่อสู้กับพวกมันก็จะกลายเป็นเรื่องที่ยุ่งยากมากยิ่งขึ้น ซังจินได้จดจำยามทั้งสองและกลองเอาไว้ภายในใขและเดินเข้าไปในค่าย อย่างไรก็ตามเขาก็ได้ยินเสียงการสนทนาออกมาจากที่ไหนสักแห่ง

"ฮ่าๆ นี่มันอร่อยมาก"

"ใช่มั๊ยล่ะ? ข้าบอกแกแล้วว่ามันเป็นอาหารอันโอชะ"

เมื่อซังจินได้หันไปมอง ซังจินก็เห็นปีศาจสองตัวกำลังกินอาหารอยู่ใกล้ๆกับกองไฟที่พวกมันได้ตั้งขึ้นตรงขอบของค่ายทหาร พวกมันกำลังกินอาหารบางอย่างในขณะที่กำลังพูดถึงชัยชนะในการสู้รบครั้งล่าสุด แม้ว่าอาหารที่มันกินจะไม่ชัดนักแต่มันก็น่าจะเป็นระหว่างเนื้อของม้าไม่ก็ของมนุษย์

"แต่เจ้ารู้มั๊ยเจ้าพวกมนุษย์หน้าโง่นั่นมันอ่อนแอกว่าที่ข้าคิดซะอีก"

"ใช่แล้ว ทุกๆคนได้บอกเอาไว้ว่าเผ่าพันธ์มนุษย์ไม่มีใครที่เทียบได้กับความฉลาดแกมโกงของเรา ข้าไม่รู้เกี่ยวกับความฉลาดแกมโกงของมันได้เท่าไหร่นัก แต่ว่าพวกมันทั้งหมดขี้ขลาด ถ้าเจ้าข้าหนึ่งในพวกมันพวกมันก็จะหลบหนีกันไป ดังนั้นคมหอกของฉันส่วนใหญ่มันจะแทงหลังหรือตูดของพวกมันมากกว่าท้องหรืออกของมันซะอีก

"ข้ารู้ๆ! ฮ่าๆ"

อย่างไรก็ตามเสียงหัวเราะนั้นมันไม่ได้อยู่นานนัก

"ฟูบ"

"ฮ่าๆ...หือ?"

นั่นมันเป็นเพราะดาบของได้ดาบมาจากที่ไหนซักแห่งและตัดคอของมันออกไป ปีศาจอีกตัวที่กินข้าวกับมันได้เงยหน้าขึ้นและมองไปที่ซังจินอย่างตกใจ แต่นั่นก็เป็นใบหน้าสุดท้ายที่มันได้เห็น

"ฟึบ"

หัวของมันได้ถูกแยกออกเป็นสองส่วนจากบนลงล่าง ปีศาจทั้งสองตัวได้ถูกฆ่าโดยไร้ซึ่งเสียงใดๆ และไม่มีใครพบเห็นพวกมันเพราะว่ามันอยู่ในช่วงขอบของค่าย ซังจินได้คลุมตัวเองด้วยเสื้อคลุมอีกครั้งและพูดขึ้น

"ชาโดว วอร์ค"

ครู่หนึ่งร่างกายของเขาก็ได้หายไป ไอเทมนี้มันดียิ่งกว่าเวทย์ล่องหนเพราะว่ามันมีระยะเวลาคูลดาวน์ที่สั้นกว่า สองคือมันไม่มีการใช้มานา และสามมันสามารถจะเรียกใช้ได้อย่างรวดเร็ว ซังจินได้พุ่งหน้าเข้าไปในค่ายทหารหลังจากที่ล่องหนไปอีกครั้ง ด้านในนี้ไม่มีปีศาจตนใดที่ตื่นอยู่เลย พวกมันต่างก็หลับและกรนออกมาเสียงดัง

ซังจินได้เดินเข้าไปหาพวกมันและกรีดคอของพวกมันในขณะที่หลับ และเพราะแบบนี้พวกมันก็ได้ตายไปโดยที่ไม่รู้อะไรเลย

หลังจากที่เสร็จสิ้นการลอบสังหารแล้ว ซังจินก็กำลังจะเดินออกไปแต่แล้วในตอนเองก็มีปีศาจตนหนึ่งเข้ามาในค่าย ซังจินได้เตรียมดาบรอให้มันเข้ามาในค่าย

"เฮ้ มาดูนี่สิ มันได้เวลาเปลื่ยนเวร..."

หลังจากที่มันเข้ามา ปีศาจก็เห็นซากศพของเพื่อนมัน และมันก็ได้กำลังจะตะโกนด้วยความตกใจ

"ศะ...."

เป็นไปได้ว่ามันอาจจะกำลังตะโกนว่าศัตรู หรืออะไรซักอย่างก็ตาม แต่ซังจินก็ได้จัดการปิดปากของมันก่อนที่มันจะได้ตะโกนและแทงดาบเข้าไปข้างในหัวใจของมัน

"กูววว..."

ปีศาจมันได้พยายามที่จะร้องออกมา แต่ว่ามันก็อยู่ไม่ได้นานนักเนื่องจากแผลที่หน้าอกของมัน จากนั้นซังจินก็ได้ลากศพของปีศาจเข้าไปข้างในอย่างใจเย็น

"ชาโดว วอร์ค"

เขาได้ล่องหนอีกครั้งหนึ่งและเดินออกไป มันมีค่ายทหารอยู่ทั้งหมดสามค่าย ซังจินได้มุ่งหน้าไปที่ค่ายต่อไปในทันที ตามที่คาดเอาไว้ค่ายที่สองนี้ก็มีแต่พวกที่หลับเหมือนในค่ายแรก แต่มันก็มีข้อยกเว้นอยู่อย่างนึง

มันมีปีศาจที่กำลังเหลาเล็บเท้าของมันด้วยกริซอยู่ มันอาจจะดูน่าเกลียดสำหรับเหล่ามนุษย์ แต่ว่าการทำแบบนี้มันมีความหมายกับเหล่าปีศาจ

เล็บของปีศาจมันจะมีความแข็งที่เหมือนกับเหล็ก ดังนั้นถ้าพวกมันไม่มีอาวุธใดๆ เล็บเหล่านี้ก็สามารถจะนำมาใช้แทนได้ หากว่าพูดเกินจริงไปซักหน่อยการเหล่าเล็บของมันก็เหมือนกับการตีอาวุธของคาร์กอสนั่นแหละ แน่นอนว่าจะต้องเป็นที่น่าเสียใจมากๆแน่เพราะว่าเล็บนั้นจะไม่สามารถได้ใช้อีกต่อไป

"ฉึก"

ร่างกายของปีศาจที่กำลังดูแลเล็บอยู่ได้ทรุดลงไปเหมือนกับตุ๊กตา หลังจากนั้นซังจินก็จัดการเจ็บปีศาจตัวที่เหลือต่อในขณะที่รอทักษะคูลดาวน์

"ชาโดว วอร์ค"

เขาได้ใช้ทักษะและเดินไปที่ค่ายสุดท้าย แน่นอนว่าทุกๆตัวที่นี่ก็ยังหลับสนิท ซังจินได้เริ่มจบชีวิตของพวกมันโดยที่ไม่คิดอะไรมาก แต่ในขณะที่เขากำลังทำแบบนั้น

"หืม? หือ?"

ปีศาจที่มีสัมผัสรับรู้ที่พิเศษได้ลุกขึ้นจากที่นอนและเห็นของคอพรรคพวกที่ถูกเฉือนไป เขาได้ตะโกนออกมา

"ศะ...ศัตรู!"

ซังจินได้รีบตัดคอมันไปอย่างรวดเร็ว แต่ว่าเขาก็ได้ยินเสียงมาจากด้านนอก

"เมื่อกี้อะไรน่ะ?"

ซังจินได้รีบออกไปจากค่ายทันที ด้านนอกนั้นมีปีศาจตัวหนึ่งยืนอยู่อย่างงุนงง นี่ก็คือหนึ่งในยามสองคนที่อยู่หน้าค่ายที่เหลืออยู่เพราะว่าคนแรกได้ตายไปเพราะตอนสับเวรจึงเหลือเขาคนเดียว เขาได้มองไปที่ซังจินและจากนั้นมันก็เริ่มที่จะวิ่งไปหากลอง

"ย่าห์"

ซังจินได้ปาดาบบลัดเวเจนออกไปเมื่อเห็นแบบนั้น

"วูบ ~"

เมื่อได้ยินเสียงอะไรบางอย่างรอดมา ปีศาจมันก็ได้ก้มหัวลงโดยสัญชาตญาณและหลบมันไปได้ อย่างไรก็ตามดาบก็ได้พุ่งต่อไปและเจาะทะลุกลองที่ใช้ส่งสัญญาณไป

"ปึก"

เมื่อเห็นแบบนี้ ซังจินก็ยกมือขึ้นเล็กน้อยและเรียกดาบกลับมา

"ฮ่าห์!"

เพราะว่ามือของเขาได้อยู่ในตำแหน่งที่ต่างออกไป ทิศทางที่ดาบพุ่งกลับมาก็ได้ปรับเปลื่ยนไปเล็กนอย ในระหว่างที่มันได้กลับมาหามือของซังจิน บลัดเวเจนก็ได้ตัดแยกกลองออกโดยสมบูรณ์แบบ เมื่อสูญเสียเครื่องส่งสัญญาณเตือนภัยไป ปีศาจที่เหลืออยู่เพียงตัวเดียวก็ตะโกนขึ้นมา

"ซุ่มโจมตี! มันเป็นการซุ่มโจมตี!..."

แน่นอนว่าซังจินไม่มีทางที่จะปล่อยให้มันเป็นแบบนี้ อย่างแรกเลยเขาได้ใช้มูนสเปคแทงเข้าไปที่คอของปีศาจเพื่อปิดปากมันและจากนั้นก็ใช้บลัดเวเจนตัดตัวของมันให้ขาดออกไป หลังจากนั้นซังจินก็ได้มองไปรอบๆ มันไม่มีสัญญาณของชีวิตอยู่เหลืออีกแล้ว และมันมีเพียงแค่เสียงของลมเท่านั้นที่สามารถจะได้ยินได้

"วูวววว"

มันเป็นความประสบความสำเร็จในการซุ่มโจมตี ซังจินได้ไปที่ฐานต่อไปในทันที อย่างไรก็ตามมันดูเหมือนว่าเบสโกโรจะไม่ค่อยชอบวิธีการแบบนี้

'ฮึ่ม...นายบอกว่ามันจะเป็นระหว่างคนหนึ่งคนและกองทัพ...'

"แม้ว่าจะเป็นฉันก็ตามที แต่การจะต่อสู้กับทั้งกองทัพตรงๆมันก็เสี่ยงเกินไป หลังจากที่ลดจำนวนทหารรอบนอกออกไปแบบนี้ ฉันก็จะมุ่งหน้าไปสู่การต่อสู้ครั้งสุดท้าย

'แน่นอนว่านายสามารถจะทำแบบนั้นได้ แต่ว่า...นายจะสามารถจบมันได้อย่างรวดเร็วงั้นหรอ?'

ซังจินได้ตอบด้วยท่าทีที่มั่นใจกับคำพูดของเบสโกโร่

"แน่นอนสิ เพราะว่ามันยากสำหรับฉัน ถ้างั้นมันก็จะยิ่งยากมากสำหรับนักล่าคนอื่นๆ"

*****

เซรินได้ดึงสายธนูอย่างระมัดระวังยิ่งกว่าที่เคยมีมาก่อน ถัดจากเธอเอ็ดเวิร์ดกำลังร่ายเวทย์อยู่

"คมมีดที่มองไม่เห็น คมมีดความมืด"

ครู่หนึ่งระอองสีดำขนาดใหญ่ก็ได้ปรากฏขึ้นในมือของเขา เซรินได้มองไปที่ตาของเอ็ดเวิร์ด เอ็ร์ดเวิร์ดก็ได้มองกลับมาและหยักหน้าของเขา นั่นมันหมายความว่าเขาพร้อมแล้ว เซรินได้เริ่มนับ

"หนึ่ง สอง สาม"

เมื่อนับถึงสามลูกธนูในธนูของเซรินก็ได้ถูกยิงออกไปพร้อมๆกับระอองสีดำในมือของเอ็ดเวิร์ด

"ฟิ่ว"

"ปูว"

ทั้งสองอย่างต่างพุ่งเข้าไปใส่หัวของปีศาจ

"ฟึบ"

"ปึก"

ปีศาจที่กำลังกินเนื้อไปพูดคุยกันไปทั้งสองตัวได้ล้มลงไปกับพื้นทั้งที่ยังถือเนื้อเอาไว้อยู่ หลังจากยืนยันว่ามันตายแล้ว เซรินก็มองกลับไปและหยักหน้าของเธอ นักล่าอีกแปดคนที่เตรียมพร้อมอยู่ก็ได้เคลื่อนไหวเข้าไปข้างในอย่างช้าๆเมื่อเซรินหยักหน้า นักล่าที่พวกเขาได้เลือกให้เป็นผู้นำปาตี้ได้เคลื่อนไหวอยู่ด้านหน้าและพูดออกมา

"จากนี้ไปพวกเราจะต้องระวังให้มาก อย่างทำเสียงดังและจบมันในจังหวะเดียว"

เขาได้ทำมือปาดคอด้วยตนเอง

"เชือดมัน เข้าใจนะ?"

ทุกๆคนได้หยักหน้าตามคำพูดของเขา นักล่าที่เหลือรอดอยู่ทุกคนจนมาถึงตอนนี้นั้นต่างก็มีประสบการณ์ที่มากมาย พวกเราอาจจะไม่รู้เกี่ยวกับสิ่งที่ซังจินบรรยายสรุป แต่พวกเขาก็มีความรู้พื้นฐานที่ได้อ่านมันผ่านมาจากกระดาษข้อมูล นอกจากนี้หลังจากที่เขาได้ต่อสู้กับทีมสำรวจที่ไม่ใช่กำลังหลักของพวกปีศาจ พวกเขาทุกคนก็ได้ตระหนักถึงสิ่งหนึ่ง

'มันเป็นไปไม่ได้ที่จะเผชิญหน้าโดยตรง'

ถ้าหากว่าการแทรกซึมและลอบสังหารมันเป็นไปไม่ได้ ถ้างั้นพลังโดยรวมของภารกิจครั้งนี้มันก็จะเสียเปรียบอย่างชัดเจน เซรินและนักล่าคนอื่นๆได้เข้าไปในฐานของมันทีละคน มียามปีศาจสองตัวที่ได้ยืนหาวอยู่ นักล่าได้ชี้นิ้วไปที่ยามทั้งสองทันที ไม่นานนักนักล่าสี่คนที่ใช้ดาบ มีดสั้น และขวานก็พรุ่งเข้าไปหาปีศาจ

"ก๊า.."

"กูว..."

ปีศาจได้ร้องออกมาสั้นๆ แต่โชคดีที่ดูเหมือนจะไม่มีใครได้ยินเสียงนี้ จากนั้นนักล่าก็ได้เข้าไปในค่าย ปีศาจในค่ายแรกนี้ทุกๆตัวต่างก็หลับอยู่ นักล่าแต่ละคนได้เข้าไปหาปีศาจในขณะที่นักล่าผู้ทำได้ชูสามนิ้วขึ้นมา

'สาม สอง หนึ่ง'

เมื่อนิ้วถูกเก็บลงหมด พวกเขาก็ได้กดใบมีดลงไปในคอ หัวใจ และหัวของปีศาจในทันที ค่ายแรกได้ถูกเคลียร์ไปโดยสมบูรณ์ พวกเราได้ออกมาจากค่ายแรกและมุ่งหน้าไปที่แห่งที่สอง

เซรินผู้ที่อยู่ด้านหลังของนักล่าไม่ได้ตามพูดเขาไปและยังยืนอยู่ด้านนอกค่าย ไม่ว่ายังไงอาวุธของเหล่านักล่าก็เหมาะกับการจบชีวิตของศัตรูด้านในค่ายมากกว่าลูกธนูของเธอ อย่างไรก็ตามเธอก็ได้มองเห็นกลอง

'มันจะมีกลองอยู่ในแต่ละแคมป์และเธอควรจะทำลายมันด้วยลูกธนูเป็นอย่างแรกซะหรือไม่ก็จัดการจัดการศัตรูทั้งหมดในครั้งเดียว'

เซรินได้ทำตามคำพูดของซังจินและหยิบเอาลูกธนูออกมาและกรีดกลองเป็นตัว X

"ชีสส ชีสสส"

แต่ว่าในขณะนั้นเองได้มีเสียงดังออกมาจากค่ายพักที่สองที่นักล่าเข้าไป

"มันเป็นศัตรู!!!!"

มันดูเหมือนว่าจะมีปัญหาเกิดขึ้นด้านในนั้น เซรินได้มองไปทางค่ายที่สามอย่างตกใจ

กลุ่มปีศาจได้วิ่งออกมาจากค่ายพักอย่างเร่งรีบ พวกมันได้เห็นเซรินผู้ที่กำลังกรีดกลองอยู่ และนักล่าที่ได้ออกมาจากค่ายที่สอง เซรินได้ตื่นตกใจขึ้น

ถึงแม้ว่าจะทำลายกลองไปแล้ว แต่ถ้าหากว่ามีปีศาจสักตัวหนึ่งหนีไปที่ค่ายอื่นได้ ถ้างั้นกองทัพของศัตรูจะต้องตรงมาหาพวกเขาแน่ นักล่าคนอื่นๆก็มีความคิดแบบเดียวกัน พวกเขาต่างรีบพุ่งเข้าไปหาปีศาจจากค่ายพักสุดท้ายทันที

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด