ตอนที่แล้วบทที่ 12 – โลกที่กลายมาเป็นดันเจี้ยน (5)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 14 – โลกที่กลายมาเป็นดันเจี้ยน (7)

บทที่ 13 – โลกที่กลายมาเป็นดันเจี้ยน (6)


บทที่ 13 – โลกที่กลายมาเป็นดันเจี้ยน (6)

"นายสังเกตุเห็นความแตกต่างระหว่างวิญญาณบนชั้นที่ 7 และชั้นที่ 8 หรือไม่?"

"อืมมมม... วิญญาณบนชั้นที่ 8 แข็งแกร่งกว่าเล็กน้อย การป้องกันของพวกมันดูเหมือนว่าจะสูงกว่า"

แตกต่างจากชั้นที่ 7 วิญญาณบนชั้นที่ 8 ไม่ได้ตายลงในการตีเพียงทีเดียว แต่พี่สาวก็ดูเหมือนจะไม่พอใจกับคำตอบของฉัน

"นายไม่รู้สึกถึงอะไรอย่างอื่นเลย?"

"อะไรอื่น? เอ่อ...โอ้ ใช่แล้ว"

ดูเหมือนจะมีตัวหนึ่งที่คายอะไรบางอย่างออกมาจากปาก พวกมันเหมือนกับก็อบลินกับลูกดอกพิษของมัน เพราะฉันได้กลายเป็นอัมพาตชั่วคราวเมื่อพวกมันโจมตีฉัน พวกมันค่อนข้างจะน่ารำคาญที่จะจัดการ ถ้าหากไม่มีพวกมันฉันจะสามารถมาถึงชั้นนี้ได้เร็วขึ้นหลายชั่วโมง

"นายคิดว่าที่ชั้น 9 จะไม่ได้มีเจ้าตัวแบบนี้เช่นกันงั้นหรอ?"

"เธอกำลังพยายามจะพูดอะไร?"

แม้ว่าฉันจะถามออกไป แต่ฉันก็รู้ในสิ่งที่เธอบอกดี เช่นเดียวอย่างที่ฉันหวัง พี่สาวร้านขายของได้เอาของแปลกๆมาด้านหน้าฉันและตะโกนออกมา

"นี่ไง! นี่คือโล่สปิริตซึ่งสามารถจะป้องกันลูกศรของพวกวิญญาณได้ 100 ครั้ง มันใช้ทองเพียง 5000 เท่านั้น! ถ้านายซื้อมันนายอาจจะสามารถเคลียชั้นที่ 9 ได้ภายในเวลาไม่ถึง 9 ชั่วโมงW

"...เธอให้เควสฉันเพียงเพื่อจะขายสิ่งนี้?"

มีสาวได้หันสายตาหนีการสอบสวนของฉันอย่างเห็นได้ชัเ จากนั้น

"แต่คุณลูกค้า นายไม่เคยมาที่ร้าน..."

"นะ นั่นมัน..."

"มากกว่า 3 ปีแล้ว ไม่ใช่น้อย ไม่เคยเลย นายรู้มั้ยว่ายอดขายของฉันได้ตกลงในระหว่างนั้น?"

"ยะ ยอดขาย..."

ทำไมพวกเราะไม่ช่วยกันและกันหละ? คุณลูกค้า? นายหาเงินได้มาก มันไม่เจ็บเท่าไหร่หรอกที่จะจ่ายบางส่วนเพื่อซื้อของ ได้มั้ย?"

"แต่ทอง 5000 มันมากเกินไป"

เนื่องจากว่าอัตราแลกเปลื่ยนอยู่ที่ 2100 วอน นั่นมันหมายความว่ามันมีมูลค่าถึง 10.5 ล้านวอน ตอนนี้ฉันได้คิดขึ้นในใจ จริงๆแล้วฉันไม่อยากที่จะซื้อมันเลย ฉันไม่สามารถที่จะซื้อไอเทมราคาแพงดังกล่าวได้...

"ถ้าหากไม่มีสิ่งนี้ มันอาจจะเป็นไปไม่ได้ที่จะผ่านชั้นที่ 9 ไปได้ใน 9 ชั่วโมง อา มันเป็น 8 ชั่วโมง 57 นาที และอีก 58 วินาทีแล้วในตอนนี้"

ในที่สุดแล้วฉันก็ได้ซื้อโล่สปิริตมาอย่างไม่เต็มใจ มันเป็นในรูปแบบสติ๊กเกอร์ และเมื่อฉันติดมันลงไปบนหลังมือมันก็หายไปแล้วสติ๊กเกอร์ก็ได้กลายเป็นลอยสักบนหลังมอของฉันฃฃ

ฉันเสียใจกับมันมาก มันเป็นสติกเกอร์โปเกม่อน

"เว้ยเอ้ย ฉันจะต้องใช้มันให้หมดเร็วๆ...!"

ถ้าหากว่าพ่อหรือแม่เห็นรอยสักของโปเกม่อนบนมือของฉัน พวกเขาไม่ต้องสงสัยเลยว่าจะมองมาที่ฉันด้วยสายตาแปลกประหลาด ฉันได้รีบวิ่งไปที่ชั้นที่ 9 โดยทิ้งพี่สาวร้านขายของที่เชียร์ฉันไว้เบื้องหลัง

"ครั้งต่อไปที่นายซื้อมัน ฉันจะให้ส่วนลดนาย 10%"

"ตามนั้น!"

ฉันวิ่งออกไป แม้ว่ามานาของฉันจจะเพิ่มขึ้นเป็น 1000 หลังจากที่เลเวลฉันเป็น 9 ฉันก็ไม่ได้สนใจมัน ฉันเหลือเวลาอีกเพียง 8 ชั่วโมง 55 นาที 34 วินาทีเท่านั้น

"เริ่มสำรวจ!"

ฉันได้ตะโกนออกไปทันที

วิญญาณร้ายได้พุ่งเข้ามาจากทุกๆเส้นทาง มันเหมือนกับที่พี่สาวร้านขายของได้บอกเอาไว้ ผลกระทรบของลูกธนูมันไม่มีอีกแล้ว แม้ว่าฉันจะสงสัยว่ามันจำเป็นไหมกับเงิน 10.5 ล้านวอนในการป้องกันพวกมัน แต่ฉันก็ได้เชื่อว่าของรางวัลภารกิจมันจะดีกว่านี้มาก

[เควสสำเร็จ] [คุณได้เจาะทะลวงผ่านชั้นที่ 9 ใน 24 ชั่วโมง เจ้าของร้านนั้นเสียใจกับเงินเดิมพัน แต่ว่าสัญญานั้นเป็นสัญญา เธอจะให้รางวัลที่คุ้มค่าแกคุณ] [คุณได้รับรางวัลจากระบบ คุณสามารถเพิ่มระดับทักษะได้ 1 ระดับ]

"นายทำมันสำเร็จจริงๆ"

"ใช่แล้ว"

"นายทำมัน...สำเร็จ..."

"พี่สาว ใบหน้าของคุณ"

พี่สาวโลล็อตต้าได้ทำท่าทางเศร้าหมองเมื่อฉันมองไป ฉันได้หันไปสนใขแต้มทักษะที่ฉันได้รับมา มันสามารถใช้เพิ่มระดับของทักษะได้ นี่มันไม่ใช่รางวัลที่น่าอัศจรรย์งั้นหรอ? มันดูเหมือนจะดีกว่าถ้าฉันเก็บมันเอาไว้ใช้ในภายหลัง

โลล็อตต้าดูเหมือนจะสงบใจลงได้ในขณะเดียวกันเธอก็มาจับมือฉันและมอบวัตถุทรงกลมโปร่งแสงให้ฉัน

"ฮิ๊ สัญญาเป็นสัญญา นี่ก็คือรางวัลของนาย

[คุณได้รับระเบิดวิญญาน 2 ลูก]

"นี่มันคือ?"

"มันเป็นระเบิดวิญญาณไงคุณลูกค้า"

ถึงแม้ว่าผมจะรู้สึกขอบคุณที่เธอคุยกับผมอย่างดี แต่ว่าสายตาของเธอตายไปแล้ว ฉันคิดว่าเรื่องนี้มันไม่ใช่จุดสำคัญ แต่ฉันก็เลือกที่จะตรวจของไอเทมนี้

[ระเบิดวิญญาณ (แรร์)

เป็นเครื่องมือเวทมนตร์ของนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ที่ใช้เวทมนตร์วิญญาณและชั่งตีเหล็กเผ่าคาโรฮ่า 'มือแห่งการสร้าง' เมื่อไอเทมชิ้นนี้ถูกโยนแล้วเกิดการกระแทก ทักษะ 'สปิริต บลาส' จะถูกใช้งาน มันจะทำให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงแก่วิญญาญทั้งหมด มันจะสร้างความเสียหา 500- 5000 แกวิญญาณทั้งหมดในรัศมี 20 เมตร]

"นี่มันเป็นวัสดุสิ้นเปลือง"

"นั่นคือเหตุผลที่ฉันให้นายสองอัน"

"ดังนั้นฉันจึงใช้มันได้เพียงแค่ 2 ครั้ง"

"ใช่แล้ว คุณลูกค้า คุณต้องการที่จะเดิมพันอีกมั้ยฦ"

"มันจะเป็นการผ่านชั้นที่ 10 ใช่ไหม? ฉันไม่ต้องการที่จะทำ!"

คิดแล้วเธอคงจะใช้ประโยชน์จากรางวัลและเดิมพันใหม่! นี่มันเป็นผู้หญิงที่ชขั่วร้าย

"แต่คราวนี้มันจะไม่มีเวลาจำกัด"

"โฮ่?"

"คุณสามารถจะทำมันได้ทุกเมื่อที่ต้องการ"

"...ไหนลองพูดมาสิ"

"ฮุฮุ ฉันทำสำเร็จ"

"ความคิดภายในของคุณกำลังไหลออกมาแล้วพี่สาว"

"การเดิมพันนั้นง่าย นายจะต้องเอาชนะบอสของชั้นที่ 10 ราชีนีวิญญาณด้วยตัวนายเอง"

[เควสปรากฏ]

"ราชินี?"

ฉันหวังว่าเธอจะไม่สนใจมัน ฉันได้คิดเกี่ยวกับหญิงสาวที่กระโปรงสั้นๆเมื่อได้ยินคำว่าวิญญาณร้ายนี้มันพิสูจน์ได้ว่าฉันยังเป็นผู้ชาย

"นายต้องการจะยอมรับการท้าทายนี้มั้ย?"

โลล็อตต้าได้มองมาที่ฉันอย่างยั่วยุ ฉันยิ้มและตอบกลับไป

"ฉันจะทำ ของแบบนี้มันไม่มีความท้าทายอะไรเลยสำหรับฉัน"

[คุณได้ยอมรับเควส]

"โอ้ กล้าหาญอะไรอย่างนี้สำหรับคนที่ติดอยู่ที่ชั้นที่ 5 เป็นเวลา 3 ปีครึ่ง"

"ฉันได้จบมันด้วยการเอาชนะออร์คลอร์ดด้วยตัวคนเดียวดังนั้น..."

"...ใช่หรอ?"

"...เธอไม่รู้งั้นหรอ?"

ในทันใดนั้น ใบหน้าของโลล็อตต้าได้ซีดและแข็.ข้างไป จากนั้นทันได้นั้นเธอก็คว้ามาที่แขนของฉัน เธอดูเหมือนกับว่าจะร้องไห้ออกมา

"อะ...เอาของๆฉันคืนมา"

"ไม่มีทางซะละ"

"ถะ ถ้างั้นให้ฉันเพิ่มการจำกัดเวลา"

"คำพูดของหญิงสาวนั้นมันมีน้ำหนักเท่ากับ 1000 ทอง"

"มันไม่เคยมีคำพูดแบบน้านน"

"ลองไปถามหมอดูหลังจากตายไป"

"อ๊ะ เจ้าลูกค้าที่ชั่วร้าย! ถ้างั้นอย่างน้อยช่วยซื้อโล่สปิริตที"

"ฉันมีแล้วมันยังเหลืออีกตั้ง 72 ครั้ง ฉันนี่ดีจังเลย"

"อา นายนี่มันชั่วจริงๆ"

เช่นเดียวกันนั้นฉันก็ได้ยอมรับเควสที่สองของฉัน อืมมม...มันดูเหมือนกับว่าฉันได้ลืมอะไรบางอย่างไป...มันจะต้องเป็นแค่การคิดไปเอง ใช่แล้วเพียงแค่คิดไปเอง

บอสของชั้นที่ 10 ราชินีวิญญาณร้าย มันมาพร้อมกับเหล่าวิญญาณ 50 ตัวและใช้เวทมนตร์แห่งความกลัว เวทย์ความสับสนและลูกศรเวทย์พิษเพื่อทรมานเหล่านักสำรวจที่เผชิญหน้ากับมัน อย่างไรก็ตามจุดอ่อนของมันที่ชัดเจนเลย นั่นก็คือ Hp ที่ต่ำมากเมื่อเทียบกับออร์คลอร์ด

โลล็อตต้าก็ยังขายไอเทมป้องกันความกลัวและความสับสน ไอเทมเหล่านี้จะป้องกันเวทมนตร์ของราชินีวิญญาณเป็นเวลา 5 นาที มันมีราคา 5000 ทอง ตามที่เอลลอสได้บอกมานักสำรวจดันเจี้ยนได้ผู้ที่ท้าทายวิญญาณพยาบาทได้รับความทุกทรมานภายได้ความไม่รู้จักพอของเธอที่จะดูดกลืนเงิน

"ฉันจะยังคงไม่ซื้อพวกมัน"

"ทำไม!? ปราศจาก สิ่งนี้มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเอาชนะด้วยตัวคนเดียว"

"ฉันในตอนนี้ไม่ได้พยายามที่จะเอาชนะมันด้วยตัวคนเดียว"

"บู๋..."

นักสำรวจที่เป็นนักบวชจะมีเวทย์ที่ใช้ในการลบล้างสถานะความหวาดกลัวหรือสับสนได้ แท้นทีฉันจะท้าทายมันด้วยตัวคนเดียวตั้งแต่เริ่มฉันเลือกที่จะเข้าไปในปาตี้และหาประสบการณ์กับการต่อสู้กับบอสก่อน

ในช่วงเวลาแห่งความวุ่นวายนี่ที่มีสัตว์ประหลาดโผล่ขึ้นมาบนโลก การที่ไม่สามารถจะเข้าไปในดันเจี้ยนได้หนึ่งสัปดาห์มันหมายความว่าเวลาทั้งหมดของฉันในช่วงนั้นมันหยุดลง แม้ว่าถ้าฉันไปไล่ล่าพวกสัตว์ประหลาดไป แต่ว่าระดับของฉันก็จะไม่เพิ่มขึ้นแถมมันยังเสียงต่อการเปิดเผยว่าตัวเองเป็นหผู้มีพลังอีกด้วย ดังนั้นสถานที่ๆเดียวที่ฉันฝึกได้ก็คือในดันเจี้ยน

ฉันนั้นจึงไม่มีแผนที่จะถูกเตะออกไปจากดันเจี้ยนอีกแล้ว

"ดูแลฉันอย่างดีด้วยนะ ฉันคัง ชิน มาจากโลก"

"โลก? นายคือ...คัง ชิน?"

"ใช่แล้ว ฉันคัง ชิน"

"ไม่มีทาง มงกุฏราชกุมารได้มาที่ชั้นที่ 10"

"อะไร? เป็นมงกุฏราชกุมารจริงๆหรอ?"

"โว้ว มงกุฏราชกุมารอยู่ในปาตี้"

น่าอัศจรรย์ฉันที่เพิ่งจะเข้าปาตี้มาแบบสุ่มๆ แต่ว่ามันก็ดูเหมือนกับว่าทุกคนรู้แล้วว่าฉันเป็นใคร ฉันสงสัยจังว่าข่าวลือนี่แพร่กระจายออกไปได้ยังไง

"นี่มันเป็นครั้งแรกที่ฉันได้สู้กับราชินีวิญญาณ ดังนั้นฉันอาจจะต้องทำตามนาย"

"นายก็แค่ทำเพียงแค่จัดการพวกวิญญาณทั้งหมดก็พอแล้ว พวกนักบวชหญิงจะสามารถดูแลที่เหลือเองได้"

"ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพวกเราเอง"

ในปาตี้นี้มันมีนักบวชสามคน มันแปลกมากที่ไม่มีนักบวชชายอยู่เลย แม้ว่านักบวชหญิงจะสวยงาม แต่พวกเธอก็น่าเกลียดเมื่อนำมาเทียบกับยุยของฉัน ในขณธที่ฉันกำลังคิดเช่นนั้น หนึ่งในพวกเธอก็มาคุยกับฉัน

"พี่มงกุฏราชกุมาร บางทีคุณอาจจะรู้จักองหญิง"

"...ใคร?"

ฉันกำลังจะพูดว่า 'มงกุฏราชกุมารมันเป็นชื่อเล่นของฉัน โดยที่เธอบอกว่าองหญิงคงจะหมายถึงยุยงั้นหรอ?' สายตาที่จริงจังของเธอมองมาที่ฉัน

"ฉันหมายถึงเจ้าหญิงรัชทายาทแห่งจักรวรรดิอีฮา องหญิงเพลรูเดีย เกล็น อีฮา ฉันได้ยินว่าคุณได้เข้าร่วมปาตี้ด้วยกันกับเธอมาก่อน"

"เอ๊ะ เพลรูเดีย? ใช่แล้ว ฉันรู้จักเธอ แต่ว่า....องหญิงรัชทายาท?"

เมื่อฉันบอกว่านี่มันเป็นครั้งแรกที่ฉันได้ยินเรื่องเช่นนี้ เธอได้มองมาที่ฉันอย่างตกตะลึง

"คุณหมายความว่าคุณไม่สามารถจะบอกได้จากสวยงามและความสง่างามของเธอ?"

"สง่างาม? เธอเป็นแค่เด็กที่เสียงดัง..."

"อะไรนะ!?"

'โอ๊ะโอ๋...' เพราะอย่างนี้ฉันจึงต้องใช้เวลาอีก 5 นาทีในการได้ยินเกี่ยวกับความสวยงายของเพลรูเดีย ทำไมฉันจะต้องสนใจเด็กไร้เหตุผล? ตรงส่วนไหนของผมทวินเทลของเธอที่สวยงาม? แน่นอนว่าฉันไม่ได้พูดมันออกมา

"คุณได้เข้าใจถึงความสวนและสง่างามของท่านเพลรูเดียแล้วใช่ไหมในตอนนี้? เธอเป็นดาวรุ่งแห่งทวีปของเรา เป็นเปลวเพลิงแห่งความหวัง ดอกไม้ที่ไม่อาจจะต่อสู้กับพวกปีศาจได้"

"เอาละ เอาละ ฉันเข้าใจแล้ว ดังนั้นเข้าไปจัดการกับบอสกันเถอะ"

"ด้วยการตอบสนองแบบไม่เต็มใจของคุณ มันดูเหมือนว่าคุณจะไม่ได้เข้าใจเลยแม้แต่น้อย ฉันจะบอกคุณอีกครั้งนะ ดังนั้นแคะขี้หูของคุณให้สะอาดและฟังมัน!"

หูของฉันสะอาดมากๆนะ ต้องขอบคุณมาก ในความจริงแล้วการได้ยินเกี่ยวกับเพลรูเดียมันทำให้หูของฉัน...เดี๋ยวก่อนนะ เพลรูเดีย? มาคิดถึงเมื่อวานนี้...

"อ๊าาาาาาาา!"

"กรี๊ดด! คุณทำให้ฉันตกใจ"

เมื่อฉันกรีดร้อวออกมานักบวชได้ตกใจและล้มลงไปบนพื้น อย่างไรก็ตามฉันไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะสนใจเธอ

"โอไม่นะ ฉันไม่ได้สนใจข้อความของเพลรูเดีย"

ผู้หญิงเสียงดังคนนั้นไม่ใช่ประเภทที่จะอยู่เงียบๆหลังจากที่ข้อความของเธอถูกละเลย ด้วยความกลัวของฉันที่เพิ่มขึ้น เหงื่อของฉันก็เริ่มไหล ในตอนนี้สิ่งนั้นกำลังมาแล้ว ฉันควรจะเพิกเฉยเธอต่อไปดีมั้ย? ไม่สิ ฉันไม่สามารถจะหนีเธอได้ตลอดไป ในท้ายที่สุดแล้วฉันก็จะต้องพบกับเธออีกครั้งในดันเจี้ยน นอกจากนี้การละเลยเธอมันจะดูหยาบคายเกินไป แม้ว่าเธอจะไม่น่าชอบใจ เธอก็ไม่ได้น่ารักเกลียดแต่อย่างใด....

'เอาหละ ฉันจะติดต่อเธอทันทีที่การจู่โจมราชินีวิญญาณจบลง"

ฉันได้ทำการสัญญาไว้ จากนั้นก็พูดกับสมาชิกในปาตี้

"มารีบทำมันกันเถอะ"

"มงกุฏราชกุมารรรรรร"

....ถึงแม้ว่าฉันจะได้สร้างศัตรูอย่างไม่คาดคิด แต่ฉันก็เลือกที่จะเมินเฉย

ฉันไม่ใส่ใจกับการจ้องมองอย่างร้อนแรงจากด้านหลัง ฉันได้เปิดประดูเขาไปในอะไรที่เหมือนกับบ้านผีสิง

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด