ตอนที่แล้วเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0477 [อ่านฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0479 [อ่านฟรี]

เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0478 [อ่านฟรี]


ตอนที่ 478 : ชาติภพก่อนหน้า

ท่ามกลางท้องฟ้าเจิดจ้าด้วยแสงตะวัน เป็นการยากยิ่งที่จะได้พบเห็นจันทราสีดำ

แม่เฒ่าตู้เอ่ยถามเสียงเบา “แม่เฒ่าหลิง นี่หมายความถึงอะไรกัน?”

“มัน... มันหมายความถึง ผู้ครอบครองวิญญาณยุทธ์จันทราทมิฬถือกำเนิดขึ้นแล้ว! และนั่น ถือเป็นวิญญาณยุทธ์ที่น่ากลัวอย่างยิ่ง!” แม่เฒ่าหลิงเผยสีหน้าเปี่ยมล้นด้วยความหวาดกลัว

หานเฝิงหู่ขมวดคิ้ว “ความสัมพันธ์ระหว่างตำหนักจันทราทมิฬ และจันทราทมิฬคืออะไรกันแน่?”

“เป้าหมายของตำหนักจันทราทมิฬ ก็เพื่อฝึกฝนวิญญาณยุทธ์จันทราทมิฬที่แกร่งกล้านั้น!” แม่เฒ่าหลิงกล่าว “ข้าไม่ทราบว่าผู้ใดจากแดนอ้างว้างถึงขั้นฝึกฝนวิญญาณยุทธ์จันทราทมิฬได้!”

บรรดาราชันยุทธ์ภายนอกนครโบราณ ขณะนี้มองจันทร์เพ็ญสีดำบนฟากฟ้า ขณะหารือกันด้วยอาการตื่นตระหนก

ขณะนี้ยังไม่มีราชันยุทธ์ผู้ใดจากไป พวกเขาบางคนยอมปล่อยมือจากนครโบราณแล้ว ขณะที่ผู้อื่นซึ่งรั้งรอ คิดอยากพบเห็นคนของสำนักเก้าตะวันปรากฏตัว พวกเขาต้องการเห็น ว่าอีกฝ่ายจะยึดครองนครโบราณได้อย่างไร

แต่ก็ยังมีบางสำนัก ที่ยังคิดใช้โอกาสช่วงเวลาที่มี เพื่อสร้างสัมพันธ์ใกล้ชิดกับสำนักเก้าตะวัน เผื่อว่าจะนำพาโชคลาภแก่พวกเขาในภายหน้าได้

หยางฉีเย่ว์ยังคงหลับ ขณะที่ฉินหยุนและเชี่ยวเย่ว์หลานเฝ้าอยู่ข้างกายไม่ห่าง พวกเขาไม่ทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้นภายนอกแม้เพียงนิด

เช้าวันถัดมา จันทราทมิฬได้เลือนหายไปแล้ว

หยางฉีเย่ว์นอนหลับในอ้อมกอดเชี่ยวเย่ว์หลานเงียบงัน ลมหายใจสม่ำเสมอ เป็นการหลับที่คล้ายสบายยิ่ง

ฉินหยุนมองที่โทเทมซึ่งได้รับมาจากเซียนปิงชิง มันคือนกกระจอกเทวะเก้าสวรรค์ เขารู้สึกได้ ว่ามันจะเป็นประโยชน์ต่อเขาอย่างมหาศาล

ขณะคิดพิจารณามันให้ดี ประตูหินพลันเปิดออก!

ฉินหยุนหันควับมองที่ประตูหิน พบว่าผู้ที่เข้ามาเป็นเชี่ยวเย่ว์เหม่ย!

เชี่ยวเย่ว์เหม่ยสวมใส่ชุดสีแดงสว่าง ผมหางม้าคู่ยาวยังคงไว้เช่นเดิม นางที่สวมใส่ชุดสีแดงขับเน้นผิวขาว พร้อมรอยยิ้มซุกซนประดับที่ใบหน้า ยิ่งทำให้นางน่ารัก

“พี่ชาย พี่สาว! ข้าหาพวกท่านจนพบ นี่ถือว่าเก่งหรือไม่?” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยหัวเราะ

“ชู่!” เชี่ยวเย่ว์หลานใช้นิ้วป้องปากบอกให้นางเงียบเสียงลง

ฉินหยุนและเชี่ยวเย่ว์หลาน ถึงกับอึ้งที่ได้เห็นเชี่ยวเย่ว์เหม่ยเข้ามาภายในนี้ได้!

“นี่เจ้าผ่านม่านพลังเข้ามาได้อย่างไร? ม่านพลังไร้ผลไปแล้วหรือ?” ฉินหยุนเกิดความตื่นตระหนก

“ย่อมไม่! ข้าใช้ความสามารถเทวะทะลุทะลวงเพื่อเข้ามา!” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยหัวเราะ “พี่ชายลืมแล้ว? เป็นข้าคัดลอกวิญญาณยุทธ์พร้อมความสามารถเทวะเอาไว้!”

ฉินหยุนถึงกับตบหน้าผากตนเองที่ลืมเลือน

เชี่ยวเย่ว์เหม่ยมียันต์ไล่ล่าวิญญาณกับตัว ย่อมสามารถใช้ติดตามออร่าของเขา เพราะเหตุนั้นนางจึงมาที่นี่

“พี่หยางผู้งดงามของข้าเป็นอะไรไปแล้ว? ได้รับบาดเจ็บหรือ?” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยได้เห็นหยางฉีเย่ว์หลับตานอนในอ้อมกอดเชี่ยวเย่ว์หลาน จึงเดินเข้าไปลูบไล้ใบหน้างดงามของอีกฝ่าย

ฉินหยุนกล่าวตอบ “อาจารย์หยางสบายดี เพียงแค่เหนื่อยจนหลับก็เท่านั้น! เย่ว์เหม่ย ด้านนอกขณะนี้เป็นอย่างไรบ้าง?”

“ราชันยุทธ์กลุ่มใหญ่ตั้งกระโจมที่ด้านนอกกันแล้ว พวกนั้นคิดรอคอยให้สำนักเก้าตะวันมาถึง!” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยเล่นเส้นผมของพี่สาวนาง ก่อนจะวิ่งเข้าหาฉินหยุนทางด้านหลังพร้อมยิ้มกว้าง

“พี่ชาย ข้าได้ยินว่าพี่สาวหมูฝันเฟื่องถูกจับตัว ข้าจึงเร่งรีบมา! ข้าคิดอยู่แล้วว่าท่านต้องระเบิดโทสะจัดการคนชั่วเหล่านั้นจนได้!” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยก็เป็นห่วงหงเมิ่งจูเช่นกัน “ว่าไป นางอยู่ที่ใดแล้ว?”

“อาการบาดเจ็บดีขึ้นแล้ว ขณะนี้อยู่ห้องหินข้างเคียง!” ฉินหยุนตอบ

“ดี ให้ข้าไปทำให้นางตกใจสักทีหนึ่ง!” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยหัวเราะพร้อมเดินออกไป

“เด็กน้อยผู้นี้ หากข้าไม่ต้องช่วยดูแลพี่หยาง คงดูแลนางให้นิสัยดีขึ้นบ้างสักทีหนึ่ง!” เชี่ยวเย่ว์หลานแค่นเสียงดังขึ้น

ฉินหยุนยิ้มพลางส่ายศีรษะ

หยางฉีเย่ว์หลับไปถึงสามวันสามคืนจึงค่อยตื่นขึ้น

นางพอตื่นขึ้นมา สีขาวในดวงตาพลันเลือนหาย กลับกลายเป็นหมอกสีดำ

นี่คือพลังของวิญญาณยุทธ์สีดำ แม้จะดูน่ากลัวไปบ้าง แต่มันคือพลังอันแกร่งกล้า

“พี่หยาง รู้สึกอย่างไรบ้างแล้ว?” เชี่ยวเย่ว์หลานมองที่หยางฉีเย่ว์ซึ่งนั่งบนหมอนรองพร้อมเอ่ยถามนุ่มนวล

สีหน้าของหยางฉีเย่ว์เย็นเยือก นางหลับตาลงครั้งหนึ่ง และลืมตาขึ้นอีกครั้ง กลุ่มออร่าสีดำเลือนหายแล้ว ทว่าดวงตานั้นยังคงเต็มไปด้วยความเย็นเยือก

นางจับจ้องที่ฉินหยุนด้วยสายตาเย็นเยือกลึกล้ำ นี่ไม่ใช่การคิดไปเอง จิตสังหารถึงกับปรากฏจากกายนาง!

เชี่ยวเย่ว์หลานตอบสนองรวดเร็ว นางชักกระบี่ออกมาไว้ในมือพร้อมถามเสียงเย็น “เจ้าไม่ใช่พี่หยาง! เจ้าเป็นใครกัน!”

สิ่งที่ฉินหยุนเป็นกังวลอยู่ภายในตลอดได้เกิดขึ้นแล้ว เขากังวลว่าหยางฉีเย่ว์จะฟื้นคืนความทรงจำ จนแปรเปลี่ยนเป็นผู้อื่น

หยางฉีเย่ว์พลันเผยรอยยิ้มอ่อนจาง ราวกับน้ำพุร้อนที่หลอมละลายหิมะ มันเปี่ยมด้วยความอบอุ่นและอ่อนโยน จิตสังหารขณะนี้เลือนหาย

ดวงตาของนางกลับคืนมาซึ่งความอ่อนโยนขณะยิ้มให้ “เป็นข้าคาดคะเนถึงวิญญาณยุทธ์จันทราทมิฬผิดพลาด ทำพวกเจ้าเป็นกังวลแล้ว!”

“ทำข้ากลัวแทบตาย! พี่หยาง ความทรงจำฟื้นคืนกลับมาแล้วหรือ?” เชี่ยวเย่ว์หลานตระหนักได้ดี นางกล้าบอกว่าแววตาของหยางฉีเย่ว์แตกต่างไปจากก่อนหน้า

กระทั่งว่ายังเป็นหยางฉีเย่ว์ แต่ความรู้สึกที่แผ่ออกมา มันแตกต่างออกไป

นี่ย่อมเป็นเพราะนางได้รับตัวตนจากชาติภพก่อนกลับคืนมา!

หยางฉีเย่ว์พยักหน้ารับ จากนั้นจึงส่ายศีรษะ “ความทรงจำของข้ากระจัดกระจาย มันเป็นเศษเสี้ยว แต่ไม่ว่าจะด้วยอะไร ข้าก็ยังเป็นพี่หยางของพวกเจ้า!”

“เช่นนั้นค่อยวางใจได้หน่อย!” เชี่ยวเย่ว์หลานเก็บกระบี่กลับคืน

“พี่หยาง ท่านอยู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เจ็ดแล้ว!” ฉินหยุนอุทานออก

หยางฉีเย่ว์พยักหน้ายิ้มรับ “ขอบคุณเจ้าแล้วเสี่ยวหยุน!”

“กระต่ายน้อยขณะนี้หลับอยู่ ให้ข้าส่งนางแก่ท่าน จะได้ช่วยท่านฟื้นคืนความทรงจำ!” ฉินหยุนกล่าวขึ้น

“ให้นางอยู่กับเจ้าก่อน! ข้าตอนนี้เลี้ยงดูนางไม่ไหว!” หยางฉีเย่ว์มัดผมขึ้นพลางกล่าว “ข้าต้องกลับไปรายงานต่อท่านยายหลิงและคณะ”

ขณะนี้ เชี่ยวเย่ว์เหม่ยวิ่งเข้ามา ได้พบหยางฉีเย่ว์ นางจึงกระโจนตัวเข้าหาอ้อมแขนอีกฝ่าย “พี่หยาง!”

“เด็กน้อยที่ซุกซน เจ้าก็มาที่นี่ด้วยหรือ!” หยางฉีเย่ว์บีบจมูกงดงามอีกฝ่ายไว้พร้อมยิ้มกล่าว

เชี่ยวเย่ว์เหม่ยตอบคำ “ตอนข้ามาถึงท่านยังหลับอยู่เลย! จริงด้วย ก่อนข้าเข้ามา ดวงจันทร์สีดำได้ปรากฏบนท้องฟ้า เสียดายนักที่ท่านไม่ได้เห็น!”

“ข้ากำลังจะออกไปข้างนอก รายงานสถานการณ์ในนี้ก่อน จากนั้นค่อยให้พี่ชิงเฉิงติดต่อผู้อื่นให้เข้ามา!” หยางฉีเย่ว์ยิ้มกล่าว

“ให้ข้าไปด้วย! ข้าคิดอยากเรียกท่านป้ามาฝึกฝนที่นี่เช่นกัน!” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยเร่งร้อนเสนอตัว

“ได้!” หยางฉีเย่ว์ยิ้มรับ จากนั้นจึงดึงเชี่ยวเย่ว์เหม่ยเดินออกไปจากห้องหิน

หยางฉีเย่ว์ปลดปล่อยออร่าสีดำอ่อนจาง ก่อนจะทะลวงผ่านม่านพลังไปอย่างง่ายดาย คล้ายกับว่านางสามารถกระทำได้ง่ายดายกว่าความสามารถเทวะทะลุทะลวงของฉินหยุนด้วยซ้ำ

“เสี่ยวหยุน เจ้าเห็นหรือไม่? สายตาของพี่หยางตอนที่มองเจ้าแปลกออกไป!” เชี่ยวเย่ว์หลานถองสีข้างฉินหยุนพลางกล่าวกระซิบ

“เจ้าก็เห็น? เดิมมันเต็มไปด้วยความเกลียดชังต่อข้า แต่ภายหลังค่อยกลับคืนเป็นปกติ!” ฉินหยุนขมวดคิ้ว เพราะเขาคิดว่าสิ่งที่พบเห็นไม่มีทางตาฝาดไปเองแน่

เชี่ยวเย่ว์หลานกล่าวต่อ “แม้ยากพบเห็น แต่ข้าก็ยังเห็นว่าพี่หยางมองเจ้าอย่างไร ในแววตาของนางเต็มไปด้วยอารมณ์ซับซ้อน เรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน!”

“อย่าได้พูดคุยเรื่องนี้ต่อแล้ว ไปฝึกฝนในสระศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามให้แข็งแกร่งขึ้นก่อนดีกว่า พวกเราจะได้ต่อกรสำนักเก้าตะวันได้!”

ฉินหยุนดึงแขนนางกระโดดลงสระน้ำ จากนั้นทั้งสองค่อยฝึกฝนร่วมกัน

ฉินหยุนเดิมคิดสร้างอาคมที่ประตูเมือง ทว่าด้วยกำลังตอนนี้ เขาไม่มีทางสร้างค่ายอาคมที่แข็งแกร่งขึ้นได้

เมื่อถึงเวลา บรรดาผู้ฝึกตนที่คิดเข้าเมือง ย่อมต้องใช้พลังของผู้อาวุโสตนเองทำลายค่ายอาคมนั้นเพื่อบุกเข้ามา

ด้วยเหตุนี้ เขาจึงตัดสินใจใช้เวลาที่มีน้อยนิดเพื่อฝึกฝนและเลื่อนระดับพลัง

แม้ข่าวคราวเรื่องสำนักเก้าตะวันยังคงอยู่แพร่กระจาย ทว่าพวกเขาไม่ได้มารวดเร็วเพียงนั้น

หยางฉีเย่ว์ในตอนนี้ได้ครอบครองวิญญาณยุทธ์จันทราทมิฬ ความทรงจำชาติภพก่อนของนางคล้ายฟื้นคืนกลับมาเล็กน้อย รวมถึงความจริงที่ว่านางอยู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับเจ็ด ตัวนางขณะนี้ถือว่าแข็งแกร่งยิ่ง

ผ่านไปหนึ่งเดือน หยางฉีเย่ว์ให้สื่อชิงเฉิงช่วยติดต่อหลายผู้คน

แม้สื่อชิงเฉิงพยายามแล้ว ก็ติดต่อได้แต่หลันเฟิงจิน ผู้อื่นล้วนขาดการติดต่อจากนาง จึงเป็นเรื่องยากที่นางจะค้นหาพวกเขาได้พบ

ยกตัวอย่าง เสวี้ยซือเยี่ยและเมิ่งเฟยหลิง ทั้งสองมีสัมพันธ์อันดีกับฉินหยุน ขณะนี้ซ่อนตัวอยู่ภายใต้เงาของตำหนักจันทราทมิฬ

อีกทางหนึ่ง จากประตูลึกล้ำเก้าสมบูรณ์ หยวนหยานหยิงและเฟิงหงหลัน ทั้งสองฝากตัวเป็นศิษย์ของตำหนักจันทราทมิฬแล้ว

ตำหนักจันทราทมิฬยังมอบผลประโยชน์แก่ประตูลึกล้ำเก้าสมบูรณ์หลายสิ่งอย่าง

ฉินหยุนขณะนี้ย้ายมาอยู่ห้องหินที่อยู่ในถ้ำของภูเขาซึ่งเป็นที่ตั้งของสระน้ำศักดิ์สิทธิ์ทั้งสาม มันเป็นห้องหินขนาดใหญ่ที่ใช้เป็นห้องโถง

ในโถงกว้างขวาง โฉมงามดิบเถื่อน ผิวสีน้ำตาลข้าว และตัวสูง ขณะนี้นั่งไขว้ขาตรงหน้าเขา เป็นหลันเฟิงจิน

“อาจารย์ หยานหยิงและหงหลันไม่ได้คิดอยากเข้าร่วมตำหนักจันทราทมิฬ! แต่จ้าวสำนักยืนกรานให้พวกนางไป จ้าวสำนักบอก ว่าประตูลึกล้ำเก้าสมบูรณ์ขณะนี้มีแต่ถ่วงรั้งการฝึกฝนพวกนาง” หลันเฟิงจินถอนหายใจ อีกทางหนึ่ง นางก็เข้าใจเรื่องราวทางด้านนครโบราณยุทธ์เต๋า

หยางฉีเย่ว์กล่าว “พวกนางได้เป็นศิษย์ของตำหนักจันทราทมิฬ ก็มีการมอบผลประโยชน์หลายอย่างให้แก่ประตูลึกล้ำเก้าสมบูรณ์ ความเป็นเอกลักษณ์ของพวกนางไม่ใช่เล่น! จ้าวสำนักของเจ้าถือว่าทำเพื่อพวกนาง!”

ฉินหยุนทราบดี ว่าหยวนหยานหยิงและเฟิงหงหลันรู้สึกผูกพันธ์ต่อประตูลึกล้ำเก้าสมบูรณ์ลึกซึ้งเพียงใด

และขณะนี้ ประตูลึกล้ำเก้าสมบูรณ์ตกอยู่ในปัญหา พวกนางย่อมคิดอยากอยู่เพื่อช่วยเหลือ ไม่ยินดีจากไปอย่างแน่นอน

ท้ายที่สุด ย่อมต้องเป็นเว่ยจงเจิ้งยืนกรานให้พวกนางไปอย่างสุดตัว

เชี่ยวเย่ว์เหม่ยพอกลับมา นางพาเชี่ยวเสวียนฉินมาด้วย ทว่าเขาไม่ทราบว่านางไปหาตัวอีกฝ่ายมาได้อย่างไร

เชี่ยวเสวียนฉินสวมใส่ชุดสีน้ำเงินสว่าง เสน่ห์ความงามยังคงเช่นเดิม ใบหน้านวลเนียนงดงามของนางเผยรอยยิ้มอ่อนจาง สายตายังคงสง่างามและสูงศักดิ์

เมื่อนางมาถึง ฉินหยุนสัมผัสได้ถึงออร่าสายเลือดที่เด่นชัด กระนั้นเขาก็ไม่พบว่าเป็นเรื่องแปลก เพราะลูกหลานตระกูลเชี่ยว คือผู้สืบทอดมรดกสายเลือดมังกรอย่างเข้มข้น

เชี่ยวเย่ว์เหม่ยและเชี่ยวเย่ว์หลาน ทั้งสองปลุกสายเลือดมังกรให้ตื่นขึ้นมาได้แล้ว ดังนั้นเชี่ยวเสวียนฉินจะปลุกขึ้นมาได้ ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก

เมื่อพวกนางฝึกฝนจนถึงระดับหนึ่ง สายเลือดย่อมต้องตื่นรู้ขึ้นมา

เชี่ยวเสวียนฉินเมื่อมาถึง นางทักทายฉินหยุนและคณะก่อนจะออกปากบอกกล่าว “ข้าได้รับข้อมูลมา! หลายสำนักจากสำนักเก้าตะวันขณะนี้อยู่ระหว่างทางเพื่อมาที่นี่ พวกนั้นคิดเข้าสู่นครโบราณอย่างพร้อมเพรียงกัน!”

“หนึ่งเดือนถัดจากนี้ วันที่สิบมิถุนายน!”

เซี่ยอู๋เฟิงฝึกฝนอยู่ในสระน้ำศักดิ์สิทธิ์ ขณะนี้ก้าวถึงขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่ห้าแล้ว “พวกเราเตรียมการเพียงพอแล้ว! อีกเดือนหนึ่ง ข้าย่อมสามารถก้าวถึงขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เจ็ด คิดรับมือระดับที่เก้าย่อมไม่ใช่ปัญหา!”

“ศึกนี้คือสิ่งตัดสินว่าพวกเราจะสามารถควบคุมนครโบราณยุทธ์เต๋าเอาไว้ได้หรือไม่!” ฉินหยุนยืนขึ้น น้ำเสียงสงบเยือกเย็นกล่าวออก

เชี่ยวเสวียนฉินอยู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่สาม ดังนั้นนางจึงคิดเร่งรีบเข้าสระน้ำศักดิ์สิทธิ์เพื่อฝึกฝน

หงเหยียนและมู่หรงต้าเหริน ย่อมไม่ยินยอมถูกทิ้งไว้ด้านหลัง พวกเขาต่างฝึกฝนในสระน้ำศักดิ์สิทธิ์ตลอดทั้งวันและคืนไม่ต่างจากผู้อื่น

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด