ตอนที่แล้วChapter 143 – Black Market Twelfth Shopping [31-03-2020]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 145 – The Swamp of Kh’rot [04-04-2020]

Chapter 144 – Black Market Twelfth Shopping (2) [02-04-2020]


Chapter 144 – Black Market Twelfth Shopping (2)

ร่างของพ่อค้าที่ได้เปลื่ยนไปเป็นเอ็ดเวิร์ดเงยหน้าขึ้นมามองที่ซังจินและยิ้มขึ้นก่อนจะพูดออกมา

"นั่น...ฉันจะบอกนายถ้านายจ่ายให้ฉัน 10000 เหรียญดำ"

ซังจินได้จ้องไปที่เขา ซังจินพึ่งจะได้ใช้เหรียญกำทั้งหมดเพื่อที่จะซื้ออิลิกเซอร์ไป พ่อค้าลับคนนี้จงใจที่จะพูดแบบนั้นทั้งๆที่รู้อยู่แล้ว

'อะไรล่ะ'

ซังขินได้ปล่อยเขาเอาไว้และลุกออกไปจากที่นั่ง พ่อค้าลับก็ได้กลับเป็นรูปร่างปกติและพูดกับซังจิน

"ถ้านายรวบรวมได้ 10000 ในครั้งต่อไป..."

อย่างไรก็ตามซังจินไม่ได้รอฟังให้เขาพูดขบและเดินออกไปแล้ว

"แคร๊ก แคร๊ก แครํก"

หลังจากที่เดินผ่านบันไดที่ชำรุดและกลับมาที่ด้านบนตลาดมืด ซังจินก็เริ่มเดินไปที่ร้านตีเหล็กของคาร์กอส จากนั้นครู่หนึ่งซังจินก็ได้หันกลับไปมองที่ร้านที่พึ่งออกมา

เหมือนเคยมันก็ยังคงปกคลุมไปด้วยความมืดมิด ซังจินได้มองมันไปอยู่ชั่วขณะหนึ่ง ร้านค้าทั่วๆไปในตลาดมืดจะเปิดในช่วงเก้าโมงเช้าถึงเที่ยงคืนเท่านั้น ดังนั้นในเวลานี้จึงไม่มีร้านที่เปิดอยู่

ถ้าคุณไม่ใช่คนที่ประหลาดนักก็จะไม่มีใครที่จะมาที่นี่ในเวลาตีสี่ครึ่ง และคิดที่จะเดินเข้าไปในที่ๆมืดมิด

'นั่นมันอาจจะ...ไม่สิ มันเป็นไปไม่ได้เลย'

ตีสี่ครึ่ง มันไม่เพียงแค่เป็นช่วงเช้าเกินไป มันยังเหลือเวลาอีกแค่ 4 ชั่วโมงก่อนจะเริ่มการโจมตีเท่านั้น มันคงจะไม่มีใครที่จะมาเดินเล่นไปรอบๆในขณะที่จะต้องเอาชีวิตไปเสี่ยงในเวลาข้างหน้าหรอก แม้ว่าคุณจะนอนไม่หลับก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะมาถึงสถานที่แห่งนี้และเดินเข้าไปในความมืดมิด

'ในความเป็นจริง...มันควรจะเป็นไปได้มากกว่าถ้าได้รับข้อความจากอาเรี่ยน...'

คนที่บอกให้เขารู้ถึงที่ตั้งของร้านนี้ไม่ใช่ใครอื่นนอกไปจากเอ็ดเวิร์ดที่บอกพวกเขาในขณะที่กำลังพักผ่อนในระหว่างก่อนเริ่มการจู่โจม เขาได้พูดออกมาว่า

'มันมีที่หนึ่งอยู่ตรงนั้น มันขายแม้แต่ไอเทมที่จะช่วยให้คุณได้ข้ามไปในมิติอื่นๆ'

ถ้าเอ็ดเวิร์ดได้รู้ที่ตั้งของร้านค้านั่นหมายความว่าเขานั้นก็จะต้องได้ผ่านการทดสอบของอาเรี่ยนมา

'แม้ว่าฉันจะแทบไม่สามารถจะผ่านไปได้...'

อย่างไรก็ตามเอ็ดเวิร์ดเป็นคนที่แข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อ เมื่อซังจินได้คิดไปถึงเรื่องราวของ 'พงศาวดารสามก๊ก' ที่เคยมีเจ้าของเป็นเอ็ดเวิร์ด และถ้าเอ็ดเวิร์ดได้ท้าทายอาเรี่ยนในชีวิตนั้นก็อาจจะเป็นไปได้

'ถ้างั้นความนี้...เขาจะสามารถ...'

เขาไม่แน่ใจนัก ไม่ว่าในกรณีใด ซังจินก็ไม่สามารถที่จะมั่นใจได้ว่าเอ็ดเวิร์ดได้เติยโตขึ้นแค่ไหนเพราะว่าการจู่โจมนั้นมันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจากโชคในเรื่องของพรรคพวกตัวเองเป็นพื้นฐาน ไม่แน่เขาก็อาจจะเสียชีวิตไปในระหว่างการจู่โจมแล้วก็เป็นได้

โชคมันเป็นแบบนั้นแหละ ผลลัพธ์ที่แย่ๆมันสามารถจะเกิดขึ้นได้ไม่ว่าคุณจะพยายามแค่ไหน หรือมันอาจจะตรงกันข้ามซึ่งผลลัพธ์ดีๆจะเข้ามาแทนแม้ว่าคุณจะไม่ทำอะไรเลย

'ตัดสินจากทักษะของเขา...มันก็อาจจะเป็นไปได้ว่าเขายังมีชีวิตอยู่'

ซังจินได้คิดในขณะที่เดินไปเรื่อยๆ โดยที่เขาไม่รู้ตัวเขาก็ได้มาถึงที่ร้านตีเหล็กของคาร์กอสแล้ว

"เคร๊ง เคร๊ง เคร๊ง"

ซังจินได้มองดูคาร์กอสที่กำลังตีดาบอยู่โดยที่ไม่พูดอะไร เขาไม่รู้สึกว่าเวลาผ่านไปเลยในขณะที่เฝ้ามองประกายไฟจากค้อนของคาร์กอส

ซังจินรู้สึกราวกับถูกสะกดจิตเหมือนกับว่าเขากำลังเฝ้ามองการทำงานของศิลปะ ในเวลาต่อมาจากนั้นคาร์กอสก็ได้เช็ดเหงื่อออกมาแล้วพูดขึ้น

"มันเสร็จแล้ว"

ความเงางามของอาเรี่ยรได้รับการปรับปรุงขึ้นให้ชัดเจนและมีขอบที่คมมากขึ้น คาร์กอสได้ส่งให้ซังจินตรวจสอบดูเมื่อรับสินค้าไป

-----

อาเรี่ยน - มังกรสาว

คาตานะระดับตำนานพิเศษ - ความแข็งแรง SS ความคล่องแคล่ว S พลังเวทย์ B

ทักษะใช้งาน

กระแสมานา (III) - ให้ครึ่งหนึ่งของมานาที่จะใช้สำหรับ 30 วินาทีถัดไป ทั้งนี้มันจะขึ้นอยู่กับขนาดของหัวใจมังกรคือขีดจำกัดในการมอบมานา

ทักษะติดตัว

ลมหายใจมานา (III) - หัวใจมังกรและผู้ใชจะฟื้นคืนมานา 3% ต่อนาที

-----

ซังจินได้ยืนยันการเปลื่ยนแปลงนี้อย่างรวดเร็ว

'ความแข็งแรงและความคล่องแคล่วเพิ่มขึ้นอย่างละ 1 ขั้น...พลังเวทย์ก็เหมือนกัน...ทักษะใช้งานและทักษะติดตัวก็เพิ่มขึ้นอย่างละระดับ...ระยะเวลาของกระแสมานาเพิ่มขึ้นและการฟื้นตัวของลมหายใจมานาก็เพิ่มขึ้น'

อย่างแรกเลยก็คือมีค่าสเตตัสที่เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก ตอนนี้มันสูงพอที่เขาจะสามารถใช้อาเรี่ยนเป็นได้เหมือนดาบปกติแล้ว การเพิ่มขึ้นของระยะเวลากระแสมานามันก็เป็นสิ่งที่ดี

ตอนนี้เนื่องจากระยะเวลาของมันได้เท่ากันกับ 'แหวนของจอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่' จึงทำให้เขาสามารถจะใช้เวทย์ได้อย่างต่อเนื่องในเวลานั้น

โชคร้ายที่ปริมาณมานาที่ให้มานานั้นไม่ได้เพิ่มขึ้นแต่อย่างได้ เขาจะต้องมีมานาเพิ่มขึ้นกว่านี้เพื่อที่จะใช้ช่วงเวลานั้นได้อย่างสมบูรณ์

'อย่างเคยมานานั้นเป็นปัญหา'

"นี่ รับไป"

คาร์กอสได้เรียกซังจิ เมื่อซังจินหันไปมอง เขาก็เห็นต่างหูอยู่บนมือของคาร์กอส

'อา...ใช่แล้ว'

ไทด์ ต่างหูที่สามารถจะใช้ฟังความคิดของคนอื่นๆได้ ซังจินได้รับมันมาและมองไปที่มัน

-----

ไทด์ - ดวงตาแห่งเจรามิท

ต่างหูระดับตำนาน

ทักษะใช้งาน

อ่านใจ (III) - อ่านความคิดในระดับเบื้องต้นของคนที่สนทนาด้วย เปิดใช้งานโดยการสัมผัสไปที่ต่างหู ระยะเวลาใช้งานคือ 30 วินาทีเมื่อการสนทนาได้เริ่มต้นขึ้น คูลดาวล์ 10 นาที

มุมมองที่แท้จริง (III) - มองเห็นศัตรูที่ล่องหน ระยะเวลา 1 นาที คูลดาวล์ 10 นาที

ความจริงนี้สามารถจะส่องสว่างได้เมื่อมีการโกหกและโป้ปด

ตัวช่วยที่จะทำให้จอมเวทย์สามารถจะใช้มันในการสร้างยุคแห่งความยุติธรรมได้

------

'โอ้...'

การได้รับทักษะใช้งานนี้มันเป็นเรื่องที่ดี มันเยี่ยมมากเพราะว่าเขาได้เจอกับฆาตกรที่สามารถจะล่องหนได้ในระหว่างการจู่โจมล่าสุดถึง 2 คนแล้ว แถมระยะเวลาของทักษะอ่านใจก็เพิ่มขึ้นอีกด้วย จนตอนนี้เขาสามารถจะอ่านใจของผู้อื่นได้ถึง 30 วินาที

'นี้มันยิ่งกว่าเยี่ยมซะอีก'

ซังจินได้ใส่ต่างหูอีกครั้งและกล่าวขอบคุณกับคาร์กอส

"ขอบคุณมากนะ คาร์กอส"

คาร์ก็ได้หยักหน้ารับอย่างสบายๆ

"ในตอนนี้ดาบทั้งหมดของนายได้กลายเป็นระดับตำนานพิเศษหมดแล้วนี่"

"ใช่แล้ว...เพราะว่านายเป็นคนทำมัน"

"ถ้าหากมันบังเอิญว่านายได้รวบรวมหินเอนชานต์ได้ 9 ก้อน ฉันก็จะแสดงให้เห็นถึงความสามารถของฉันอีกครั้ง แม้ว่าฉันจะไม่รู้ว่ามันจะเป็นไปได้มั๊ยก็ตาม"

เมื่อซังจินได้ยินแบบนี้เขาก็เอียงหัวและพูดออกมา

"นั่น...นายกำลังจะมองว่ามันเป็นไปได้หรอที่จะทำให้มันมีระดับที่สูงกว่าไอเทมระดับตำนานพิเศษ?"

"ใช่แล้ว มันมีระดับที่เหนือกว่านั้นไปอีก มันเป็นระดับในเทพนิยาย เอาล่ะ แม้ว่าดาบของนายในตอนนี้มันก็สามารถจะพิจารณาได้ว่าเป็นสมบัติระดับชาติแล้ว แต่ว่าหากนายต้องการจะให้ฉันทำมันขึ้นอีก ฉันก็สามารถจะทำมันได้ แม้ว่าการรวบรวมหินเอนชานต์มันจะไม่ง่ายก็ตาม"

ซังจินได้ยินคำพูดเหล่านี้และคิดสั้นๆเกี่ยวกับมัน

'ไอเทมระดับเทพนิยาย'

จากนั้นซังจินก็ได้ลาคาร์กอส

"....ฉันเข้าใจแล้ว ถ้างั้นก็ไว้จนกว่าจะถึงเวลาละกัน"

"โชคดี"

ในระหว่างที่กลับไปที่โรงแรม คำพูดของคาร์กอสก็ยังติดอยู่ในใจของซังจิน

'ฉันกำลังวางแผนที่จะเอาเกรดอุปกรณ์หรือชุดที่ถ้าฉันมีหินเอนชานต์ แต่ว่าในตอนนี้...'

ไอเทมระดับเทพนิยาย ในหมู่ไอเทมระดับเทพนิยายมันมีไอเทมเพียงชิ้นเดียวที่เขาเคยเห็น ซึ่งนั้นก็คือน้ำศักดิ์สิทธิ์แห่งการล้างบาป อย่างไรก็ตามมันไม่ใช่ไอเทมสวมใส่ แต่มันเป็นไอเทมใช้งาน เขาไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับไอเทมสวมใส่ระดับเทพนิยายมาก่ิอนเลย

ซังจินได้มองลงไปที่ดาบมูนสเปค บลัดเวเจน อาเทอร์มิโอ และอาเรี่ยน เมื่อตอนที่เขาได้อัพเกรดพวกมัน เขาก็เคยคิดว่า 'มันเพียงพอแล้ว' แต่ตอนนี้มีคนมาบอกกับเขาว่ายังมีสิ่งที่อยู่เหนือกว่าพวกมันกับเขาอีก

'แต่ว่าการรวบรวมหินเอนชานต์ 9 ก้อน...มันเป็นไปได้หรอ?'

คุณอาจจะได้รับหินเอนชานต์ 1 ก้อน แต่บางทีมันจะเป็น 2 หากโชคดีมากๆต่อการจู่โจมหนึ่ง หากว่าต้องการจะรวบรวมมันให้ครบทั้ง 9 ก้อนมันเป็นเรื่องยาก

'...สำหรับตอนนี้ ฉันควรที่จะเก็บความคิดนี้เอาไว้ก่อน'

ซังจินได้คิดไปในขณะที่กลับเข้าไปในโรงแรม และจากนั้นเข้าก็ขึ้นไปที่ห้องนอนและหยิบกระดาษข้อมูลขึ้นมา จากนั้นก็นั่งลงบนโต๊ะพร้อมปากกาในมือ เขาจะต้องทำให้ดีในเช้าวันนี้ในการประชุม เขาพยายามที่นึกให้ได้ถึงเรื่องเก่าๆให้มากที่สุด

'ถ้าย้อนกลับไป...มันเป็นแบบไหนนะ...'

การจู่โจมที่เขาได้เคยมีประสบการมาแล้วครั้งหนึ่ง เขาเป็นเพียงคนเดียวที่สามารถจะแบ่งประสบการนี้ออกไปได้ ซังจินได้เขียนข้อมูลต่างๆลงไปในกระดาษข้อมูล

'สิ่งที่จะต้องระวัง'

'กลยุทธ์สำหรับบอส'

'วิธีการหาบอสลับ'

ด้วยวิธีนี้เขาได้เปลื่ยน 'แผ่นข้อมูล' ให้การเป็นคู่มือกลยุทธ์เรียบร้อยแล้ว จากนั้นเขาก็หยิบกระดาษข้อมูลขึ้นและลงไปที่ชั้น 1 เมื่อมันถึงเวลาที่จะเริ่มต้นซังจินก็หยิบเอาคทาขุนศึกขึ้นมา

"เรียกตัว"

และเรียกผู้ถูกเลือกทั้งหมดออกมา

"สวัสดี"

"อรุณสวัสดิ์"

ในตอนนี้มีผู้ถูกเลือกทั้ง 5 คนและซังจินอีกหนึ่งคน ตอนนี้กลุ่มของเขาคือ 6 คน พวกเขาแต่ละคนต่างก็สั่งอาหารเช้าจากดารูปิน

"ครัวซองค์กับเนยนะ"

"สำหรับฉันก็ข้าวผัดกิมจิ"

"มัฟฟินช็อกโกแลตแล้วก็กาแฟ"

"หืมม ฉันเอาผักกับนม"

โต๊ะของโรงแรมที่ซังจินอยู่อย่างเงียบๆมาเสนอมและโดดเดี่ยวได้อึกทึกขึ้นมา

"พี่สาว คุณได้ลองหน้ากากนั่นหรือยัง?"

"ใช่แล้ว ฉันได้ลองมันแล้ว แต่ฉันไม่สามารถจะใช้มันได้เพราะว่าการเห็นลักษณะของฉันที่เปลื่ยนแปลงไปมันน่าอึดอัดใจจนเกินไป ดังนั้นฉันก็จะต้องไปรอบๆด้วยใบหน้านี้ของฉันเท่านั้นเอง

"เอ๊ะ? แล้วถ้าเกิดมีคนไม่ดีพยายามจะโจมตีพี่ล่ะ? พี่ไม่ได้ผ่านประสบการณ์แบบนั้นมาก่อนหรอ?"

"หืม...ฉันไม่เคยเห็นใครแบบนั้นมาก่อนเลย"

"จริงหรอ? ไม่มีทางน่าที่พวกเขาจะปล่อยคนที่มีร่างกาบแบบพี่เอาไว้..."

"ใครจะรู้ล่ะ บางทีมันอาจจะเป็นเพราะฉันได้เรียกศพมาอยู่รอบๆตัวฉัน"

มันเหมือนว่าเซรินและนาดดจะกลายเป็นเป็นเพื่อนที่สนิทกันมาทีเดียว พวกเขาได้พูดคุยกันพ่อยๆด้วยกันในขณะที่ปล่อยพวกผู้ชายเอาไว้

"นายบอกว่ามาจากแคนนาดาหรอ? แล้วนายอาศัยอยู่ที่ไหนอะ?"

"ในโอตาริโอ้"

"อ่า เข้าใขแล้ว ฉันอาศัยอยู่ในรัฐนิวยอร์ก"

"ถ้าหสกเป็นนิวยอร์กล่ะก็ ฉันก็ไปที่นั่นบ่อยๆเลยล่ะ"

"อ่า นายหรอ?"

เบลเทรนและมาฮาเดสทั้งสองคนอเมริกาเหนือเหมือนกันดังนั้นพวกเขาก็เลยคุยกันเกี่ยวกับบ้านเกิดของพวกเขา

"นี่เค แล้วนายไปเรียนรู้เทคนิคดาบของนายมาจากไหนกันหรอฦW

"อ่า... นั่นมันเป็นเมื่อนานมาแล้วในตอนที่ฉันยังเด็ก ฉันได้ศึกเคนโด้มาบ้างโดยบังเอิญน่ะ"

"โดยบังเอิญ?"

"ใช่แล้ว ฉันได้ทำงานพาทไทน์ที่อยู่ใกล้กับโรงเรียนเคนโด้ และด้วยเหตุผลบางอย่างฉันก็ได้ต่อสู้กับใครบางคนที่เข้าเรียนอยู่ในโรงเรียนเคนโด้น่ะ"

"ทำไมแบบนั้นล่ะ?"

"อืม จริงๆแล้วมันไม่มีอะไรเลย ในทางแคบๆฉันได้บังเอิญไปชนกันกับเขา แต่เขาก็เริ่มแสดงออกมาอย่างรุนแรงและต้องการที่จะต่อสู้กับฉัน ถามฉันว่าฉันตาบอดและไม่เห็นว่าเขามีไม้หรอ?"

"แล้วจากนั้นล่ะ?"

"ฉันก็แค่ทำเป็นมองไม่เห็น แต่ว่าเนื่องจากฉันไม่ได้สนใจเขา เขาก็ได้พุ่งเข้ามาใส่ฉันด้วยดาบไม้ ดังนั้นฉันก็เลยคว้าดาบเขามาและจัดการตีหัวของเขาไปด้วยมัน แต่ว่าอาจารย์ของโรงเรียนเคนโด้ได้เห็นแบบนั้นและจากนั้นเขาก็บอกกับฉันว่าฉันดูเหมือนจะมีพรสวรรค์ในด้านเทคนิคดาบ แล้วจากนั้น อืมม...ฉันก็เริ่มเรียนที่นั่น"

"โอ้ เข้าใจแล้ว"

เพราะว่าทั้งซังจินและฟรานซ์เป็นนักดาบพวกเขาก็เลยมังจะพูดกันเกี่ยวกับเรื่องนี้ หลังจากที่พวกเขากินข้าวกันเสร็จ เวลาสำคัญในการประชุมก็มาถึง

"เอ่อ ถ้างั้นฉันจะเริ่มการไกด์ของวันนี้แล้วนะ"

นักล่าที่กำลังคุยกันอยู่ได้เงียบลงไปเมื่อซังจินได้เริ่มพูดออกมา ซังจินได้ถือกระดาษข้อมูลขึ้นและพูดออกมา

"การจู่โจมในวันนี้ก็คือบึงคาร็อท ที่นี่คำว่าคาร็อทมันก็คือชื่อของราชาลิซาร์ดแมนผู้ที่เป็นบอส มันเหมือนกับอเฮนน่าที่ปรากฏตัวป่าอเฮนน่า แต่ว่าพวกมันมีการร่วมมือที่ดีกว่าพวกออร์ค และพวกมันก็ยังคล่องแคล่วมากอีกด้วย พวกมันสามารถจะเคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็วในบึงนั่นจึงเป็นเหตุผลที่ว่าพวกนายจะต้องพยายามไปต่อสู้กับพวกมันในพื้นที่ดินที่แห้งแล้งถ้าหากมันเป็นไปได้"

มันเป็นความรู้สึกแปลกๆที่ได้รับจากคนอื่นๆที่เป็นแบบนี้เพราะว่าซังจินนั้นเป็นคนที่เกิดมายากจนเขาเลยไม่เคยมีความรู้สึกแบบนี้มาก่อน ในขณะที่เขาได้รู้สึกถึงการมุ่งเน้นความสนใจมาที่ตัวเขา เขาก็คิดขึ้นมาว่า

'เหมือนกันว่าฉันได้กลายเป็นอาจารย์เลย'

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด