ตอนที่แล้วบทที่ 56 - ความหมายของการปีนขึ้นไปในดันเจี้ยนที่หนึ่ง (3)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 58 - เหตุการณ์การจู่โจม (1)

บทที่ 57 - ความหมายของการปีนขึ้นไปในดันเจี้ยนที่หนึ่ง (4)


บทที่ 57 - ความหมายของการปีนขึ้นไปในดันเจี้ยนที่หนึ่ง (4)

"อึก เขาสามารถจะใช้ได้แม้แต่ทักษะนั้น!"

"เพียงแต่ฮีโร่หรอ?"

"ดูกูลสิ!"

ระเบิดสายฟ้าทมิฬได้โจมตีเป้าหมายทั้งหมดในพื้นที่แสดงผล แม้ว่ากูลมันจะมีขนาดตัวที่ใหญ๋ แต่ว่าร่างกายของมันก็ยังอยู่ในระยะแสดงผลของระเบิดสายฟ้าทมิฬ มันได้รับความเสียหายทั้งหมดของการโจมตีที่ปกติจะกระจายออกไปใส่ศัตรูนับสิบ นอกจากนี้ใน่เวลาเดียวกับที่ฉันใช้สกิล ฉันก็ได้ต่อยไปที่หัวของมันอีกด้วย

"ตาย! ตาย! ตาย!"

"ก๊าซซซซ!"

เมื่อระยะเวลาของระเบิดสายฟ้าทมิฬหมดลง กูลยักษ์ก็ได้ดูไม่แตกต่างไปจากตอนก่อนที่มันจะใช้ไม่ยอมตายเลย ฉันยังไม่หยุดแค่นั้น ฉันได้เรียกไพก้าต่อในทันที

"ไพก้าเข้ามาในถุงมือของฉัน"

[อู นายท่าจะใช้มันอีกแล้วหรอ?]

"นะไพก้า"

[ก็ได้...แต่ว่านายท่านจะต้องฟังคำขอของฉันอย่างนึง!]

ด้วยข้อเรียกร้องเล็กน้อย ไพก้าก็ได้เข้าไปในถุงมือของฉัน ฉันคิดว่าเธอคงจะต้องการให้ฉันได้เล่นด้วยกันกับเธอในภายหลังแน่ๆ หลังจากนั้นฉันก็ตะโกนออกมา

"สายฟ้าคลั่ง"

เมื่อเห็นสายฟ้าออกมาจากร่างกายของฉัน เอลลอสก็ได้พูดออกมาอย่างเหนื่อยๆ

"ฉันเหนื่อยเกินกว่าที่จะแปลกใจแล้ว"

แน่นอนว่าฉันไม่ได้สนใจเขา ฉันเพียงแค่ปล่อยหมัดลงไปที่หัวใหญ่ของกูลยักษ์อย่างไร้ปราณี

ไม่นานหลังจากนั้นมันก็ทรุดตัวล้มลงไป มันถูกเผาจนไหม้เกรียม แต่ว่ามันก็ยังปล่อยกลิ่นที่น่ารังเกียจที่จะทำให้คนวิ่งหนีออกไปอยู่

[คุณได้กลายเป็นเลเวล 26 และได้รับสิทธิที่จะปีนขึ้นไปที่ชั้นที่ 26]

[คุณได้รับโบนัสสเตตัส 5]

[30000 ทองจะถูกแบ่งอย่างเท่าเทียมแก่สมาชิกในปาตี้ คุณได้รับ 4286 ทอง]

[รางวัลจะถูกแจกตาบลำดับของผลงาน]

[คังชินเป็นผู้ที่มีผลงานสูงที่สุด]

[เลือกรางวัลของคุณ]

[1.กางเกงของกูลยักษ์

2.ดับเบิลโพชั่น

3.10000 ทอง

4.อิลิกเซอร์เสริมความแข็งแกร่งผิวหนัง

5.รองเท้าของกูลยักษ์

6.คทาดำแห่งความเสื่อมโทรม

7.ไหล่ใบมีดของกูลยักษ์]

ฉันหวังว่าไหล่ใบมีดของกูลยักษ์มันจะไม่ใช่ชิ้นส่วนของเซ็ตอุปกรณ์นะ ฉันได้เลือกอิลิกเซอร์เสริมความแข็งแกร่งผิวหนังมา ฉันดีใจมากที่มันไม่ได้เป็นแบบอิลิกเซอร์เสริมความแข็งแกร่งกล้ามเนื้อซึ่งมันจะปรากฏออกมาเฉพาะกับ 2 คนเท่านั้น เนื่องจากว่าอิลิกเซอร์เสริมความแข็งแกร่งผิวหนังมันออกมาในคราวนี้ ฉันก็คาดว่าหนึ่งในบอสเร็ซๆนี้มันจะมีอิลิกเซอร์เสริมความแข็งแกร่งกระดูก

ในขณะที่ฉันกำลังเอารางวัลของฉัน สมากชิกในปาตี้ก็ได้กลายเป็นบ้าคลั่งไป

"พวกเราทำได้!"

"ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเราจะสามารถเคลียร์มันได้ในครั้งแรก นี้มันคือปาฏิหารน์"

"เจ้าชายรัชทายาท คุณน่าทึ่งจริงๆ...คุณเพียงคนเดียวสามารถจะนำชัยชนะมาให้พวกเราได้"

"ฉันไม่สามารถจะหยุดอิจฉาได้เลย เมื่อ 4 ปีก่อนเขาเพิงจะไม่สามารถจะขึ้นมาที่ชั้น 6 ได้เพราะขาดมานานะ..."

"เขาคือฮีโร่ นี้มันคือโชคชะตา"

"..."

ฉันเริ่มรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาเพราะว่ารู้สึกเหมือนกับพวกเขากำลังพูดว่าที่ฉันแข็งแกร่งขึ้นเพียงเพราะว่าฉันเป็นฮีโร่ ฉันไม่รู้ว่าฮีโร่มันคืออะไร! เมื่อฉันได้เดินมา พวกเขาก็ทั้งหมดก็มองออกไปและไม่ได้ทำท่าจะพูดอะไร

ฉันได้ยิ้มและกลืนกินอิลิเซอร์ลงไป ฉันไม่ได้มีแผนที่จะไปต่อด้วนกันกับพวกเขาตลอดทาง และฉันก็รู้จักกับพวกเขาผ่านเอลลอสและเพลรูเดียเท่านั้น ฉันไม่ได้มีแรงกระตุ้นที่จะไปยุ่งกับพวกเขาซักนิด

[โดยการกลืนกินอิลิกเซอร์เสริมความแข็งแกร่งผิวหนัง ผิวของคุณจะแข็งแกร่งและยืดหยุ่นมากขึ้น ความทนทานและเสนห์ได้เพิ่มขึ้นอย่างละ 1]

เพรราะว่าความการป้องกันของฉันสูงขึ้น มันก็ได้ทำให้ฉันรู้สึกว่าสมควรแล้วที่ความทนทานก็สู้ขึ้นไปด้วย แต่ว่าทำเสนห์ถึงเพิ่มขึ้นไปด้วยล่ะ? อิลิกเซอร์มันเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อเสริมความงามด้วยงั้นหรอ? แม่อาจจะคลั่งได้เลยนะถ้าแม่รู้ เอาล่ะ ฉันจะบอกเรื่องดีนี้กับพ่อ ภรรยาของพ่อจะสวยงามมากขึ้นดังนั้นฉันแน่ใจว่าพ่อจะทำมันด้วยตัวเอง แล้วยุยล่ะ? ผิวของยุยของฉันสมบูรณ์แบบอยู่แล้วยังไงล่ะ

และเมื่อฉันได้หันกลับไป บางทีมันอาจจะเป็นเรื่องบังเอิญก็ได้แต่ว่าสมาชิกในปาตี้ทุกคนก็จ้องมองมาที่ฉัน ดูเหมือนว่าพวกเขาจะรับรางวัลมาเรียบร้อบแล้ว

"เจ้าชายรัชทายาท ขอบคุณมากนะ ฉันจะไปแล้วล่ะ"

ด้วยเหตุนี้สมาชิกที่รอดอยู่ของทวีปไพรอสก็ได้จากไป ฉันหมดคำพูดไปเล็กน้อยจากการออกไปอย่างรวดเร็วของพวกเขา แต่ว่าฉันก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับพวกเขาอยู่แล้ว

เอลลอสได้เข้ามาหาฉัน มือของเขาถือหอกดินดำเอาไว้อยู่ เขาคงจะไปหยิบมันมาในตอนที่ฉันยุ่งอยู่

"พวกเราชนะก็เพราะนายนะเพื่อน เหมือนกับเมื่อ 4 ปีก่อน"

"ไม่หรอก พวกนายสามารถจะเอาชนะได้โดยที่ไม่มีฉัน แม้ว่าคนส่วนใหญ่จะถูกเตะออกไปจากดันเจี้ยนจากขั้นตอนนั้นก็ตาม"

"...ฉันจะไปสู้กับมันอีกครั้ง ฉันจะต้องช่วยให้พอลผ่านไปได้"

"ฉันจะไม่ช่วยนายในเรื่องนี้ ฉันได้เข้าปาตี้มาเพื่อจู่โจมไปกับนาย ไม่ได้เพื่อช่วยให้เพื่อนายผ่าน...ที่ฉันช่วยในวันนี้ก็เพราะฉันไม่อยากเห็นใครตายเบื้องหน้าไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม"

"แน่นอน"

เอลลอสได้ยิ้มอย่างขมขื่น เขาได้คำนวนผิดไปแค่อย่างเดียวและนี่มันก็คือจุดแข็งของฉัน เขาจะต้องคิดเกี่ยวกับความแตกต่างในทักษะของพวกเราที่ทำให้เกิดผลลัพธ์ที่น่าขำแบบนี้

อย่างไรก็ตามฉันคิดต่างออกไป ฉันไม่ได้ชอบความคิดของพวกเขาที่แสดงออกมาในตอนเริ่มต้น ในทัศนคติระหว่างต่อสู้หรืออะไรก็ตามพวกเขาไม่สามารถจะมาเทียบกับเร็นได้เลย ไม่แม้แต่กับเอลลอส

"ทำไมพวกนายทุกคนจะต้องกลัว? มันไม่ใช่ว่าพวกนายจะตายจริงๆซักหน่อย ทำไมพวกนายถึงไม่กล้าได้กล้าเสียล่ะ? ฉันได้ตระหนักได้ถึงเรื่องนี้ในขณะที่ดูนักสำรวจดันเจี้ยนที่ต่างกัน แต่ว่าวันนี้พวกนายเป็นยังไงกันล่ะ เหมือนกับว่าพวกนายไม่ต้องการที่จะไปสู่ชั้นที่สูงขึ้นเลย"

ด้วยคำพูดนี้ของฉัน ทุกๆคนได้สะดุ้งขึ้นมา อะไรมันคือความ? แน่นอนว่าเอลลอสเป็นเพียงคนเดียวที่ตอบข้อสงสัยของฉัน

"ความจริงแล้ว...นายอาจจะพูดถูกก็ได้ หลังจากที่กลายเป็นนักสำรวจดันเจี้ยน พวกเขาก็จะได้รับปฏิบัตอย่างชนชั้นสูงในลำดับชั้นของประเทศ แม้ว่ามันจะเป็นเครื่องมือสำหรับการต่อต้านผู้บุกรุกก็ตาม มันก็จะได้รับการปฏิบัติอย่างดีก่อนที่จะถึงตอนนั้น หลังจากที่ได้มาถึงระดับหนึ่ง...นั่นคือหลังจากที่ได้กลายมาเป็นระดับเงินพวกเขาก็จะได้รับการปฏิบัติเหมือนกับเชื้อพระวงศ์ นั่นก็คือก่อนที่พวกเขาจะถูกส่งไปยังสนามรบ"

"ดังนั้น?"

"เมื่อระดับของพวกเขาสูงจึ้น ประเทศก็จะปฏิบัติกับพวกเขาดียิ่งขึ้นเท่านั้น แต่ว่าพวกเขาก็ยังจะถูกส่งไปในที่ๆอันตรายมากขึ้นอีกด้วย...นักสำรวจดันเจี้ยนทั้งหมดจึงต้องการที่จะหลีกเลี่ยงปัญหาดังกล่าวในระดับหนึ่งและความรู้สึกนี้มันอาจจะได้รับการสะท้อนให้เห็นว่าในการต่อสู้กับบอสประจำชั้น ถ้าพวกเขาตายในขั้นตอนนี้พวกเขาก็จะปลอดภัยและพวกเขาก็สามารถจะใช้ข้ออ้างที่ว่าพวกเราได้ทำอย่างดีที่สุดได้ พร้อมมีความสุขอย่างเต็มทีกับผลประโยชน์ของการเป็นนักสำรวจดันเจี้ยน มันก็อาจจะเหมือนกันกับในโลกอื่นๆ สำหรับนักสำรวจดันเจี้ยนความทะเยอทะยานแรกเริ่มของพวกเขาในการปกป้องโลกของพวกเขาได้จางหายไปในขณะที่พวกเขาปีนขึ้นไป...."

หลังจากที่ฉันได้ยินสิ่งนี้ ฉันก็นึกไปถึงในชั้นที่ 5 และชั้นที่ 10 พวกนักสำรวจจะดีใจและตื่นเต้นกับโอกาสที่ได้ก้าวไปข้างหน้า

แต่เริ่มจากชั้นที่ 15 พวกเขาจะรู้สึกตกใจและประหลาดใจมากกว่ามีความสุข บางทีผู้นำปาตี้จากการจู่โจมมนุษย์หนูทมิฬในครั้งแรกของฉันก็อาจจะต้องการนำคนในปาตี้ไปตายเลยก็ได้

ในการปาตี้การจู่โจมครั้งหนึ่งที่ชั้นที่ 20 สมาชิกในปาตี้ก็เลือกที่จะโกรธเร็นที่ทำให้เพื่อนของเขาตาย ทั้งที่พวกเราควรจะได้รับความสุขเป็นอย่างเลยหรือไม่ก็มาขอบคุณการทำงานของฉัน

หรือก็คือพวกเขานั้นไม่ค่อยจะมีความสุขที่ได้ก้าวผ่านชั้นที่ 20 แน่นอนว่านั่มันไม่ได้บอกว่าพวกเขาไม่ค่อยมีความสุขเท่านั้น แต่พวกเขาก็อาจจะรู้สึกว่ากดดันที่จะกล่าวไปข้างหน้าด้วยตัวเอง มันเป็นเรื่องที่ไร้สาระ

"โง่เง่า! ความอ่อนแอนั่นมันจะนำไปสู่ความตายในซักวันหนึ่ง! ที่มันยังง่ายอย่างนี้ก็แค่ในปัจจุบันเท่านั้น"

"...ฉันรู้ ฉันรู้ดีเลยล่ะ"

ทำไมนักสำรวจดันเจี้ยนถึงไม่ผจญภัย ในที่สุดฉันก็ได้เข้าใจเล็กน้อยว่าโรเล็ตต้าพูดอะไรกับฉันในตอนนี้ พวกเหล่านี้ที่เรียกว่าดันเจี้ยนที่หนึ่ง! แม้ว่าพวกเขาจะถูกเลือกมาโดยนักสำรวจคนอื่นๆและไม่ได้ถูกเลือกโดยดันเจี้ยนเอง แต่พวกเราทำตัวน่าอดสูแบบนี้ได้ยังไง!?

"แต่ว่ามันก็ไม่ใช่ทุกคนที่เป็นแบบนี้หรอกนะชิน! ฉันหวังว่านายจะไม่ไปแยแสนักสำรวจดันเจี้ยนมากเกินไปนะ"

"ฉันรู้ ถ้าดันเจี้ยนมีแต่คนแบบพวกเรา โลกของพวกเขาก็คงจะถูกทำลายไปแล้ว!...และฉันก็ไม่คิดว่านายเป็นคนแบบนั้นด้วย"

"ขอบคุณ แต่ในความจริง ฉันก็ไม่ได้แตกต่างกัน ทั้งในด้านทักษะและความกล้าหาญ ฉันไม่สามารถจะเทียบกับนายได้เลย ฉันได้เรียนรู้อะไรจากนายมามากมายเลยในวันนี้ 4 ปีก่อนที่ฉันชื่นชมนายและอยากจะเป็นเหมือนนาย ฉันได้จำความรู้สึกนั่นได้แล้วในวันนี้"

ฉันลังเลใจเล็กน้อย ดวงตาของเอลลอสมีความจริงใจอยู่ อย่างน้อยในสายตาของฉันเขาก็ยังมีพลังใจอยู่

"ออร์ค...คังชิน! ฉันก็เหมือนกัน อย่าได้เข้าใจผิดไป! ฉันเพียงแค่พยายามที่จะแข็งแกร่งขึ้นเพื่อที่ฉันจะสามารถต่อสู้กับเผ่าพันธ์ปีศาจได้!"

"ใช่แล้วเพลรูเดีย ฉันรู้ เธอแตกต่างจากเมื่อ 4 ปีก่อนมาก การแสดงของเธอทำได้ดีมากในวันนี้"

"ฮิ้!"

ฉันตั้งใจที่จะชมเธอจริงๆ แต่ว่าเพลรูเดียก็ได้เปล่งเสียงทีแปลกๆที่เหมือนกับนกหวีดออกมาและหดตัวกลับไปด้วยใบหน้าที่เป็นสีแดง เธอนี่แปลกจริงๆเลย ชูน่าก็ได้ยืนอยู่ข้างๆเธอแอบมองมาที่ฉันจากด้านหลังของโล่ ฉันไม่รู้ว่าทำไมฉันถึงปล่อยให้เธอเป็นแบบนั้น แต่ว่าฉันก็ได้มองไปที่เอลลอส

"เอลลอสนายช่วยมาด้วยกันกับฉันเดี๋ยวนึงได้มั๊ย? นายจะปีนดันเจี้ยนไปด้วยกันกับฉัน"

แน่นอนว่าฉันไม่ได้หมายถึงว่าจะไปกับเขาตลอดไป มันเป็นเพียงแค่ชั่วคราวจนกว่าเขาจะได้เรียนรู้อะไรจากฉัน อย่างไรก็ตามฉันก็รู้อยู่แล้วว่าเขาจะตอบกลับยังไง

และมันก็เป็นไปตามที่ฉันคาด เอลลอสได้ส่ายหัวของเขา

"ขอโทษนะชิน แต่ว่าฉันจะต้องนำสมาชิกในปาตี้ของฉันไปนะ"

"ฉันเข้าใจแล้ว เอาล่ะ นายเป็นผู้นำก่อนที่จะเป็นนักรบ"

นั่นมันก็เพียงพอแล้ว เอลลอสไม่ได้จำเป็นจะต้องเปลื่ยนแปลงตัวเองไปมากนัก กลับกันสมาชิกในปาตี้ของเขาต่างหากที่จะต้องเปลื่ยนแปลงไป ทั้งพอลและบาเรียล่าเลยทักษะของพวกเขาทั้งคู่นั้นขาดหายไป แต่พวกเขาก็ไม่สามารถจะทำอะไรได้มากนัก พวกเขาเพียงจะต้องทำงานให้หนักยิ่งขึ้นต่อไปเท่านั้น ถ้านั่นมันยังไม่พอ แม้ว่ามันจะโหดร้ายแต่นั่นก็คือขอบเขตความสามารถของพวกเขา

"นายจะไม่มีทางเปลื่ยนปาตี้ใช่มั๊ย?"

"ใช่แล้ว ฉันจะไปด้วยกันกับพวกเขาจนกว่าจะจบลง ฉันเชื่อว่าฉันสามารถจะทำได้"

"ถ้างั้นมันก็ดีแล้ว โชคดีนะ นายจำเป็นจะต้องเปลื่ยนแปลงอย่างมากเลยล่ะ ฉันไปนะ"

"ใช่แล้ว ขอบคุณมาก ฉันจะติดต่อนายไปอีกนะ วันนี้เป็นประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมมาก"

"คัง ชิน เดี๋ยวก่อน!"

หลังจากที่บอกลาเอลลอสแล้วฉันก็กำลังจะกลับไปที่ดันเจี้ยนที่ฉันจากมา แต่ว่าเพลรูเดียได้มาคว้าฉันไว้ เมื่อฉันมองไปที่เธอ เธอก็ดูเหมือนจะไม่มีคำพูดในขณะที่ปากสั่นอย่างไม่มีเสียง

เมื่อฉันได้กระตุ้นเธอด้วยสายตา ในที่สุดเธอก็พูดออกมา

"พะ พื้นที่...พื้นที่พักอาศัย นายเคยไปที่นั่นหรือยัง?"

"ยังเลย"

"ถะ ถ้านายมา...ติดต่อหาฉัน"

"หืม? ทำไมล่ะ?"

"แค่ทำมันก็พอ!"

ด้วยเหตุผลบางอย่างดูเหมือนว่าเพลรูเดียกำลังจะร้องไห้ ใบหน้าของเธอได้กลายเป็นสีแดงสดใสเหมือนกับมันจะระเบิดออกมา เธอนั้นดูหดหู่แต่ก็ยังมีความสุข ฉันไม่รู้ว่าใบหน้าของเธอพยายามจะบอกอะไรเลย ข้างๆเธอชูน่าได้เหลือบมองไปมาระหว่างใบหน้าของฉันกับใบหน้าของเพลรูเดียราวกับว่าเธอรู้สิ่งที่เพลรูเดียหมายถึง

"รูเดีย! เธอ...ทำไม...?"

"ชูน่าเงียบ! ฉันไม่มีทางเลือกอื่น!"

"แต่นั่นมันไม่ใช่สิ่งที่เธอพูดในก่อนหน้านี้นิ! โกหก! เพียงแค่ยอมรับว่าเธอตกอยู่ใน...อุปส์ อื้ออ!"

เพลรูเดียได้ปิดปากของชูน่าเอาไว้ด้วยมือของเธอ และเริ่มที่จะตีเข่าไปที่เอวของเธอ ด้วยพลังป้องกันที่สูงของชูน่า เธอดูเหมือนจะไม่เจ็บปวดอะไรเลย แต่เมื่อฉันเห็นท่าทางที่กระตือรือร้นของหญิงสาวสองคนมันทำให้ฉันรู้สึกอึดอัดใจ

"ฉันจะติดต่อเธอกลับไป ตอนนี้ฉันไปได้ยัง?"

"ระ เร็วๆเลยรีบไปได้แล้ว"

"เจ้าชายยยย!!!"

ฉันได้สายตาของฉันไปจากชูน่า ผู่ที่พยายามจะบอกบางสิ่งบางอย่างกับฉันแม้แต่ในขณะที่เพลรูเดียพยายามที่จะหยุดเธอ สายตาของฉันก็ยังพบกับเอลฟ์นักธนูที่มีสายตาที่ให้เกียรติฉัน ฉันไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงทำอย่างนั้นเหมือนกัน แต่จากนั้นฉันก็ออกจากปาตี้ไป

แม้ว่ามันจะเกิดเหตุการณ์ที่น่าสับสนขึ้นมามาก แต่ว่าการจู่โจมมันก็ประสบความสำเร็จ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด