ตอนที่แล้วเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0478
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0480

เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0479


ตอนที่ 479 : มังกร

ผ่านการฝึกฝนกว่าสิบวัน ฉินหยุนและเชี่ยวเย่ว์หลานขณะนี้เริ่มมีเส้นสายสีดำปกคลุมร่างกาย นี่คือสิ่งที่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่ห้าจะพบพานเมื่ออักขระชีวิตปรากฏในร่างกาย

ในเวลานี้ เส้นสายวิญญาณอักขระชีวิต พวกมันเริ่มกระชับแน่นที่ร่างกาย

ฉินหยุนและเชี่ยวเย่ว์หลานสวมกอดกัน ขณะเส้นสายวิญญาณอักขระชีวิตปกคลุมทั้งสองเป็นรังไหมสีดำ

ตราบเท่าที่พวกเขาออกมาจากรังไหม เส้นใยกายเต๋าของพวกเขาจะเลื่อนระดับได้สำเร็จ เมื่อนั้น หมายความถึงพวกเขาฝึกฝนเส้นใยกายเต๋าได้สำเร็จ และยังก่อเกิดอักขระชีวิตตัวที่หก มันจะทำให้ขุมพลังเต๋าของพวกเขาได้มีพลังเต๋าที่แกร่งกล้ามากขึ้น

แน่นอนว่า มีแต่ผู้มีพรสวรรค์สูงล้ำจึงสามารถปลดปล่อยพลังเต๋าที่ครอบครองออกมาได้

ตามปกติแล้ว มันจะส่งผลที่ดียามเมื่อทำการจารึก สกัดเม็ดยา หรือเมื่อทำการขัดเกลาวิญญาณ

หากมีความรู้ความเข้าใจต่อความสามารถไม่สูงล้ำ และพลังเต๋าอ่อนด้อย มันจะเป็นเรื่องยากหากคิดแสดงพวกมันออก ผลประโยชน์ที่ได้รับจากมัน จะมีเพียงแต่พลังอันแข็งแกร่งที่มาพร้อมอักขระชีวิตตัวที่หก

เชี่ยวเย่ว์เหม่ยและเชี่ยวเสวียนฉิน ขณะนี้แช่กายในสระน้ำ มองไปยังรังไหมสีดำซึ่งลอยอยู่ ทั้งสองต่างคาดหวังถึงยามที่พวกเขาจะออกจากรังไหม

“เมื่อพวกเขาออกมาจากรังไหม เมื่อนั้นพวกเขาก็จะเป็นขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่หก!” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยหัวเราะ “ความเร็วของพวกเขาถือเป็นเรื่องดี ทั้งสองต่างมีหลายแก่นเต๋า การเลื่อนระดับพลังถือว่าเชื่องช้ากว่าพวกเรามากนัก!”

เชี่ยวเสวียนฉินกล่าว “เย่ว์เหม่ย เมื่อถึงเวลาที่พวกเราต่อสู้ เจ้าต้องติดตามข้าอย่างใกล้ชิด! พวกเรายังมีเวลาอีกราวครึ่งเดือน น่าจะก้าวสู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เจ็ดได้!”

“บางทีพวกเราอาจไม่จำเป็นต้องสู้ด้วยซ้ำ!” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยหัวเราะ

ฉินหยุนและเชี่ยวเย่ว์หลาน ใช้เวลาทั้งสิ้นสองวันจึงค่อยออกมาจากรังไหม ทั้งสองขณะนี้ก้าวถึงขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่หกสำเร็จเรียบร้อยแล้ว

หลังจากคำนวณระยะเวลา พวกเขาค่อยตระหนักได้ว่าเหลืออีกเพียงสิบสามวัน ในวันที่สิบมิถุนายน ศิษย์สำนักที่แข็งแกร่งที่สุดของเก้าแดนอ้างว้างจะบุกเข้าโจมตี

ในช่วงเวลาสิบสามวันนี้ ไม่เพียงพอให้พวกเขาได้ก้าวสู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เจ็ด!

หลายวันที่ผ่านมา หยางฉีเย่ว์บ่อยครั้งออกไปเดินเตร่ที่ภายนอก สืบหาข้อมูล และก็เพื่อทำความคุ้นชินกับตัวนางที่มีวิญญาณยุทธ์จันทราทมิฬ

“พวกเจ้าฝึกฝนกันต่อ เย่ว์หลานและข้าจะปรับพื้นฐานการฝึกฝน!” ฉินหยุนดึงเชี่ยวเย่ว์หลานไปยังห้องหินกว้างขวาง

เชี่ยวเย่ว์หลานถอนหายใจ “เสี่ยวหยุน ข้ากลัวว่าพวกเราจะไม่อาจก้าวถึงขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เจ็ด ถึงตอนนั้น การเผชิญหน้าศิษย์ของสำนักเก้าตะวันจะเป็นเรื่องชวนยากลำบาก!”

“เย่ว์หลาน ข้ามีมังกร!” ฉินหยุนนำเอาหม้อราชสีห์สวรรค์สะกดมังกรออกมา “ระหว่างทางไปเขตแดนอ้างว้างหลุมฝังเซียน คณะราชันยุทธ์ได้โหมโจมตีมังกรตัวหนึ่ง เจ้าน่าจะได้ยินเรื่องนี้มาบ้าง!”

เชี่ยวเย่ว์หลานอุทานร้อง “ย่อมได้ยิน! ท่านยายตู้บอกต่อข้า ว่าพวกเขาลงมือโจมตีมังกรนั่นจนหนีหาย! อย่าบอกนะว่า... มันอยู่ในหม้อสามขานี่?”

ฉินหยุนยิ้มพยักหน้ารับ “เจ้าทราบวิธีใช้มังกรตัวนี้หรือไม่? มันจะดีนักหากทำให้พวกเราเลื่อนระดับได้รวดเร็วขึ้น!”

“ในร่างของมังกรย่อมมีแก่นมังกร หากพวกเราได้ดูดกลืนมัน ย่อมทำให้สามารถเลื่อนระดับได้!” เชี่ยวเย่ว์หลานเผยความตื่นเต้นขึ้นมา “ข้าจะไปเรียกพี่หยางมาพูดคุยเรื่องนี้!”

ฉินหยุนพยักหน้ารับ

หยางฉีเย่ว์เพิ่งกลับจากภายนอก ขณะนี้สวมใส่ชุดสีขาว เส้นผมมัดรวบเอาไว้ เป็นท่วงท่าที่พร้อมต่อสู้ได้ทุกเมื่อ

นางพอเข้ามาในห้องลับแล้ว ได้ทราบว่าฉินหยุนมีมังกรอยู่กับตัว นางถึงกับอึ้งไปวูบ!

“ให้ข้าเข้าไปในหม้อนั่นและสังหารมังกรตัวนั้น จากนั้นข้าจะนำแก่นมังกรออกมา!” หยางฉีเย่ว์กล่าว “ถัดจากนั้น พวกเจ้าค่อยดูดกลืนแก่นมังกร พร้อมทั้งแช่กายในเลือดมังกรด้วย!”

“เพื่อก้าวสู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เจ็ด จำเป็นต้องบำรุงเลี้ยงเส้นใยกายเต๋าถึงขีดสุด พวกมันจะเริ่มปลดปล่อยพลังเต๋าแรกเริ่มออกมา จากนั้นควบแน่นพวกมันที่ใจกลางแก่นเต๋า นี่ถือเป็นขั้นตอนสำคัญที่สุด!”

ฉินหยุนเปิดฝาหม้อและให้หยางฉีเย่ว์ได้เข้าไป เขายังย้ำเตือนนางให้ระมัดระวังตัวด้วย

“เสี่ยวหยุน เมื่อเจ้าก้าวสู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่หก ก็สมควรได้เรียนรู้ความสามารถเทวะที่สองใช่หรือไม่?” เชี่ยวเย่ว์หลานยิ้มถาม “เป็นความสามารถเทวะอันใดกัน?”

ฉินหยุนตอบกลับ “ข้ายังไม่รู้แจ้งถึงความสามารถเทวะที่สอง แต่ความสามารถเทวะนี้ย่อมแข็งแกร่ง! เคล็ดวิชาอัญเชิญราชสีห์สวรรค์ ขณะนี้มันให้ข้าเรียกราชสีห์สวรรค์ใต้พิภพออกมาได้ถึงสองตัวแล้ว!”

“วิญญาณยุทธ์สั่นไหวสามารถสร้างแผ่นดินไหวออกจากพื้นโลก รายละเอียดข้าไม่ทราบนัก! ทางด้านวิญญาณยุทธ์ตะวันทมิฬ ก็ยังเป็นเหมือนเคย!”

พลังของวิญญาณยุทธ์ตะวันทมิฬไม่เคยปรากฏ พวกมันย่อมมี แต่ด้วยพลังของเขาตอนนี้ ทำให้ไม่อาจปลดปล่อยพวกมันออกมาได้

เป็นเขาสงสัยว่าจะเป็นพลังการดูดกลืนชวนขนพองสยองเกล้า!

“ทางด้านข้าก็ไม่ต่างกัน ความสามารถเทวะของข้าแข็งแกร่งขึ้นก็ใช่...” เชี่ยวเย่ว์หลานถอนหายใจ “วิญญาณยุทธ์สีดำสามารถแปรสภาพได้ถึงเก้าครั้ง เมื่อพวกเราก้าวถึงขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่สาม นั่นคือการแปรสภาพครั้งแรก และระดับที่หกคือการแปรสภาพครั้งที่สอง!”

ฉินหยุนพยักหน้ารับ “ดูเหมือนทุกชั่วระดับหนึ่ง ความสามารถเทวะของพวกเราจะแข็งแกร่งขึ้น!”

ทันใดนี้เอง หยางฉีเย่ว์จึงออกมา พร้อมไข่มุกขนาดเท่าลูกเกาลัดในมือ “แก่นมังกร!”

“เล็กยิ่งนัก!” เชี่ยวเย่ว์หลานเผยสีหน้ารังเกียจเล็กน้อยขณะรับมา แต่แล้วก็รู้สึกได้ ว่าไข่มุกนี้หนักอึ้ง กลายเป็นทำนางยินดีขึ้นมาแทน

ไข่มุกขนาดเล็กเม็ดนี้หนักถึงหลายแสนจิน จากสภาพนี้ สมควรอัดแน่นเอาไว้ด้วยพลังแกร่งกล้ามหาศาล!

หยางฉีเย่ว์นำอ่างอาบน้ำสีเงินออกมา ขนาดของมันใหญ่พอให้สองคนลงไปแช่

“ขวดนี่บรรจุเลือดมังกรเอาไว้!” นางเทเลือดมังกรในอ่างน้ำสีเงิน “หลังพวกเจ้าดูดกลืนพลังจากเลือดมังกร ก็ค่อยเข้าไปในหม้อสามขาด้วยตัวเองแล้วกัน!”

หยางฉีเย่ว์พอได้เห็นฉินหยุนและเชี่ยวเย่ว์หลานเข้าในอ่างน้ำ นางจึงออกจากห้องลับไปอย่างเงียบงัน

ผ่านการฝึกฝนอยู่สิบวัน ฉินหยุนและเชี่ยวเย่ว์หลานบำรุงเลี้ยงร่างกายด้วยแก่นมังกร และการแช่กายในเลือดมังกร

ทว่า แก่นมังกรนี้ยังไม่คล้ายหมดสิ้นพลัง ดังนั้นฉินหยุนจึงผนึกมันเอาไว้ และเก็บรักษาเป็นอย่างดีเป็นการชั่วคราว

“ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เจ็ด เลือดในกายเหมือนแข็งแกร่งขึ้น สมควรเป็นโลหิตเต๋าแล้ว!” ฉินหยุนหลับตา รับรู้ถึงอักขระชีวิตที่ปรากฏในเลือด

เดิมฉินหยุนครอบครองสายเลือดราชสีห์สวรรค์ ราชสีห์สวรรค์ก็เหมือนดังมังกร ดังนั้นหลังการดูดกลืน มันจึงเป็นการเพิ่มพูนพลังอย่างรวดเร็ว

เชี่ยวเย่ว์หลานครอบครองสายเลือดมังกร ดังนั้นการดูดกลืนเลือดมังกรจึงทำให้นางแข็งแกร่งขึ้นยิ่งอย่างไม่ต้องสงสัย

“ไม่นึกเลยว่าผู้ฝึกตนสายเลือดราชสีห์สวรรค์เช่นเจ้า และผู้ฝึกตนสายเลือดมังกรเช่นข้า จะกลายเป็นสามีภรรยากันได้!” เชี่ยวเย่ว์หลานขณะนี้จูบเข้าที่แก้มฉินหยุนอย่างอ่อนช้อย

ฉินหยุนและเชี่ยวเย่ว์หลานฝึกฝนร่วมกัน ความเร็วการฝึกฝนถือว่ามากล้ำ พวกเขาครอบครองสามแก่นเต๋า กระนั้นกลับรวดเร็วยิ่งกว่าเซี่ยอู๋เฟิงและคณะเสียอีก

เมื่อเลื่อนระดับเรียบร้อยแล้ว หยางฉีเย่ว์จึงเดินเข้ามา

“ยินดีด้วย พวกเจ้าก้าวถึงขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เจ็ดแล้ว!” หยางฉีเย่ว์ยิ้มด้วยใบหน้าเปี่ยมความตื้นตัน

นางได้เห็นฉินหยุนและเชี่ยวเย่ว์หลานเติบโต โดยเฉพาะฉินหยุน ย้อนกลับไปตอนนั้น เขายังเป็นศิษย์ของนางอยู่เลย

หลังจากปิดประตูห้องหิน นางค่อยโบกมือปลดปล่อยม่านพลังในอากาศปกคลุมสามร่างเอาไว้ นี่เป็นการทำเพื่อป้องกันไม่ให้เสียงถูกดักฟังหรือถูกแอบฟัง

เชี่ยวเย่ว์หลานและฉินหยุนได้เห็นสีหน้าจริงจังของนาง ทั้งสองล้วนมีคำถามอยู่เต็มอก

“เสี่ยวหยุน! บอกต่อข้าตามตรง เจ้าได้รับอะไรจากดวงจันทร์?” หยางฉีเย่ว์เอ่ยถาม “นี่เป็นเรื่องสำคัญ อย่าได้ปิดบัง!”

“ข้าได้รับวิญญาณดวงตะวัน!” ฉินหยุนกล่าวตอบ พร้อมนำเอาไข่มุกสีแดงร้อนแรงออกมา “เป็นสิ่งนี้!”

หลังจากผสานเข้ากับวิญญาณยุทธ์จันทราทมิฬ หยางฉีเย่ว์คล้ายฟื้นฟูความทรงจำจากชาติภพก่อนมาหลายส่วน เพราะเหตุนี้นางจึงถามต่อฉินหยุน

เชี่ยวเย่ว์หลานคล้ายทราบถึงความสำคัญของวิญญาณดวงตะวัน นางขณะนี้มองฉินหยุนด้วยอาการตื่นตะลึง!

“อย่างนี้นี่เอง!” หยางฉีเย่ว์ขมวดคิ้วกล่าวคำออก “เสี่ยวหยุน สถานที่ซึ่งวิญญาณดวงตะวันไปหยุดลง มันย่อมมีความสอดคล้องกับตัวสถานที่! เจ้านำเอาวิญญาณดวงตะวันจากดวงจันทร์มาที่นี่ มันจะทำให้สามแดนอ้างว้างเกิดความเปลี่ยนแปลง!”

“เปลี่ยนแปลงอันใด? ภัยพิบัติหรือ?” ฉินหยุนเร่งร้อนเอ่ยถาม

“ไม่! หากไข่นี้ฟักออก เพื่อปกป้องวิญญาณดวงตะวันภายใน เก้าดวงตะวันบนฟากฟ้าจะปลดปล่อยพลังออกมาชนิดหนึ่ง มันจะทำให้ยอดฝีมือของสามแดนอ้างว้างไม่อาจอยู่อาศัยที่นี่ได้อีกต่อไป!”

หยางฉีเย่ว์ถอนหายใจ “นี่คือความพยายามของเก้าดวงตะวันเพื่อปกป้องวิญญาณดวงตะวัน! ด้วยพลังตอนนี้ของเก้าดวงตะวัน แดนวิญญาณอ้างว้างและแดนอ้างว้างที่ยิ่งใหญ่แห่งอื่นจะไม่มีอันใดเปลี่ยน ทว่ามันจะมีผลกับสามแดนอ้างว้างโดยตรง!”

เชี่ยวเย่ว์หลานหัวเราะ “อย่างนั้นก็ถือเป็นเรื่องดีสิ!”

“เป็นเรื่องดี! แต่ก็ยังหมายถึงมีความเป็นไปได้ที่ยอดฝีมือในสามแดนอ้างว้าง จะต้องอพยพมุ่งหน้าไปยังแดนวิญญาณอ้างว้างและแดนอสูรอ้างว้าง! ส่วนระดับการฝึกฝนที่จะถูกขับไล่ไปนั้น ข้าไม่มั่นใจนัก” หยางฉีเย่ว์กล่าว

ฉินหยุนกลายเป็นยินดี หากเป็นเรื่องจริง ภายหน้าเขาก็ไม่ต้องหวั่นเกรงราชันยุทธ์อีกต่อไป

“อย่างนั้นแล้วพวกเราจะฟักไข่นี้อย่างไร?” ฉินหยุนเอ่ยถามน้ำเสียงตื่นเต้น

หยางฉีเย่ว์กล่าวตอบ “หากไม่ผิดพลาด ออร่าที่ปลดปล่อยจากไข่ใบนี้สมควรเป็นเปลวเพลิงเทวะ! นี่เป็นออร่าซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของนกกระจอกลึกล้ำเก้าสวรรค์! เพื่อฟักนกกระจอกลึกล้ำเก้าสวรรค์ ก็จำเป็นต้องใช้โทเทมนกกระจอกลึกล้ำเก้าสวรรค์!”

“ข้ามีพอดี!” ฉินหยุนเร่งรีบนำโทเทมนกกระจอกลึกล้ำเก้าสวรรค์ออกมา พร้อมปากกาลึกล้ำสะท้อนจิตในมือ

เขาสูดลมหายใจเข้าลึก สงบใจตัวเอง ทำการแกะสลักโทเทมลงบนเปลือกไข่

ปากกาลึกล้ำสะท้อนจิตครอบครองจารึกวิญญาณราชันสัตว์ ดังนั้นการแกะสลักโทเทมสัตว์จึงเป็นเรื่องง่าย

ไม่ช้าฉินหยุนจึงทำได้สำเร็จ

ชั่วเวลานี้ เปลือกของไข่เกิดรอยปริแตกขึ้น!

“มันคิดออกมาเลยหรือ?” ฉินหยุนถูไม้ถูมือขณะจับจ้องสายตาไปยังไข่ที่ปริแตก

เชี่ยวเย่ว์หลานและหยางฉีเย่ว์ ต่างก็จ้องมองไข่ที่ลุกโชติช่วงจนเกิดความกังวลขึ้นภายใน

“แคร้ก!”

ไข่ปริแตกโดยสมบูรณ์ ลูกเป็ดน้อยทองม่วงลอยออกพร้อมเข้าหาในมือฉินหยุน

“นี่คือนกกระจอกลึกล้ำเก้าสวรรค์หรือ? ล้อกันเล่นหรือเปล่า?” ฉินหยุนร้องออก ขณะนี้มือของเขาถูกกัดจนเลือดออก

ชั่วขณะที่เลือดหลั่ง เขารู้สึกได้ถึงการเชื่อมต่อแปลกประหลาดกับลูกเป็ดน้อยในมือ

“นี่เป็นเพียงสภาพที่เพิ่งออกจากไข่ เป็นเช่นนี้ก็ไม่แปลกอะไร!” หยางฉีเย่ว์เผยความยินดีไม่น้อย นางยื่นมือไปสัมผัสที่ลูกเป็ดทองม่วง รอยยิ้มเผยออกกว้าง “เจ้าตัวน้อย นับแต่นี้ก็ติดตามเขาด้วยละ!”

“เจ้าตัวน้อยน่ารัก มาให้พี่สาวคนนี้กอดหน่อยเร็ว!” เชี่ยวเย่ว์หลานมองลูกเป็ดตัวน้อยน่ารักด้วยความยินดี มือขณะนี้ยื่นออกคิดสัมผัส

ลูกเป็ดน้อยกระพือปีกน้อยทั้งสองข้างพร้อมเสียง “จี๊” ดังขึ้นชวนให้มองอย่างเอ็นดู

“เสี่ยวหยุน มังกรที่เจ้ามี สมควรเพียงพอให้เจ้าตัวน้อยนี่กินสักหนึ่งหรือสองปี!” หยางฉีเย่ว์กล่าว

“หนึ่งหรือสองปีเองหรือ? มังกรนั่นตัวใหญ่นัก ตัวใหญ่แค่นั้นพอให้เจ้าตัวน้อยนี่กินได้แค่หนึ่งหรือสองปีเองหรือ?” ฉินหยุนอุทานร้อง

หยางฉีเย่ว์หัวเราะ “นี่เป็นสัตว์เทวะ เป็นสิ่งที่สามารถทำให้เติบโตได้แต่ในสถานที่อย่างแดนเซียนอ้างว้าง! เรื่องนี้ไม่นับว่าแปลกแต่อย่างใด!”

ฉินหยุนขณะนี้เกิดความยินดี ที่กระต่ายหยกตัวน้อยหลับใหล หากไม่แล้ว เขาคงโดนตัวตะกละเข้ารุมเร้าอีกหนึ่งทางแน่

แต่ไม่ว่าจะด้วยอะไร นี่ก็คือสัตว์เทวะที่เพิ่งถือกำเนิด มันจะค่อย ๆ เติบโตขึ้นผ่านกาลเวลา

หนึ่งเดือนผ่านพ้นรวดเร็วยิ่ง วันที่เจ็ดมิถุนายน อีกสามวันก่อนที่กลุ่มแรกของสำนักเก้าตะวันจะมาถึงทางเข้านครโบราณ!

หลายคนต่างคิดอยากรับชมเรื่องราวใหญ่โต พื้นที่โล่งกว้างด้านนอกประตูเมืองขณะนี้ ถึงกับมีกระโจมน้อยใหญ่อยู่เต็มไปหมด

ยังมีเวลาอีกสามวันก่อนที่ศิษย์แกร่งกล้าและลึกลับของสำนักเก้าตะวันจะเข้าเมืองไปจับตัวฉินหยุน

ด้วยสถานการณ์เช่นนี้ ผู้คนคิดอยากเป็นประจักษ์พยานว่าฉินหยุนจะโรยราเช่นไร

ผ่านการฝึกฝนหนึ่งเดือน เซี่ยอู๋เฟิงและคณะก้าวสู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เจ็ดได้อย่างราบลื่น!

เวลาเดียวกันนี้ เรื่องราวชวนขนลุกก็ได้บังเกิดขึ้นกับสามแดนอ้างว้าง

ผู้ฝึกตนแกร่งกล้าที่ขอบเขตวรยุทธ์ลึกล้ำและราชันยุทธ์ พวกเขาไม่อาจรับรู้ถึงพลังวิญญาณเก้าตะวันได้อีกต่อไป!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด