ตอนที่แล้วเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0486 [อ่านฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0488 [อ่านฟรี]

เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0487 [อ่านฟรี]


ตอนที่ 487 : เมืองน้อยในป่าใหญ่

หยางฉีเย่ว์กุมมือฉินหยุนเอาไว้แน่น นางขณะนี้เผยความตื่นเต้นออกมา

“พี่หยาง เหตุใดท่านตื่นเต้นกัน?” ฉินหยุนกุมมือนุ่มเอาไว้ มันสั่นเล็กน้อยจนเขาอดไม่ได้ที่จะถามออก

“ข้ากังวล กังวลว่ามันจะมีอันตรายในสวนโบราณ!” หยางฉีเย่ว์มองฉินหยุนด้วยดวงตางดงามซึ่งเต็มไปด้วยอารมณ์หลากหลาย

ฉินหยุนนึกถึงชาติภพก่อนของหยางฉีเย่ว์

หยางฉีเย่ว์เสียชีวิตในสวนโบราณที่ดวงจันทร์ ดังนั้นนางที่กำลังจะเดินทางไปสวนโบราณแห่งอื่น จึงอดไม่ได้ที่จะเกิดความรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา

“ย่อมไม่เป็นไรขอรับ!” ฉินหยุนยิ้มให้

หยางฉีเย่ว์พยักหน้ารับ กระนั้นใบหน้าก็ยังเผยความกังวลอยู่ดี

“ข้าจะเปิดการทำงานค่ายอาคมเคลื่อนย้ายแล้ว!” ฉินหยุนกล่าวขณะนำหนึ่งพันล้านเหรียญม่วง บรรจุในมิติเก็บของก้อนอิฐบนพื้น

“เริ่มเลย!” หยางฉีเย่ว์ได้เห็นค่ายอาคมสั่นไหวเล็กน้อย นางขณะนี้กุมมือฉินหยุนไว้แน่น ทั้งยังหอมแก้มเขาไปครั้งหนึ่ง

ฉินหยุนรับรู้เด่นชัด ว่าหยางฉีเย่ว์หอมแก้มตนเอง เขาถึงกับอึ้งไปวูบ พร้อมกันนี้ ค่ายอาคมเคลื่อนย้ายก็ทำงานแล้ว

“พี่หยาง!” ค่ายอาคมเคลื่อนย้ายเมื่อทำงานเสร็จสมบูรณ์ ฉินหยุนตะโกนร้องด้วยอาการตระหนก

ด้วยการหันมองรอบ พบว่าอยู่ในป่าโบราณ กระนั้นข้างกายไม่มีหยางฉีเย่ว์

เขารับรู้เด่นชัด ว่าเมื่อครู่กุมมือหยางฉีเย่ว์เอาไว้ เขายังรับรู้ถึงการหอมแก้มที่หยางฉีเย่ว์มอบให้ กระนั้น เมื่อค่ายอาคมเคลื่อนย้ายเริ่มทำงาน หยางฉีเย่ว์กลับหายไปแล้ว

“พี่หยาง ท่านอยู่ที่ใด!” ฉินหยุนตะโกนร้องเสียงดังทั่วทิศด้วยความกระวนกระวาย

เขาเดินไปมาวนรอบพร้อมตะโกน “พี่หยาง” ดังลั่นกว่าสามชั่วยาม กระนั้นก็ยังไม่พบแม้เงาของหยางฉีเย่ว์

ฉินหยุนเกิดความกังวลล้นพ้นขณะล้มร่างลงกับพื้น เขาคว้าเส้นผมตนเองไว้พลางพึมพำ “หลังจากค่ายอาคมเคลื่อนย้ายทำงาน เรากุมมือพี่หยางเอาไว้ แต่นางก็หายไปอย่างกะทันหัน นี่มันเรื่องอะไรกัน?”

“พี่หยาง ท่านไปอยู่ที่ใดแล้ว...”

ฉินหยุนใช้มือสัมผัสตำแหน่งที่หยางฉีเย่ว์หอมแก้มตนเอง ความนุ่มนวลและละมุนของริมฝีปากอวบอิ่มสีแดงยังคงอยู่อย่างเด่นชัด

“ที่นี่ไม่มีค่ายอาคมเคลื่อนย้าย อย่างนั้นค่ายอาคมเคลื่อนย้ายที่นครโบราณยุทธ์เต๋าก็เป็นการทำงานแบบทางเดียว!” เขาปล่อยเสียงถอนหายใจยาวออกมา ได้แต่หวังว่าหยางฉีเย่ว์จะไม่พบปัญหาใด

“พี่หยุน พี่หยางย่อมไม่เป็นไร ข้ายังรับรู้ถึงพลังชีวิตอันแกร่งกล้าของนางได้!” โมโมขณะนี้โพล่งเสียงดังขึ้น “ข้าครอบครองโทเทมจันทราทมิฬ ดังนั้นจึงสามารถรับรู้ถึงนางด้วยวิธีการพิเศษ! กระต่ายน้อยยังบอก ว่าพี่หยางไม่เป็นไร เพียงแค่อาจมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นระหว่างการเคลื่อนย้าย!”

ฉินหยุนพอได้ยินดังนี้ เขาค่อยรู้สึกวางใจขึ้นบ้าง

เขานำเอายันต์ตามรอยตะวันออกมา เริ่มออกวิ่งราวคนบ้าสู่ทิศทางที่ยันต์บ่งชี้

หลังจากเข้าสู่สวนโบราณ หากคิดกลับออกไปจากที่นี่ ก็คงมีแต่ต้องผ่านเส้นทางหนามปีศาจ

ทว่า ทางเข้าแห่งนั้นมีข้อจำกัดใหญ่หลวง คนที่คนเข้ามาได้ต้องอยู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่สาม นอกจากนี้ ยังต้องมีตั๋วสำหรับเข้าสวนโบราณอีกด้วย

“พี่ชาย รอจนฟ้ามืด ข้าจะพยายามทดลองดูว่าสามารถใช้โทเทมจันทราทมิฬ สัมผัสถึงวิญญาณยุทธ์และโทเทมจันทราทมิฬของพี่หยางได้หรือไม่ บางทีข้าอาจติดต่อกับนางได้!” โมโมกล่าวคำขึ้น

“ได้!” ฉินหยุนได้แต่มุ่งหน้าไปต่อจนกระทั่งฟ้ามืด

สวนโบราณแห่งนี้กว้างใหญ่

ต้นไม้ล้วนสูงกว่าสองถึงสามร้อยเมตร หลุมน้อยใหญ่ปรากฏขึ้นให้เห็นครั้งแล้วครั้งเล่า

ขณะฉินหยุนเดินทางผ่านป่า เขารับรู้ได้ถึงออร่าโบราณ มันราวกับเขาได้ย้อนคืนสู่ยุคโบราณอีกครั้งหนึ่ง

เขาไม่ทราบเรื่องสวนโบราณแห่งนี้มากนัก ที่ทราบก็เพียงแค่มีผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่สามจำนวนมากเข้ามา

นอกจากนี้ สะพานพังทลายที่เป็นทางเข้าสวนโบราณ ยังถูกสร้างไว้โดยสำนักเก้าตะวัน

ด้วยเหตุนี้ สำนักเก้าตะวันจึงครอบครองตั๋วเข้าจำนวนมหาศาล เพื่อให้บรรดาศิษย์ของตนได้เข้ามา

แม้พวกเขาไปจากสามแดนอ้างว้างแล้ว ก็ยังหลงเหลือศิษย์ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่สามจำนวนมาก เพื่อให้พวกเขาเข้าสู่สวนโบราณและออกค้นหาวิญญาณดวงตะวัน

ฉินหยุนเดิมคิดว่าคงมีคนไม่มากเข้าสู่สวนโบราณ กระนั้นกลับได้พบเมืองเล็กแห่งหนึ่งในป่าโบราณ!

และยังเป็นเมืองที่มีชีวิตชีวาอย่างยิ่งด้วย!

“หรือตลอดปีมานี้มีผู้คนมากมายเข้ามา จนกระทั่งเกิดเป็นเมืองเล็กแห่งนี้ขึ้น?” ฉินหยุนคาดการณ์ว่าในเมืองเล็กตรงหน้า สมควรมีประชากรนับหมื่นคน

เขาส่องกระจก ทำการติดหนวดเคราที่ใบหน้า เปลี่ยนชุดสวมใส่เป็นสีน้ำเงิน ปลอมแปลงโฉมเพื่อไม่ให้ผู้อื่นจดจำตนเองได้โดยง่าย จากนั้นจึงเข้าเมืองไป

เข้ามาแล้ว ฉินหยุนพบว่าไม่ใช่เพียงแต่คนจากสามแดนอ้างว้างที่เข้ามายังสวนโบราณแห่งนี้

มันยังมีเส้นทางเข้าจากแดนวิญญาณอ้างว้าง และแดนอสูรอ้างว้าง กระนั้น ก็มีแต่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่สามจึงสามารถเข้ามาได้

หลังจากเข้ามาในสวนโบราณ ผู้คนของแดนวิญญาณอ้างว้างและแดนอสูรอ้างว้าง จะไม่อาจกลับไปยังแดนต้นสังกัดของตนเองได้

กระทั่งว่าพวกเขาค้นหาวิญญาณดวงตะวันพบ พวกเขาก็ได้แต่เคลื่อนย้ายกลับไปยังแดนยุทธ์อ้างว้าง จากนั้นค่อยเดินทางจากแดนยุทธ์อ้างว้างกลับสู่แดนวิญญาณอ้างว้าง หรือไม่ก็แดนอสูรอ้างว้าง

ฉินหยุนขณะนี้ถึงกับเกิดความประทับใจที่วิญญาณดวงตะวันซุกซ่อนตนเองได้ดีเยี่ยม นี่ก็เพราะมันมีเมืองขนาดเล็กเช่นนี้ปรากฏขึ้นหลายสิบแห่งตลอดช่วงหลายพันปีที่ผ่านมา

หากเขาเลื่อนระดับสู่ขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณที่นี่ เขาจะโดนแรงกดดันเข้าเล่นงาน ทำได้แต่ต้องเคลื่อนย้ายกลับไปยังแดนยุทธ์อ้างว้าง

ตำหนักจารึกเทวะเรืองอำนาจ ในเมืองเล็กตรงหน้า มันมีตำหนักจารึกเทวะตั้งตระหง่าน ทว่าก็ไม่มีทางที่จะมีอาจารย์จารึกแกร่งกล้าปรากฏตัวที่นี่

ฉินหยุนมุ่งหน้าตรงไปยังตำหนักจารึกเทวะ ที่นี่มีอาจารย์จารึกน้อยนิด ชั้นแรกของหอเป็นโรงเตี๊ยมสำหรับให้ผู้คนได้มาร่วมดื่มกัน ชั้นที่สองเป็นส่วนจัดการกิจธุระของตำหนักจารึกเทวะ

ฉินหยุนเลือกที่นั่ง สั่งอาหารราคาแพงมามากมาย

อาหารที่สั่งล้วนราคาสูงล้ำ พวกมันไม่ได้ทำจากผักวิญญาณหายากหรือเนื้อสัตว์วิญญาณแต่อย่างใด ทว่าหลังปรุงเรียบร้อย กลิ่นที่หอมโชยนั้นชวนดึงดูด

จานบนโต๊ะขณะนี้ ทั้งหมดทั้งมวลมีสีสันและกลิ่นที่เย้ายวนอย่างยิ่ง

ฉินหยุนกินอาหารตรงหน้าจนเต็มปากพลางลิ้มรสพวกมันไปด้วย ถัดจากนั้น เขาจึงสั่งของทานเล่นน่าอร่อย รวมถึงผลไม้วิญญาณเพื่อให้โมโมและสหายได้กินด้วย

ที่ชั้นแรกมีคนอยู่น้อยนิด และพวกเขาล้วนสงสัย อีกฝ่ายร่ำรวยมาจากที่ใด?

เพราะผลไม้ ของทานเล่น และอาหารเหล่านั้นบนโต๊ะ มูลค่ามันรวมแล้วนับแสนเหรียญม่วง

ผู้ฝึกตนทั้งหมดในสวนโบราณต่างอยู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋า เพราะไม่ใช่เรื่องง่ายหากคิดเข้าออกสวนโบราณ จำนวนเหรียญม่วงที่พวกเขาครอบครองจึงมีอย่างจำกัด

หากพวกเขาคิดอยากได้รับเหรียญม่วงเพิ่มเติม ก็ต้องไปจับสัตว์วิญญาณ หรือค้นหาสมุนไพรในป่า หรือไม่ก็อาศัยโชคลาภสวรรค์ประทานมอบเป็นสมบัติให้นำมาขาย

ขณะผู้คนพูดคุยถึงตัวตนของฉินหยุน เด็กสาวอายุราวสิบสองถึงสิบสามปีพลันเดินเข้ามา

เด็กสาวนี้มีใบหน้ารูปไข่งดงาม แม้เปรอะเปื้อนไปบ้าง แต่เพียงมองก็ทราบว่านางรูปงาม

นางไว้ผมหางม้า สวมใส่ชุดสีขาวทรุดโทรมจนเป็นสีเหลือง รองเท้าหนังสีขาวที่มีแต่รอยแตกของหนังเต็มไปหมด

เด็กสาวเมื่อเข้ามาแล้ว ได้พบเห็นอาหารละลานตาบนโต๊ะ นางอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายอึกใหญ่ จากนั้นน้ำเสียงอ่อนหวานกระจ่างชัดของนางค่อยดังขึ้น “หินในมือข้านี้เป็นวัสดุชั้นดีสำหรับการขัดเกลาอุปกรณ์วิญญาณ ผู้ใดคิดอยากซื้อหาบ้าง ท่านลุง ท่านป้า พี่ชาย พี่สาว หรือท่านยายผู้นั้น?”

ฉินหยุนมองตามเสียง พบว่าหินดังกล่าวพิเศษดังที่กล่าวอ้าง

ที่บนพื้นผิวก้อนหิน มันมีจุดประกายแสงสีเงินสว่างวิบวับปรากฏอยู่

ถึงตอนนี้ คนจากตำหนักจารึกเทวะ ชายชราก้าวเดินออกมา คว้าหินก้อนนั้นไว้ เขามองมันและยิ้มตอบ “เด็กน้อย หินก้อนนี้ก็แค่หินดวงดาวเรืองแสงธรรมดา เป็นวัสดุขัดเกลาระดับต่ำ ไม่คู่ควรแม้สักหนึ่งเหรียญม่วง!”

“เป็นไปไม่ได้! ท่านปู่และบิดาข้าเสี่ยงชีวิตขโมยมันมาจากสัตว์อสูร พวกเขาถึงกับถูกกินไปเพื่อให้ได้รับหินก้อนนี้มา!” เด็กสาวกลั้นน้ำตาขณะกล่าวตอบโต้

นางไม่เชื่อ ว่าครอบครัวของนางต้องตายไปเพราะหินธรรมดาก้อนหนึ่ง

ครั้งสวนโบราณแรกเปิดให้เข้า มีสัตว์อสูรจำนวนมากเข้ามา จนกระทั่งถึงตอนนี้ มันยังไม่มีทีท่าว่าจะหมดสิ้นลงแต่อย่างใด

“ห้าสิบเหรียญม่วง เท่านี้เป็นอย่างไร?” ชายชราจากตำหนักจารึกเทวะกล่าวออก “ข้าคือผู้จัดการของตำหนักจารึกเทวะ เฉียนเฉ่า!”

“ท่านปู่เฉียนเฉ่า หินก้อนนี้ล้ำค่าอย่างยิ่ง สักห้าร้อยเหรียญม่วงไม่ได้หรือ?” เด็กสาวชุดขาวอ้อนวอน

“แพงเกินไป!” เฉียนเฉ่าส่ายศีรษะ

ขณะนี้เอง ชายชราตะโกนจากอีกโต๊ะหนึ่ง “เด็กน้อย มาดื่มร่วมกับข้า แล้วข้าจะมอบห้าสิบเหรียญม่วงให้ และข้าก็ไม่ได้ต้องการหินสกปรกของเจ้าแต่อย่างใดด้วย!”

“เด็กน้อย ข้ายินดีจ่ายหนึ่งร้อยเหรียญม่วงมาดื่มกินกับข้าเป็นอย่างไร?” อีกโต๊ะหนึ่ง เด็กหนุ่มสวมใส่ชุดดูดีตะโกนดังพร้อมรอยยิ้มชั่วช้าบนใบหน้า

“เด็กสาวผู้นี้รูปงาม หากนางเติบโตและสวมใส่ชุดที่ดูดีกว่านี้ ย่อมต้องเป็นทาสหญิงโฉมงามคนหนึ่ง! หึหึหึ!” คนหนึ่งหัวเราะอย่างโฉดชั่วดังออกมา

หลายคนเริ่มเสนอราคาประมูลเด็กสาวชุดขาวเพื่อให้ไปดื่มกินด้วยในราคาสูงขึ้น

ราคาขณะนี้ทะยานไปถึงสองพันเหรียญม่วงแล้ว!

เด็กสาวในชุดขาวถือก้อนหินไว้พร้อมกัดริมฝีปาก รับรู้ว่าเรื่องราวผิดท่า ราวกับนางตกอยู่ท่ามกลางฝูงหมาป่าหิวกระหาย

กระทั่งว่านางยังเยาว์ แต่ก็ทราบเรื่องราวทางโลก เมื่อนางได้ยินถ้อยคำของผู้คนตรงหน้า น้ำตาแห่งการถูกเหยียดหยามและความโกรธร่วงโรย นางหันศีรษะพร้อมออกไปจากตำหนักจารึกเทวะ

กระนั้น ขณะนางคิดจากไป กลับถูกรั้งเอาไว้

“อย่าได้ไป! พวกเราเสนอราคาแล้ว เจ้าต้องเลือกว่าจะไปกับใครในพวกเรา!” ชายหนุ่มชุดดำที่ดูเหมือนคนไม่ดีเท่าใดนักยิ้มอหังการ

“ข้าไม่คิดขายหินนี่แล้ว!” เด็กสาวชุดขาวปาดคราบน้ำตา สะอื้นเล็กน้อยก่อนตะโกนตอบโต้อย่างอาจหาญ

“แม้เจ้าไม่ต้องการขาย เจ้าก็ต้องขาย!” ชายหนุ่มชุดดำหัวเราะต่ำทราม “จงรีบบอกมาว่าจะขายให้แก่ใคร! พวกเราล้วนรออยู่!”

ผู้คนในพื้นที่บ่อยครั้งออกไปค้นหาวิญญาณดวงตะวัน และยังได้ต่อสู้กับสัตว์อสูรและสัตว์วิญญาณในละแวกมากมาย พวกเขาล้วนมาผ่อนคลายหาความสำราญกันที่นี่ ดังนั้นยิ่งมีพวกเดียวกันมากจึงยิ่งได้ใจ

ฉินหยุนพลันโพล่งขึ้น “ข้าจะซื้อมันที่หนึ่งแสนเหรียญม่วง!”

ได้ยินคำกล่าวของเขา ผู้คนล้วนหันมองมา เสียงที่อึกทึกกลายเป็นเงียบงันไป!

ไม่มีใครสงสัยในคำกล่าวของเขา เพราะอาหารและของทานเล่นบนโต๊ะนั่นก็มูลค่าเกินกว่าหนึ่งแสนเหรียญม่วงแล้ว

ผู้คนที่นี่ต่างทราบ ว่าศิษย์ของสำนักเก้าตะวันมาถึงไม่นานมานี้ พวกเขาต่างคิดว่าบุคคลตรงหน้าเป็นศิษย์ของสำนักเก้าตะวัน

“เด็กน้อย ก่อนข้าซื้อหินของเจ้า ข้าต้องการให้เจ้ายืนยันว่าหินก้อนนี้ล้ำค่าจริงหรือไม่!” ฉินหยุนกล่าว

“ข้ายินดี... แต่ข้าจะยืนยันมันได้อย่างไร” เด็กสาวชุดขาวเดินเข้ามาครั้งแรก นางก็เห็นฉินหยุนนั่งอยู่แต่แรกแล้ว

อย่างไรแล้วฉินหยุนก็นั่งคนเดียวที่โต๊ะใหญ่ นอกจากนี้บนโต๊ะยังเต็มไปด้วยอาหารชั้นดีพร้อมขนมทานเล่น เป็นเรื่องยากที่นางจะไม่พบเห็นเขา

นอกจากนี้ นางยังได้เห็นว่าฉินหยุนหาได้สนใจนางเหมือนดังผู้อื่น ราวกับเขาแตกต่างจากผู้คนที่นี่ ทำให้นางรับรู้ได้ถึงความลึกลับที่ซุกซ่อน

“หยดเลือดที่ก้อนหินนั่น หากก้อนหินนั่นดูดกลืนเลือดเจ้า เช่นนั้นจึงเป็นของดี!” ฉินหยุนกินอาหารในจานเชื่องช้า น้ำเสียงกล่าวเนิบนาบออกหลังเคี้ยวอาหารในปากจนหมด

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด