ตอนที่แล้วเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0487 [อ่านฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0489 [อ่านฟรี]

เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0488 [อ่านฟรี]


ตอนที่ 488 : หุ่นเชิดจระเข้

เด็กสาวเดินถึงข้างกายฉินหยุน รับชมใบหน้าหล่อเหลาของเขาที่ถูกปิดบังเอาไว้ จากนั้นนางจึงนำเอามีดเล่มน้อยออกมาจากข้างเอว เฉือนเข้าที่นิ้วตนเอง

เลือดหยดจากบาดแผล มันจมหายเข้าไปในก้อนหิน

“ข้ายินดีซื้อที่ราคาหนึ่งแสนเหรียญม่วง! เจ้าต้องการให้ข้าใช้บัตรผลึกหรือเป็นเหรียญม่วงของจริง?” ฉินหยุนเอ่ยถามสีหน้าเฉยชา

“นี่... มันมีมูลค่าหนึ่งแสนเหรียญม่วงจริงหรือ?” เด็กสาวชุดขาวพบว่าเรื่องนี้ยากจะเชื่อ นางรู้สึกว่าได้สักสองถึงสามหมื่นเหรียญม่วงก็ดีมากแล้ว

ขณะนี้ กลับได้มากมายถึงหนึ่งแสนเหรียญม่วง

ผู้คนล้วนไม่เชื่อ เพราะกระทั่งพวกเขาเสี่ยงชีวิตออกล่าและสังหารสัตว์อสูร พวกเขาอย่างมากก็ได้เพียงหนึ่งหมื่นเหรียญม่วงเท่านั้น

ผู้จัดการเฉียนเฉ่าเร่งรีบเดินเข้ามา พิจารณาก้อนหินให้ถี่ถ้วน เขาขมวดคิ้วกล่าว “ตามปกติแล้ว มีแต่วัสดุวิญญาณระดับราชันจึงสามารถดูดกลืนเลือดมนุษย์ หากเป็นวัสดุระดับนั้นจริง ย่อมต้องเป็นสิ่งหาพบได้ยาก!”

“เด็กน้อย เหตุใดเจ้าไม่ขายให้แก่ข้าที่หนึ่งแสนห้าหมื่นเหรียญม่วงกันเล่า?” เฉียนเฉ่าเผยรอยยิ้มเสแสร้ง

“ข้าให้ที่สองแสนเหรียญม่วง!” ฉินหยุนดื่มไวน์เข้าเต็มปาก พลางตะโกนบอกออกไปอย่างไม่ยี่หระโดยไม่แม้จะมองที่เฉียนเฉ่า

“ข้าซื้อที่สามแสนเหรียญม่วง!” เฉียนเฉ่าเร่งร้อนตะโกน ด้วยฐานะคนของตำหนักจารึกเทวะ เขาย่อมไม่หวาดเกรงผู้ใด

“ห้าแสนเหรียญม่วง!” ฉินหยุนยิ้ม “ผู้จัดการเฉียน ยอมปล่อยมือจากมันเสีย!”

ผู้คนที่ชั้นแรกแห่งนี้ล้วนกายแข็งทื่อ!

พวกเขาต่างมองฉินหยุนและเฉียนเฉ่าด้วยอาการตื่นตะลึง

พวกเขาไม่คาดคิด ว่าวัตถุที่เมื่อครู่ไม่มีผู้ใดต้องการ ขณะนี้ราคาถึงหลายแสนเหรียญม่วง

และยังมากถึงห้าแสนเหรียญม่วง!

สำหรับผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์เต๋าในสวนโบราณ มูลค่าเท่านี้เรียกได้ว่าความมั่งคั่ง!

เด็กสาวชุดขาวถึงกับอึ้ง นางขณะนี้เข้าใจแล้วว่าเหตุใดบิดาและปู่ของตนยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อหินก้อนนี้

“เจ้าช่างเหลี่ยมจัดนัก หินก้อนนี้สามารถใช้เพื่อขัดเกลาอุปกรณ์วิญญาณระดับราชัน และมูลค่าของมันสมควรสูงนับล้านเหรียญม่วง แต่แล้วแรกเริ่มกลับเสนอที่หนึ่งแสนเหรียญม่วงงั้นหรือ?” เฉียนเฉ่าแค่นเสียง

ฉินหยุนมองที่เด็กสาวชุดขาวและกล่าวคำ “เด็กน้อย ข้ายินดีซื้อหินก้อนนี้ที่หนึ่งล้านเหรียญม่วง!”

“ข้าให้หนึ่งล้านสองแสน!” เฉียนเฉ่าเร่งรีบตะโกน

ผู้คนขณะนี้ต่างมองกันเองอย่างตื่นตะลึง ราวกับหลุดเข้ามาในความฝัน หินทรุดโทรมเมื่อครู่ ขณะนี้มูลค่าทะยานถึงหลักล้านเหรียญม่วงแล้ว!

“เด็กน้อย จงขายให้แก่ข้า!” เฉียนเฉ่ากล่าวด้วยน้ำเสียงคุกคาม

“ไม่! ข้าจะขายมันแก่ลุงท่านนี้ เพราะเขาคือผู้แรกที่พบเห็นมูลค่าก้อนหินในมือข้า!” เด็กสาวชุดขาวเผยความหวาดกลัวต่อสายตาที่จับจ้องของเฉียนเฉ่า กระนั้นนางก็ยังกล้ามากพอที่จะกล่าวคำออก

เด็กสาวมองที่ฉินหยุนพร้อมกล่าวหนักแน่น “ท่านลุง ข้าจะขายให้ท่านที่หนึ่งแสนเหรียญม่วง! ข้าไม่ต้องการหนึ่งล้านนั่น!”

“เด็กน้อยสารเลว เหนื่อยหน่ายมีชีวิตแล้วหรือ?” เฉียนเฉ่ามีโทสะ

แรงกดดันเข้าสะกดข่มเด็กสาวชุดขาว นางกระทั่งถอยจนถึงกำแพงพร้อมอาการตัวสั่น

“เจ้าต้องการซื้อจริงหรือ? เหตุใดจึงข่มขู่เด็กสาวตัวน้อยเช่นนั้น? ช่างไม่มีมารยาทยิ่งนัก!” ฉินหยุนแค่นเสียงเผยความโกรธเคือง น้ำเสียงกล่าวบอกต่อเด็กสาวในชุดขาวอย่างอ่อนโยน “น้องสาว ขายหินก้อนนี้แก่เขา!”

เด็กสาวในชุดขาวกัดริมฝีปาก มองฉินหยุนด้วยดวงตาสุกสว่าง ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง นางค่อยพยักหน้ารับ

เฉียนเฉ่าใช้จ่ายถึงหนึ่งล้านสองแสนเหรียญม่วงเพื่อซื้อหินดังกล่าว

แม้เด็กสาวชุดขาวได้รับหนึ่งล้านสองแสนเหรียญม่วงในบัตรผลึก นางกลับไม่ยินดีแม้แต่น้อย

ก่อนหน้านี้ ผู้คนที่นี่คิดแต่รังแกนาง แต่แล้วตอนนี้กลับเผยทีท่าคิดฉกชิงเหรียญม่วงไปจากนาง

“ท่านลุง ท่านจ่ายค่าอาหารเหล่านี้หรือยัง?” เด็กสาวชุดขาวนั่งข้างฉินหยุน

“ยัง” ฉินหยุนยิ้ม

“เช่นนั้นให้ข้าเลี้ยงท่าน... ให้ข้ากินกับท่านด้วย ได้หรือไม่?” เด็กสาวชุดขาวกล่าวเสียงหวาน

“แน่นอน!” ฉินหยุนหัวเราะรับ “เจ้านามว่าอะไร?”

“ข้าฉื่อซินซิน!” เด็กสาวชุดขาวกล่าวคำจบ นางก็ใช้มือน้อยนั่นคว้าเอาตะเกียบขึ้นมาเริ่มกินอาหาร บ่งบอกถึงว่านางหิวโซมากมายเพียงใด

ผู้คนขณะนี้ต่างริษยา พวกเขาไม่คาดคิด ว่าเด็กสาวจะกลายสภาพเป็นผู้ร่ำรวยในพริบตา ทั้งยังเลี้ยงอาหารผู้อื่นที่มูลค่าหลายแสนเหรียญม่วงด้วยซ้ำ

ขณะเดียวกัน พวกเขาต่างก็กล้าบอก ว่าฉินหยุนเหนือล้ำเพียงใด ไม่เพียงแต่แยกแยะวัสดุสำหรับการขัดเกลาที่ดีหรือเลว ทั้งยังร่ำรวยอีกด้วย

โต๊ะฉินหยุนค่อนข้างใหญ่ นอกจากนี้เขายังสั่งอาหารมาหลายจานแต่แรก กระทั่งว่ากินคนเดียว ก็คงต้องใช้เวลานานกว่าจะกินหมดสิ้น

แม้ฉื่อซินซินอายุราวสิบสามปี นางก็ไม่ได้กินนานมากนัก แต่ก็กินอาหารและขนมเข้าไปไม่ใช่น้อย

“ท่านลุงชื่นชอบกินสิ่งใดกัน? อย่าได้มากมารยาทแล้ว รีบสั่งมากินเร็วเข้า!” ฉื่อซินซินดื่มกินจนอิ่มเอม ขณะนี้ใบหน้าเผยรอยยิ้มหวาน

ฉินหยุนยิ้มตอบ หันไปสั่งอาหารโดยไม่เกรงใจแม้แต่น้อย

ฉื่อซินซินคิดอยากเลี้ยงฉินหยุนเป็นการขอบคุณ เพราะฉินหยุนไม่อาจซื้อหินของนาง นี่เป็นความผิดที่ติดค้างอยู่ในใจของนาง

นอกจากนี้ นางยังรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณฉินหยุน!

ฉินหยุนย่อมทราบความคิดของฉื่อซินซิน ดังนั้นจึงไม่กล่าวอันใดมาก ทั้งยังไม่ปฏิเสธความหวังดีของนาง เพราะบางครั้งการรับความหวังดีของผู้อื่น ก็ทำให้ทั้งผู้รับและผู้ให้ต่างยินดีทั้งคู่

ด้วยเหตุนี้ ทั้งสองจึงร่วมดื่มกินอย่างสุขสันต์

เมื่อฉื่อซินซินได้เห็นฉินหยุนสั่งอาหารเพิ่ม นางรู้สึกยินดีอย่างยิ่ง ขณะนี้ถึงกับนั่งแกว่งขาบนเก้าอี้เล่นไปมา

ขณะนี้เอง เด็กหนุ่มหล่อเหลาห้าคนสวมใส่ชุดหรูหรา และหญิงสาวสามคนสวมใส่ชุดงดงามพลันเดินเข้ามา

ฉื่อซินซินพอได้เห็นชุดที่งดงามของหญิงสาวทั้งสาม ใบหน้าของนางเผยความอิจฉา อดไม่ได้ที่จะมองหญิงสาวทั้งสามบ่อยครั้ง

เมื่อฝูงชนได้พบเห็นเด็กหนุ่มและหญิงสาวเหล่านั้น เสียงพลันเงียบลง ราวกับไม่กล้ากล่าวอันใดออกมาดัง

นี่ก็เพราะ เหล่านี้ตรงหน้าเป็นศิษย์ของสำนักเก้าตะวัน!

ฉินหยุนเพียงประหลาดใจเล็กน้อยยามที่เห็นลวดลายบนชุดหรูหรา

พวกเขาพอนั่งลง บริกรของโรงเตี๊ยมจึงเข้ามารับรอง

ศิษย์เหล่านี้มาเพื่อสั่งอาหารและดื่มกิน

ไม่มีผู้ใดกล้ายั่วยุสำนักเก้าตะวันในที่แห่งนี้ กระทั่งตำหนักจารึกเทวะ ก็ยังต้องให้ความยำเกรงพวกเขา

ชายชุดสีน้ำเงินกินไปพลางกล่าว “สงสัยนักว่าฉินหยุนนั่นแข็งแกร่งเพียงใด ถึงขั้นทำให้ตำหนักโทเทม ตระกูลสายเลือดชนชั้นสูง และตำหนักจารึกเทวะสูญเสียใหญ่หลวงเพียงนั้น!”

“ไม่ต้องกล่าวถึงคนพวกนั้น กระทั่งสำนักเก้าตะวันของเรายังสูญเสียไปไม่น้อย!” บทสนทนาลื่นไหลไปขณะเด็กหนุ่มหนึ่งในนั้นหัวเราะเสียงเย็น “เป็นไปได้ว่าเพราะพวกมันอ่อนแอกันเกินไป!”

หญิงสาวชุดแดงกล่าว “ย่อมไม่! พวกเขาล้วนอยู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เก้า ขณะที่ฉินหยุนอยู่เพียงระดับที่ห้าหรือไม่ก็หก ฉินหยุนย่อมไม่มีทางอ่อนแออย่างแน่นอน!”

เด็กหนุ่มผอมแห้งในชุดสีแดงเผยสีหน้ารังเกียจเปี่ยมล้น “นั่นก็เพราะพวกมันล้วนเป็นสวะ! หากเป็นข้าบุกโจมตี คงทำให้ฉินหยุนนั่นคุกเข่าร้องขอความเมตตาแล้ว!”

“ข้าย่อมไม่เชื่อเจ้า! ตัวเจ้าเพียงขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่สาม เจ้ามั่นใจแต่ใดว่าสามารถจัดการฉินหยุนนั่นได้? ข้าได้ยินว่าฉินหยุนคือผู้ที่จัดการผู้ฝึกตนสายเลือดขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เก้าได้!” หญิงสาวงดงามทรงเสน่ห์ในชุดสีเขียวหัวเราะคิกคักเสียงเบา

ภายในสวนโบราณ หลายต่อหลายคนล้วนได้ยินชื่อเสียงลือนามของฉินหยุน

ในช่วงหลายวันมานี้ ศิษย์ของตระกูลสายเลือดชนชั้นสูง ตำหนักโทเทม และอีกหลายสำนักล้วนเข้ามา

แม้พวกเขาล้วนอยู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่สาม กระนั้นก็มีชื่อเสียงในหมู่ผู้คนในพื้นที่ไม่น้อย

ทุกคนล้วนให้การต้อนรับพวกเขา อย่างไรแล้ว พวกเขาก็เป็นผู้มีเบื้องหลังยิ่งใหญ่

เด็กหนุ่มร่างผอมสูงในชุดสีแดงเผยเสียงดังเหยียดหยัน “ฮ่าฮ่า ข้าอยู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่สามก็ใช่ แต่หุ่นเชิดจระเข้ของข้าสามารถจัดการได้แม้ขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณ! กับฉินหยุนนั่น ให้หุ่นเชิดข้าลงมือสักสิบชั่วลมหายใจก็พร้อมที่จะขุดฟันมันออกมากองบนพื้นได้ครบทุกซี่แล้ว!”

“มนุษย์จระเข้ของข้าคือหนึ่งในความวิเศษ! ในสวนโบราณแห่งนี้ ไม่ว่าจะมนุษย์หรือสัตว์ใดที่แกร่งกล้า เมื่ออยู่ต่อหน้าข้า มันก็ไม่อาจจัดการหุ่นเชิดจระเข้ของข้าได้!” เด็กหนุ่มชุดสีทองกินไปพลางพูดไปพลางอย่างอหังการ

ฉินหยุนขณะนี้เพียงแต่ยิ้มกับตนเอง ปากยังคงเคี้ยวอาหารต่อเนื่อง

หญิงสาวทรงเสน่ห์ไม่กล่าวอันใดต่อ เพียงรับฟังคำคุยโวของเด็กหนุ่มชุดสีทอง ศิษย์ผู้อื่นของสำนักเก้าตะวันล้วนเงียบปากลงเช่นกัน

“เมื่อใดข้าพบวิญญาณดวงตะวันและออกไปได้ เมื่อนั้นสิ่งแรกที่คิดทำ คือจะไปยังนครโบราณยุทธ์เต๋า จับตัวฉินหยุนและกินมันทั้งเป็น เช่นนั้นข้าจะได้รับสายเลือดราชสีห์สวรรค์ของมัน ฮ่าฮ่าฮ่า!” เด็กหนุ่มชุดทองหัวเราะดัง

ชั่วขณะนี้ ชายในชุดสีน้ำเงินมองทางพวกฉินหยุน พบว่าอีกฝ่ายกินอาหารมากหน้าหลายตาพร้อมฉื่อซินซิน พวกเขาถึงขั้นกินกันไม่หยุดขณะสั่งต่อเนื่อง

ศิษย์ผู้อื่นของสำนักเก้าตะวันมองตามไป พบว่าเรื่องราวชวนไม่สบอารมณ์

นี่ก็เพราะมูลค่าที่ฉินหยุนและฉื่อซินซินกินกันอยู่นั้น แทบจะถึงสองแสนเหรียญม่วงแล้ว!

พวกเขายากจะเข้าใจยิ่งนักว่ามันเป็นเรื่องราวอันใด!

พอได้ทราบว่าฉื่อซินซินได้รับมากว่าหนึ่งล้านเหรียญม่วง ขณะนี้พวกเขาต่างเกิดความริษยา

เด็กหนุ่มชุดสีทองพร้อมหุ่นเชิดจระเข้ก้าวเดินไป นั่งลงตรงเก้าอี้ที่โต๊ะของพวกฉินหยุน เขาคิดหยิบอาหารอีกฝ่ายขึ้นมากินอย่างไร้มารยาท

ตะเกียบพอยื่นออก สีหน้าฉินหยุนมืดมน ปลดปล่อยพลังจิตเข้ารั้งมือของเด็กหนุ่มชุดสีทองเอาไว้ เป็นการห้ามปรามอีกฝ่าย

“ข้าสั่วจินเฟยจากสำนักตะวันทอง อยู่ลำดับที่เจ็ดของสวนโบราณแห่งนี้! อาหารพวกนี้ข้ากินสักครึ่งคำก็ไม่ได้หรือ?” สั่วจินเฟยเผยท่าทีโกรธเคืองกล่าวเสียงเบา

“ไม่ได้!” ฉินหยุนตอบกลับอย่างเฉยชา

สั่วจินเฟยหรี่ตาลง มองที่ฉื่อซินซินพร้อมกล่าว “เด็กน้อย เจ้าไม่คิดว่าเหรียญม่วงที่มีมากเกินไปหรือ? ให้ข้าเก็บไว้ให้แก่เจ้าเป็นอย่างไร? ไม่อย่างนั้น ข้ารับประกันว่าเจ้าจะไม่มีทางออกไปพ้นจากตำหนักจารึกเทวะได้!”

ฝูงชนมากมายพอได้เห็นเรื่องราว พวกเขาค่อยเข้าใจ ว่าบุคคลจากสำนักเก้าตะวันก็ทำตัวเป็นขอทานได้เช่นกัน!

“ข้า... ข้า...” ฉื่อซินซินทราบความน่ากลัวของสำนักเก้าตะวันเป็นอย่างดี นางขณะนี้มีทรัพย์สิน ทว่าไม่มีกำลังพอให้ปกป้องมันเอาไว้

นางไม่คิดสร้างปัญหาให้แก่ฉินหยุน จึงนำเอาบัตรผลึกสีม่วงออกมาและส่งไป

สั่วจินเฟยหัวเราะขณะยื่นมือไปรับ กระนั้น เขากลับพบว่าฉินหยุนคว้าบัตรผลึกเอาไว้เสียก่อน

“ซินซิน หากเจ้ามอบให้แก่เขา เจ้าจะจ่ายค่าอาหารเหล่านี้อย่างไร? เจ้าบอกแล้วว่าจะเลี้ยงข้า!” ฉินหยุนยิ้มพลางส่งบัตรผลึกกลับคืนแก่ฉื่อซินซิน

สั่วจินเฟยลุกขึ้นยืนกล่าวอย่างมีโทสะ “สารเลวนัก กล้าดีอย่างไรทำตัวอหังการต่อหน้าข้า นายน้อยสั่วผู้นี้! หากเจ้ามีความกล้า เช่นนั้นจงเอ่ยนามออกมา!”

“นามข้าคือฉินหยุน!” ฉินหยุนมองที่สั่วจินเฟยพร้อมยิ้มรับ

“ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้าจะบอกว่าเป็นฉินหยุนผู้นั้น?” สั่วจินเฟยหัวเราะดัง

ผู้อื่นล้วนกายแข็งทื่อไปวูบก่อนระเบิดเสียงหัวเราะออกมา

“ฉินหยุนอยู่เกินกว่าขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่สาม มันไม่มีทางเข้ามาได้!”

“ใช่ ข้าพบเห็นคนโง่งมมาก็มาก แต่กลับไม่เคยพบเจอหน้าโง่เช่นนี้ ถึงขั้นอวดอ้างว่าเป็นฉินหยุนหรือ? ไม่หวั่นเกรงถูกกินทั้งเป็นหรือไร!”

“หากมันเป็นฉินหยุน ข้าจะกินมันทั้งเป็นเอง!”

ผู้คนล้วนส่งเสียงอึกทึกหัวเราะเป็นการใหญ่

หญิงสาวเดินเข้ามาพร้อมยิ้มซุกซน “กล่าวตามตรง ข้านับถือฉินหยุน อย่างไรแล้ว เขาก็ก่อเรื่องสะเทือนฟ้าสะท้านแดนดินไปมาก! กระนั้น เจ้ากลับไม่คล้ายฉินหยุนแม้เพียงนิด!”

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด