ตอนที่แล้วบทที่ 39 - เหตุการณ์ดันเจี้ยน (2)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 41 - เหตุการณ์ดันเจี้ยน (4)

บทที่ 40 - เหตุการณ์ดันเจี้ยน (3)


บทที่ 40 - เหตุการณ์ดันเจี้ยน (3)

"นั่นถูกแล้วชิน"

ราวกับว่าโรเล็ตต้ากำลังรอคำถามของฉัน โรเล็ตต้าได้หยักหน้ารับ

"ประตูที่มีเครื่องหมายระดับอย่างชัดเจมันได้ใช้มาตราฐานเดียวกับผู้ใช้พลังบนโลก เครื่องหมาย A ที่ทำไว้มันหมายถึงเป็นระดับที่ผู้ใช้พลังระดับ A จะสามารถจัดการได้"

"ถ้างั้นมันก็เป็นแบบที่ฉันคิดจริงๆ ฉันอยากจะรู้ว่าเธอรู้เรื่องนี้ได้ยังไง แต่ว่าฉันจะไม่ถามมันในตอนนี้"

"แม้ว่าถ้านายถาม ฉันก็ไม่สามารถจะให้คำตอบนายไปได้ แต่ฉันก็สามารถจะบอกนายได้อย่างนึงคือสถานที่นั่นคือดันเจี้ยน แต่ก็ไม่ใช่ดันเจี้ยน ถ้ามันมีอะไรที่ผิดพพลาด..."

เมื่อเห็นท่าทางกังวลใจของโรเล็ตต้า ฉันได้หยักหน้าด้วยรอยยิ้มขมขื่น

"ฉันรู้ว่ามันอันตราย แต่ว่าฉันก็มั่นใจ แถมฉันก็มีกำลังเสริมที่แข็งแกร่งอีกด้วย ขอบคุณนะสำหรับการกังวลแทนฉัน"

"ฮ่าห์ ฉันก็ยังมีข้อสงสัยอยู่... แต่ว่าฉันไม่สามารถจะไปกับนายได้ ฟู่"

"ตอนนี้มีสิ่งที่สำคัญกว่านั้น เธอมีหน้ากากขายปะ? อะไรก็ได้ที่สามารถจะซ่อนรูปลักษณ์ของฉันได้อย่างสมบูรณ์"

"มีอยู่ หน้ากากที่ป้องกันไม่ให้คนอื่นอ่านข้อมูลของนายและแม้กระทั่งสามารถเปลื่ยนแปลงส่วนสูง โครงสร้าง และผมของนายได้ มันเรียกว่า 'เลนส์แห่งความลับ' ไอเทมชิ้นนี้มันเป็นไอเทมเวทมนตร์ที่น่าอัศจรรย์มีมีราคาเพียวแค่ 50000 ทอง"

"50000"

นี่มันเกินกว่า 100 ล้านวอนซะอีก! อืม...มันอาจจะมีประโยชน์มากกว่านี้อีกในภายหลังก็ได้ มันจะช่วยให้ฉันสามารถจะทำหน้าที่เป็นผู้ใช้พลังได้ในขณะที่ซ่อนใบหน้าจริงได้ เมื่อใดก็ตามที่มีเหตุการณ์การจู่โจมขึ้น ฉันก็สามารถจะเข้าไปมีส่วนร่วมได้โดยที่ไม่จำเป็นจะต้องเปิดเผยตัวตน ด้วยสิ่งนี้มันก็สามารถจะยอมรับได้

ฉันได้ซื้อหน้ากากด้วยน้ำตา ฉันได้ส่งข้อความไปหาพ่อด้วยเช่นกัน แน่นอนว่าพวกเราก็ได้เพิ่มกันและกันเข้ามาในเมนูเพื่อนแล้ว

"พ่อฉันได้ซื้อเลนส์แห่งความลับมาจากชั้นซื้อขาย"

[หืม? มันคืออะไรล่ะนั่น?]

"มันเป็นหน้ากาก พ่อต้องการจะเปิดเผยใบหน้าของพ่อมั๊ย?"

[อืมม ฉันกะว่าจะบอกแกทีหลัง แต่ว่าฉันได้ไปลงทะเบียนผู้ใช้พลังแล้วในวันนี้]

"พ่อรีบเกินไปแล้ว!"

ฉันจำได้ว่าพ่อได้คุยกับวอร์คเกอร์เมื่อไม่นานมานี้ แม้ว่าฉันจะคิดว่าพ่อจะใจเย็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่มันดูเหมือนว่าพ่อจะถูกกระตุ้นโดยวอร์คเกอร์ เขาเป็นพ่อของฉัน แต่ว่าเขาก็เข้าใจง่ายจริงๆ

[ความสามารถของพ่อได้เติบโตขึ้นมาด้วยในตอนนี้ พ่อไม่สามารถจะซ่อนมันไว้ได้ตลอดไป ดังนั้นพ่อเลยไปลงทะเบียนเป็นผู้ใช้พลังและปฏิเสธการเข้าร่วมกลุ่มผู้พิทักษ์และปีกแห่งเสรี ฮุฮุ พ่อได้เป็นผู้ใช้พลังระดับ A แล้วในตอนนี้]

"ขอแสดงความยินดีด้วยกับการเป็นระดับ A แต่ว่าพ่อก็สามารถจะลงทะเบียนด้วยการซ่อนตัวตนที่แท้จริงได้นะ"

มันเป็นเรื่องจริง มีคนหลายคนที่ไม่ต้องการที่จะเข้าร่วมกับทั้งสองกลุ่มนั้นเมื่อพวกเขาไปลงทะเบียนพวกเขาจะปลอมตัวกันไป สิ่งที่สำคัญนั้นคือพลังไม่ใช่ใบหน้า

อย่างที่พูดมาเมื่อเทียบกับผู้พิทักษ์ที่ได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการจากรัฐบาลหรือองค์กรปีกแห่งเสรีที่ที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลกนั้น พวกผู้ใช้พลังที่ไร้สังกัดจะมีความน่าเชื่อถือที่น้ออยกว่ามาก แถมพวกเขายังไม่สามารถที่จะได้รับสิทธิประโยชน์อื่นๆที่ผู้ใช้พลังจะสามารถได้รับได้ เช่นการลดภาษี หรือเข้าสิทธิพิเศษในการเข้าถึงข้อมูลและสถานที่บางแห่ง

แต่มันก็เพียงเท่านั้นแหละ เพราะว่าฉันไม่ได้สนใจมัน

[เอ๊ะ? จริงดิ? ชั่งเถอะ มันสายเกินไปแล้ว]

"ฟู่ เอาล่ะ ฉันจะไปต่อสู้ในวันพรุ่งนี้แบบตัวเปล่า และก็อย่าทำอะไรที่มันแสดงว่าเราเป็นพ่อลูกกันนะ"

[ลูกแกไม่ควรที่จะใช้โอกาสนี้ในการลงทะเบียนผู้ใช้พลังงั้นหรอ?]

"ผมจะทำด้วยหน้ากากอันนี้ ผมยังไม่มั่นใจในพลังของตัวเองมากนัก ดังนั้นผมจึงยังไม่ได้วางแผนที่จะเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง"

[ลูกผู้ชายไม่ควรจะใจเสาะแบบนี้นะ]

"มันเป็นการระมัดระวังตัว"

[ลูกโง่ๆของฉันโตขึ้นมาก...]

อย่างที่คิดตัวสเตตัสสติปัญญาของพ่อไม่ได้สูงมากนัก จากนั้นฉันก็ซื้อเลนส์แห่งความลับมา มันเป็นสีดำ หน้ากากเหล็กนั่นมันได้ปกคลุมหน้าผาก ดวงตา และแม้แต่ฉมูกของฉันอย่างสมบูรณ์ อย่างไรก็ตามฉันรู้สึกว่ามันไม่สมบูรณ์แบบ

"ฉันจะไม่ถูกพบงั้นหรอ? มันไม่ได้ซ่อนปากหรือขากรรไกรฉันเลยนะ"

"อย่างที่ฉันบอกไป มันสามารถจะเปลื่ยนแปลงของสร้างของนายได้ ลองใส่มันก่อนสิชิน"

เมื่อฉันได้ใส่หน้ากากไปและจินตนาการว่าตัวเองผอมยิ่งขึ้น ร่ายกายของฉันก็ได้ผอมลงไป นอกจากนี้ส่วนสูงของฉันซึ่งได้ลดลงไป 190 เซนติเมตรด้วยอิลิกเซอร์ที่ฉันกินไป ก็ได้ลดลงไปอีกจนเหลือ 185 เซนติเมตร จากนั้นผมของฉันก็ได้ยาวขึ้นเล็กน้อยและเปลื่ยนเป็นสีเทา รูปลักษณ์ของฉันได้เปลื่ยนไปตามที่ฉันจินตนาการเลยจริงๆ

โรเล็ตต้าที่กำลังมองฉันอยู่ข้างๆก็หัวเราะออกมาทันที ฉันไม่ชอบสายตาของเธอแบบนี้เลย

"ชินนี่มันเป็นรูปลักษณ์ที่นายจินตนาการออกมา?"

"อุก!? มะ ไม่! ที่ฉันเปลื่ยนสีผมเป็นสีเทาเพราะว่าฉันเปลื่ยนเอกลัษณ์ของฉันไม่ให้มันถูกเปิดเผยไป!"

"ใช่แล้ว ฉันเชื่อนาย ว้าว เท่มากเลย ฉันอาจจะตกหลุมรักนายเลยนะ"

"อย่าพูดด้วยน้ำเสียงเฉยชาอย่างนั้นสิ"

ฉันได้สาบานกับตัวเองว่าจะต้องแก้แค้นเธอคืนในสักวันหนึ่ง

"แล้ววันนี้เราจะไม่ได้สู้กับบอสงั้นหรอ?"

เร็นได้ถามออกมาหลังจากที่ดูโรเล็ตต้าแกล้งฉันอย่างเงียบๆ หลังจากที่ได้ต่อสู้กับมาสองสัปดาห์ เร็นได้พุ่งเข้าไปหาหางขออัศวินลิซาร์ดแมนน้อยกว่าแต่ก่อน ฉันก็ยังสามารถรวบรวมเซ็ตทั้งหมดของอัศวินลิซาร์ดแมนครบแล้วอีกด้วย จะขาดก็แค่อิลิกเซอร์เสริมความแข็งแกร่งกล้ามเนื้อเท่านั้น

ด้วยเซ็ตเกราะเหล็กของอัศวินลิซาร์ดแมนมันให้ผลที่ดีกว่าเกราะหนัก มันได้เพิ่มความแข็งแกร่งและความทนทานขึ้น 10 และช่วยให้สามารถใช้ทักษะ 'ผิวมังกร' ได้ ซึ่งมันเป็นทักษะการ้องกันที่ดีที่สุดซึ่งจะลดความเสียหายทางกายภาพและเวทมนตร์ลง 90%

แน่นอนว่ามันไม่ได้มีผลอย่างสมบูรณ์แบบกับการต่อต้านการโจมตีจากศัตรูที่มีเลเวลห่างกันเกินไป นอกจากนี้มันจะยังลดความเร็วในการเคลื่อนที่อีก 50% อย่างไรก็ตามมันก็ยังคงเป็นทักษะที่น่าทึ่งอยู่ดี การถึกยิ่งขึ้นมันก็หมายความว่าการโจมตีของฉันก็จะแข็งแกร่งขึ้นเช่นกัน ฉันได้เก็บทักษะนี้ไว้ที่เลข 4 นาฬิกาของนาฬิกาพกพา

"อืม ฉันชอบถุงมือเหล็กมากกว่าถุงมือหนังจริงๆเลย"

"เฮ้เจ้าชาย ฉันถามว่าถ้าอย่างนั้นเราก็ไม่ต้องไปลุยกันอีกใช่มั๊ย?"

"แน่นอนว่าไม่ พวกเรายังเหลือการจู่โจมที่จะต้องทำ"

"กั๊ก หลังของฉันเจ็บเหลือเกิน"

"นี่พวกเรารู้นะว่านายจะกลายไปเป็นบ้าคลั่งเมื่อเข้าการจู่โจม"

หลังจากที่ให้เร็นเงียบไป ฉันก็ได้ตรวจสอบตัวเองครั้งสุดท้าย เกราะเหล็กและหน้ากาก แม้ว่าพวกนี้จะไม่ใช่ชุดสวยงาม แต่มันก็ไม่สำคัญหรอก ฉันจะไปสำรวจดันเจี้ยนไม่ใช่จะไปเดินแฟชั่นโชว์

"โรเล็ตต้า ช่วยอวยพรฉันทีเพื่อที่ฉันจะได้กลับมาอย่างปลอดภัย"

"...ถ้ามันเป็นชิน ฉันเชื่อว่านายสามารถจะคลานขี้นมาได้แม้จะเป็นส่วนลึกสุดของนรก"

"เฮ้า เธอไม่สามารถจะพูดว่า 'กลับมาอย่างปลอดภัย' ได้งั้นหรอ? เธอไม่ต้องพูดเกินจริงนักก็ได้"

"อุก! กลับมาอย่างปลอดภัยนะ ฉันจะไม่ให้อภัยนายถ้านายกลับมาแบบบาดเจ็บ! ขอให้โชคดีนะ!?"

เธอได้พูดออกมาอย่างจริงใจ

วันรุ่งขึ้น ฉันได้ตัดสินใจที่จะออกไปตั้งแต่เช้า ฉันได้สวมใส่เลนส์แห่งความลับและชุดที่ดูเป็นทางการที่สุดที่ฉันมี ซึ่งคือเซ็ตของราชินีวิญญาณ เมื่อฉันได้มองดูตัวเองในกระจก ฉันก็จะต้องยอมรับว่าฉันดูดีเลยทีเดียว แม้ว่าฉันจะรวบสู้ขอบคุณที่ผอมลงมาด้วยอิลิกเซอร์ต่างๆที่กินไป แต่ฉันก็อยากที่จะผอมยิ่งกว่านี้ให้เหมือนกับฉันในตอนนี้ เมื่ออนที่ฉันอายุ 16 ฉันนั้นมีกล้ามเนื้อที่จะเรียกว่าพี่ชายใหญ่ได้เลย ดังนั้นฉันจึงปรารถนาที่จะกลายเป็นคนที่ผอมเพรียว

เมื่อฉันได้ออกไปที่ห้องรับแขก ยุยที่กำลังดื่มนมอยู่ก็เห็นฉันและเอียงหัว

"พี่ชายทำไมพี่ถึงใส่หน้ากากแบบนั้น?"

"อืมม พี่กำลังจะไปลงทะเบียนเป็นผู้ใช้พลังน่ะในวันนี้"

"จริงหรอ?"

ยุยได้ทำตาเป็นประกายในคำพูดของฉัน

"ถ้างั้นหนูก็สามารถจะโม้เรื่อวของพี่ชายฉันกับเพื่อนๆหนูได้ใช่มั๊ย?"

"เอ๊ะ? อืมม...อย่างที่น้องได้เห็นจากหน้ากากที่พี่ใส่อยู่ พี่จะไปลงทะเบียนภายใต้ชื่อปลอม โทษทีนะแต่ว่าน้องช่วยรอสักหน่อยได้มั๊ย?W

"เอ...โอเค หนูต้องการจะโม้เกี่ยวกับพี่"

เมื่อเห็นยุยที่ว่านอนสอนง่าย ฉันก็ได้ลูบหัวของเธอ เธอได้ให้กำลังใจฉันเมื่อเห็นฉันออกไป ถ้าเธอรู้ว่าฉันกำลังจะไปเคลียร์ดันเจี้ยนที่ปรากฏขึ้นบนโลก เธออาจจะร้องไห้และพยายามอย่างสุดกำลังเพื่อที่จะหยุดฉันอย่างแน่นอน ดังนั้นฉันจึงไม่ได้บอกเธอไป

ในขณะที่ฉันกำลังเดินตามทาง ฉันก็สามารถจะรู้สึกได้ถึงการจ้องมองจากคนที่ผ่านไป ด้วยชุดที่ค่อนข้างแฟนซีและหน้ากาเหล็กที่คลุมตาและจมูก แถมด้วยผมสีเทา ฉันก็ไม่สามารถจะพูดอะไรได้ที่พวกเขาจะมองมาที่ฉันเหมือนคนบ้า อึก มันเจ็บปวด เพราะอะไรฉันถึงไม่รีบไปสมัครล่ะ!? ฉันได้รีบไปที่สำนักงานดวงจันทร์แห่งใหม่ทันที มันเป็นที่สำหรับใช้ลงทะเบียนผู้ใช้พลังและรับงายที่เกี่ยวข้องกับผู้ใช้พลัง

"คุณยวน ฮวาวู คุณมาที่นี่เพื่อที่จะมาลงทะเบียนผู้ใช้พลังใช่มั๊ย? ด้วยหน้ากากนั่น?"

"ใช่แล้ว เพียงเท่านี้ล่ะ"

"ตามผมมา คุณจะต้องแสดงพลังของคุณให้พวกเราดู"

พนักงานได้พาฉันไปที่ห้องที่มีอยู่หลายห้องอย่าสุ่มๆ ฉันเห็นกองหินขนาดใหญ่ที่มีเป็นพันๆก้อนกระจัดกระจายอยู่เต็มพื้น และมีอาวุธเช่นดาบหรือหอกอยู่อีกด้วย

"ถ้าคุณต้องการที่จะใช้อุปกรณ์เพื่อที่จะใช้ความสามารถก็บอกกับเรา"

"ไม่ มันไม่เป็นไร"

ฉันได้ขอให้ไพก๊าเช้าไปข้างในถุงมือของฉัน

เมื่อสายฟ้าได้เริ่มออกมาจากถุงมือที่ฉันใส่อยู่ พนักงานก็ได้ตกใจและกระโดดถอยกลับไป

"มะ มันเป็นสายฟ้าหรอ? พลังประเภทธรรมชาติมันหายา..."

"ฟู่...ฮ้า!"

เนื่องจากว่ามีเป้าหมายที่ดูอยู่ข้างหน้าฉัน ฉันจึงต่อยหมัดออกไปด้วยสายฟ้าได้พุ่งไปทางก้อนหินใหญ่ แม้ว่าฉันจะไม่ได้ใช้ฮีโรอิค สไตรค์ ฉันก็คุ้นเคยกับการรวบพลังในจุดๆเดียวอยู่แล้ว ฉันจึงสามารถที่จะเพิ่มพลังไปที่พลังการทำลายของหมัดฉันได้ อย่างที่คาดไว้ก้อนหินได้ถูกทำให้กลายเป็นฝุ่นและพังลง

"นี้มัน...ฉันจะต้องตรวจสอบโดยละเอียดอีก แต่อย่างน้อยก็ระดับ B+ การที่ได้รับคะแนนที่สูงในการประเมินครั้งแรกมันน่าทึ่งมาก"

"ฮ่าๆ ขอบคุณ"

ไม่สิ ไม่ใช่ B+! พ่อจะล้อเลียนฉันถ้ามันเป็นแบบนั้น ฉันจะต้องเป็น A! เวรเอ้ย ถ้าฉันรู้ว่าเรื่องนี้มันจะเกิดขึ้น ฉันก็จะใช้หอกของฉัน

ถึงแม้ว่าฉันจะตอบกลับไปอย่างมีความสุข แต่ว่าภายในของฉันมันรู้สึกแย่มากในขณะที่ฉันเดินออกไปจากห้องประเมิน พนักงานก็ยังไม่ออกมาครู่หนึ่งจขากนั้นก็กลับมาพร้อมก็ข้อมูลประมานมานและพลังของฉัน

"ผลลัพธ์มันออกมาแล้ว แค่ดูไปที่มานาของคุณยวน ฮวาวูมันก็จะเป็นระดับ B+ แล้ว อย่างไรก็ตามเมื่อคำนึงถึงพลังเฉพาะตัวแล้ว ด้วยร่างกายของผู้ใช้พลังและการควบคุม มันก็ออกมาเป็นระดับ A มีเพียงแค่ 12% ของผู้ใช้พลังทั่วโลกเท่านั้นที่เป็นระดับ A คุณยวน ฮวาวูได้เริ่มต้นจากจุดนี้ หน่วยงานดวงจันทร์แห่งใหม่ยินดีอย่างยิ่งที่ได้พบเจอกับคนที่มีศักยภาพเช่นนี้ ถ้าคุณต้องการที่จะเข้าร่วมกับกลุ่มผู้พิทักษฺที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลจากรัฐบาลโดยตรงแล้ว ถ้างั้น---"

"ไม่ นั่นมันไม่เป็นไร ในตอนนี้ฉันต้องการที่จะได้รับใบอนุญาต"

"ใช่แล้ว ตามผมมา หลังจากที่ถ่ายรูปแล้ว คุณก็จะต้องทำเพียงแค่จ่ายค่าธรรมเนียมใบอณุญาติเท่านั้น

ฉันได้รับใบอนุญาติมาและออกมาจากสำนักงานในทันที เมื่อฉันได้ดูเวลา มันเป็นเวลาบ่ายโมงแล้วเหลืออีกแค่ชั่วโมงเดียว ฉันก็จะต้องเข้าไปในเหตุการณ์ดันเจี้ยนแล้ว...ฉันรู้สึกว่าร่างกายของฉันมันได้มีอาการกระวนกระวายออกมา แต่ว่าฉันก็รู้สึกสนุกกับมัน ดันเจี้ยนมันเป็นสิ่งที่ดีเป็นสถานที่ๆศิลปะการต่อสู้จะส่องประกายออกมา และมันจะยิ่งส่องประกายยิ่งขึ้นเมื่อได้ฝึกในสถานที่ๆอันตราย

เมื่อเวลาประมาณ 1.50 น. ฉันก็ได้ไปนั่งอยู่ที่ร้านกาแฟใกล้ๆกับห้างสรรพสินค้าจิบกาแฟเย็นๆไปพร้อมกับชุดอัศวินลิซาร์ดแมนและใส่เลนส์แห่งความลับไว้ด้วย การจ้องมองที่ฉันได้รับมามันไม่ใช่เรื่องตลกเลย

"นั่นใครน่ะ?"

"เขาเป็นผู้ใช้พลังใช่มั๊ย?"

"ทำไมผู้ใช้พลังที่ใส่เกราะเต็มรูปแบบถึงได้มานั่งดื่มกาแฟอยู่ที่นี่?"

"อา มันต้องเป็นสิ่งนั้นแน่ๆ ที่เกตส์นั่นน่ะ"

ที่ทางเข้าเหตุการณ์ดันเจี้ยนมันมีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่าเกตส์ ฉันได้นั่งดื่มกาแฟของฉันอยู่เงียบๆต่อไปแม้จะเป็นอย่างนี้

และคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามของฉันก็คือพ่อของฉันเอง พ่อดูมีความสุขอย่างมาในขณะที่จิบค็อกเทล พ่อเขาได้ใส่ชุดเกราะหนังและมีหอกเงินอยู่ข้างๆ ทุกๆครั้งที่พ่อขยับตัวกล้ามเนื้อของพ่อก็จะพองขึ้นมาอย่างไม่น่ามอง

"อืมม? มีอะไรหรอ ยวน ฮวาวู!?"

"ไม่มีอะไร"

ทำไมพวกเราสองคนถึงได้มาที่นี่เป็นคนแรก? เพราะว่าพวกเราไม่สามารถจะทำตัวเหมือนพ่อลูกได้ ดังนั้นสถานการณ์ในปัจจุบันนี้มันจึงค่อนข้างจะน่าอึดอัดอย่างมาก ฉันก็แค่อยากจะเข้าไปในดันเจี้ยนเร็วๆเท่านั้น ทำไมมันถึงเกิดเหตุการแบบนี้? ให้ฉันเข้าไปในดันเจี้ยนได้แล้ว! ถ้าอย่างนั้นฉันจะไปคนเดียวก็ได้! ฉันก็แค่ต้องการที่จะต่อสู้!

"หืมม ลูก...ฉันหมายถึงคนหนุ่มแบบนายทำไมถึงได้ตัดสินใจที่จะทำอะไรที่มันอันตรายแบบนี้?"

พ่อสามารถจะส่งข้อความมาให้ฉันได้ตลอดเวลา แต่มันดูเหมือนว่าพ่อต้องการจะถามซึ่งๆหน้ามากกว่า

"อาจารณ์และพ่อของฉันได้บอกฉันว่าศิลปะการต่อสู้จะพัฒนายิ่งขึ้นด้วยการต่อสู้ที่เอาชีวิตเป็นเดิมพัน"

"โฮ่ พ่อของนายเป็นคนที่ยอดเยี่ยมจริงๆ ฉันอยากจะได้พบกับเขาจังเลย"

พ่อของฉันได้ยกย่องตัวเองอย่างน่าอับอายแตะตอบกลับด้วยคำว่าแต่

"แต่ว่าเมื่อมันอยู่ในสถานการณ์จริงที่ความเป็นและความตายมาถึง มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะนำคำพูดไปสู่การกระทำ ฉันสงสัยว่านายทำใจได้ง่ายอย่างนี้ได้ยังไงในการที่จะเข้าไปในดันเจี้ยน"

"นายจะบอกว่าฉันยอมรับในคำขอของมัสติฟอร์ดโดยไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับเรี่องนี้สินะ"

"ถูกแล้ว"

ดวงตาของพ่อดูเหมือนจะลึกซึ้งขึ้น อา ดวงตานี้ของเขามันเหมือนกับตอนที่เขาเริ่มพาฉันเข้าสู่อันตรายในตอน 10 ขวบ หรือก็คือฉันไม่สามารถจะไว้ใจพ่อได้ในตอนนี้

"ฉันรู้ถึงความยากลำบากของเหตุการณ์ดันเจี้ยนและมีพรรคพวกที่น่าเชื่อถือที่จะช่วยฉันได้ นอกจากนี้เยียงดงพูมันยังอยู่ใกล้กับที่ๆฉันอาศัยอยู่ ดังนั้นมันไม่เพียงแค่จะโง่ที่จะปล่อยโอกาสนี้ไปมันจะยังเป็นการทำลายเกียรติยศของผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้อีกด้วย"

"แทนที่จะพูดให้มันสวยงาม ฉันต้องการที่จะได้ยินเหตุผลที่แท้จริงมากกว่า"

พ่อได้รู้ในทันที ด้วยการยักไหล่ของฉัน ฉันก็ตอบกลับไป

"แม้ว่าตอนนี้ผู้ใช้พลังทั้งหมดจะต่อสู้กับมอนสเตอร์ด้วยความเสี่ยง แม้ว่าเป้าหมายนั้นมันจะเพื่อเงิน พวกเขาก็จะแข็งแกร่งขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัยในการต่อสู้ที่แลกด้วยเลือด ฉันนั้นแตกต่างออกไปฉันได้แข็งแกร่งขึ้นอย่างสบายๆในดันเจี้ยนที่เมื่อไหร่ที่แขนขาของฉันถูกตัดมันก็จะงอกกลับคืนมาเมื่อเวลาผ่านไป เมื่อไหร่ที่ฉันถูกฆ่าฉันก็จะไม่มีทางตาย ถ้าฉันยังคงก้าวไปในเส้นทางนี้แม้ว่าฉันจะแข็งแกร่งขึ้น แต่ฉันก็ยังคงจะรู้สึกว่าฉันขาดความดุดันอย่างที่นักรบพึงมี

"หืม..."

ความจริงที่ว่าคนอื่นก้าวหน้าไปโดยที่ฉันไม่สามารถจะทำได้ ฉันยังต้องการความดุดัน มิฉะนั้นเมื่อถึงเวลาที่ฉันจะต้องเอาชีวิตเข้าไปเสี่ยง ฉันอาจจะกลายเป็นคนขี้ขลาดที่พยายามจะวิ่งหนีเพื่อให้ตัวเองปลอดภัย ฉันไม่ได้หมายความว่าฉันจะทิ้งชีวิตของฉันไป แต่ฉันไม่ต้องการที่จะพลาดโอกาสที่ฉันจะแข็งแกร่งขึ้นเพียงเพราะว่ามันอันตราย"

"...มันใช่มั๊ยล่ะ?"

"ใช่แล้ว แน่นอน"

นั่นมันคือความจริง ดันเจี้ยนเป็นที่ๆน่าตื่นเต้นและน่าหวาดเสียว มันเต็มไปด้วยอันตรายและมันก็ยังเจ็บปวดอย่างมากเมื่อถูกศัตรูแทงด้วยมีด ความสุขที่ฉันได้รับมาจากการต่อสู้กับมอนสเตอร์ การปะทะที่จะต้องเอาชีวิตของตนเองเข้าแลก และในที่สุดการแทงหอกเข้าไปในหัวใจของมันก็เป็นความจริง

ในเวลาเดียวกันนั้นมันก็เป็นของปลอม ฉันรู้ว่าฉันจะไม่เสียชีวิตไปแม้ว่าถ้าฉันถูกฆ่าในดันเจี้ยน ฉันรู้ว่าฉันจะยังมีโอกาสอยู่อีกเสมอ แน่นอนถ้ามอนสเตอร์มันไม่ได้เริ่มปรากฏตัวขึ้นบนโลก นั่นมันก็คงจะไม่มีปัญหา

แต่นั่นมันไม่ใช่สำหรับในตอนนี้ ดวงจันทร์ได้กลายมามีสองดวงและโลกได้กลายเป็นสถานที่ๆมันจะไม่แปลกเลยที่จะมีมอนสเตอร์ปรากฏตัวออกมาตลอดเวลา เหตุการณ์ดันเจี้ยนมันก็ได้ปรากฏออกมาเช่นกัน สมมติว่าสถานการณ์ที่ที่ฉันจะต้องต่อสู้กับมนอสเตอร์บนโลกได้มาถึง ถ้าฉันต่อสู้กับมันด้วยความคิดเดียวกับที่ฉันมีในดันเจี้ยน ถ้าฉันสู้โดยไม่ได้รู้ถึงความโหดร้ายของชีวิตที่มีความเสียง คมมีดอันนั้นมันก็จะเจาะเข้าไปในหัวใจของฉันในเวลาที่ฉันประมาทและจบชีวิตของฉันลงไป

มันจะมีอะไรที่โง่เง่าไปกว่านี้อีกหรือ? ฉันไม่อยากจะเป็นนักรบที่น่าสมเพชแบบนั้น ฉันไม่ต้องการจะเป็นนักรบที่มาจากในเกมส์ที่การตายเป็นสิ่งที่ยอมรับ ถึงแม้ว่ามันจะเป็นวิธีที่จะทำให้แข็งแกร่งขึ้นได้ ฉันก็ไม่สามารถที่จะปล่อยให้มีความคิดแบบนั้นในการสู้รบ

ชีวิตของคนเรามันไม่ได้อยู่ในโหมดง่ายที่สามารถจะลองได้ซ้ำแล้วซ้ำอีก มันอยู่ในโหมดนรกตลอดเวลา

"ด้วยวิธีนี้ฉันคิดว่าฉันสามารถที่จะกลายเป็นแข็งแกร่งอย่างแท้จริงได้ กลายเป็น...แข็งแกร่งที่สุด พะ...คุณคัง ยงอู"

มันเป็นชื่อของพ่อ ซึ่งมันค่อนข้างน่าอายที่จะพูด

"ฮ่าๆ ฉัยชอบในความซื่อตรงของนาย! แต่แย่หน่อยนะ ฉันจะเป็นคนที่คว้าชื่อที่ว่าแข็งแกร่งที่สุดมา!"

"ฮ่าๆ นายน่ะเด็กๆ มันจะเป็นฉันต่างหาก"

"ฮ่าๆ ฉันไม่ได้เป็นเด็กๆหรอกนะ มันจะเป็นฉัน!"

"อืมม"

"อืมมมม"

พวกเราเริ่มที่จะจ้องมองไปที่กันและกัน ในเวลเดียวกันพ่อก็ได้คว้าไปที่หอก สายฟ้าก็เริ่มที่จะออกมาจากมือของฉัน เมื่อการต่อสู้กำลังจะเริ่มต้นขึ้นเพื่อตัดสินว่าใครที่แกร่งกว่า พวกเขาก็ได้ถูกขัดจังหวะ

"ว้าว พวกนายทำมันได้ดีเลยทีเดียว"

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด