ตอนที่แล้วGE359 ผู้เชี่ยวชาญคนที่ 8 ของทะเลส่วนใน ( 2 ) [ฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปGE361 สร้างชื่อเสียงให้เป็นที่ประจักษ์ [ฟรี]

GE360 ผู้เชี่ยวชาญคนที่ 8 ของทะเลส่วนใน ( 3 ) [ฟรี]


ผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณ 14 คนของสมาพันธ์สังหารหมิงผสานพลังจู่โจมหนิงฝาน แต่ผลที่ได้คือ 4 คนถูกกระแทกกระเดิน อีก 10 คนกระอักโลหิต

ซื่อกู่อยู่ในกลุ่มที่กระอักโลหิต แม้ว่ามันจะผสานพลังกับผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆ แต่ปราณกระบี่ของหนิงฝานที่แทงเข้าหน้าท้องของมันกลับทำให้มันบาดเจ็บสาหัส

ลั่นเซินและอีก 3 คนที่ถูกผลักกระเด็น แม้จะไม่ได้รับบาดเจ็บเพราะมันมีปราณกระบี่ต้านไว้ แต่นั่นทำให้มันรู้ว่าสู้กับหนิงฝานไม่ได้แม้ต่อน้อย

หนิงฝานเตรียมใช้ดรรชนีที่ 2 ดึงเอาพลังจากภูเขา สายน้ำ ทั้งยังปรากฏดวงตะวันทมิฬบนท้องนภา

ทะลายที่ 1… ทะลายที่ 2...

หนิงฝานชี้นิ้วไปเบื้องหน้า ปราณกระบี่ขนาดเล็กนับล้านกรีดเฉือนนภาไปทั่วทิศ ผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มและแก่นทองคำถูกสังหารทั้งหมด ผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณถูกสังหารไป 6 คน ดวงจิตของพวกมันถูกหนิงฝานชิงมา เหลือเพียงผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณเพียง 8 คนที่รอด

ในจำนวนผู้ที่ตาย หนึ่งในนั้นคือลั่วเซิน!

“ไว้ชีวิตข้าด้วย!”

แม้ร่างของลั่วเซินและผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆจะถูกทำลาย แต่ดวงจิตของมันยังอยู่ หนิงฝานผนึกพลังพวกมันไว้แล้วชิงมา

น่ากลัว...น่าสะพรึงกลัวที่สุด ไม่เพียงหนิงฝานจะทรงพลัง แต่ยังโหดเหี้ยมไม่แพ้กัน

ในเมื่อไม่อาจขัดขืน สิ่งที่ทำได้จึงมีเพียงขอความเมตตา แต่ยิ่งขอความเมตตา ยิ่งทำให้หนิงฝานอยากสังหารมัน

มันเคยสังหารมนุษย์ผู้บริสุทธิ์บนเกาะกู่ซู ชิงเหล่าสตรีมานับหมื่น มันสมควรตาย!

แววตาหนิงฝานเรียบเฉยเย็นชา ปราณกระบี่ที่แผ่วบางเคลื่อนทะลวงผ่านดวงจิตของลั่วเซินและผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณคนอื่นๆที่ตาย ทำให้ความเจ็บปวดเล่นตรงเข้าสู่จิตวิญญาณ จนพวกมันร้องโหยหวนอย่างน่าเวทนา

ซื่อกู่และคนอื่นๆที่รอดสั่นสะท้าน พวกมันมีกับนับล้าน แต่สุดท้ายเหลือรอดเพียง 8 คน แม้พวกมันจะได้รับยกย่องเป็นผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณที่มากพรสวรรค์ แต่สุดท้ายก็ต้องถูกหนิงฝานกำราบอย่างน่าอัปยศ

“อยากฆ่านักก็เข้ามา...” เสี่ยกู่ขบฟัน มือถือกระบี่ชี้หาหนิงฝานด้วยร่างกายที่สั่นเทา แม้จะหวาดกลัวแต่ก็ข่มใจสู้

ภาพที่เห็นนับเป็นความอัปยศที่สุดของมัน ผู้คนมากมายรู้ว่ามันคือประมุขนิกายพระทมิฬ และรู้ว่ามันหวาดกลัวหนิงฝานเป็นอย่างมาก

ปีศาจร้าย! ปีศาจที่พรากชีวิตผู้เชี่ยวชาญนับล้านราวกับผักปลา หากมันรู้ว่าหนิงฝานน่ากลัวขนาดนี้ มันคงไม่กล้ายั่วยุหนิงฝานอย่างแน่นอน

แต่น่าเสียดายที่มันเลือกเส้นทางผิด… มันไม่มีทางรอดไปได้!

แต่มันไม่มีทางยอม! มันสร้างนิกายพระทมิฬ เป็นถึงผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณขั้นกลาง มันจะไม่ยอมตายเยี่ยงสุนัข

“เหตุใดเจ้าถึงแข็งแกร่งเทียบเคียงผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในทะเลส่วนใน? เหตุใดเจ้าถึงแสดงตนว่าเป็นเพียงผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณทั่วไป! เหตุใดเจ้าต้องบุกมาทำลายเกาะหยิงซัว!  ซัวหมิง เจ้าบอกเหตุผลข้ามา!”

เสี่ยกู่ตะโกนราวกับคับแค้นใจ แต่หนิงฝานกลับมองมันด้วยสีหน้าเย้ยหยัน

เหตุผล?

ยามที่พวกเจ้าเข่นฆ่าผู้คนบนเกาะกู่ซู… พวกเจ้าเคยบอกเหตุผลหรือไม่?

ยามที่พวกเจ้าสังหารผู้อื่นอย่างลำพองใจ… พวกเจ้าเคยบอกเหตุผลหรือไม่?

แต่เมื่อพวกเจ้าหวาดกลัว จึงหวนนึกถึงเหตุผลความถูกต้องเช่นนั้นหรือ>

“เหตุผล?... นี่ไงเหตุผล!”

หนิงฝานหยิบถุงใบหนึ่งออกมา แม้ไม่ได้แสดงสิ่งที่อยู่ภายใน แต่กลิ่นหอมของเหล่าสตรีได้โชยออกมาอย่างชัดเจน ถุงใบนี้คือถุงที่ลั่วเซินนำสตรีที่ชิงมาเก็บไว้

“นี่เหรอเหตุผลที่เจ้าต้องทำลายพวกข้า? ที่เจ้าตามล่าลั่วเซินมาถึงที่นี่ก็เพราะสตรีหน่ะเหรอ?”

ผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณทั้ง 8 ประหลาดใจ หยุนเนี่ยนซู และสั่วถงเองก็ประหลาดใจ

ชีวิตมนุษย์เปรียบได้กับมดปลวก ต่อให้ถูกสังหาร ช่วงชิง หรือทำสิ่งใดไม่ถือเป็นสิ่งผิด

สีหน้าเสี่ยกู่แปรเปลี่ยนเย้ยหยัน มันคิดว่าตนสูงศักดิ์ จึงคิดว่าชีวิตมนุษย์นั้นคือธุลีไร้ค่า ไม่สมควรนำมาเป็นเหตุผลให้เข่นฆ่าผู้เชี่ยวชาญด้วยกัน

“คนพวกนั้นมันไร้ค่า! นี่หน่ะเหรอเหตุผลที่เจ้าเข่มฆ่า!” เสี่ยกู่ไม่พอใจ

หนิงฝานนิ่งราวกับสิลา ไม่ว่าศัตรูของเขาจะเป็นเช่นใด เขาไม่ใส่ใจ

“กล่าวได้ดี! มนุษย์พวกนั้นมันไร้ค่า!”

“ฉะนั้นหากข้าจะฆ่า...ก็ไม่ต้องมีเหตุผลใดๆ!”

ความโกรธแค้น เจตนาสังหารที่รุนแรงปะทุขึ้นในใจ ทำให้ระดับจิตใจของหนิงฝานเพิ่มพูน ทะลวงขอบเขตไร้ดัดแปลง!

หากจะฆ่าก็ไม่ต้องมีเหตุผลใดๆ

หากความจริงเป็นเช่นนั้น ต่อให้ทุกคนสบถด่า เหตุใดต้องใส่ใจและหาคำอธิบาย!

หากความจริงเป็นเช่นนั้น ต่อให้เข่นฆ่านับหมื่น ต่อให้เข่นฆ่านับล้าน เหตุใดต้องใส่ใจ!

หนิงฝานก้าวไปเบื้องหน้า แววตาเปล่งประกายเฉียบคมราวกับกระบี่ ผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณทั้ง 8 กลัว และเร่งแยกย้ายหลบหนีสุดกำลัง พวกมันไม่อยากตาย ขนาดด 14 คนร่วมมือยังไม่อาจทำอันตรายหนิงฝานได้ ยามนี้เหลือเพียง 8 คน พวกมันจะทำอันตรายหนิงฝานได้ยังไง

แม้จะรู้ว่าไม่มีทางหนีออกไปจากเกาะแห่งนี้ได้ แต่พวกมันยังคงเลือกที่จะหนี พวกมันหวาดกลัวราวกับคนบ้าไร้สติ ที่คิดเพียงแต่จะเอาชีวิตรอดเท่านั้น

เกาะหยิงซัวที่งดงาม เป็นสรวงสวรรค์ในการฝึกฝนกระบี่ ยามนี้กลายเป็นเหมือนนรกแล้ว

หนิงฝานเหยียบย่ำทะเลโลหิตของผู้ที่ถูกตนสังหาร จ้องมองเหล่าผู้ที่หลบหนี ปีกสีดำประกายระยิบระยับต้องแสงตะวันปรากฏที่แผ่นหลัง

ปีกคู่กระพือพัด ส่งร่างหนิงฝานไล่ตามผู้เชี่ยวชาญทั้ง 8 ไปทีละคน

รวดเร็ว… รวดเร็วยิ่งกว่าผู้เชี่ยวชาญทั้ง 7 ที่แข็งแกร่งที่สุดในทะเลส่วนใน

หนิงฝานเลือกที่จะไล่ตามคนของวังผนึกอสูรก่อน คนผู้นี้คือผู้อาวุโสรองของวังผนึกอสูร

เมื่อมันยังไม่อาจหนีได้ทัน มันจึงสละกายเนื้อ เหลือเพียงดวงจิตที่หลบหนีไกลออกไปนับหลายหมื่นลี้

แต่หนิงฝานกระพือปีกเพียงครั้งเดียวก็ไล่ตามมันทัน กระบี่แยกสวรรค์กวัดแกว่ง เส้นปราณกระบี่บางๆร้อยดวงจิตของมันเข้ากับดวงจิตของผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆ แล้วถูกนำเข้ากระเป๋าไป

“เป็นไปไม่ได้! นี่เจ้ารวดเร็วยิ่งกว่าท่านประมุข!” ผู้อาวุโสรองเปล่งเสียงร้องอย่างน่าเวทนา

หนิงฝานกระพือปีกไล่ตามเป้าหมายใหม่ คนผู้นั้นคือผู้อาวุโสใหญ่แห่งวังผนึกอสูร ผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณขั้นกลาง หานเว่ย!

หนิงฝานไล่ตามมันทันในชั่วพริบตา เมื่อหนิงฝานปรากฏกาย จิตใจของมันสั่นสะท้าน มันสัมผัสได้ถึงอันตรายร้ายแรง จึงเร่งขบปลายลิ้น แปลงร่างเป็นพยัคฆ์ขาวสูง 1600 จ้าง

มันไม่ใช่มนุษย์ มันคือเผ่าพันธุ์อสูร แม้จะโลหิตจะเบาบาง แต่หากปลุกโลหิตได้ มันก็นับเป็นอสูรตนหนึ่ง

แต่ทันทีที่มันแปลงร่าง ดวงตาซ้ายหนิงฝานเปล่งแสงสีม่วง หยิบยืมอำนาจของโลหิตแห่งเผ่าพันธุ์จักรพรรดิ ผสานเข้าไปในกระบี่แล้วฟาดฟัน

หานเว่ยตั้งตัวไม่ทัน ถูกกระบี่ของหนิงฝานผ่าร่าง ปราณกระบี่เบาบางร้อยดวงจิตและชิงเก็บไปในพริบตา

หนิงฝานหันมองเสี่ยกู่ ปีกพัดกระพือไล่ตามมันไป ความหนาวเหน็บเกาะกุมจิตใจ จนทำให้มันรู้สึกราวกับตกไปอยู่ในโลกแห่งดินแดนน้ำแข็ง

ผ่านไปไม่กี่ลมหายใจ หมอกควันสีม่วงตามติด แสงวาบผ่าน กระบี่ทะลวงร่างของเสี่ยกู่โดยที่มันไม่อาจหลบ

*อ็อค!*

มันกระอักโลหิตอย่างรุนแรงก่อนที่ร่างจะถูกผ่าเป็นชิ้นๆ ถูกจิตถูกร้อยเข้ากับดวงจิตอื่นๆ

ผ่านไปไม่ถึง 10 ลมหายใจ ผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณถูกสังหารไป 3 คน!

ผู้ที่เหลือรอดอยู่มีเพียงผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มเท่านั้น พวกมันไม่มีทางรอด!

“บัดซบ! ข้าไม่เชื่อว่าเจ้าจะกล้าสังหารข้า ข้าไม่เชื่อว่าเจ้าจะกล้ายั่วยุประมุขของข้า!”

แววตาซื่อกู่แปรเปลี่ยนราวกับคนบ้า พวกมันหวาดกลัวหนิงฝาน จิตใจถูกบีบคั้นจนถึงขีดสุดจนเลือกที่ตายไปพร้อมกับหนิงฝาน

ซื่อกู่หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง มันรู้ว่าสู้หนิงฝานไม่ได้ แต่มันเชื่อว่าหนิงฝานไม่กล้าสังหารมัน

“ข้าไม่เชื่อว่าเจ้าจะกล้าสังหารข้า! ข้าไม่เชื่อว่าเจ้าจะกล้ายั่วยุประมุขข้า!”

“งั้นเหรอ?”

หนิงฝานก้าวเท้าไปเบื้องหน้า พลังที่รุนแรงเริ่มก่อตัวเป็นปราณกระบี่ ข่ายอาคมกระบี่ของตงสวนสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง เมื่อถึงก้าวที่ 8 รากฐานข่ายอาคมไม่อาจต้านทานกระทั่งพังทะลายไปทั้งหมด เมื่อครบก้าวที่ 9 ปราณกระบี่ที่ทรงพลัง พรั่งพรมเข้าใส่ผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณ 5 คนที่เหลือและดับลมหายใจของพวกมัน

ปราณกระบี่บางเบาร้อยถักดวงจิตของผู้เชี่ยวชาญทั้ง 5 หนิงฝานได้ดวงจิตของผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณทั้งหมด 20 ดวง เขาจะนำไปให้เหล่าทาสเพื่อใช้ยกระดับ

อาภรณ์ขาวถูกชโลมด้วยโลหิต หนิงฝานพุ่งทะยานไปยังต้นกำหนดของข่ายอาคมกระบี่ ซึ่งเป็นต้นไม้โบราณรูปทรงกระบี่

หนิงฝานยกเท้ากระทืบลงพื้นดินอย่างรุนแรง รอยแตกของพื้นดินแผ่ลามไปทั่วเกาะ ต้นไม้กระบี่แตกสลายกลายเป็นปราณกระบี่ หนิงฝานอ้าปากดูดกลืนพวกมันทั้งหมดเข้าเพื่อหล่อเลี้ยงสัมผัสกระบี่ในทะเลสติของเขา

สมาพันธ์สังหารหมิงถูกทำลายลงอย่างสมบูรณ์ สั่วถง หยุนเนี่ยนซู ตงสู่ ตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้น

“ในทะเลไร้สิ้นสุดนี้ คงไม่มีผู้ใดเอาชนะซัวหมิงได้แล้ว...” ตงสู่กล่าว

ซื่อกู่ที่เหลือเพียงดวงจิต ด่าทอหนิงฝานด้วยความเดือดดาล แม้มันจะมั่นใจว่าหนิงฝานไม่กล้าฆ่ามัน แต่ดูเหมือนสิ่งที่มันคิดจะไม่เป็นเช่นนั้น

“ปล่อยข้าซะท่าไม่อยากถูกท่านประมุขตามล่า!”

“ถูกประมุขเจ้าตามล่า? เจ้าหมายถึงลู่เจี่ยเฟินจะตามล่าข้างั้นเหรอ? เจ้าคิดว่ามันกล้าหรือไง?” หนิงฝานเย้ยหยัน

เขาคือซัวหมิงผู้ทรงพลังในทะเลส่วนนอก คือลู่เป่ยที่ไร้เทียมทานแห่งเผ่าลั่วหยุน เป็นผู้ที่อยู่เหนือวังดารา เป็นผู้ที่สังหารจ้าวหมาป่าโหย แค่นี้ก็ทำให้ลู่เจี่ยเฟินหวาดกลัวแล้ว

“ซัวหมิง ข้ารู้ว่าเจ้ากลัว ข้ามีวิธีที่จะเรียกท่านประมุขมา ข้าไม่เชื่อว่าเจ้าจะไม่กลัวประมุขของข้า!”

ซื่อกู่มีวิชาลับที่ใช้เรียกประมุขนิกายของมัน

ที่หนิงฝานยังไม่สังหารมันก็เพราะจะนำมันไปเสริมพลังให้กับทาส แต่ก็คาดไม่ถึงว่าจะกล้ากล่าววาจาข่มขู่ แต่หนิงฝานมันจ้องมองมันด้วยสีหน้าเย้ยหยันท้าทาย

“ดี..เรียกมันมา! ข้าก็อยากรู้เหมือนกันว่ามันจะอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นกับข้ายังไง!”

คำกล่าวของหนิงฝานทำให้ซื่อกู่และคนอื่นๆตกตะลึง พวกมันทั้ง 20 คนถูกปราณกระบี่ร้อยทักดวงจิต ความหวังเดียวที่พวกมันจะรอดคือ หนิงฝานหวาดกลัวประมุขวังผนึกอสูรและยอมปล่อยพวกมันไป

แต่จากคำกล่าวของหนิงฝาน เขาไม่ได้หวาดกลัวลู่เจี่ยเฟินเลยแม้แต่น้อย ทั้งยังดูราวกับว่าผู้ที่สมควรหวาดกลัวคือลู่เจี่ยเฟินมากกว่า

“ไร้สาระ! ท่านประมุขเป็นถึงหนึ่งในเจ็ดผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งที่สุดในทะเลส่วนใน เหตุใดต้องหาคำอธิบายมาให้เจ้า! เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งที่สุดคนที่ 8 หรือไง!”

ซื่อกู่ไม่เชื่อว่าหนิงฝานจะไม่กลัวลู่เจี่ยเฟิน

หนิงฝานไม่กล่าวให้มากความ เขาถอนผนึกให้ซื่อกู่เพื่อให้มันเรียกลู่เจี่ยเฟินมา

“ถ้าภายใน 3 ลมหายประมุขของเจ้ายังไม่มา ข้าจะฆ่าเจ้าซะ!”

“ได้! เจ้าหาเรื่องใส่ตัวเอง อย่าได้ตำหนิข้าเชียว!”

แววตาซื่อกู่เผยความสุข มันเคลื่อนไหวมือเป็นท่าทางโคจรวิชาลับ

เมื่อวิชาเริ่มสำแดงเดช ระดับพลังของมันตกลงอย่างรวดเร็ว เหลือเพียงขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มขั้นสูงสุด ใบหน้าดูมีอายุขึ้นราวกับอายุขัยของมันหายไป 500 ปี

วิชาลับของมันเป็นวิชาที่ต้องจ่ายค่าตอบแทนมหาศาลเพื่อใช้ แต่มันก็สามารถเรียกผู้ที่อยู่ห่างออกไปนับหมื่นล้านลี้ได้เช่นกัน

เปลวเพลิงสีม่วงปรากฏบนท้องนภา ก่อตัวเป็นร่างของชายวัยกลางคนในชุดคลุมม่วง สีของมันซีดขาวราวกับอาการบาดเจ็บยังไม่หายดี แต่แววตายังคงเฉียบคมราวกับเหยี่ยว แรงกดดันที่แผ่ออกมาอยู่ในขอบเขตกึ่งไร้ดัดแปลง

การปรากฏตัวของมันทำให้ตงสู่รู้สึกกดดัน แต่กับสั่วถงและหยุนเนี่ยนซู สีหน้าพวกมันแปรเปลี่ยนใหญ่หลวง

“ชายคนนั้นหน่ะเหรอ ประมุขวังผนึกอสูร!”

ยามนี้ลู่เจี่ยเฟินโกรธมาก มันถูกอสูรมิติจู่โจมในวังดารา บาดเจ็บสาหัสยากจะฟื้นฟู จึงต้องหนีกลับมารักษาตัวที่ทะเลส่วนใน เร่งเก็บตัวรักษาอาการบาดเจ็บโดยไม่ได้สนใจเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวังผนึกอสูร และไม่รู้เรื่องที่คนของมันก่อตั้งสมาพันธ์สังหารหมิง

เมื่อสัมผัสได้ถึงปราณวิญญาณและสายลมทะเล มันรู้ทันทีว่าสถานที่แห่งนี้คือทะเลส่วนนอก และผู้ที่เรียกมันมาคือซื่อกู่

มันเคยบอกซื่อกู่ว่า หากไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายจริงๆ ห้ามใช้วิชาลับเรียกมันมาเด็ดขาด

“ซื่อกู่! ไสหัวออกมาเดี๋ยวนี้ เหตุใดเจ้าถึงเรียกข้ามาที่ทะเลส่วนนอก เกิดเรื่องอะไรขึ้น!”

แต่เมื่อมันกวาดตามองและเหลือไปเห็นหนิงฝานที่ยืนอยู่กลางนภา หัวใจของมันแทบจะหล่นลงไปอยู่ตาตุ่ม

ดวงจิตของซื่อกู่ถูกร้อยด้วยปราณกระบี่ และหนิงฝานกำลังจับดวงจิตของมันไว้ในมือ

เมื่อเห็นแววตาที่เย็นชาของหนิงฝาน ลู่เจี่ยเฟินเริ่มขบคิดถึงเรื่องราวต่างๆที่น่าจะเป็นไปได้ และไม่นานมันก็คิดได้ว่าซื่อกู่คงไปยั่วยุหนิงฝาน ถูกสังหารและกักขังดวงจิตเอาไว้ ซื่อกู่จึงต้องเรียกให้มันมาช่วย

บัดซบ! เจ้าลู่เจี่ยเฟินก่อเรื่องใหญ่เข้าให้แล้ว แบบนี้ มันจะไปต่อรอหนิงฝานยังไง?

ตงสู่ขมวดคิ้ว แม้ร่างของลู่เจี่ยเฟินไม่ได้มาที่นี่จริงๆ แต่ร่างจำแลงของมันสามารถใช้พลังได้ไม่ต่างกับร่างจริง เพียงแต่ร่างจำแลงของมันจะอยู่ได้เพียงชั่วธูปใหม้หมดดอกเท่านั้น ชายชราจึงคิดว่า หากลู่เจี่ยเฟินลงมือกับหนิงฝานจริงๆ ตนเองจะยื่นมือช่วย

ตงสู่และลู่เจี่ยเฟินล้วนเป็นผู้เชี่ยวชาญที่ทรงพลังในทะเลส่วนใน พวกมันรู้กันดีว่าอีกฝ่ายแข็งแกร่งและเก็บซ่อนพลังเอาไว้ไม่น้อย แต่น่าแปลกที่หนิงฝานไม่กลัวลู่เจี่ยเฟิน ต่อให้เป็นชายชราก็ไม่มั่นว่าจะเอาชนะลู่เจี่ยเฟินได้

ชายชรามองว่าหนิงฝานยังไม่แข็งแกร่งพอที่จะเอาชนะลู่เจี่ยเฟินได้ ทั้งร่างกายและปราณยังต่างชั้นกันอยู่มาก

เมื่อซื่อกู่เห็นประมุขของมันมา มันดีใจจนเร่งกล่าว

“นายท่านช่วยข้าด้วย! สังหารมัน...แก้แค้นให้พวกข้า!”

“นี่เจ้าบ้าไปแล้วหรือไง?!” ลู่เจี่ยเฟินตวาดลั่น

ซื่อกู่ตกตะลึง คนอื่นๆก็เช่นกัน สิ่งที่ลู่เจี่ยเฟินทำต่างไปจากที่พวกมันคิดอย่างสิ้นเชิง เหตุใดมันถึงด่าซื่อกู่แทนที่จะเป็นหนิงฝาน?

สิ่งที่เกิดขึ้นต่อให้ตายพวกมันก็ไม่อยากเชื่อ พวกมันเห็นสีหน้าและแววตาของลู่เจี่ยเฟินยามจ้องมองหนิงฝาน ลู่เจี่ยเฟินกำลังหวาดกลัว

ต่อให้ลู่เจี่ยเฟินไม่บาดเจ็บ มันก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้หนิงฝาน ยิ่งตอนนี้มันบาดเจ็บสาหัส มันจะเอาอะไรไปสู้!

ยามนี้ ผู้ที่มันไม่อยากยั่วยุมากที่สุดในทะเลไร้สิ้นสุดคือหนิงฝาน

“ท่านหมิงยกโทษให้ด้วย! ข้าไม่อยู่เพียงครู่เดียว แต่คนของข้ากลับสร้างปัญหาให้ท่าน หากท่านอยากจะทำอะไรกับมันก็เชิญตามที่ท่านเห็นสมควร!”

ทุกคนคาดไม่ถึงว่าผู้เชี่ยวชาญที่ทรงพลังอย่างลู่เจี่ยเฟินกำลังร้องขอความเมตตากับหนิงฝาน!

ตงสู่ประหลาดใจ เท่าที่ชายชรารู้จัก ลู่เจี่ยเฟินเป็นผู้ที่เย่อหยิ่งและไม่ยอมใคร แต่ใครจะคิดว่าผู้เชี่ยวชาญระดับนั้นกำลังขอความเมตตาจากผู้เยาว์!

20 ปีที่ผ่านมาหนิงฝานอะไรถึงทำให้ลู่เจี่ยเฟินหวาดกลัวขนาดนี้!

แววตาฉุ่ยหลิงเป็นประกาย บุรุษของนางเปล่งประกาย… แม้หยัดยืนต่อหน้าผู้เชี่ยวชาญระดับต้นๆของทะเลส่วนใน แต่เขากลับเปล่งประกายยิ่งกว่าอีกฝ่าย...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด