ตอนที่แล้วGE370 ผู้อาวุโสสามแห่งตระกูลซัว [ฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปGE372 ข้าจ่ายให้ [ฟรี]

GE371 ซัวหมิง ผู้อาวุโสแห่งวิหารพิรุณ [ฟรี]


เมื่อเห็นหนิงฝานและสองผู้เชี่ยวชาญไร้ดัดแปลงเดินเข้าหอคอยใต้ ผู้อาวุโสโม่ที่เฝ้าดูแลหอคอยไม่กล้าขวาง ชายชราเป็นเพียงนักปรุงโอสถผันแปรที่ 3 เหตุใดจะกล้าหยุด 3 ผู้ยิ่งใหญ่นี้ได้

สองผู้เชี่ยวชาญไร้ดัดแปลงแห่งวิหารพิรุณมีสถานะสูงส่ง หนิงฝานเองก็มีชื่อเสียงและทรงพลัง แม้แต่ท่านหยานที่แข็งแกร่งกว่าผู้เชี่ยวชาญในทะเลส่วนใน หนิงฝานยังเอาชนะได้ ในทะเลไร้สิ้นสุดแห่งนี้ นอกจากผู้เชี่ยวชาญไร้ดัดแปลงขึ้นไปแล้ว คงไม่มีใครสู้หนิงฝานได้อีก ที่สำคัญความสามารถในการดูดกลืนนและสยบเพลิงของเขาจนถูกเรียกขานว่าจักรพรรดิเพลิง ผู้อาวุโสโม่คงไม่ลืมเหตุการณ์นี้ไปตลอดชีวิต

ผู้อาวุโสโม่นำหนิงฝานและสองผู้เชี่ยวชาญไร้ดัดแปลงไปยังโถงหลักบนชั้นที่สองของหอคอย และผายมือให้ทั้งสามนั่งบนเก้าอี้ที่เตรียมไว้แยกกัน

“น่าสนใจ...” หนิงฝานยกยิ้มที่มุมปาก

ที่สังหารท่านหยานไป หนิงฝานคิดว่าคิดว่าคงได้พบกับปัญหาที่ตามมามากมาย แต่คาดไม่ถึงว่าผลลัพธ์จจะออกมาดีแบบนี้

สองผู้เชี่ยวชาญไร้ดัดแปลงอยู่ในขั้นต้นกันทั้งคู่ ผู้หนึ่งสวมชุดคลุมเหลืองลายมังกร ผมขาวยาว นาม ‘ลั่วจวิน’

อีกหนึ่งเป็นชายในชุดเกราะสีเงิน รูปร่างผอมบาง เน้นไปทางฝึกฝนร่างกายให้ทรงพลัง นาม ‘ฉู่หาว’

ในวิหารพิรุณ ผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณถือเป็นผู้อาวุโสของวิหาร มีคำนำหน้าชื่อว่า ‘ท่าน’ ส่วนผู้เชี่ยวชาญไร้ดัดแปลงอย่างชายทั้งสองนี้ จะถูกเรียกขานว่า ‘จ้าววัง’

เมื่อทั้งสามนั่ง ทั้งสามต่างจ้องมองสำรวจอีกฝ่าย หนิงฝานรู้ว่ายามนี้ควรกล่าวในตรงประเด็น

“ผู้อาวุโสทั้งสองมีอะไรก็กล่าวมาเถอะ อย่าได้ลังเล อ้อมค้อมหรือปิดบังข้าเลย… ข้าอยากรู้ในสิ่งที่ท่านสนใจในตัวข้ามาก”

“ฮ่าฮ่า ในเมื่อเจ้ากล่าวเช่นนั้น ข้าเองก็จะบอกความจริง แต่ก่อนหน้านั้น ขอข้าได้ขอบคุณเจ้าก่อน” ลั่วจวินยิ้มพลางกล่าว

“ขอบคุณ? มีเรื่องอะไรที่ท่านต้องขอบคุณข้า?” หนิงฝานประหลาดใจ

“ข้ามีลูกหลานอาศัยอยู่ในทะเลส่วนนอก แต่แล้ววันหนึ่งก็ถูกพวกโจรสังหาร ข้าตามตรวจสอบเรื่องราวที่เกิดขึ้นจนพบว่าโจรพวกนั้นไปกบดานอยู่ที่เกาะบุบผาทมิฬ และเจ้าก็ได้ยึดครองที่นั่นในภายหลังและขับไล่พวกมันไป ถึงไม่ได้สังหารพวกมันแต่ก็ถือว่าสหายน้อยแก้แค้นให้ลูกหลานของข้า!”

ลั่วจวินกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง แม้การที่หนิงฝานขับไล่โจรพวกนั้นไปจะเป็นเพียงเรื่องบังเอิญ แต่ลั่วจวินก็ขอบคุณหนิงฝานมาก

หนิงฝานไม่ได้กล่าวสิ่งใด เขาเพียงขบคิดว่าแค่ขับไล่โจรเหล่านั้นก็นับเป็นบุญคุณหรือ? แต่อย่างน้อยเรื่องนี้ก็ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างตัวเขาและสองผู้เชี่ยวชาญไร้ดัดแปลงดีขึ้น

เขาอยากรู้ว่าอีกฝ่ายมีเรื่องสำคัญอะไร

“เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้หากจะโทษก็ต้องโทษหยุนหยานและกู่เสินศิษย์ของมัน ข้าและสหายขอรับประกันว่าจะไม่มีผู้ใดมารังควานเจ้าเด็ดขาด เจ้าวางใจได้!”

ลั่วจวินกล่าวย้ำถึงเรื่องที่เกิดขึ้น เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างหนิงฝานและพวกตนให้แน่นแฟ้นขึ้น

“ผู้อาวุโสมีเรื่องอะไรก็กล่าวมาเถอะ หากมันเป็นประโยชน์กับข้ามากพอ ข้าย่อมไม่ปฏิเสธ”

“ดี! ข้าชอบที่เจ้าพูดจาตรงไปตรงมา ถ้าอย่างนั้นข้าจะไม่พูดอ้อมค้อมอีก… วิหารพิรุณของข้าต้องการบางสิ่งที่ซ่อนอยู่ที่ไหนสักแห่งในทะเลเพลิง ส่วนเรื่องรายละเอียดว่าเป็นสิ่งใดนั้น พวกข้าเองก็ไม่ทราบ เปลวเพลิงที่ลุกไหม้อยู่ในทะเลเพลิงนั้น...คือเพลิงเซียน! แม้เป็นกษัตริย์พิรุณก็เข้าไปในนั้นไม่ได้… พวกข้าเร่งฝึกฝนหยุนนหยานก็เพราะมีเพียงมันเท่านั้นที่จะเข้าสู่ทะเลเพลิงได้ แต่น่าเสียดายที่หากจะทำเช่นนั้น อย่างน้อยมันต้องบรรลุขอบเขตไร้แบ่งแยกก่อน แต่ตอนนี้มันคงไม่มีโอกาสแล้ว… ส่วนตัวเจ้า แม้จะถูกหยุนหยานจู่โจมด้วยเพลิงแต่กลับไม่ได้รับอันตราย ฉะนั้นพวกข้าจึงคิดว่า ในโลกพิรุณแห่งนี้คงจะมีแค่เจ้าที่น่าจะเข้าสู่ทะเลเพลิงได้”

“เพลิงเซียน?” คำกล่าวของลั่วจวินทำให้หนิงฝานประหลาดใจเป็นอย่างมาก คาดไม่ถึงว่าวิหารพิรุณจะสนใจความสามารถในการดูดซับเพลิงของตน

เหตุที่หนิงฝานไม่เป็นอันตรายจากเพลิงเพราะเขาดูดซับพวกมันเข้าจารึกตะวันจันทรา แต่ถึงอย่างนั้น ด้วยที่เขาครอบครองเพลิงปีศาจหลายชนิด อย่างน้อยๆ เพลิงปีศาจระดับเดียวกันก็ทำอะไรเขาไม่ได้ นอกจากนี้ เขายังมั่นใจว่าตนเองสามารถต้านทานเพลิงระดับ 6 หรือ 7 ได้ด้วย

แต่กับเพลิงเซียน...

เพลิงระดับ 5 เรียกขานกันว่า‘เพลิงปีศาจชีพจรพิภพ’ ส่วนเพลิงระดับ 6 และ 7 เรียกขานว่า ‘เพลิงไร้แบ่งแยก’ ส่วนเพลิงเซียน เป็นเพลิงที่มีระดับสูงยิ่งขึ้นไป

หนิงฝานขมวดคิ้ว เขาไม่มั่นใจว่าตนเองจะรอดจากเพลิงเซียนหรือเปล่า

“ฮ่าฮ่า สหายน้อยไม่ต้องกลัวไป ถึงทะเลเพลิงแห่งนั้นจะปกคลุมด้วยเพลิงเซียน แต่หลายปีที่ผ่านมา กษัตริย์พิรุณได้ทำให้มันอ่อนกำลังลงมาก นอกจากนี้ ยังมีช่วงเวลาที่เพลิงเซียนจะอ่อนกำลังลง ช่วงเวลาที่เพลิงอ่อนกำลังลงที่สุดนั้น จะมีอานุภาพเทียบได้เพียงเพลิงไร้แบ่งแยก ที่สำคัญ วิหารพิรุณของเราจะมี ‘วิชากายต้านเพลิง’ ช่วยสหายน้อยอีกแรง”

หนิงฝานขบคิดในสิ่งที่ลั่วจวินกล่าว วิชากายต้านเพลิงคือวิชาที่ทำให้ร่างกายทนต่อเพลิง หากฝึกฝนจนบรรลุ เพลิงที่มีระดับต่ำกว่าเพลิงเซียนจะไม่สามารถทำอันตรายได้

ดูเหมือนลั่วจวินใช้วิชากายต้านเพลิงเพื่อดึงความสนใจของหนิงฝาน

แต่ตราบใดที่มีผลประโยชน์มากพอ ไม่ว่าผู้ใดก็ตอบรับ

วิชากายต้านเพลิงเป็นเพียงก้าวแรก… แต่ไม่ว่าผู้ใดก็สนใจในวิชานี้

หนิงฝานได้สร้อยหยินหยางมาจากจื่อเฮ่อ แม้จะมีวิชาที่น่าเกรงขามอย่างวิชาแปลงหยินหยาง แต่กลับไม่มีวิชาฝึกฝนร่างกายเลย ดังนั้น วิชากายต้านเพลิงจึงเป็นวิชาที่สำคัญกับหนิงฝานมาก

ส่วนสร้อยหยินหยาง หากผู้ใดรู้ว่ามันสามารถดูดซับเพลิงที่ทรงพลังได้ คงมีคนไม่น้อยที่ต้องการแย่งชิง

“หากเพลิงในทะเลเพลิงเป็นเพียงเพลิงเซียน ข้าเองก็อาจพอเสี่ยงเข้าไปได้ แต่สถานที่แห่งนั้นสมควรอันตรายเป็นอย่างมาก หากเสี่ยงเข้าไป ข้าจะได้ประโยชน์อะไร? ช่วงนี้ข้าเองก็ยังออกจากทะเลไร้สิ้นสุดไม่ได้ หากพวกท่านจะให้ข้าเดินทางไปทะเลเพลิงตอนนี้ เกรงว่าไม่อาจทำได้ อีกอย่าง ข้ายังมีอีกเรื่องที่ข้าไม่สบายใจ… ท่านกล้ารับปากข้าหรือเปล่าว่าหากพวกท่านได้ในสิ่งที่ต้องการแล้ว พวกท่านจะไม่ทรยศหักหลังข้า!”

หนิงฝานขมวดคิ้ว สิ่งที่น่าเคียดแค้นมากที่สุดคือการถูกหักหลัง ไม่ว่าผู้ใดย่อมไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์เช่นนั้น

ยามนี้สองผู้เชี่ยวชาญไร้ดัดแปลงมาขอให้เขาช่วยก็จริง แต่หากเขาทำสิ่งที่พวกมันต้องการได้ลุล่วง ผู้ใดจะรู้ว่ามันจะกลับคำ ทรยศและสังหารเขาหรือเปล่า?

แม้ว่าการช่วยกษัตริย์พิรุณจะนำมาซึ่งประโยชน์มากมาย แต่การจะช่วยพวกมันก็เท่ากับต้องล่วงรู้ความลับ และหากความลับนั้นสำคัญมาก พวกมันคงไม่ปล่อยเขาไว้

เมื่อได้ฟังสิ่งที่หนิงฝานกล่าว ฉู่หาวแค่นเสียงด้วยความไม่พอใจ

มันเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญไร้ดัดแปลง การที่มันยอมพูดคุยและชักชวนหนิงฝานก็นับว่าหาได้ยากแล้ว แต่ยามนี้หนิงฝานกลับมีคำขอมากมาย จึงทำให้มันไม่พอใจ

หากไม่เพราะจำเป็นต้องอาศัยคนเข้าสู่ทะเลเพลิง ฉู่หาวคงลงมือประทับตราวิญญาณกับหนิงฝาน และพากลับวิหารพิรุณด้วย

“สหายเต๋าฉู่ ท่านจะยั่วยุสหายน้อยไม่ได้!”

เมื่อลั่วจวินเห็นว่าฉู่หาวเริ่มไม่พอใจ มันจึงกล่าวเตือนด้วยสัมผัสเทพ

เหตุที่พวกมันไม่อาจยั่วยุหนิงฝานได้คือหนึ่ง เรื่องสิ่งที่อยู่ในทะเลเพลิงเป็นสิ่งสำคัญ อย่างที่สองคือพวกมันเข้าใจว่าผู้อาวุโสสามแห่งตระกูลซัวคุ้มครองหนิงฝานอยู่

เมื่อถูกลั่วจวินเตือน ฉู่หาวจึงสงบคำ แม้พวกมันจะเป็นผู้เชี่ยวชาญไร้ดัดแปลงขั้นต้น แต่หากเทียบกับผู้อาวุโสสามแห่งตระกูลซัวแล้ว พวกมันไม่นับเป็นอันใด

“เรื่องที่สหายน้อยกล่าวนับเป็นเรื่องสำคัญ หากเจ้าจะกังวลก็ถือว่าไม่แปลก แต่ข้าขออธิบายเช่นนี้...”

“ข้าเดาว่าตัวเจ้าสมควรมีความเกี่ยวพันกับกษัตริย์อัสนี มีผู้อาวุโสสามแห่งตระกูลซัวคอยคุ้มกัน ต่อให้เป็นวิหารพิรุณอย่างพวกข้า ย่อมไม่กล้าล่วงเกินสหายน้อยอยู่แล้ว”

จริงๆแล้วหนิงฝานไม่ได้มีสถานะอย่างที่พวกมันคิด พวกมันเพียงเชื่อและคิดว่าสิ่งที่พวกมันเชื่อเป็นเรื่องจริง

หนิงฝานคงสีหน้าสงบ ผู้อาวุโสสามแห่งตระกูลซัวเป็นใครนั้น เขาเองก็ไม่ทราบ อีกอย่าง เขายังไม่ใช่คนของตระกูลซัวด้วย

แต่หากความเข้าใจผิดนี้ทำให้เขาปลอดภัย ก็ควรจะปล่อยให้พวกมันเข้าใจผิดไปแบบนี้

“ส่วนเรื่องที่จะขอให้สหายน้อยช่วยเมื่อไหร่นั้น เท่าที่กษัตริย์พิรุณทำนาย ช่วงเวลาที่ทะเลเพลิงจะอ่อนกำลังที่สุดคืออีก 10 ปีข้างหน้า หลังจากงานชุมนุมโอสถที่แคว้นกลางเสร็จสิ้น สหายน้อยสมควรมีเวลาจัดการเรื่องต่างๆ”

“ในเมื่อเรื่องเวลาไม่เป็นปัญหา ข้าก็สนใจเรื่องผลประโยชน์ที่ได้รับ หากมากพอเท่าที่ข้าต้องการ ข้าก็เต็มใจช่วยท่าน” หนิงฝานขบคิดพลางกล่าว

“ฮ่าฮ่า… วิหารพิรุณข้ายิ่งใหญ่ ย่อมมีสิ่งที่สหายน้อยพึงพอใจอย่างแน่นอน... ยามนี้สหายน้อยสมควรมีเพลิงปีศาจอยู่ 7 ชนิด หากในอนาคตสหายน้อยเดินทางไปยังแคว้นกลาง พวกข้าจะมอบเพลิงปีศาจอีก 3 ชนิดให้”

ลั่วจวินรู้ว่า หากหนิงฝานจะผูกสัมพันธ์กับผู้ใด สิ่งแรกที่เป็นตัวแปรสำคัญคือผลประโยชน์

“นอกจากเพลิงปีศาจทั้ง 3 ชนิดแล้ว ยังมีหยกสวรรค์ โอสถ วิชาลับ รวมถึงกระถางขัดเกลา! ขอแค่สหายน้อยเอ่ยปาก ข้าจะมอบให้จนเจ้าพอใจอย่างแน่นอน!”

“อีกเรื่อง… สหายน้อยยังมีโอกาสที่จะได้เข้าร่วมเป็นผู้อาวุโสแห่งวิหารพิรุณ! ความจริงแล้วด้วยชื่อเสียงของสหายน้อยย่อมไม่อาจเข้าร่วมวิหารพิรุณได้ แต่หากสหายน้อยเข้าร่วม ตระกูลของเจ้าก็จะได้รับอานิสงค์ไปด้วยเช่นกัน… สหายน้อยคงรู้ความหมายดี!” ลั่วจวินไม่กล่าวต่อ ปล่อยให้หนิงฝานได้มีเวลาขบคิด

โอสถและหยกสวรรค์เป็นเพียงผลประโยชน์ในเบื้องต้น สิ่งที่สำคัญที่สุดคือตระกูลและลูกหลานจะได้รับประโยชน์จากวิหารพิรุณเช่นกัน

มนุษย์ปุถุชนหรือแคว้นขนาดเล็ก ไม่ได้ให้ความสำคัญเรื่องขุมกำลังนัก แต่สำหรับผู้เชี่ยวชาญอย่างหนิงฝานลั่วจวินนั้น การจะก้าวมาถึงจุดนี้ได้ ขุมกำลังถือเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะขุมกำลังต้องสนับสนุนทรัพยากรจำนวนมหาศาลให้

หากไม่มีขุมกำลังที่ใหญ่พอ จะไปหาทรัพยากรมาจากไหน? ในแคว้นต่างๆทั่วโลกพิรุณ มีกฏห้ามเข่นฆ่าสังหาร ไม่เหมือนดาราสมุทรที่เข่นฆ่าได้โดยไร้ขีดจำกัด

หนิงฝานสนใจกับผลตอบแทนที่จะได้ ส่วนเรื่องที่เป็นผู้อาวุโสของวิหารพิรุณ เขาเชื่อว่าขอแค่เอ่ยปาก เขาก็จะได้รับตำแหน่งนั้นทันที เหมือนกับโจรที่ผลัดคราบเป็นคนดี

ยิ่งขบคิดหนิงฝานยิ่งสนใจ หากมีวิหารพิรุณหนุนหลัง คนของเขาก็จะปลอดภัย

เขาต้องท่องเที่ยวไปทั่ว จึงไม่อาจปกป้องผู้ใดได้ตลอดเวลา หากมีวิหารพิรุณ สตรีของเขา คนของเขาก็จะปลอดภัย และเติบโตได้อย่างราบรื่น

แต่นอกเหนือจากสิ่งเหล่านั้นแล้ว สิ่งที่หนิงฝานสนใจที่สุดคือสิ่งที่อยู่ในทะเลเพลิง

เพลิงเซียนสมควรมีไว้เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้เชี่ยวชาญบนโลกเข้าไป... แต่นี่คือโอกาสที่เขาจะได้ดูดซับเพลิงเซียน

หากมีเพลิงเซียน เหตุใดเขาต้องกลัวหานเนี่ยเทียน!

“ข้ารับข้อเสนอของท่าน แต่เรื่องที่เป็นผู้อาวุโสของวิหารพิรุณ ข้าหวังว่าข้าจะได้ศักดิ์ฐานะนั่นโดยที่ไม่ต้องรอกษัตริย์พิรุณตอบรับ” หนิงฝานยิ้มพลางกล่าว

“เป็นไปไม่ได้! ด้วยสถานะของเจ้า...” ฉู่หานไม่พอใจ แต่เมื่อลั่วจวินส่งสายตาให้ มันก็สงบคำ

“ตราบใดที่สหายน้อยสาบานว่าจะเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ และสาบานว่าจะไม่ทรยศหักหลัง ข้าจะมอบตำแหน่งผู้อาวุโสแห่ง ‘วังนภาผสาน’ ให้เจ้า!”

“ข้าสาบานว่าจะเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ ไม่เปิดเผยต่อผู้ใด แต่พวกท่านเองก็ต้องสาบานกับสิ่งที่กล่าวไปทั้งหมดด้วยเช่นกัน”

“ซัวหมิง นี่เจ้าจะมากเกินไปแล้วนะ!” ฉู่หาวโกรธ แต่ลั่วจวินก็ปรามมันไว้

“หากข้าเป็นคนของวิหารพิรุณ แต่วิหารพิรุณคิดกลับคำทรยศข้า ข้าจะทำยังไง? หากพวกท่านไม่สาบาน ข้าจะมั่นใจได้ยังไง แบบนั้นนับว่าไม่ยุติธรรม” หนิงฝานกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง

ไม่ว่าลั่วจวินจะกล่าววาจาสวยหรูยังไง มันก็เป็นเพียงลมปาก แม้สถานะผู้อาวุโสแห่งวังนภาผสานจะเป็นจริง แต่ผลตอบแทนอื่นๆที่มันกล่าวหล่ะ? หากกษัตริย์พิรุณคิดสังหารเขาจริง เขาจะทำยังไง? ที่สำคัญ วิชากายต้านเพลิงที่สำคัญขนาดนั้น ลั่วจวินจะมีอำนาจพอที่ยกให้เขาเหรอ?

“ที่สหายน้อยย่อมไม่ผิด... พวกข้าจะเร่งกลับวิหารพิรุณ บอกกล่าวกษัตริย์พิรุณในเรื่องที่เราพูดคุยกัน… ข้าเชื่อว่าหากเจ้าเป็นพวกเรา เจ้าย่อมไม่กล้าหักหลัง”

ลั่วจวินพยักหน้า มันคาดไม่ถึงว่าหนิงฝานจะกล้าต่อรองมากขนาดนี้ แม้วิหารพิรุณจะเกรงกลัวกษัตริย์อัสนี แต่กับหนิงฝานที่เป็นเพียงผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณ ย่อมหนีไม่พ้นมือพวกมัน

“พวกท่านจะไปแล้วเหรอ?”

“อืม… แต่สหายน้อยวางใจได้ ก่อนไป ข้าจะส่งข้อความแจ้งเรื่องสถานะของเจ้าไปยังขุมกำลังต่างๆ นับจากวันนี้ไปเจ้าคือท่านหมิงแห่งวิหารพิรุณ! ฮ่าฮ่า หลายคนคงอิจฉาในศักดิ์ฐานะของเจ้า”

เมื่อกล่าวจบ ลั่วจวินก็ได้กระจายข่าวไปยังขุมกำลังต่างๆมากมาย หลังจากนั้น ทั้งสามพูดคุยกันเล็กน้อยก่อนจะแยกย้ายจากกัน

เรื่องที่ท่านหยานถูกสังหารถูกปิดเงียบราวกับไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

ลั่วจวินแจ้งข่าวไปว่า เหตุที่หนิงฝานได้ขึ้นเป็นผู้อาวุโสแห่งวิหารพิรุณนั้น เป็นเพราะเขาสังหารท่านหยานที่คิดกบฏ

เมื่อผู้อาวุโสโม่แห่งหอคอยใต้ได้ทราบเรื่องที่หนิงฝานได้เป็นผู้อาวุโสแห่งวิหารพิรุณ โดยการสังหารท่านหยานที่คิดกบฏ ชายชราก็คิดมันอาจเป็นเพียงความฝัน

มีผู้ใดบ้างที่สังหารคนของวิหารพิรุณแล้วยังเป็นผู้บริสุทธิ์ได้!

จะมีผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณคนไหนที่ได้นั่งพูดคุยตัวตนระดับจ้าววัง… แม้เป็น 7 ผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งที่สุดในทะเลส่วนในก็ทำไม่ได้

แต่หนิงฝานทำได้

“ฮึ่ม! ทำไมเจ้าถึงได้โชคดีขนาดนี้” น้ำเสียงที่แสดงออกถึงความขุ่นเคืองดังมาจากภายนอกโถงหลัก พร้อมกับเงาร่างของสตรีสองนาง หนึ่งคือเป่ยเซี่ยวเหมิน อีกหนึ่งคือย่าหลาน

“คืนท่านปู่ทหารศิลามาให้ข้าเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นหล่ะก็...”

เซี่ยวเหมินกล่าวด้วยโทสะ แต่หนิงฝานกลับยิ้มอย่างไม่เกรงกลัวนาง

“ไม่งั้นอะไร?” หนิงฝานจ้องนางไม่วางตา เพราะตัวนางที่เป็นเหมือนเด็กสาวขี้โมโหนั้น น่ารักเป็นอย่างมาก...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด