ตอนที่แล้วMPE บทที่ 22 สำนักงานนกร็อคทะยานฟ้า
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปMPE บทที่ 24 การผันแปรที่ขัดแย้งกัน

MPE บทที่ 23 การเดิมพันครั้งใหญ่


เกาเผิงไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่เช้า และตอนนี้เขาก็หิวมาก

เขาจะออกไปซื้อขนมปังมาทานซะหน่อย แต่ก็กลัวว่าลูกค้าจะเข้ามา ระหว่างที่เขาออกไปหาอะไรกิน

ระหว่างที่เขาลังเลจะไปหรือไม่ไปดี เวลาก็ผ่านมาครึ่งชั่วโมงแล้ว แต่ก็ยังไม่มีลูกค้าเข้ามา จู่ๆเขาก็ได้กลิ่นหอมของวาฟเฟิลลอยมาในอากาศ

เขาจึงมองหาต้นตอของกลิ่น จึงพบพนักงานต้อนรับหญิงทำท่ามีพิรุธ

เกาเผิงจึงเดินไปหาเธอ ทำให้เธอยิ้มหวานกล่าวคำทักทาย “สวัสดีค่ะ บอส มีเรื่องอะไรให้ดิฉันรับใช้หรือคะ?” เกาเผิงที่เป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้น ดังนั้นพนักงานจึงถือว่าเขาเป็นเจ้านายคนหนึ่งเช่นกัน

เกาเผิงชี้ไปที่มุมปากของเธอ “เศษขนมติดอยู่ทีริมฝีปากของคุณน่ะ นำขนมที่ซ่อนอยู่ออกมาเถอะ”

“ขอโทษด้วยค่ะบอส พอดีวันนี้ดิฉันตื่นสายค่ะ เลยไม่มีเวลาเตรียมอาหารเช้าและต้องเอาขนมปังมาทานที่นี่ โปรดยกโทษให้ดิฉันด้วยนะคะ” พนักงานต้อนรับหญิงเร่งเช็ดริมฝี ปากและกล่าวด้วยความตื่นตระหนก

“แค่อย่าเอามากินตรงนี้อีกก็พอ ผมแค่อยากจะถามว่ามีแถวนี้มีร้านขนมปังบ้างหรือเปล่า?” เกาเผิงถาม

“อา…” พนักงานต้อนรับหญิงกระพริบตาสองสามครั้งก่อนจะตอบ “ลงลิฟต์ไปชั้นล่าง เลี้ยงวซ้ายและเดินต่อไปอีกประมาณ 100 เมตร คุณจะพบสะพานลอย ข้ามสะพานลอยไปและเดินต่อไปอีก 50 เมตร คุณจะพบร้านเบเกอรี่ที่อร่อยที่สุดค่ะ ดิฉันแนะนำขนมปังช็อคโกแล๊ตอัลมอลด์กับขนมปังกล้วยหอมของร้านนี้อร่อยมาก”

“อืม” เกาเผิงพยักหน้าและจำชื่อ ซุนซวนซวน บนป้ายที่ติดอยู่บนหน้าอกของเธอเอาไว้ในใจ

เกาเผิงพบร้านเบเกอรี่ดังกล่าวอย่างง่ายดาย นอกจากนั้นยังพบว่าที่นี่เต็มไปด้วยลูกค้าจํานวนมาก

เกาเผิงถือถุงวาฟเฟิลเอาไว้ในมือซ้ายและใช้มือขวาหยิบขนมเข้าปากขณะที่เขากำลังรอลิฟต์

เมื่อเข้าไปในลิฟต์ เกาเผิงกดที่ชั้น 3 ขณะที่ประตูลิฟต์กำลังจะปิด เขาได้ยินเสียงตะโกนดังมาจากด้านนอก “รอด้วยครับ” เจ้าของเสียงเป็นชายอายุประมาณสามสิบในชุดสูทดำ เขาก้มศีรษะขอโทษเกาเผิงขณะจูงมือเด็กหญิงในชุดแดงเข้ามาในลิฟต์และกดชั้น 3 แต่เกาเผิงกดไปแล้ว เขาจึงหันไปมองเขาอย่างสงสัย

ในลิฟต์ เด็กหญิงหันหน้ามาทางเกาเผิงและมองขนมที่อยู่ในมือของเกาเผิง เธอสูดกลิ่นของขนมและเลียริมฝีปากของตัวเองโดยไม่รู้ตัว เธอใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อหันหน้ากลับไป แต่เพียงไม่นานเธอก็ต้องหันกลับมาอีกครั้ง

เกาเผิงหัวเราะอย่างช่วยไม่และเขาจึงเปิดห่อขนม หยิบวาฟเฟิลส่งให้เด็กหญิง

“ไม่เป็นไรค่ะ” แต่เด็กหญิงปฏิเสธอย่างรวดเร็วและจับแขนชองชายวัยกลางคนเอาไว้แน่น ขณะลอบมองเกาเผิงอย่างระมัดระวัง

*ดิ้ง* ในทีสุดลิฟต์ก็มาถึงชั้น 3และทําให้เกาเผิงหลุดจากสถานการณ์ที่น่าอึดอัดใจนี้ในที่สุด

...

ชายวัยกลางคนนำเด็กหญิงมาพบผู้เพาะพันธุ์สัตว์อสูรเพื่อยกระดับสัตว์อสูรของพวกเขา เมื่อพบว่าเกาเผิงเป็นผู้เพาะพันธุ์สัตว์อสูรของที่นี่ ชายวัยกลางคนทำหน้าราวกับไม่เชื่อสิ่งที่เกาเผิงพูด  เขาจึงนำหนังสือรับรองผู้ประกอบวิชาชีพผู้เพาะพันธุ์สัตว์อสูรขั้นกลางออกมาให้ดู

“คุณเป็นอัจฉริยะวัยเยาว์อย่างแท้จริง” ชายวัยกลางคนกล่าวยกย่อง

“คุณได้นำสัตว์อสูรมาด้วยหรือเปล่า? มันจะดีที่สุดหากคุณนำมันมาให้ผมตรวจโดยตรง” เกาเผิงถาม

“ต้าไป่ รออยู่ชั้นล่าง มันมีร่างกายใหญ่โตและไม่สามารถขึ้นลิฟต์มาได้น่ะครับ” ชายวัยกลางคนตอบ “โอ้ ผมลืมแนะนำตัวไป ผมชื่อ ซูเฉิงครับ นี่ลูกสาวของผม ตู๋ตู่”

“มันเป็นลิฟต์ที่ออกแบบสำหรับมนุษย์น่ะครับ เป็นธรรมดาทีสัตว์อสูรจะไม่สามารถใช้งานได้ ที่นี่มีลิฟต์สำหรับสัตว์อสูรแยกออกมาต่างหาก เอาไว้บริการด้วยนะครับ” เกาเผิงนําซูเฉิงกับซูตู๋ตู่ไปพบพนักงานผู้หนึ่ง

พนักงานกดรีโมททำให้กำแพงด้านหนึ่งเปิดออกและเผยให้เห็นลิฟต์ขนาดใหญ่ทีซ่อนอยู่

“คุณสามารถนำสัตว์อสูรขึ้นมาด้วยลิฟต์อันนี้น่ะครับ” เกาเผิงกล่าว

ซูเฉิงรีบนำสัตว์อสูรที่ชือต้าไป่ ขึ้นมาอย่างรวดเร็ว มันเป็นสุนัขสายพันธุ์เกรท ไพรีนีส(Great Pyrenees) สีขาวร่างใหญ่ หลังจากที่เกิดมหาภัยพิบัติ ทำให้มันตัวใหญ่ขึ้นอีก แต่ก็ยังเป็นสุนัขขนาดกลางเท่านั้น

สุนัขขาวสะบัดหางและใช้ลิ้นเลียเจ้านายของมันอย่างมีความสุข

“สุนัขตัวนี้อยู่กับคุณมาตั้งแต่ก่อนเกิดมหาภัยพิบัติใช่มั้ยครับ?” เกาเผิงถาม

“ถูกต้องแล้วครับ” ซูเฉิงตอบ “ต้าไป่ อยู่กับเรามา 6ปี แล้ว มันกลายพันธุ์ในช่วงมหาภัยพิบัติ”

“อืม สุนัขของคุณเป็นสัตว์อสูรระดับสูง ผมเดาว่าคุณต้องการให้ยกระดับให้เป็นสมบูรณ์ เพื่อให้มันเป็นชนชั้นนักรบในอนาคตใช่มั้ยครับ?”

สิ่งนี้ทำให้ซูเฉิงประหลาดใจมาก เขาไม่คิดว่าเกาเผิงจะสามารถบอกระดับได้ทันทีที่มองมัน เดิมทีเขายังไม่มันใจในตัวเกาเผิง แต่เมื่อได้ยินการวินิจฉัยของเกาเผิง ทำให้เขาเชื่อโดยไม่มีข้อสงสัย

“ใช่ครับ” ซูเฉิงตอบ

“อืม เอาไงดี” เกาเผิงพึมพำเบาๆ เขานั้นต่างจากผู้เพาะพันธุ์สัตว์อสูรทั่วไป เขาสามารถยกระดับสัตว์อสูรทุกตัวได้ 100%

ด้วยเหตุ เขาจึงไม่สามารถเก็บค่าธรรมเนียมแบบถูกๆได้

ในทุกๆเดือน เขาได้รับเงินเดือน 5 เครดิตพันธมิตรบวกกับส่วนแบ่ง 90% จากค่าธรรมเนียมในการให้คำปรึกษา

โดยปกติแล้ว 50% ของค่าธรรมเนียมจะต้องนำเข้าสู่สำนักงาน แต่ลุงหลิวตัดสินใจเก็บค่าธรรมเนียมเข้าเพียง 10% เท่านั้น และมอบอีก 90%ให้กับเกาเผิง ลุงหลิวให้เหตุผลว่า “ฉันต้องการแค่ให้สำนักงานแห่งนี้เปิดได้ก็พอแหละ ฉันไม่คิดจะทํากำไรจากมันเท่าไหร่นัก หากหลานต้องการจะช่วยลุงล่ะก็ ทำงานให้หนัก ให้ชื่อเสียงของสำนักแห่งดังไกลไปทั่วประเทศ ทั่วโลกเลยสิ”

รายได้หลักของสำนักงานแห่งนี้คือ ค่าธรรมเนียมในการให้คำปรึกษา ดังนั้นเกาเผิงจึงตัดสินใจเก็บค่าธรรมเนียม 3เท่าจากปกติ

แต่พ่อลูกคู่นี้เป็นลูกค้ารายแรกของเขา เกาเผิงจึงคิดแค่ 2เท่า จากราคาปกติ

อย่างไรก็ตามซูเฉิงกลับส่ายศีรษะเมื่อได้ยินราคาค่าธรรมเนียมดังกล่าวและหันหลังเดินจากไปทันที

“เดี๋ยวครับ หากการยกระดับล้มเหลว ทางเรายินดีจ่ายค่าธรรมเนียมคืนคุณลูกค้าเลยนะครับ” เกาเผิงกล่าว

ซูเฉิงหยุดเท้าและหันหลังกลับมาพร้อมสายตาเจ้าเล่ห์ “นั่นยังไม่พอ เอาอย่างนี้มั้ย หากการยกระดับล้มเหลว คุณต้องจ่ายเงินชดเชยให้ผมเป็นอีกเท่าตัวของค่าธรรมเนียมที่คุณเรียกเก็บ”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด