ตอนที่แล้วMPE บทที่ 15 การลงทะเบียน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปMPE บทที่ 17 ลิงที่ถูกธาตุหยินเข้าแทรก

MPE บทที่ 16 การทดสอบการเป็นผู้เพาะพันธุ์สัตว์อสูร


วันรุ่งขึ้น เกาเผิงเคาะประตูห้องลุงหลิว

ประตูเหล็กเปิดออก ลุงหลิวเผยรอยยิ้มสดใส “อรุณสวัสดิ์ เกาเผิง มาทำอะไรตั้งแต่เช้าเนี่ย”

“ขอโทษด้วยครับลุงหลิว ที่ต้องรบกวนแต่เช้า” เกาเผิงกล่าว

“วันนี้ผมต้องเข้าทดสอบการประเมินผู้เพาะพันธุ์สัตว์อสูร แต่ผมไม่แน่ใจว่าการสอบต้องใช้เวลานานเท่าไหร่ ผมคงต้องฝากต้าซื่อไว้กับลุงสักสองสามวันนะครับ ลุงหลิวไม่ต้องห่วง รับรองว่ามันจะเป็นเด็กดี ไม่ดื้อ ไม่ซน แต่หากลุงหลิวคิดว่ามันน่ารำคาญ ลุงหลิวทื้งมันไว้ในห้องผมก็ได้นะครับ ผมจะทิ้งกุญแจไว้ให้ ลุงหลิวเพียงแค่เอาอาหารให้มันกินก็พอครับ”

“อะไรกันเรื่องแค่นี้เอง ไม่ต้องห่วง ฉันจะดูแลมันมันอย่างดี ข้าวปลาอาหารครบถ้วน” ลุงหลิวสัญญา

เกาเผิงไว้ใจลุงหลิว เขาโค้งศีรษะด้วยความสำนึกขอบคุณก่อนจะเดินจากไป

เกาเผิงไม่ได้สังเกตเลยว่า หลังจากที่ต้าซื่อคลานเข้าไปที่ห้องของลุงหลิวแล้ว มันกลับเงียบอย่างผิดปกติ?

หลังจากเกาเผิงไปสักพัก ลุงหลิวลังเลอยู่ชั่วขณะ ก่อนจะกดโทรศัพท์ไปหาใครคนหนึ่ง

“หวัดดี ตาเฒ่าเจียง ใช่แล้ว ฉันเอง ใจเย็น เขาสบายดี หลานชายของนายได้สร้างพันธะสัญญาเลือดกับสัตว์อสูรตัวหนึ่งแล้ว มันเป็นตะขาบกรงเล็บเหลืองหลังม่วง ดูเหมือนจะเป็นชนชั้นสามัญน่ะ”

“ห๊ะ!! แกคิดว่าฉันไม่แนะนำเขารึไง? พวกนายสองคน หัวรั้นจะตาย ฉันไม่สามารถเปลี่ยนความคิดของเขาได้หรอก นอกจากนี้ เจ้าตะขาบนั่น เป็นสิ่งที่ลูกสาวกับลูกเขยของแก ทิ้งไว้ให้เขาดูต่างหน้านะ”

“หื้ม ทุกอย่างไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้ ฉันบอกแล้วไงให้ฆ่าคนที่รู้เรื่องนี้ทั้งหมด หรือไม่ก็หาเด็ก ‘ดีๆ’ มา ในโลกนี้น่ะนะ ไม่เคยขาดแคลนผู้มีความสามารถหรอกนะ” ลุงหลิวด้วยน้ำเสียงอันเย็นชา ช่างแตกต่างจากน้ำเสียงที่ฟังดูอบอุ่นเมื่อตะกี้อย่างลิบลับ

“เอาละ บอกแผนการของแกมา…ไม่ต้องห่วงเขา เขาจะปลอดภัยเมื่ออยู่กับฉัน”

อีกฝั่งหนึ่งของคู่สาย ชายผู้หนึ่งวางสายโทรศัพท์ก่อนจะเปิดม่านเพื่อให้แสงสว่างเล็ดรอดเข้ามาในสำนักงานที่มืดสลัว

ชายผู้นี้สวมเสื้อคลุมตัวยาวขอบสีทองและมีเส้นผมสีขาว แม้เขาจะดูค่อนข้างมีอายุ แต่ร่างกายของเขากลับดูแข็งแกร่งไม่ต่างจากชายฉกรรจ์

หลังจากชายชรากดปุ่มสีแดง หญิงสาวร่างกายเพียวบางดั่งนางฟ้าเดินเข้ามาทำความเคารพ “มีสิ่งในให้ดิฉันรับใช้หรือคะ ท่านประธาน”

ชายชรามองออกไปนอกหน้าอย่างใจเย็น “ยื่นคำขาดให้แผนกวิจัย ครั้งนี้ฉันจะยกโทษให้เพราะความสามารถของพวกเขา แต่ความอดทนของฉันมีจำกัด ให้เขาเลือกมาว่าจะทำงานให้เสร็จหรือถูกฉันฆ่าตาย ฉันให้เวลา 5เดือน อย่าทำให้ฉันผิดหวัง สำหรับปัญหาในชิงไห่ ทำความสะอาดให้เสร็จภายใน 7เดือน นำคำพูดของฉันไปบอกหลี่เย่ หากพวกเขาไม่ลงมือ ฉันจะจัดการเอง พวกเขารู้ดีว่าถ้าฉันลงมือแล้วจะเกิดอะไรขึ้น?”

หลังจากกล่าวจบ ชายชราจึงโบกมือไล่ให้เลขาสาวออกไป

ใบหน้าของชายชราเรียบเฉย ไม่ปรากฏความสุขหรือความเศร้า มีเพียงดวงตาของเขาเท่านั้นที่สามารถสัมผัสถึงความอบอุ่นที่ซ่อนอยู่เล็กน้อย

‘อีกแค่หนึ่งปีเท่านั้น เรื่องทุกอย่างจะต้องจบ เขาจะได้พบหลานชายของเขาที่ไม่ได้เจอมานานแล้ว

แต่ก่อนที่ทุกอย่างจะเรียบร้อย เขาไม่กล้าไปพบหลานชายของเขาเพราะเด็กน้อยจะไม่สามารถป้องกันตนเองได้หากยังไม่ได้สร้างพันธะสัญญาเลือดกับสัตว์อสูร เขาไม่ต้องการนำชีวิตของหลานชายต้องมาเสี่ยงเพราะเขา

…..

การทดสอบผู้เพาะพันธุ์สัตว์อสูรถูกจัดขึ้นในบริเวณชานเมือง

หลังจากนั่งรถมาหลายชั่วโมง เกาเผิงก็ได้มาถึงจุดหมายในที่สุด

ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงตรง แต่การทดสอบจะเริ่มขึ้นในเวลาบ่ายสอง เมื่อเขาลงมาจากรถ เขาเห็นอาคารสีดำ สีขาวขนาดใหญ่ ตั้งตระง่านรอบๆ จัตุรัสแห่งนี้

สวนแห่งนี้ดูร่มรื่นเพราะมีต้นไม้ใหญ่คอยบดบังแสงอาทิตย์

มีผู้คนหลายคนได้เดินทางมาที่นี่ พื้นที่ใต้ต้นไม้ถูกยึดครองไปหมดแล้ว บางคนนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ บางคนถือถุงอาหาร

‘นี่ยังไม่บ่ายสองเลย พวกเขามาถึงกันหมดแล้วหรือ?’ เกาเผิงบ่นพลางเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก เขามองไปรอบๆเพื่อหาที่นั่งที่นี่คนเยอะมาก เขาเดินมางครึ่งชั่วโมงแล้ว ตอนนี้เขาหิว เขามองหาร้านอาหาร ระหว่างที่เดินหาก็ได้มีเสียงใครบางคนเรียกหาเขา “เกาเผิง”

นี่ทําให้เกาเผิงรู้สึกประหลาดใจ เพราะเขามีเพื่อนเพียงไม่กี่คน พ่อแม่ของเขาจากไปแล้ว คุณตาก็หายตัวไป แล้วใครกันที่เรียกชื่อเขา?

“เกาเผิง จอมทําลายล้าง!” เสียงเรียกดังขึ้นอีกครั้ง

ครั้งนี้เกาเผิงต้องหันหลังกลับด้วยความสับสน มีคนเพียงผู้เดียวที่เรียกเขาว่าจอมทําลายล้าง ตรงใต้ต้นไม้ที่อยู่ไม่ไกลนัก ท่ามกลางกลุ่มคน เด็กหนุ่มร่างสูงปานกลางโบกมือเรียกเขาด้วยความตื่นเต้น ด้านข้างยังมีเด็กผู้หญิงในชุดแดงยืนอยู่ข้างๆ ทั้งสองดูคุ้นเคยกับเกาเผิงเป็นอย่างดี

เกาเผิงนึกชื่อของพวกเขาอยู่แปปนึง

ก่อนจะนึกชื่อของพวกเขาออกในที่สุด

หลี่หงตู หลี่ซื่อกง

เพื่อนร่วมชั้นเรียนของเขานั่นเอง

ทั้งสองคือพี่น้องแซ่หลี่ คนพี่ หลี่หงตู เป็นผู้หญิงที่แข็งแรงและใจดี ส่วนคนน้อง หลี่ซื่อกง เป็นคนปากพล่อย

“สวัสดีครับคุณหลี่” เกาเผิงโค้งทักทายพ่อแม่ของพี่น้อง ก่อนจะทักทายหลี่หงตูกับหลี่ซื่อกง

“โอ้ เกาเผิงมาคนเดียวงั้นหรือ?” คุณหลี่ที่สวมสูทเปิดปากถามด้วยรอยยิ้ม

“ใช่ตรับ” เกาเผิงตอบ

“นายมาก็มาดูการทดสอบผู้เพาะพันธุ์สัตว์อสูรงั้นหรือ? ฮ่าฮ่า พวกเรามาเชียร์คุณแม่ล่ะ แม่ของฉันจะเข้าร่วมการทดสอบครั้งนี้ แม้ว่าแม่จะล้มเหลวมา 3ครั้งแล้วก็ตาม แต่ฉันเชื่อว่าแม่จะผ่านในครั้งนี้” หลี่ซื่อกงพูดทุกสิ่งออกมาโดยไม่ยั้งคิด นั่นทำให้หลี่หงตูต้องตบศีรษะของน้องชายอย่างไม่สามารถอดทน

หลี่ซื่อกงหันหน้ามาทางหลี่หงตูด้วยความโกรธ “ฉันบอกพี่แล้วไง ว่าอย่าตบหัวฉันน่พ! ไอคิวของฉันลดลงหมดแล้ว!”

“นั่นไม่ใช่ปัญหาของฉันนี่” หลี่หงตูไม่สนใจ

“ฉันไม่ได้มาดู ฉันมาที่นี่เพื่อเข้าร่วมการทดสอบ” เกาเผิงกล่าวออกมาในที่สุด

“อะไรน๊ะ!!” หลี่ซื่อกงกลายเป็นมึนงง

หลี่หงตูก็ตกใจเช่นกัน แม้แต่คุณหลี่และคุณนายหลี่ยังต้องมองเกาเผิงตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า

คุณหลี่หัวเราะและตบไหล่เกาเผิง “ดีมาก เด็กหนุ่มต้องมีความทะเยอทะยานและมีเป้าหมายที่ชัดเจน แต่โชคร้ายที่ลูกๆของฉันไม่ได้เรียนรู้อะไรเลยนอกจากเรื่องกิน”

คุณนายหลี่ยิ้ม “เธอควรจะเป็นผู้เข้าร่วมการทดสอบที่อายุน้อยที่สุด บางทีวันหนึ่งเธออาจจะกลายเป็นผู้เพาะพันธุ์สัตว์อสูรที่อายุน้อยที่สุดเช่นกัน”

“ขอบคุณครับ คุณนายหลี่ ผมจะทำให้ดีที่สุด ผมมั่นใจในความสามารถของตัวเองอย่างมาก ที่เหลือก็เป็นเรื่องของโชคเท่านั้น” เกาเผิงกล่าวอย่างตรงไปตรงมา

พวกเขาพูดคุยกันชั่วครู่ก่อนที่ประตูทางเข้าจะเปิดออก

เกาเผิงตระหนักว่าผู้เข้าร่วมการทดสอบมีไม่มาก ที่เหลือเป็นญาติหรือเพื่อนที่มาให้กำลังใจ

“ขอดูบัตรประจำตัวด้วยค่ะ” เจ้าหน้าที่หญิงในชุดสูทสีเทาถาม

เกาเผิงส่งบัตรประจำตัวประชาชนให้กับเจ้าหน้าที่ หญิงสาวรูดบัตรกับเครื่องสแกนก่อนที่ไฟสีเขียวจะส่องสว่างขึ้น เธอเงยหน้ามองเกาเผิงด้วยความตกตะลึงเล็กน้อยก่อนที่ เธอจะสงบลงและกล่าวต่อ “คนต่อไป”

เกาเผิงเดินเข้าไปตามเส้นทางและพบโต๊ะที่วางเรียงกันเอาไว้อย่างเป็นระเบียบพร้อมกับกระดาษสีขาวที่วางอยู่บนโต๊ะ

เด็กหนุ่มรู้สึกประหม่าเล็กน้อยเมื่อคิดว่านี่คือการสอบข้อเขียน

เกาเผิงพบที่นั่งของตนและนั่งลง เพียงไม่นานเจ้าหน้าที่ผู้หนึ่งจึงเดินเข้ามา “เราตัดสินใจใช้การสอบข้อเขียนในภาคทฤษฎี หลังจากนั้นจึงจะเข้าสู่การสอบภาคปฏิบัติ”

“ในการสอบข้อเขียน เราจะตัดผู้เข้าสอบออกประมาณ 90% ฉะนั้นผู้เข้าสอบจะเหลือประมาณ 50 คน”

“ส่วนการสอบภาคปฏิบัติ ค่อนข้างง่าย มีสัตว์อสูรที่พวกเราเลือกมาเพียง 50ชนิดเท่านั้น ตราบใดที่พวกคุณสามารถยกระดับพวกมันได้ในเวลาที่กำหนด พวกคุณจะได้รับใบรับรองการเป็นผู้เพาะพันธุ์สัตว์อสูรจากสมาคมของเราไป แน่นอนว่ามีข้อจำกัดเรื่องค่าใช้จ่ายในการยกระดับสัตว์อสูร”

“นั่นเป็นจุดที่ยากที่สุด” ชายอ้วนผู้หนึ่งพึมพำ “ฉันมาสอบที่นี่เป็นครั้งที่ 4แล้ว ดูเหมือนการสอบครั้งนี้จะยากกว่า 4ครั้งที่ผ่านมา”

เขาหันหน้ามาทางเกาเผิง “อย่าคิดมากเจ้าหนู ค่าลงทะเบียนมันไม่แพงมากนัก นายสามารถกลับมาสอบใหม่ได้ตลอดเวลา”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด