ตอนที่แล้วบทที่ 58 - เหตุการณ์การจู่โจม (1)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 60 - เหตุการณ์การจู่โจม (3)

บทที่ 59 - เหตุการณ์การจู่โจม (2)


บทที่ 59 - เหตุการณ์การจู่โจม (2)

จีนนี่โชคร้ายจริงๆเลย จากห้าดันเจี้ยนที่มีอยู่มันมีบอสมอนสเตอร์ปรากฏออกมาถึง 3 ตัว แต่การสั่งให้ไปจู่โจมดันเจี้ยนที่เดียวพร้อมๆกันทำไมล่ะ? แม้ว่าหลังจากที่มัสติฟอร์ดเตือนพวกเราไปแล้วเกี่ยวกับอันตรายของมัน! พวกเขาก็ยังไปจู่โจมมันอีก?

แน่นอนว่าถ้าพวกเขาเคลียร์ดันเจี้ยนไปที่ละแห่ง ประเทศของเขาก็จะไม่แย่ขนาดนี้ แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาเคลียร์พร้อมกันทั้งหมด 5 ดันเจี้ยนในครั้งเดียว? ฉันเกือบอยากจะผ่าหัวของพวกเขาดูเลยว่าเขายังมูหัวสมองอยู่มั๊ย? พวกเขาต้องการที่จะเป็นตัวอย่างทดลองให้กับประเทศอื่นๆงั้นหรอ? หรือว่าพวกเขาต้องการหินบลูสโตนในศพของมอนสเตอรฺ? ทั้งๆที่ทั้งหมดนั้นมันจะทำให้เกิดการกวาดล้างทั้งพลเมืองและนักท่องเที่ยวขึ้นน่ะนะ? คำถามมากมายนับไม่ถ้วนได้ผ่านเข้ามาในหัวของฉันในตอนที่ฉันรู้สึกโกรธ

ฉันได้เปิดช่องทางของนักสำรวจดันเจี้ยนในทันที อย่างเคยมัสติฟอร์ดเป็นคนแรกที่ก้าวออกมาและพูดขึ้น ด้วยสถานการณ์ที่มันเป็นอยู่นี้มันค่อนข้างที่จะร้ายแรง

[พวกนายได้ยินมันใช่มั๊ย?]

[ทั้งเห็นและได้ยินเลยล่ะ]

วอร์คเกอร์ได้ตอบมัสติฟอร์ดออกมา ในเวลเดียวกันพวกเราทั้งห้าคนก็ถอนหหายใจลึก

[ฉันต้องการที่จะพวกเจ้าหน้าที่รัฐชั่วๆนั่นให้หมดเลยจริงๆ]

[พี่สาว....]

[มัสติฟอร์ดใจเย็ฯก่อน ประเทศจินมันใหม่ไปสำหรับที่เธอจะจัดการด้วยตัวคนเดียว]

[ฉันแน่ใจว่ารัฐบาลจีนมันพอใจกับสถานการณ์แบบนี้ เมื่อพวกมอนสเตอร์ยักษ์นั่นตายพวกมันก็จะได้รับรางวัลมากมาย ลองจินตนาการดูสิในตอนที่บลูสโตนปรากฏออกมา]

[ถ้าพวกเขาจะมุ่งเป้าไปที่การจู่โจมของบอสตั้งแต่แรก พวกเขาก็ควรจะเตรียมตัวให้พร้อมสิ! ทำไมพวกเขาถึงไม่อพยพพลเรือน?]

[ประเทศอื่นๆจะพบถ้าพวกเขาทำแบบนั้น พวกเขาอาจจะไม่ได้อธิบายทุกๆอย่างกับผู้ใช้พลังด้วยก็ได้ ฉันสงสัยแม้แต่ว่าพวกเขาคาดเอาไว้แล้วด้วยว่ามอนสเตอร์ขนาดยักษ์จะปรากฏตัวออกมาด้วยซ้ำ]

[เจ้าพวกเดนมนุษย์ พวกมันเห็นคิดว่าชีวิตของคนอื่นๆเป็นอะไร?]

[แต่ว่านะมัสติฟอร์ด นั่นมันก็ไม่ใช่สิ่งที่เธอทำเหมือนๆกันในเกาหลีหรอ? มันจะเกิดอะไรขึ้นบ้างถ้ามอนสเตอร์ยักษ์มันปรากฏตัวเหมือนกับที่จีน? ไม่ต้องพูดถึงที่ว่ามันเป็นบอสของระดับ A อีกด้วย มันจะปรากฏตัวใจกลางกรุงโซลและสร้างความเสียหายอย่างมาก]

[ฉนเป็นผู้ใช้พลังระดับ SS และเป็นนักสำรวจดันเจี้ยนะ แม้ว่าการจู่โจมระดับ A สำหรับ 5000 คนมันจะแตกออกมา ฉันก็สามารถจะจัดการมันได้โดยที่ไม่มีพลเรือนเสียชีวิต!]

ถ้านี่มันเป็นครั้งแรกที่ฉันได้พูดคุยกับมัสติฟอร์ด ฉันก็คงจะโวยวายในคำพูดของเธอและบอกว่ามันไร้สาระ แต่ว่าในตอนนี้ฉันได้ร่วมงานกับเธอไปแล้วครั้งหนึ่ง ฉันสามารถจะหยักหน้ายอมรับและเห็นด้วยได้เลย เธอนั้นมีอาณาจักรสัตว์ของเธอ...ใครก็ตามที่ได้เห็นกองทัพเพลิงก็จะต้องเห็นด้วย ฉันไม่คิดว่านั่นจะเป็นพลังที่เต็มที่ของเธออีกด้วย

"พี่ชายมีอะไรหรอค่ะ? พี่มีคนที่รู้จักในประเทศจีนหรอ?"

"ชินนายโอเคนะ?"

ในขณะนั่นฉันก็ได้ตระหนักว่าเพื่อนและน้องสาวของฉันกำลังมองมาที่ฉันด้วยสายตาเป็นกังวล ฉันเลยได้ตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มขม

"ขอโทษนะ แต่ว่าวันนี้เราจะต้องกลับกันแล้ว ตอนนี้พี่รู้สึกกังวลมากหลังจากที่ได้ยินข่าวเกี่ยวกับประเทศจีน"

"โอเคค่ะพี่ กลับบ้านกันเถอะ"

ยุยได้ตกลงอย่างง่ายๆและคล้องแขนของเธอกันฉัน ฉันคิดว่าในด้านนี้ของยุยมันน่าชื่นชมมากๆ ในทางตรงกันข้ามซู เยอึนได้แสดงออกอย่างไม่พอฉันและมองสลับไปมาระหว่างฉันกับยุย จากนั้นเธอก็เปิดปากของเธอราวกับจะพูดอะไรบางอย่าง แต่แล้วก็ปิดกลับไปเงียบๆในขณะที่เหลือบไปมองที่ฉากที่โหดร้ายในทีวี โชคดีที่เธอรู้สึกถึงเหตุฉุกเฉิน

"ไว้เจอกันใหม่นะ"

"ใช่ ไว้เจอกันที่โรงเรียน"

หลังจากที่แยกทางกับซู เยอึน ฉันก็ได้มุ่งตรงกลับไปที่บ้านพร้อมกับยุย ในระหว่างนั้นการสนทนาระหว่างนักสำรวจดันเจี้ยนก็ยังดำเนินต่อไป

[พี่สาว พี่จะทำอะไรต่อ?]

[ฉันได้ไปคุยกับกลุ่มผู้พิทักษ์ในประเทศของฉัน แต่ว่ามันก็ดูเหมือนว่าทางรัฐบาลจีนจะปฏิเสธที่จะขอความช่วยเหลือใดๆ พวกเขาบอกว่าผู้พิทักษ์ของจีนและปีกแห่งเสรีของประเทศเขาจะสามารถจัดการได้ด้วยตัวเอง การที่เราจะได้ไปมีส่วนร่วมด้วยมันจะเป็นการละเมิดสิทธิของจีนในเรื่องการปราบปรามมอนสเตอร์]

[ดังนั้นเธอจะบอกว่าพวกเราทำได้เพียงแค่ดูดนิ้วและก็รอสินะ]

คำพูดของวอร์คเกอร์ได้ทำให้ทุกคนเงียบไป ฉันก็ถามต่ออกมา

[แต่ว่าประเทศจีนก็มีผู้ใช้พลังที่แข็งแกร่งหลายคนใช่มั๊ย? ฉันได้ยินว่าพวกเขามีระดับ SS ด้วยนี่]

[ใช่พวกเขามี นั่นคือคนที่ชื่อว่า ซิน เสี่ยวเหม่ย]

[ชื่อนั่นฟังดูเหมือนจะมาจากชื่อหนังดราม่าเลยนะ]

[แต่ปัญหาก็คือซิน เสี่ยวเหม่ยนั้นเป็นผู้ใช้พลังที่สามารถจะปล่อยดีบัฟที่จะลดความสามารถได้อย่างมาก แต่ก็แค่นั้นแหละ ร่างกายของเธออ่อนแอยิ่งกว่าพวกระดับ D ซะอีก และเธอก็ไม่สามารถจะทำอย่างอื่นได้อีกเลย เธอได้เรียกตัวเองว่าจอมเวทย์คำสาป]

[จีนควรจะมีผู้ใช้พลังระดับ S อย่างน้อย 20 คน แม้ว่าครึ่งหนึ่งของพวกเขาจะอยู่ที่นอกประเทศ แต่อีกครึ่งหนึ่งก็ยังอยู่ที่นั่น แม้ว่ามอนสเตอร์มันจะมีขนาดที่ใหญ่ แต่ว่าความแข็งแกร่งของมันก็อยู่แค่ระดับ C+ ถ้าพวกเรารวมทีมกันกับซิน เสี่ยวเหม่ย พวกเขาก็ควรจะสามารถจัดการมันได้อย่างง่ายดาย]

[แต่ว่าที่นั่นมีบอสอยู่ 3 ตัว แล้วอีก 2 ตัวล่ะจะทำยังไง?]

[ฉันคิดว่าพวกผู้ใช้พลังระดับ A และ B จะเป็นคนจัดการกับมัน พวกเขาควรจะมีจำนวนที่มหาศาล]

ฉันได้หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและตรวจสอบในสถานการณ์ปัจจุบันของประเทศจีน ฉันได้พบภาพสตรีมสดของเซี่ยงไฮ้ที่มีคราเคนจิ๋วปรากฏตัว ที่นั่นมันมีหญิงสาวที่สวยงามในชุดเดรสสีม่วงสุดหรูที่กำลังได้รับความคุ้มครองจากผู้ใช้พลังมากมาย

[มัสติฟอร์ด เธอช่วยยืนยันให้ทีสิว่าผู้ใช้พลังที่อยู่ในเซี่ยงไฮ้ใช้ผู้ใช้พลังระดับ SS มั๊ย?]

[ใช่แล้ว นั่นคือซิน เสี่ยวเหม่ย มันดูเหมือนว่าจะมีผู้ใช้พลังระดับ S จำนวนมากอยู่ด้วยเหมือนกัน อา บางคนก็ดูเหมือนจะกำลังเดินไปทางไปปักกิ่งอีกด้วย มันจะต้องเป็นเพราะนั่นเป็นเมืองที่ใหญ่กว่ากวางโจว]

[แล้วถ้างั้นกวางโจวล่ะ?]

[ดูสิ ดูที่พวกผู้ใช้พลังนั่น]

ประเทศจีนมีประชากรเป็นจำนวนมาก ดังนั้นเลยมีผู้ใช้พลังจำนวนนับไม่ถ้วนตามไปด้วย พวกเขากำลังมีส่วนร่วมต่อสู้กับหมูป่ายักษ์ในกวางโจว อย่างไรก็ตามหมูป่ายักษ์มันได้ผลักดันผู้ใช้พลังกลับไปอย่างง่ายดายด้วยขนาดตัวของมัน ผู้ใช้พลังไม่มีใครที่เข้าไปใกล้มันเลย พวกเขาส่วนใหญ่จะโจมตีจากระยะไกลและผูกมันเอาไว้ อย่างไรก็ตามก็ไม่มีใครที่ประสบความสำเร็จในการสร้างความเสียหายให้แก่มันเลย ในความจริงมันดูเหมือนจะทำให้หมูป่าแข็งแกร่งขึ้นแทน

เดี๋ยวนะ ตัวมันได้ใหญ่ขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

[มันเป็นประเภทกินมานา]

[นายช่วยอธิบายความหมายของสิ่งที่นายพูดได้มั๊ยวอร์คเกอร์?]

[มันง่ายมาก มันเป็นบอสการจู่โจมที่จะแข็งแกร่งขึ้นเมื่อได้ดูดซับมานา แทนที่จะใช้การโจมตีเวทมนตร์เพียวๆ นายก็จะต้องใช้การโจมตีระยะประชิดที่เสริมด้วยมานาแทน อย่างไรก็ตามถ้านายไม่ได้สังเกตเห็นและยังคงโจมตีมันต่อไปด้วยเวทย์ระยะไกล...]

[แล้ว?]

[บอสการจู่โจมมันก็จะวิวัฒนาการ! 'หมูป่ายักษ์' จะวิวัฒนาการไปเป็นระดับ B 'หมูป่าเหล็กยักษ์']

[นั่นก็คือสิ่งที่เกิดขึ้น]

[ขอบคุณสำหรับการบอกให้ฉันรู้นะ...]

ในนทีวีหมูป่ายักษ์ ไม่สิ หมูป่าเล็กยักษ์ได้มีกลายเปลื่ยนแปลงครั้งใหญ่ โครงขาที่สั้นมันได้ยาวขึ้นและกีบหลังก็แข็งขึ้น ดวงตาสีแดงมันได้กลายเป็นสีดำ นอกจากนี้ผิวของมันก็ยังสะท้อนแสงราวกับเป็นโลหะ

ผู้ใช้พลังที่โยนการโจมตีจากระยะไกลได้กลายเป็นหวาดกลัวจากกลายเปลื่ยนแปลงในทันทีของมันและถอยหลังกันกับไป เมื่อเป็นอิสระจากการโจมตีที่หลุดมันเอาไว้ หมูป่าเหล็กยักษ์ก็ได้คำรามออกมาอย่างเป็นสุกและเหยียบย่ำอาคารต่างๆในบริเวณใกล้เคียงและพร้อมกับพลเมืองและผู้ใช้พลังที่ไม่สามารถจะหลบหนีไปได้ทันเวลา การเสียชีวิตที่ไร้ค่าของพวกเขาได้ทำให้ฉันเกือบจะหยุดหัวเระ

"ฉันจะต้องไป!"

"พี่ค่ะ!"

ฉันได้เผลอปล่อยให้ความคิดนั้นหลุดออกมา เมื่อยุยที่มองดูฉันอยู่ก็ได้มาคว้าตัวฉันเอาไว้ ฉันได้กลายเป็นตกใจทันที ในช่องทางการสื่อสารมัสติฟอร์ดกับวอร์คเกอร์ก็ได้สร้างความวุ่นวายขึ้น

[การขอความก็ไม่ได้มาถึง! เจ้าพวกโง่เง่านั้นก็ยังที่จะดำเนินการต่อไปด้วยตัวเอง]

[พวกเขาทำได้ดีเลยทีเดียวสำหรับคราเคนจิ๋วในเซี่ยงไฮ้ อย่างที่คาดหวังที่จะได้จากผู้ใช้พลังระดับ SS เลยคราเคนจิ๋วไม่สามารถที่จะต่อสู้กับเธอได้ และเพี่ะว่าปักกิ่งเป็นเมืองหลวงของพวกเขาพวกระดับสูงก็เหมือนจะอยู่ที่นี่นด้วย มันอาจจะใช่เวลาซักหน่อย แต่ว่าพวกเขาจะไม่มีปัญหาอะไรในการจัดการกับเสือเขี้ยวดาบยักษ์]

[วอร์คเกอร์นายสามารถจะไปที่กวางโจวกับฉันได้มั๊ย?]

[ทำไมฉันจะต้องไปในที่ๆอันตรายนั่นด้วย? มันไม่ใช่ประเทศของฉันซะหน่อย]

[ทำไมนายถึงเห็นแก่ตัวแบบนี้!? มีคนนับไม่ถ้วนที่กำลังจะตายในตอนที่เราคุยกันอยู่นะ!]

[แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเธอล่ะมัสติฟอร์ด? เธอน่ะเป็นผู้ใช้พลังระดับ SS แม้ว่ามันจะเป็นหมูป่าที่กินมานา แต่ฉันก็สงสัยว่ามันจะสามารถทนต่อมานาของเธอได้มั๊ยนะ?]

[แน่นอนว่าฉันจะไป! ฉันจะทำมันจริงๆ! แต่...ใบ่หน้าและพลังของฉันมันเป็นที่รู้จักดีเกินไป!]

เสียงของมัสติฟอร์ดฟังดูเหมือนว่าเธอจะร้องไห้ เธอพูดถูก ถ้าเธอไปที่กวางโจว ประเทศจีนก็จะไม่ปล่อยให้เป็นเช่นนั้นแน่ พวกเขาจะกล่าวหาอังกฤษว่าพวกเขามาแทรกแซงและมุ่งเป้าไปที่ทรัพยากรของพวกเขาหรือพูดถึงเรื่องที่จะดึงตัวผู้ใช้พลังระดับ SS มาเป็นของตน ฉันมั่นใจได้เลยว่านั่นมันจะกลายเป็นปัญหาระหว่างประเทศ

แม้ว่าอังกฤษจะมีผู้ใช้พลังระดับ SS สองคน พวกเขาก็ไม่สามารถที่จะเมินเฉยพลังของจีนได้ เพราะว่าจีนนั้นมีประชากรจำนวนมหาศาล ทำให้พวกเขามีผู้ใช้พลังระดับ S จำนวนมาก แม้ว่าพวกเขาจะมีผู้ใช้พลังระดับ SS คนเดียวก็ตามแต่ด้วยพลังดีบัฟของเธอทำให้พวกเขาไม่จำเป็นจะต้องหวาดกลัวผู้ใช้พลังระดับ SS สองคน

"พี่นนะ พี่ล้อเล่นใช่มั๊ย? บอกหนูทีว่าพี่ไม่ได้หมายถึงมัน!"

"เอ่อ น้องก็รู้ ยุย...พี่เป็นคนที่แข็งแกร่งจริงๆนะ"

"พี่คะ!"

คนรอบๆได้มองมาที่พวกเรา ยุยได้ตกใจกับเสียงตะโกนของเธอและปิดปาก จากนั้นฉันก็ได้ว่างมือลงไปบนบ่าของยุยด้วยรอบยิ้มอันขมขื่น

"ยุยพี่ไม่ได้ล้อเล่น พี่แข็งแกร่งจริงๆนะ พี่จะไปจัดการมันแปปนึงแล้วก็จะกลับมา"

"แต่พี่คะ ถ้าหากมันมีอะไรผิดพลาด..."

"พี่ก็จะหนีกลับมาทันทีถ้ามันอันตรายเกินไป ไม่ต้องกังวลนะ"

ฉันมีทักษะย้อนกลับอยู่ ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ไหนฉันก็สามารถจะหนีได้ถ้ามันกลายเป็นอันตรายเกินไป ฉันรู้ดีว่าอะไรสำคัญกับฉัน

"พี่..."

"จริงๆ ไม่ต้องกังวลนะ พี่เคยโกหกยุยมาก่อนหรอ?"

"ไม่เคย...แต่ว่า"

"มานี่มา อย่าร้องไห้ ตอนนี้พวกเราจะกลับไปที่บ้านกัน"

"พี่ พี่สามารถจะกลับออกมาได้ในทันทีที่มันอันตรายใช่มั๊ย?"

"แน่นอน"

ยุยและฉันได้เข้าไปในบ้าน ที่นั่นพ่อกำลังรอฉันอยู่ พ่อได้สวมชุดเซ็ตสีดำที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน เพราะว่าหมวกที่ปกใบหน้าของพ่อ ฉันคิดว่าเป็นคนอื่นในตอนแรก ฉันคิดว่าพ่อคงจะได้รับโชคดีในดันเจี้ยนมาแน่ๆ บางอีกอาจจะเป็นมอนเตอร์มีชื่อก็ได้ ฉันไม่อย่างจะเชื่อว่ามันจะมีอะไรที่ดีกว่าเซ็ตของบอสประจำชั้น แต่ฉันก็ยังอิจฉาที่เห็นมัน พ่อดูเหมือนกับอัศวินดำเลยล่ะ

"ลูกกำลังจะไปใช่มั๊ย?"

"แล้วพ่อล่ะ?"

"อย่าได้ถามคำถามที่รู้อยู่แล้วสิ พ่ออยากที่จะต่อสู้กับศัตรูที่ตัวใหญ่ๆมาเสมอเลยนะ"

"พ่อก็จะไปด้วยหรอ?"

หลังจากที่ฉันได้ใช้ความพยายามอย่างมากที่ทำให้เธอสงบลงไป ยุยก็เหมือนว่ากำลังจะร้องไห้อีกครั้ง อย่างไรก็ตามพ่อก็มีทักษะเป็นอย่างมากในการกล่อมเด็ก

"ยุย ข้าวเย็นในวันนี้จะเป็นซุปเนื้อหมูป่า เพียงแค่รอและดูให้ทีวีว่าพ่อของลูกจะเจ็งแค่ไหนในทีวี"

"ฮือออ พ่อ!"

ถึงแม้ว่ามันจะไร้ประโยชน์ แต่ดูเหมือนเป้าหมายของยุยจะเปลื่ยนไปเป็นพ่อ ฉันได้เข้าไปในห้องของฉันอย่างช้าๆและสวมใส่เซ็ตของอัศวินลิซาร์ดแมน ด้วยเกราะเซ็ตสีเงินของฉัน ฉันได้ใส่หมวกปิดหน้าเหมือนกับพ่อ ไม่มีใครจะสามารถรู้ได้ว่าพวกเราเป็นใคร

[ยวน ฮวาวู คุงลุงยงอู! พวกคุณทั้งสองคนจะไปมั๊ย? พวกคุณจะทำใช่มั๊ย? ได้โปรด!0]

[ไม่ แน่นอนว่าฉันจะไม่ทำ]

[ขอโทษนะ ครอบของของฉันคือสิ่งสำคัญของฉัน]

[อึก ตะ แต่!]

แม้ว่าฉันจะพบว่ามันรู้สึกขนลุกเล็กน้อย มันก็ดูเหมือนว่าาพ่อกับฉันจะมีความเชื่อมโยงกันที่มองไม่เห็นอยู่ระหว่างเราทั้งคู่ แม้ว่าจะไม่ได้พูดอะไรแต่การเข้าขากันของพวกเขาก็สมบูรณ์เยี่ยม แน่นอนแม้ว่าฉันจะพูดแบบนั้น ฉันก็ได้ส่งข้อความส่วนตัวไปให้กับมัสติฟอร์ด

"ฉันจะไปที่กวางโจว คุณลุงยงอูก็ด้วยเหมือนกัน พวกเราเพียงแค่ไม่ต้องการที่จะให้วอร์คเกอร์รู้"

[ยวน ฮวาวู! ขอบคุณ นายเป็นคนที่ดีจริงๆ!]

"ใช่แล้ว ใช่ เก็บมันเอาไว้เป็นความลับในช่องสื่อสารด้วยนะ เธอสามารถจะบอกกับมินามิเป็นการส่วนตัวได้"

[ฉันออกล่ะนะ!]

เมื่อฉันได้ออกมานอกห้อง ยุยก็กำลังกอดพ่อด้วยน้ำตาอยู่และดูเหมือนพ่อไม่รู้จะทำอะไรแล้ว ฉันได้เปิดโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อยืนยันสถานการณ์ ฉันได้สงบลงอย่างมาก

[ฉันก็คิดด้วยว่าถ้าพวกเราทำมั่น พวกผู้ตื่นขึ้นของชายจีนก็จะมาสร้างปัญหาแน่นอน แม้ว่าจะมีพลเรือนที่เสียหายก็ตาม]

[ฉันเข้าใจแล้ว ดังนั้นเงียบซะวอร์คเกอร์]

[พี่สาว ฉันสามารถไปกับพี่ได้นะ! ฉันทำได้!]

[ไม่สุมิเระ ความจริงมันไม่ได้เปลื่ยนไปที่พี่ไม่สามารถจะไปที่จีนได้ พี่รู้ว่าพลังป้องกันของสุมิเระแข็งแกร่งแค่ไหน แต่สุมิเระก็ยังขาดในด้านพลังโจมตี แม้ว่าพี่จะไม่ต้องการยอมรับมัน แต่ว่าพวกเราจะต้องฟังวอร์คเกอร์ ขอเพียงแค่อดทนไว้ ซักพักหนึ่งพี่จะต้องสร้างองกรณ์ที่แข็งแกร่งจนพอที่จะทำให้ไม่เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นอีกให้ได้!]

[พี่สาว...ขอโทษนะ ถ้าหากหนูแข็งแกร่งกว่านี้....]

"อู สุมิเระะะะะะ...]

มัสติฟอร์ดมีทักษะการแสดงที่ยอดเยี่ยม! ฉัยได้ปล่อยให้เธออธิบายสิ่งต่างๆไปกับสุมิเระ

ในความจริง มันจะดีกว่าสำหรับพวกเขาที่ไม่รู้อะไร แต่ว่าไม่ว่าเราจะปกปิดเขายังไง พวกเขาก็จะค้นพบอยู่ดีเมื่อเห็นพลังและอุปกรณ์ของพวกเรา มันเป็นไปไม่ได้ที่จะปิดบังพวกเขา และเนื่องจากว่าในตอนที่ฉันได้ไปในรังแมงมุมกับพวกเรา ฉันก็ได้พิสูจน์แล้วว่าพวกเขาน่าเชื่อถือแค่ไหน

ฉันไม่รู้ในเรื่องของวอร์คเกอร์ แต่เขาเป็นที่มีเหตุผลและเย็นชา แต่ว่าฉันก็ไม่รู้อะไรมากกว่านั้น นั่นก็เลยเนเหตุผลที่ฉันไม่บอกกับมัสติฟอร์ดในช่องสนทนาปกติ ฉันหวังว่ามัสติฟอร์ดจะบอกกับมินามิได้ดีนะ หลังจากที่ฉันตรวจสอบสถานการณ์ปัจจุบันแล้ว ทันใดนั้นเองคราเคนจิ๋วก็ได้แบ่งตัวออกและเพิ่มจำนวนขึ้น วอร์คเกอร์ได้เงียบลงไปในทันที มัสติฟอร์ดเลยได้อธิบายสถานการณ์ออกมา

[พวกมันก็เป็นประเภทกินมานาด้วยเหมือนกัน...! พสกทันแยกตัวออกในการตอบสนองต่อเวทย์ดีบัฟ! ชิ มันมีอะไรผิดปกติกับประเทศจีนงั้นหรอ? มันเป็นดินแดนต้องสาปหรือยังไง?]

[มันไม่ใช่เรื่องยากที่จะรับมือกับพวกมันแต่ละตัว แต่ว่ามันจะต้องใช้เวลานานมากสำหรับการที่จะทำให้มันหายไปอย่างสิ้นเชิง]

"พ่อ พ่อจะทำยังไง?"

"พ่อจะต่อสู้ด้วยหมัดของฉัน ฉันมีของเล่นที่ยอดเยี่ยมเหมือนกันนะ ในการต่อสู้ครั้งนี้จะไม่มีใครสังเกตุเห็นว่าเป็นพ่อ"

พ่อให้โชว์สร้อยข้อมือออกมาให้ฉันดูและยิ้มขึ้น แน่นอนว่าฉันรู้ว่าศิลปะการต่อสู้มือเปล่าของพ่อไม่ได้แย่ไปกว่าฉันเลย ด้วยสร้อยข้อมือที่สามารถจะปล่อยใยออกมาได้ ฉันรู้ได้เลยว่าพ่อจะทำได้ดีมาก

"พ่อจะต้องใช้หากถ้ามันอันตรายนะ ไม่สิถ้ามันเป็นอันตรายพ่อก็แค่วิ่งถอยมาด้วยกันกับผม พ่อจำได้ใช่มั๊ยว่าทักษะย้อนกลับของผมมันใช้งานได้"

"ใช่แล้ว ไม่ต้องกังวล พ่อของลูกมีทักษะศิลปะการต่อสู้ระดับสูงถึงเลเวล 4 แล้ว"

ทักษะศิลปะการต่อสู้ระดับสูงของฉันแค่เลเวล 2 เอง! มันดูเหมือนว่าฉันจะไม่ต้องกังวลเลยจริงๆ

"นอกจากนี้ถ้าพ่อคิดว่ามันอันตรายเกินป พ่อก็ไม่ได้บอกว่าพ่อจะไม่หนีซะหน่อย ไม่ว่าชีวิตคนจะมีค่าแค่ไหน พวกเขาก็ไม่มีทางสำคัญไปกว่าตัวของเราเอง"

"ผมก็คิดแบบเดียวกันกับพ่อ"

ฉันได้ลดหมวกลงมาเพื่อปิดใบหน้าของฉันโดยสมบูรณ์ ฉันยังมีเลนส์แห่งความลับใส่อยู่อีกด้วยเผื่อเอาไว้ ด้วยผมสีเงินของฉันจะไม่มีใครสงสัยเลยว่าฉันเป็นคนเกาหลีแม้ว่าถ้าฉันจะถอดหมวกออกมา

"รีบๆไปจัดการเจ้าพวกตัวอ่อนแอนั่นและไปรับรางวัลกันเถอะ"

พวกเราพ่อลูกไม่ได้มีเจตนาที่จะยอมแพ้ในรางวัลมหาศาลให้กับพวกผู้พิทักษ์ชาวจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกเขาได้แสดงให้เห็นว่าพวกเขาไม่ได้สนใจใยดีชีวิตของพลเรือนของตัวเองเลยแม้แต่นิด แต่ว่าเป้าหมายของเราก็ยังคงเป็นที่การจู่โจม พวกเราสามารถจะช่วยชีวิตคนอื่นๆและแม้กระทั่งได้รับรางวัล! เราจะไม่ปล่อยให้โอกาสนี้หลุดลอยไป

"พี่ค่ะอย่าลืมที่จะวิ่งหนีออกมาถ้ามันอันตรายนะ!"

"ไม่ต้องเป็นห่วง พวกเราจะกลับกันมาในเร็วๆนี้แหละ"

ยุยดูเหมือนจะยังกังวลอยู่ ดังนั้นฉันจึงได้ผ่อนคลายความกังวลของเธอด้วยเสียงของฉัน จากนั้นพ่อกับฉันก็ประกาศความตั้งใจของเราในการไปต่อสู้ในการจู่โจมระดับ B จำนวนคนต่ำกว่า 500 คน การจู่โจมที่กวางโจว

ในวินาทีต่อมาพวกเราก็ได้พบว่าตัวเองอยู่ที่ฉากการถูกทำลายของกวางโจว มันเป็นการเทเลพอตอย่างฉับพลันเหมือนกับเมื่อตอนที่ฉันใช้ย้อนกลับ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด