ตอนที่แล้วตอนที่ 77 ยีนวิญญาณ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 79 สวรรค์และคนรวมเป็นหนึ่ง

ตอนที่ 78 พลังงานดวงดาว


จากเกรดของยีนลิงหิน มันเป็นยีนแรกเริ่มขั้นแปรผัน

แต่จากประเภทมัน มันเป็นยีนถ่ายทอดที่หาได้ยากมาก มันบรรจุมรดกส่วนหนึ่งจากมหาเทพเทียมฟ้า ซุนหงอคง

จากลิงหินไร้ชื่อไปจนถึงราชาลิงสุดดหล่อแห่งภูเขาผลไม้ จากนั้นก็ดำลงไปในมหาสมุทรตะวันออก สร้างความปั่นป่วนครั้งใหญ่ สุดท้าย เขาก็มาถึงภูเขาฟางคุน และพบอาจารย์เขา จากนั้นมา เขาก็ได้รับชื่อซุนหงอคง แม้กระทั่งเรียนรู้ความสามารถมากมาย

เหล่าเซียนของจีนโบราณไม่เคยเกิดมาทรงพลัง ทั้งหมดล้วนสะสมพลังทีละเล็กน้อย ทุกก้าวที่พวกเขาเหยียบย่ำสามารถกลายเป็นตำนาน

แม้กระทั่งความสามารถของทุกช่วงเวลาก็ยังสามารถเปลี่ยนเป็นลักษณะเฉพาะและถูกตราตรึงไว้ในยีนตำนาน ผู้บ่มเพาะดวงดาวสามารถพึ่งพาการพัฒนาของยีนในตำนานอย่างเป็นขั้นเป็นตอน เพิ่มพลังและความสามารถพวกเขา

บางทีการก้าวสู่เส้นทางตำนาน นอกจากการวิวัฒนาการของยีนในตำนาน มรดกจากความทรงจำยังเป็นส่วนสำคัญเช่นกัน

มีอยู่สองวิธีในการปลุกยีนตำนาน หนึ่งคือการปลุกยีนผ่านเคล็ดบ่มเพาะพันธุกรรม อีกทางคือใช้น้ำยายีนหรือสารภายนอกอื่นๆเพื่อกระตุ้นยีนให้ตื่นขึ้น

เฟิงหลินไม่รู้จักน้ำยายีนใดที่สามารถกระตุ้นยีนวิญญาณได้ ยิ่งไปกว่านั้น ยังไม่ต้องคิดถึงมันเพราะเขารู้ว่าพวกมันต้องหายากมาก ดังนั้น เขาจึงทำได้แค่เลือกอีกเส้นทางหนึ่ง

ยีนวิญญาณือหนึ่งในยีนที่จำเป็นเพื่อสร้างยีนลิงหินวิญญาณในสูตรทางพันธุกรรม แม้เฟิงหลินจะไม่จำเป็นต้องบ่มเพาะเคล็ดบ่มเพาะพันธุกรรมหรือใช้น้ำยายีนเพื่อปลุกมัน เขาก็เชื่อว่าเขาอาจได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์ผ่านการค้นหาความทรงจำของซุนหงอคง

เมื่อคิดได้ เฟิงหลินก็พึมพำ รู้สึกว่านี่เป็นไปได้สูง

หลังกลายเป็นยีนลิงหินวิญญาณ ซุนหงอคงก็ฉลาดขึ้นมาก มันทำให้เขามีพลังสูง สติปัญญาเหนือกว่าลิงทั่วไป รวมถึงมนุษย์ส่วนใหญ่ นี่ต้องเป็นเหตุผลว่าทำไมลักษณะพิเศษของยีนวิญญาณถึงถูกประทับไว้ในพันธุกรรมเขา

มันเป็นไปได้มากว่าเขามีเคล็ดบ่มเพาะมากมายในความทรงจำเขา

สูตรวิวัฒนาการทางพันธุกรรมก็เหมือนสูตรคณิตศาสตร์ มันมีพารามิเตอร์หลักรวมถึงตัวแปรรอง

พารามิเตอร์หลักจะกำหนดทิศทางการวิวัฒนาการที่สำคัญของยีน ตัวอย่างเช่น มนุษย์ที่มียีนงูสามารถวิวัฒนาการได้แค่ทางเดียว: ยีนงู-ยีนอสรพิษ-ยาพญาอสรพิษ-ยีนอสรพิษเหิน-ยีนมังกร...

สำหรับตัวแปรรอง ไม่ว่าจะมีมากแค่ไหน พวกมันก็ได้แค่เสริมอิทธิพล พลังและเสริมพารามิเตอร์หลัก พวกมันไม่อาจเปลี่ยนทิศทางการวิวัฒนาการจากยีนงูเป็นยีนจระเข้หรือยีนเต่าได้

ไม่ต้องสงสัย สำหรับยีนลิงหินวิญญาณ ยีนลิงหินคือพารามิเตอร์หลัก ส่วนยีนวิญญาณคือตัวแปรรองในสูตร

ซันหงอคงได้รับพลังฟ้าดินแม้จะเป็นลิงหินทั่วไปและยังวิวัฒนาการเป็นลิงหินวิญญาณ?

นี่ต้องมีวิธีพิเศษ!

บางที เคล็ดบ่มเพาะของยีนวิญญาณอาจพบได้ในความทรงจำของยีนลิงหิน

เมื่อเฟิงหลินเปลี่ยนเป็นลิงหินก่อนหน้านี้ เขาได้รับมาสองเคล็ดบ่มเพาะ ‘การแปลงพลังงานเป็นชี่’และเคล็ดหายใจดวงดาว

เฟิงหลินรู้สึกว่าความลับต้องฝังอยู่ในสองเคล็ดบ่มเพาะนี้

การแปลงพลังงานเป็นชี่ช่วยให้เขาสามารถย่อยสารอาหารในร่างกายได้อย่างรวดเร็ว ในกรณีนั้น ด้วยกระบวนการกำจัด มีเพียงเคล็ดลมหายใจดวงดาวที่เหลืออยู่

หัวใจเฟิงหลินรัดแน่น เขาคิดย้อนกลับไปถึงความทรงจำตอนเขาเป็นลิงหิน

ในช่วงเวลาที่เขาซึมซับแก่นของดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ เขาดูเหมือนจะเข้าถึงสภาวะพิเศษที่คล้ายกับสวรรค์และมนุษย์เป็นหนึ่งเดียว วิญญาณถูกอาบดด้วยแสงจันทร์ เขารู้สึกตัวเบาเหมือนเป็นเซียน นั่นเป็นวิธีทำให้ปลุกวิญญาณเขา?

นั่นควรลอง

เมื่อคิดได้ เฟิงหลินก็ไม่เต็มใจเสียเวลาอีก เขาเดินออกจากบ้านเขาและตรงไปส่วนนอกของบริษัทยาไจแอนท์

เนื่องจากความจริงที่ว่าเฟิงหลินทำงานเสร็จก่อนกำหนด เขาจึงกลับมาก่อนและมีเวลางีบหลับ แต่ตอนนี้ เวลาก็ยังเหลือ

มันยังเป็นเที่ยงคืน แต่ทั่วเมืองในยุคสมัยดวงดาวกลับสว่าง

อาทิตย์เทียมเหนือเมืองชิไทมีกลไกภายในที่ทำหน้าที่เหมือนดวงจันทร์เทียม ในช่วงกลางคืน มันจะเปล่งแสงสีเงินอ่อนๆ ถนนแออัดมากเช่นกันแม้จะเป็นกลางดึก ไม่มีความแตกต่างจากตอนกลางวันเลย

แต่เพราะนี่คือดดวงจันทร์เทียมและไม่ใช่ของธรรมชาติ เฟิงหลินจึงไม่อาจดูดซับมันผ่านเคล็ดหายใจได้

เฟิงหลินยังมีเครื่องแบบของบริษัทยาอยู่ เขาไม่หยุดเดินและมุ่งหน้าไปยังลิฟต์ซึ่งจะพาเขาไปยังพื้นผิว

ลิฟต์เร็วมากและในไม่ช้าเขาก็มาถึงพื้นผิว

หวือ

ทันทีที่เขาก้าวออก ลมกระโชกแรงก็พัดเข้ามา ความรุนแรงของลมเพียงพอจะโยนมนุษย์ขึ้นไปในอากาศ อย่างน้อยที่สุด ความแรงลมก็มาถึงระดับ13 แรงลมนั้นแรงยิ่งกว่าพายุไต้ฝุ่น

ร่างของเฟิงหลินสั่นแต่ก็ปรับสมดุลได้

บรรยากาศตอนกลางคืนบนดาวอังคารนั้นเย็นมาก ประมาณ-30องศา ลมหนาวก่อตัวขึ้นบ่อยครั้ง ทำให้เมฆฝุ่นฟุ้งกระจาย หากคนโชคร้าย พวกเขาอาจถูกแช่แข็งเป็นรูปปั้นน้ำแข็ง

แต่ทว่า ด้วยพลังของเฟิงหลินในปัจจุบัน บรรยากาศจึงไม่ส่งผลกระทบต่อเขา

สิ่งที่โชคดีคือวันนี้ถือเป็นวันที่อากาศดีบนดาวอังคาร แม้ลมจะแรง สภาพอากาศก็ดี ไม่มีเมฆมากเกินไปและมองเห็นดาวระยิบระยับบนท้องฟ้า

แต่น่าเศร้า ไม่มีดวงจันทร์บนดาวอังคาร เขาไม่อาจดูดซับแก่นของดวงจันทร์ได้

แต่ทว่า พลังงานดวงดาวก็เหมือนกัน ไม่ว่าในกรณีใด พลังงานจากกลุ่มดาวในท้องฟ้านั้นมาจากแหล่งเดียวกัน แต่พวกมันไม่ได้อุดมสมบูรณ์เมื่อเทียบกับแก่นของดวงจันทร์

นอกจากนี้ แก่นของดวงอาทิตย์ที่นี่เองก็ร้อนเกินไป หากเขาดูดซับมันอย่างเร่งรีบ มันจะทำให้ไฟในตัวเขาพุ่งพล่าน และอาจเผาตัวเองตาย

ดังนั้น เฟิงหลินจึงทำได้แค่ดูดซับพลังงานจากดวงดาวในท้องฟ้า

เขาเพิ่มความเร็วเขาและเริ่มวิ่งสวนลม ภาพติดต่อพลันปรากฏ ทุกการเคลื่อนไหวเขาจะสร้างลมเช่นกัน เหมือนดาบแหลมที่แหวกผ่านลมซึ่งขัดขวางการเคลื่อนไหวเขา

ด้วยการแตะเท้าเบาๆ ทั้งร่างเขาก็ทะยานไปไกลกว่าสิบเมตร กางแขนเหมือนนกที่กำลังโบยบิน

เฟิงหลินเร่งความเร็วถึงสูงสุด ไม่ช้า เขาก็ออกจากป่ากังหันลมในเมืองชิไทและมุ่งหน้าไปยังเงาสูงตระหง่าน

เงานั้นเป็นภูเขาขนาดมหึมาและดูน่าเกรงขาม

ไม่มีมหาสมุทรบนดาวอังคาร ดังนั้น คำว่า’เหนือกว่าระดับน้ำทะเล’จึงไม่มีอยู่ แต่ถึงกระนั้น ภูเขานี้ก็ยังสูงกว่าหกพันเมตร มันสูงและมีป่าหินบนนั้น มนุษย์ธรรมดาจะพบว่ามันยากที่จะปีน แม้กระทั่งนกก็อาจบินขึ้นไปไม่ถึง

มันเป็นภูเขาโดดเด่นเหนือทุกสิ่งรอบๆ หากคนยืนบนยอดเขา พวกเขาจะสามารถดูดซับพลังแห่งดวงดาวได้ดีสุด

เฟิงหลินแปลงเป็นภาพติดตามากมาย เร่งความเร็วถึงขีดสุด หากคนธรรมดาเข้าใกล้เขาตอนนี้ พวกเขาจะรู้สึกราวกับพวกเขาเห็นภูตผีมากมายและกรีดร้องด้วยความกลัว

เขากระโดดข้ามโขดหินบนภูเขาและกระโดดสูงขึ้นๆ เคลื่อนไหวเหมือนลิง

เมื่อลมแรงพัดผ่าน ไม่เพียงแต่เฟิงหลินจะไม่รู้สึกหนาว แต่เขายังสดชื่น

เขาไม่เคยรู้สึกเป็นอิสระแบบนี้มาก่อน สำแดงพลังและความสามารถออกมาเต็มที่ เขารู้สึกสบายมากและอดหัวเราะลั่นไม่ได้

เสียงหัวเราะเขาสะท้อนผ่านหุบเขาและล่องลอยไปยังสถานที่อื่นโดยอาศัยสายลม

เฟิงหลินใช้เวลาไม่ถึงสิบนาทีในการไปถึงยอดเขาสูงหกพันเมตร

เมื่อยืนบนยอด ลมแรงยิ่งแรง ส่งหินเล็กๆลอยไปทั่ว ชนกับผาทิ้งหลุมไว้มากมาย มันอันตรายมาก

แต่ตำแหน่งของเฟิงหลินอยู่จุดสูงสุด หากเขาถูกลมพัด กระดูกเขาย่อมแหลก

แต่เฟิงหลินกลับยืนอย่างมั่นคง ขาเขาเหมือนรากต้นไม้แก่ ฝังลึกบนพื้น ยืนโดยไม่ขยับ

เขากวาดตามองรอบๆและสามารถเห็นภูเขาอื่นๆและทะเลทรายไร้สิ้นสุด ด้วยเหตุผลบางอย่าง เขารู้สึกว่าเขากำลังก้าวไปทั่วดาวอังคาร และมันก็ทำให้เขามีความรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นผู้พิชิต

เฟิงหลินอาบลม เสื้อคลุมเขากระพือเสียงดังพลางตัดสินใจนั่งสมาธิ

ตามความทรงจำเขา เขาเริ่มใช้เคล็ดหายใจดวงดาว ซึ่งเขาได้เรียนรู้เพื่อควบคุมลมหายใจเขา

หายใจเข้า หายใจออก...

เขาสูดหายใจเข้าออกช้าๆ ทุกลมหายใจเขายาวมาก

สภาพจิตใจของเฟิงหลินสงบมากและรูขุมขนทั่วร่างเขาก็เปิดออก ร่างเขาเหมือนหลุมดำ ดูดซับพลังงานในอากาศอย่างบ้าคลั่ง

ดาวบนท้องฟ้ามัวหมอง ทิ้งความมืดไว้ด้านหลัง

จากสภาพแวดล้อมเขา ในรัศมีประมาณพันเมตร แสงสีเงินได้รวมตัวกัน สร้างเป็นปรากฏการณ์ที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า มันเป็นภาพที่งดงามอย่างแท้จริง

พลังงานดวงดาวเข้าร่างกายเขาจากรูขุมขนและเริ่มไหลเวียน นำสารอาหารไปยังทุกส่วนของร่าง

มันรู้สึกเหมือนสายลมเย็น ชโลมจิตใจ และวิญญาณเขา เฟิงหลินรู้สึกสดชื่นมาก

ด้วยความคิด วิญญาณเขาพลันออกจากขอบเขตของมนุษย์และเป็นหนึ่งเดียวกับสภาพแวดล้อม

ตอนนี้ เฟิงหลินรู้สึกราวกับเขายืนอยู่ท่ามกลางท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดาวนับไม่ถ้วน สัมผัสถึงความกว้างใหญ่ของฟ้าดิน

นี่ต้องเป็นสภาวะที่น่าอัศจรรย์ของฟ้าดินรวมเป็นหนึ่ง!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด