ตอนที่แล้วบทที่ 57 โปรดเมตตา
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 59 ใครเป็นคนสร้างผนึก

บทที่ 58 ท่านไม่มีพ่อ!


เกิดพายุฝนขนาดใหญ่ภายในเมืองเทียนอวี่ตั้งแต่สองวันก่อนซึ่งทำให้สำนักจิตอสูรไม่มีทางเลือกจึงต้องจำใจเลื่อนพิธีรับสมัครสิทธิ์ออกไป

เมื่อเปรียบเทียบสภาพอากาศอันหนาวเย็นแล้ว หัวใจของผู้คนในเมืองเที่ยนอวี่นั้นดูจะหนาวเหน็บยิ่งกว่า

กองทัพทหารตะวันตกยังคงปิดล้อมเมืองตลอดสองวันที่ผ่านมา ด้วยทหารในชุดเกราะดำและกลิ่นอายอันดุดันที่พวกเขาปลดปล่อยออกมาตลอดเวลาทำให้เหล่าตระกูลใหญ่ทั้งหลายต่างรู้สึกกังวล

ย้อนกลับไปยังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนภูเขาซีชาน เพียงคำสั่งเดียวของเจียงหยุนไฮ่ก็ทำให้มีถึงสิบเก้าคนที่ถูกตัดหัว! ความน่าเกรงขามของชายชราผู้นี้ได้แผ่กระจายไปทั่วทั้งเมืองเหมือนครั้งในอดีตซึ่งคอยย้ำเตือนว่า ‘มือสังหารจอมคลั่ง’ ไม่ได้เป็นเพียงแค่ฉายาที่ตั้งขึ้นมาเล่นๆ

แน่นอนว่าอีกหนึ่งข่าวใหญ่ที่กระจายไปทั่วทั้งทุกซอกทุกมุมของเมืองราวกับไฟป่าก็คือ เจียงอี้!

ในขณะที่เจียงหยุนเฉอและพรรคพวกขึ้นไปยังเขาซีชาน เหล่าตระกูลใหญ่ทั้งหลายต่างก็ส่งหน่วยสอดแนมออกไปเช่นกัน แม้ว่าจะไม่ได้เผยตัวออกมา แต่พวกเขาก็ได้กลายเป็นพยานต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด

หม่าเฮยฉีและเจียงหยูหลงได้ลักพาตัวสาวใช้คนสนิทของเจียงอี้และขู่ให้เขาถอนตัวจากการแข่งขัน เจียงอี้ขึ้นไปบนเขาซีชานตามแผนของพวกมัน แต่เรื่องทั้งหมดกลับตาลปัตร ไม่เพียงเด็กหนุ่มผู้นี้จะสังหารคนไปมากมายแต่หนึ่งในนั้นยังผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจื่อฝู่อีกด้วย หลังจากนั้นผู้อาวุโสตระกูลเจียง, เจียงหยุนเฉอก็พยายามทำลายตันเทียนของเขาแต่ก็ถูกสังหารโดยมังกรเพลิงที่จู่ๆก็โผล่ออกมาอย่างลึกลับ!

เศษขยะที่เพิ่งบรรลุเพียงขอบเขตฉูติ่งขั้นแรกเมื่อหกเดือนก่อนได้เติบโตขึ้นด้วยความเร็วที่น่าหวาดกลัว ที่สำคัญที่สุดคือภูมิหลังอันลึกลับของเขา เพราะแม้แต่ผู้แข็งแกร่งขอบเขตเสินโหยวอย่างเจียงหยุนไฮ่ก็ยังเป็นเพียงแค่ข้ารับใช้เท่านั้น!

ไม่มีใครสามารถจินตนาการได้ว่าตัวตนที่อยู่เบื้องหลังของเจียงอี้จะทรงพลังและน่ากลัวขนาดไหน! มังกรเพลิงที่โผล่ออกมาในยามคับขันในตอนนั้นอาจจะเป็นสิ่งที่พ่อแม่ที่แท้จริงของเขาทิ้งไว้หรือไม่?

แน่นอนว่ายังมีอีกข่าวลือที่กล่าวหาว่าเจียงอี้นั้นเป็นพวกนอกรีตที่ใช้ศาสตร์มืดของอาณาจักรเทียนเซวี่ยน แต่มีเพียงแค่ส่วนน้อยเท่านั้นที่เชื่อเพราะหากเจียงอี้เป็นพวกนอกรีตจริง กองทัพทหารตะวันตกและจีเทียนก็คงจะสังหารเขาไปนานแล้ว

อีกด้านหนึ่ง หลังจากที่ได้รับรู้ความจริงเกี่ยวกับเรื่องของเจียงอี้แล้ว อี้หลิงเสวี่ยก็รู้สึกสับสนอย่างรุนแรง

ในครั้งแรกที่นางพบกับเจียงอี้ในโถงวรยุทธและได้ค้นพบความสามารถพิเศษของเขา นางก็ปฏิบัติกับเขาอย่างดีเสมอ แต่นั่นก็เพื่อที่จะดึงเขาให้เข้าร่วมกับตระกูลอี้ก็เท่านั้น

แต่ในตอนนี้ หากอี้หลิงเสวี่ยรู้ว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้น นางคงจะทุ่มเททุกสิ่งที่มีเพื่อที่จะให้ตระกูลอี้สร้างความสัมพันธ์อันดีกับเจียงอี้ให้มากขึ้น นั่นเป็นเพราะตราบใดที่เจียงหยุนไฮ่ยังคงมีชีวิตอยู่ก็จะไม่มีใครในเมืองเทียนอวี่ที่กล้ายั่วยุตระกูลอี้อีกต่อไป

ทางด้านจีทิงยวี่เองก็รู้สึกสำนึกเสียใจเช่นกัน นางคือหญิงสาวที่มีความภาคภูมิใจและหยิ่งยโสมาแต่กำเนิดจึงทำให้นางไม่เคยเห็นเจียงอี้อยู่ในสายตามาก่อน นอกเหนือจากยอดอัจฉริยะห้าอันดับแรกของอาณาจักรเสินหวู่แล้ว คนอื่นๆก็ไม่มีความหมายอีกต่อไป

สิ่งที่จีทิงยวี่รู้สึกเสียใจก็คือนางได้ทำลายความประทับใจเพียงหนึ่งเดียวที่เจียงอี้มีให้กับนางไปเรียบร้อยแล้ว ไม่สำคัญว่าเจียงอี้จะเป็นบุตรของจอมพลแห่งกองทัพทหารตะวันตกหรือไม่ เพราะเพียงแค่พรสวรรค์ที่เขาแสดงออกมาก็มากพอให้ตระกูลจีต้องการที่จะสร้างความสัมพันธ์กับเขาแล้ว

นางถือร่มสีเหลืองและเดินตรงไปยังลานที่อยู่ภายในตระกูลจี จากนั้นก็เอ่ยถามหนึ่งในทหารของกองทัพทหารตะวันตก “นายน้อยเจียงตื่นอยู่หรือไม่? ข้าต้องการที่จะพบเขา”

นายทหารผู้นั้นตกตะลึงเล็กน้อย สาวน้อยผู้นี้ยังไม่ได้เติบโตอย่างเต็มที่ แต่ก็ต้องยอมรับว่านางครอบครองความงามที่สามารถนำภัยพิบัติมาสู่เมืองทั้งเมืองได้

โชคดีที่นายทหารผู้นี้เป็นผู้ที่ผ่านสงครามมาอย่างโชกโชนทำให้สามารถควบคุมความคิดตัวเองไว้ได้อย่างรวดเร็วและกล่าวตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงอันราบเรียบ

“ใต้เท้าหยุนไฮ่มีคำสั่งว่าไม่มีใครได้รับอนุญาตให้เข้าไปด้านในในช่วงนี้”

“โอ้?”

จีทิงยวี่พยักหน้าตอบรับและหันหลังจากไปด้วยความผิดหวัง

……..

เจียงอี้ตื่นขึ้นมานานแล้วแต่เขายังคงอยู่ในความกังวลขณะที่เฝ้ามองเจียงหยุนไฮ่กำลังช่วยขับพิษที่อยู่ในร่างของเจียงเสี่ยวนู๋ออกมา ร่างกายของเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสเกินไป แม้ว่าจะกินเม็ดยาระดับพิภพเข้าไปแล้วแต่ก็ช่วยฟื้นฟูได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น

เจียงเสี่ยวนู๋ยังคงอยู่ในอาการที่น่าเป็นห่วง พิษของแมงมุมแม่ม่ายดำนั้นน่ากลัวเกินไป นอกจากนี้นางยังไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ มันเกือบจะสายเกินไปเมื่อเจียงหยุนไฮ่มาถึงเพราะในตอนนั้นพิษได้แพร่ไปทั่วร่างของนางแล้ว

แม้ว่าเจียงเสี่ยวนู๋จะได้รับยาแก้พิษจำนวนมากและมีเจียงหยุนไฮ่ที่ช่วยขับพิษถึงห้าครั้ง แต่สถานการณ์ของนางก็ยังคงอันตรายอยู่ดี

“เห้อออ…”

หนึ่งชั่วโมงต่อมา เจียงหยุนไฮ่ลืมตาขึ้นขณะที่ส่ายหัวด้วยความอึดอัดใจ เขามองไปยังเจียงอี้ที่กำลังตั้งความหวังและถอนหายใจออกมา “ใต้เท้าน้อย ชีวิตของเสี่ยวนู๋พ้นขีดอันตรายแล้ว พิษส่วนใหญ่ถูกข้าขับออกไปแต่ก็ยังมีพิษบางส่วนหลงเหลือในระบบประสาทภายในสมองของนางซึ่งข้าไม่กล้าที่จะเข้าไปยุ่ง เพราะมีความเป็นไปได้สูงที่เสี่ยวนู๋อาจจะตายในทันที แต่ถ้าหากพิษส่วนนั้นไม่ถูกขับออกไป นางก็อาจจะกลายเป็นเจ้าหญิงนิทราไปชั่วชีวิต…”

“เป็นเจ้าหญิงนิทราชั่วชีวิต?”

สีหน้าของเจียงอี้เผยให้เห็นความตกตะลึงและรนราน “ท่านปู่ มันไม่มีทางเลยจริงๆหรือ? ท่านเป็นคนใหญ่คนโตแม้กระทั่งรองแม่ทัพแห่งกองทัพทหารตะวันตกยังต้องเกรงใจใช่ไหม? ท่านสามารถขอความช่วยเหลือจากเขาหรือเจ้าเมืองจีได้นี่!”

“ไม่มีประโยชน์”

เจียงหยุนไฮ่ส่ายหัวอย่างจนปัญญา “หากว่ามีเม็ดยาระดับศักดิ์สิทธิ์หรือได้รับความช่วยเหลือจากหมอเทวะสักคน หรือหากปรมาจารย์ขอบเขตจินกังยอมยื่นมือเข้ามาช่วยก็ยังพอมีทางอยู่! ท่านควรจะทราบไว้ว่าเม็ดยาศักดิ์สิทธิ์ไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถหาซื้อได้แม้ว่าจะมีเงิน ในขณะที่ทวีปเทียนชิงมีหมอเทวะอยู่เพียงแค่สี่ท่านเท่านั้น ส่วนปรมาจารย์ขอบเขตจินกัง หากมองหาทั่วทั้งอาณาจักรเสินหวู่ก็คงมีไม่เกินสามท่าน!”

ตุบ!

เจียงอี้ล้มทั้งยืน เขาจ้องมองเจียงเสี่ยวนู๋ที่มีสีหน้าซีดเซียวอย่างเหม่อลอย ทั้งตัวเขาและนางต่างก็เติบโตมาด้วยกันและคอยอาศัยซึ่งกันและกัน หยดน้ำสีใสไหลออกมาจากดวงตาของเขาพร้อมกับหัวใจที่รู้สึกเจ็บปวดราวกับโดนมีดกรีดแทง

หญิงสาวผู้นี้มีสถานะเป็นเพียงสาวใช้เท่านั้น แต่เจียงอี้ก็ปฏิบัติกับนางราวกับน้องสาวแท้ๆ หลังจากที่ผ่านไปหลายปี เจียงเสี่ยวนู๋ก็ได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเขาไปแล้วและหากปราศจากนาง เขาก็ไม่รู้ว่าจะมีชีวิตต่อไปอย่างไรดี

เม็ดยาศักดิ์สิทธิ์ไม่ใช่สิ่งที่พบเจอได้โดยง่าย ผ่านไปหลายปีถึงจะปรากฏขึ้นสักเม็ดหนึ่ง ถึงแม้ว่ามันจะปรากฏออกมาแต่ดูแล้วเจียงหยุนไฮ่ก็ไม่สามารถที่จะซื้อได้อยู่ดี ส่วนตัวตนระดับหมอเทวะนั้นแทบไม่ชายตามองหากว่าไม่มีความมั่งคั่งเพียงพอ

สำหรับปรมาจารย์ขอบเขตจินกัง… พวกเขาเป็นตัวตนระดับสูงสุดในอาณาจักรเสินหวู่ แล้วจะเป็นไปได้อย่างไรที่คนระดับนั้นจะยอมลดตัวลงมาเพียงเพื่อสาวใช้คนหนึ่ง?

อะไรคือความแตกต่างระหว่างความตายกับการนิทราไปตลอดชีวิต?

เจียงอี้ตกอยู่ในความสิ้นหวัง เมื่อรวมกับสภาพร่างกายที่ย่ำแย่อยู่แล้วและยังเผชิญกับผลกระทบทางจิตใจที่รุนแรงก็ทำให้เขาอาเจียนออกมาเป็นเลือด

“ใต้เท้าน้อย!”

สีหน้าของเจียงหยุนไฮ่เปลี่ยนไป เขารีบพยุงร่างของเจียงอี้ขึ้นและพาไปนั่งที่ด้านข้าง สายตาของเขาที่จ้องมองมายังเด็กหนุ่มเต็มไปด้วยความเจ็บปวดขณะที่ทำได้เพียงแค่ปลอบโยน “ใต้เท้าน้อย ท่านอย่าเพิ่งหักโหม ตราบเท่าที่เสี่ยวนู๋ยังไม่ตายก็ยังคงมีโอกาสอยู่ บ่าวชราผู้นี้ขอให้คำมั่นว่าจะทำทุกอย่างเพื่อรักษานางให้ได้!”

เจียงอี้เอามือเช็ดเลือดที่ปาก เขาหันมามองชายชราและเอ่ยถาม “ท่านปู่ ท่านมีทางจริงหรือ?”

เมื่อเห็นว่าเจียงหยุนไฮ่ผงกศีรษะ เจียงอี้ก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาบ้างแล้ว จากนั้นเขาก็ฝืนยิ้มและเอ่ยถาม “ท่านปู่ ทำไมท่านถึงเอาแต่เรียกข้าว่าใต้เท้าน้อยตลอดเลยล่ะ? ท่านควรจะเรียกข้าว่า ‘เสี่ยวอี้’ เหมือนเมื่อก่อนนะ อ่อ ใช่แล้ว… ท่านหายไปไหนตลอดหลายปีที่ผ่านมา?”

“ฮะฮะ!”

เจียงหยุนไฮ่อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาด้วยความขมขื่นขณะที่เหลือบมองไปนอกหน้าต่าง “หลายปีที่ผ่านมา… ข้าได้ออกตามหาความทรงจำของข้า ความจริงแล้วความทรงจำของข้าได้ขาดหายไปบางส่วนหลังจากที่ข้าพาพวกท่านทั้งสองกลับออกมาจากตำหนักของท่านจอมพลแห่งกองทัพทหารตะวันตก”

“ข้าไม่สามารถฟื้นคืนความทรงจำส่วนนั้นได้เลย แต่เพราะอะไรบางอย่างทำให้ข้ารู้เกี่ยวกับเสี่ยวนู๋และชื่อของท่าน เสี่ยวนู๋เป็นสาวใช้ของท่านและพวกท่านทั้งสองต่างก็สำคัญกับข้ามาก สำคัญจนถึงขั้นที่ว่าจะต้องปกป้องพวกท่านด้วยชีวิต!”

“ห๊ะ?!”

เจียงอี้ถึงกับเสียการควบคุม แต่ไม่นานนักก็มีภาพความทรงจำหนึ่งในอดีตผุดขึ้นมาในใจของเขา ตอนที่ยังเป็นเพียงแค่เด็กน้อย เขาและเจียงเสี่ยวนู๋ต่างก็เคยถามเจียงหยุนไฮ่ว่าพ่อแม่ของพวกเขาเป็นใคร? แต่ชายชราก็ทำเพียงแค่ยิ้มอย่างอ่อนโยนและไม่ได้กล่าวตอบ

ตลอดมาเจียงอี้คิดเสมอว่าเจียงหยุนไฮ่เพียงแค่ไม่ต้องการที่จะเอ่ยถึงมันเท่านั้น แต่ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่าทั้งหมดเป็นเพราะชายชราสูญเสียความทรงจำส่วนนั้นไปและไม่รู้แน่ชัดว่าภูมิหลังของเจียงอี้นั้นเป็นเช่นไรกันแน่

เจียงหยุนไฮ่ราวกับอยู่ในห้วงอารมณ์อยู่ชั่วครู่ก่อนที่จะเอ่ยต่อ “ในตอนที่ท่านยังเล็ก ตันเทียนของท่านก็ถูกผนึกไว้แล้วและยังทำให้ข้าเป็นกังวลอย่างมาก ดังนั้นข้าจึงออกเดินทางเพื่อหาวิธีที่จะทำลายตราประทับนั่นพร้อมทั้งหาทางฟื้นคืนความทรงจำที่เสียไป”

“หากว่าความทรงจำของข้ากลับมา ข้าก็จะรู้ว่าใครคือผู้ที่วางผนึกไว้ในตัวท่านและยังสามารถช่วยท่านทำลายมันได้!”

เจียงอี้พยักหน้าและเอ่ยถามด้วยความร้อนรน “แล้วหลังจากนั้นล่ะ?”

“ข้าถูกไล่ล่าโดยศัตรูและตกลงไปในหุบเขาชิงเฟิง!”

เจียงหยุนไฮ่กล่าวพลางหัวเราะ “ท่านอาจจะยังไม่ทราบว่าหุบเขาแห่งนั้นแท้จริงแล้วคือสุสานของผู้ทรงพลังท่านหนึ่งซึ่งได้รับการปกป้องจากค่ายกลอันแข็งแกร่ง ณ ตอนนั้นข้าเป็นเพียงจอมยุทธขอบเขตจื่อฝู่ระดับสูงสุดเท่านั้นจึงไม่สามารถทำลายค่ายกลเหล่านั้นได้ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ข้าติดอยู่ที่นั่นเป็นเวลาหลายปี”

“จนกระทั่งเมื่อครึ่งปีก่อนที่ข้าได้ไปสัมผัสค่ายกลบางอย่างซึ่งได้ส่งตัวข้าไปยังห้องฝึกซ้อมของผู้ทรงพลังท่านนั้นโดยไม่ได้ตั้งใจ หลังจากนั้นไม่นาน ไม่เพียงแต่ข้าจะทะลวงสู่ขอบเขตเสินโหยวเท่านั้นแต่ความทรงจำที่ถูกผนึกไว้ของข้าก็ถูกคลายออกจนในที่สุดข้าก็เป็นอิสระ…”

“ความทรงจำถูกผนึก? มีใครบางคนผนึกความทรงจำของท่าน?” เจียงอี้อ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง

“หึหึ ใต้เท้าน้อย โลกใบนี้เป็นสถานที่ลึกลับ มีตัวตนที่ทรงพลังหลบซ่อนอยู่ในเงามืดมากมาย ไม่ใช่เพียงแค่ผนึกความทรงจำเท่านั้น แต่ยังมีผู้แข็งแกร่งบางท่านที่สามารถผนึกร่างตัวเองไม่ให้เน่าเปื่อยได้เป็นเวลาหลายร้อยปี…”

เจียงหยุนไฮ่ยังคงอธิบายต่อ “มันเป็นเพราะความทรงจำของข้าถูกคลายออกทำให้ในที่สุดข้าก็จำจดอดีตของท่านได้ซึ่งก็เป็นเหตุผลที่ทำให้ข้าเรียกท่านว่า ‘ใต้เท้าน้อย’ และเป็นเพราะมารดาของท่านซึ่งเป็นนายหญิงของบ่าวชราผู้นี้ หากไม่ได้นางช่วยไว้คราวนั้น ข้าคงจะตายไปแล้ว”

“ดังนั้นข้าจึงสาบานไว้ว่าจะคอยปรนนิบัติรับใช้นางและผู้ที่ปิดผนึกความทรงจำของข้าก็คือนางอีกเช่นกัน!”

“ท่านแม่?”

เจียงอี้รู้สึกสับสนขณะที่พึมพำคำนี้ออกมา มันให้ความรู้สึกที่คุ้นเคยแต่ในเวลาเดียวกันก็ช่างห่างเหินในเวลาเดียวกัน

เขาถูกนำตัวมาตั้งแต่ตอนที่อายุสามขวบและไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับแม่อยู่เลย

“ท่านปู่ ทำไมท่านแม่ถึงต้องผนึกความทรงจำของท่าน? นางไม่ต้องการให้ข้ารู้อดีตของตัวเอง? แล้วตอนนี้นางอยู่ไหน? พ่อข้าล่ะ… พ่อข้าเป็นใคร? แล้วทำไมพวกเขาถึงขอให้ท่านพาข้ามาที่ตระกูลเจียง?”

“เอ่อออ…”

เจียงหยุนไฮ่เงียบไปก่อนที่จะเอ่ยออกมาด้วยความรู้สึกผิด “ข้าต้องขออภัยด้วยขอรับใต้เท้าน้อย! ข้าไม่สามารถบอกท่านได้… อย่างน้อยก็ไม่ใช่ตอนนี้ ข้าบอกได้แต่เพียงว่าท่านแม่ของท่านปิดผนึกความทรงจำของข้าเพื่อที่ท่านจะได้ไม่รู้ถึงสถานะที่แท้จริงของตัวเองและสามารถใช้ชีวิตอย่างสงบสุขอยู่ในเมืองเทียนอวี่”

“แน่นอนว่านายหญิงรักท่านมาก หากไม่ใช่เพราะว่าท่านกำลังจะตาย ท่านก็คงไม่ขอให้ข้าพาใต้เท้าน้อยมาที่เมืองแห่งนี้ ส่วนเรื่องพ่อของท่าน ตามที่นายหญิงกล่าว ท่าน… ไม่มีพ่อ!”

ตู้มม!

ราวกับระเบิดลูกใหญ่ได้ตกลงกลางใจของเจียงอี้ เขาคิดมาตลอดว่าพ่อแม่ของเขาอาจจะตายไปแล้วตั้งแต่ที่เขายังเป็นเด็ก แต่ถ้าหากไม่ใช่ ทำไมพวกท่านถึงไม่มาหาเขา? เมื่อได้ยินความจริงจากปากชายชรา ไม่ว่าเจียงอี้จะมีจิตใจที่แข็งแกร่งขนาดไหน แต่เขาก็ไม่สามารถที่จะยอมรับมันได้ในทันที

เจียงอี้ถูกปฏิบัติอย่างเย็นชาตั้งแต่เด็กและยังเคยถูกเรียกว่าไอ้เด็กไม่มีพ่อแม่ ตลอดเวลาที่ผ่านมา มีหลายครั้งที่เขารู้สึกน้อยใจ แต่ก็ยังคงหวังว่าสักวันพ่อแม่ที่แท้จริงจะมาปรากฏตัวต่อหน้าเขาและทำให้เขาสามารถพูดได้เต็มปากว่า ‘ข้าเองก็มีพ่อแม่เหมือนกัน!’

เจียงอี้เหม่อลอยอยู่เป็นเวลานานจนในที่สุดเขาก็หัวเราะออกมาด้วยความขมขื่น “ท่านแม่ตายแล้วหรือ? ไม่เป็นไร! ข้าไม่มีพ่อ? บางทีมันอาจจะดีแล้วก็ได้…”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด