ตอนที่แล้วMPE บทที่ 10 ตั๊กแตนตำข้าวปีศาจ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปMPE บทที่ 12 คุณมีสังกัดแล้วรึยัง?

MPE บทที่ 11 ตะขาบหน้ามนุษย์


กลิ่นเหม็นเน่าลอยคละคลุ้งในอากาศ

“แหวะ!” นักเรียนบางคนอาเจียนออกมา เมื่อได้กลิ่นเหม็นเน่า

สัตว์ร้ายขนาดใหญ่ค่อยๆ คลานออกมาอย่างช้าๆ จากด้านหลัง

ก้อนหิน มันมีความยาวร่างกายประมาณ 4 หรือ 5 เมตร

ด้วยขาจำนวนมากของมัน ได้ส่งเสียงดังทุกครั้งที่เหยียบใบไม้

ขาของมันปกคลุมด้วยขนสีขาวและมีข้อต่อที่ผิดรูป กระดองของมันมีสีเขียวเข้ม เหมือนหินที่ปกคลุมไปด้วยสาหร่าย แต่สิ่งที่ทำให้มันดูน่าขนลุกก็คือมันมีหลายหัว และระหว่างช่องว่างของกระดองมีของเหลวสีเหลืองไหลออกมาด้วย

ในหลายๆหัวของมัน มีบางหัวดูเก่าเหมือนอยู่บนนั้นมานาน สภาพแห้งกรัง เนื้อเปื่อยยุ่ย

และมีบางหัวที่ดูสดใหม่ ตามันเบิกโพลง จ้องลงมา

ไห่หลานหยูแทบจะกรีดร้องด้วยความเสียใจ เขาจำได้ว่าหัวที่ดูสดใหม่นั้น มันเป็นศีรษะของวานรนิลทมิฬของเขา!

นั่นทําให้ไห่หลานหยูรู้สึกโศกเศร้าและเจ็บปวดในเวลาเดียวกัน

เขาเพิ่งได้มันมาเมื่อ 2วันก่อน ราคาของมันพอจะซื้อรถคันนึงได้เลย  เมื่อกลับถึงบ้าน พ่อของเขาต้องฆ่าเขาแน่ๆเลย

“อุแว้ อุแว้!!!” ตะขาบตัวโตที่น่าสะพรึงกลัวส่งกรีดร้องออกมา

ราวกับเด็กที่กำลังร้องไห้

‘นี่คือตะขาบหน้ามนุษย์งั้นหรือ?’ เกาเผิงนึกถึงสิ่งที่อาจารย์จางได้สอนเขาในชั้นเรียน มันมักถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นตัวอย่างของสัตว์อสูรหายากที่น่าสะพรึงกลัวชนิดหนึ่งและยังสามารถระบุตัวตนของมันได้อย่างง่ายดายอีกด้วย

จากสิ่งที่เขารู้ มันคือตะขาบที่กลายพันธุ์อย่างฉับพลันรวดเร็ว ในระหว่างที่เกิดมหาภัยพิบัติ ที่ซากศพมากมายถูกทิ้งไว้เป็นจำนวนมาก ทำให้สัตว์อสูรชนิดนี้เจริญเติบโตขึ้นด้วยการกินซากศพ จนสุดท้าย มันได้วิวัฒนาการที่น่าสยดสยอง ใบหน้าของพวกมันได้เปลี่ยนเป็นใบหน้ามนุษย์ที่มันกินเข้าไป มันเปลี่ยนใบหน้าได้เฉพาะมนุษย์ที่กินไปเท่านั้น แต่เพราะวานรนิลทมิฬมีสปีชีส์เดียวกับมนุษย์ จึงทำให้มีใบหน้าของมันอยู่บนตะขาบหน้ามนุษย์

จากการสำรวจพบว่า การที่มันสวมใบหน้าเหล่านี้ สามารถสร้างความหวาดกลัวให้กับพวกนักล่า ทำให้พวกมันหนีเมื่อเจอมัน เมื่อมันโตเต็มวัย ตะขาบหน้ามนุษย์จะมีขนาดยาวได้ถึง 5หรือ6เมตร เทียบเท่ากับสัตว์อสูรขนาดกลางเลย

“ทุกคนระวังตัวด้วย อย่าเข้าใกล้ตะขาบหน้ามนุษย์นะ มันสามารถพ่นพิษออกจากปากได้ไกลถึง 10เมตร พิษของมันมีคุณสมบัติกัดกร่อนที่รุนแรงมาก” อาจารย์มู่หลางชิงอี้ ขมวดคิ้วแน่น นี่เป็นครั้งแรกที่เธอต้องเผชิญหน้ากับสัตว์อสูรที่ดุร้ายเช่นนี้

“ตะขาบหน้ามนุษย์มีวิธีต่อสู้รูปแบบเดียวคือการพ่นพิษเท่านั้น มันสามารถสังหารสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่กว่าตัวมันได้ โดยมันจะหลบซ่อนอยู่ในที่มืดและรอให้เหยื่อเข้าไปในระยะการโจมตีของมัน ตราบเท่าที่เราไม่เข้าใกล้มันมากเกินไป พวกเราจะปลอดภัย ทุกคนอยู่ห่างๆจากมันนะ” เกาเผิงกล่าวอย่างใจเย็นก่อนจะถอยหลังกลับไปสองก้าวอย่างช้าๆ

อาจารย์จางเคยบอกจุดอ่อนของตะขาบหน้ามนุษย์ในชั้นเรียนและในตำราก็บอกแบบนั้นเช่นกัน แต่ใครจะรู้ว่าตะขาบหน้ามนุษย์จะสามารถพัฒนาวิธีการต่อสู้รูปแบบใหม่ขึ้น เกาเผิงไม่แน่ใจที่จะเดิมพันชีวิตกับข้อมูลในตำราที่ไม่สมบูรณ์เหล่านั้น

เมื่อเห็นกลุ่มนักเรียนที่ค่อยๆล่าถอยออกไป ดูเหมือนจะทำให้ตะขาบหน้ามนุษย์จะรู้สึกผ่อนคลายลงเล็กน้อย แต่อย่างไรก็ตามเนื้อมนุษย์ถือเป็นของโปรดของพวกมัน

มันจึงไม่อาจปล่อยเหยื่ออันโอชะหนีไปได้

ดวงตาของตะขาบหน้ามนุษย์ส่องประกายขึ้นพร้อมกับหนวดบนศีรษะที่สะบัดไปมาอย่างระมัดระวัง

ทันทีที่เห็นพวกนักเรียนถอยหลังกลับไปอีกสองก้าว มันจึงไม่อาจอยู่เฉยได้อีกต่อไป

ทันใดนั้น มันเริ่มออกคลานอย่างบ้าคลั่งและส่งเสียง

เหยียบย่าใบไม้แห้งบนพื้นอย่างต่อเนื่อง ทันทีที่มันเคลื่อนไหวร่างกาย ทำให้ดวงตาของมนุษย์รวมถึงวานรนิลทมิฬที่เบิกโพลงได้จ้องเขม็งไปยังกลุ่มคน ยิ่งทำให้มันดูน่าสยดสยองมากขึ้นไปอีก

ตะขาบหน้ามนุษย์คลานออกจากก้อนหินและพุ่งตรงเข้าหากลุ่มนักเรียนด้วยความเร็วสูง

มันพุ่งมาพร้อมส่งเสียงกรีดร้องเด็ก ด้วยความเร็วที่ยากจะหยุดได้

[ชื่อสัตว์อสูร] ตะขาบหน้ามนุษย์

[เลเวล] 12 (ชนชั้นขุนนาง)

[ระดับ] ปกติ

[คุณสมบัติ] ธาตุพิษ / อันเดท

[สถานะ] ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย (หยิ่งยโส)

[จุดอ่อน] 1.แสง 2.ไฟ

‘แสงและไฟ…’ เกาเผิงเพ่งความในใจกับสองคำนี้ ระหว่างที่คิดหาทางรอด ได้มีข้อมูลบรรทัดถัดไป ปรากฏขึ้นในมุมมองสาย

ตาของเขา

[กลยุทธ์ตอบโต้] 1.การโจมตีธาตุแสงจะเพิ่มความเสียหายให้กับตะขาบหน้ามนุษย์ 2.แสงที่สว่างจ้า จะทำให้ตะขาบหน้า

มนุษย์มึนงง 3.ต้นเมนดเรคเจิดจรัส ชนิดผง จะทำให้มันได้รับบาดเจ็บร้ายแรง

ข้อมูลจํานวนมากที่ไม่สามารถพบเห็นในตำราเล่มใดกลับปรากฎขึ้นต่อหน้าเกาเผิงอย่างน่าอัศจรรย์

ขณะที่ไม่มีผู้ใดสังเกต ตั๊กแตนตำข้าวปีศาจเริ่มปรากฏตัวขึ้นบนกิ่งไม้รอบๆอย่างเงียบเชียบ ไม่ใช่ใครที่ไหน พวกมันก็คือสัตว์อสูรของกลุ่มเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยบลูชิลด์นั่นเอง ตอนนี้ท้องฟ้าเริ่มมืดแล้ว ดังนั้นตั๊กแตนเหล่านี้จึงสามารถกลมกลืนเข้ากับความมืดได้อย่างสมบูรณ์แบบ

“หลินซู!” มู่หลาง ชิงอี้ตะโกนเรียกสัตว์อสูรของเธอ วิหคปีกสีเงินที่เคยเกาะอยู่บนกิ่งไม้อย่างเงียบๆ ได้เคลื่อนไหวทันที มันพุ่งผ่านแผ่นหลังของตะขาบหน้าคนด้วยความเร็วสูงก่อนที่ศีรษะอันหนึ่งของตะขาบหน้ามนุษย์จะหลุดออกมาจากร่างกายของมันในพริบตา

เมื่อศีรษะของมันถูกตัดขาด ของเหลวสีเหลืองจำนวนมากไหลทะลักออกมา

ตะขาบหน้าคนกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด ก่อนจะพ่นของเหลวสีดำขึ้นสู่ท้องฟ้า

แม้มันจะพลาดเป้า แต่เมื่อของเหลวสีดำร่วงลงสู่พื้น ดินบริเวณนั้น ถูกกัดกร่อนและกลายเป็นหลุมพร้อมกลับควันที่พวยพุ่งขึ้นมาอย่างสยดสยอง

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด