ตอนที่แล้วเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0458
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0460

เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0459


ตอนที่ 459 : นครโบราณยุทธ์เต๋า

ฉินหยุนถูกพาบินไกลออกไปโดยเซียนสาว ทว่าก็ยังอยู่ภายในเทือกเขาเมฆมังกร

ที่ทำเขากดดันที่สุด คือไม่ว่าจะถามอะไรไป หญิงสาวก็หาได้ตอบกลับแต่อย่างใด

หญิงสาวคว้าตัวฉินหยุนเอาไว้ บินไปรอบเทือกเขาเมฆมังกร ไม่ทราบว่านางคิดไปที่ใด

“พี่สาวเซียน ท่านคิดพาข้าบินถึงเมื่อไหร่?” ฉินหยุนอดไม่ได้จนต้องถามออก “นี่ถือเป็นการบินวนแล้ว ท่านคิดไปที่ใดย่อมไป อย่าได้บินวนแล้ว เป็นข้าเวียนหัวจนคิดอาเจียน!”

เขาแทบไม่คิดอยากเรียกหญิงสาวตรงหน้าเป็นเซียน แม้ว่านางงดงามดั่งเซียน แต่บางสิ่งภายในจิตใจของนางต้องผิดปกติอย่างแน่นอน นางพาเขาบินบนฟ้าเป็นวงกลมมาหลายรอบแล้ว

“พูดอีกคำหนึ่ง ข้าจะโยนเจ้าลงไป!” หญิงสาวเผยน้ำเสียงมีโทสะทว่าเย็นชา

“โยนลงเลย!” ฉินหยุนตะโกนตอบ

หญิงสาวโยนร่างเขาลงจริง

ฉินหยุนกลายเป็นยินดี คิดใช้โอกาสนี้หลบหนี แต่แล้ว เพียงไม่นาน เขาก็ถูกหญิงสาวจับตัวไว้อีกครั้ง

“เจ้านี่มัน!” หญิงสาวคว้าร่างฉินหยุนเอาไว้ ยกมือขึ้น จากนั้นตบที่ใบหน้าเขาไปฉาดหนึ่ง ทว่า ก็ไม่ใช่การตบรุนแรงแต่อย่างใด เป็นเขาไม่ทราบว่านางมีโทสะอันใดกันแน่

ดวงตางดงามคู่นั้นของนาง เวลานี้เปี่ยมด้วยความเกลียดชัง เผยออกผ่านสีหน้าซับซ้อน

ฉินหยุนสบถต่อราชันเซียนอยู่ภายใน เขาคงไปหักอกหญิงสาวคนนี้เข้า กระนั้น เขาก็คือฉินหยุน หาได้ใช่ราชันเซียน เขาไม่สมควรต้องมาแบกรับเรื่องราวตรงนี้

หญิงสาวมองที่เก้าดวงตะวันซึ่งห่างไกลออกไปและกล่าว “ไว้ฟ้ามืดแล้วข้าจะไป!”

นางพาฉินหยุนไปมุมหนึ่งของยอดเขา สำรวจมองดวงอาทิตย์อัสดงที่อยู่ไกลออกไป ดวงตาเปี่ยมด้วยความทรงจำไหลผ่านสีหน้าคะนึงหา

“เจ้านามฉินหยุนใช่หรือไม่?” หญิงสาวเอ่ยถาม น้ำเสียงนี้ไม่เย็นชาอีกต่อไปแล้ว

“ถูกต้องแล้วพี่สาวเซียน ท่านเล่า?” ฉินหยุนถามกลับ

“ปิงชิง!” กล่าวคำจบ นางมองเข้าที่ดวงตาฉินหยุน และเอ่ยถามอย่างจริงจัง “เจ้าลืมเรื่องข้าไปหมดสิ้นแล้วหรือ?”

หัวใจฉินหยุนเต้นรัว เพราะเขาคาดเดาได้หลายส่วนแล้ว ราชันเซียนที่เป็นชาติภพก่อนของเขา คงต้องรู้จักหญิงสาวผู้นี้เป็นแน่

“พี่สาวปิงชิง... เป็นข้าไม่เข้าใจคำพูดท่าน”

ปิงชิงหลับตา ถอนหายใจและตอบคำ “ลืมไปก็ดี!”

ฉินหยุนเอ่ยถามเสียงอ่อน “พี่สาวปิงชิง ท่านพาข้าออกไปจากเทือกเขาเมฆมังกรได้หรือไม่?”

ปิงชิงหาได้ตอบกลับ ขณะนี้นางมองที่ท้องฟ้ายามค่ำคืน จนกระทั่งได้เห็นดวงดาวมากมายปรากฏ คิ้วที่ขมวดคิ้วค่อยคลายออก สีหน้าเย็นชาค่อยเผยรอยยิ้มอ่อนโยน

“ย่อมได้!” กล่าวคำจบ นางคว้าฉินหยุนพร้อมบินขึ้นฟ้า “เจ้าคิดไปที่ใด?”

ฉินหยุนเกิดความยินดี บ่งชี้ทิศทางแก่นาง

ปิงชิงเร่งรีบบินไปยังทิศทางดังกล่าว

“พี่สาวปิงชิง ข้าได้รับเม็ดยา มันเป็นโอสถประเภทใดกันขอรับ?” ฉินหยุนเอ่ยถามอย่างสุภาพ

“ข้าไม่ได้ทำมันขึ้นมา ย่อมไม่ทราบ นำมาให้ข้าดูอาจรู้!” น้ำเสียงปิงชิงกลับมาเย็นชาอีกครั้งหนึ่ง

ฉินหยุนนำขวดหยกออกมา ส่งมอบต่อให้แก่นาง

ปิงชิงเปิดฝาออก ดมกลิ่นภายในและค่อยตอบ “เม็ดยาเซียนเก้าต้นกำเนิดที่หมดอายุแล้ว มันเปี่ยมด้วยพลังงานต้นกำเนิดเก้าตะวัน สามารถบำรุงเลี้ยงพลังงานต้นกำเนิดเก้าตะวันอย่างรวดเร็ว แม้หมดอายุแล้ว ก็ถือว่ายังมีประโยชน์กับเจ้าอย่างมาก!”

นางส่งเม็ดยาเซียนคืนแก่ฉินหยุน

ฉินหยุนเม้มริมฝีปากด้วยความผิดหวัง แท้จริงมันเป็นเม็ดยาเซียนที่สิ้นอายุแล้ว!

ไม่ช้า นางและฉินหยุนค่อยบินออกพ้นเทือกเขาเมฆมังกร

ฉินหยุนมองที่เทือกเขาเมฆมังกรจากบนฟ้า มันมีภูเขามากมายถูกสาดส่องด้วยแสงดาว ขณะนี้เขาเกิดอารมณ์หลากหลาย มั่นใจว่าเซี่ยฉีโหรวไม่ได้อยู่ในหลุมฝังเซียน

กลับกัน จากสุสานเซียน เป็นเซียนสาวที่แกร่งกล้าผู้หนึ่ง

“เมื่อข้าถูกปลดปล่อย จักรพรรดิเซียนย่อมต้องทราบ! อีกไม่นานต้องมีคนจากแดนวิญญาณอ้างว้างมาเยือน พวกมันจะพบว่าผู้ใดปลดปล่อยข้า ดังนั้นเจ้าต้องระวังตัวให้ดี!” ปิงชิงปล่อยฉินหยุนลงกับพื้น จากนั้นจึงมองเขาอีกครั้งด้วยสีหน้าซับซ้อน

ฉินหยุนเกิดความสงสัย ว่าราชันเซียนไปทำอย่างไรจึงพบพานนางได้ และทำอย่างไรจึงทำให้หัวใจนางแหลกสลายจนเผยสีหน้าเช่นนี้

ปิงชิงมองฉินหยุนด้วยสีหน้าซับซ้อนอยู่พักหนึ่ง จากนั้นค่อยยื่นมือสัมผัสที่ใบหน้าฉินหยุน ครานี้ มือของนางอบอุ่นและอ่อนโยน

ภายในใจฉินหยุนกลายเป็นเกิดความหวาดกลัว เขาเป็นกังวล ว่านางจะสังหารเขาเพื่อคลายความซับซ้อนทางอารมณ์ที่เกิดขึ้น

“ลาก่อน!” อย่างกะทันหัน แสงสว่างเจือจางสีขาวหลุดลอยจากร่างปิงชิง ชุดขาวของนางพลิ้วกับสายลม ปลดปล่อยออร่าเย็นเยือก ออร่าของนางสมกับที่เป็นเซียน ทั้งยังงดงามอย่างยิ่ง

นางมองท้องฟ้าดาราพรายที่เปี่ยมด้วยแสงดาว จากนั้นจึงบินขึ้นสูงสู่ท้องฟ้า เปรียบดั่งอุกกาบาตสีขาวที่เป็นประกาย!

“เฮ้อ…” ฉินหยุนเดิมคิดอยากถามอะไรอีก ทว่าปิงชิงก็จากไปไกลแล้ว

“ลาก่อนงั้นหรือ?” เขาพึมพำ “นางไปที่ใดกัน? เราดูเหมือนราชันเซียนขนาดนั้นเลยหรือ หรือว่าชาติภพก่อนเราเป็นราชันเซียนจริง?”

เขาถอนหายใจ ไม่ว่าจะคิดอย่างไร เขาก็ยังคงก่นด่าต่อราชันเซียนอยู่ภายใน ที่ทำให้เขาต้องเผชิญเรื่องราวยุ่งยากเช่นนี้

ฉินหยุนนึกถึงใบหน้าของปิงชิงที่บอกลา เขารู้สึกโศกเศร้าอย่างไม่ทราบสาเหตุ จนถึงต้องส่ายหัว ขณะนี้เขาต้องเร่งรีบกลับไปยังประตูลึกล้ำเก้าสมบูรณ์!

ผ่านเดินทางต่อเนื่องกว่าสิบวัน ฉินหยุนค่อยกลับมาถึงประตูลึกล้ำเก้าสมบูรณ์!

เว่ยจงเจิ้งพอได้ทราบว่าฉินหยุนเดินทางกลับมาอย่างปลอดภัย เขาค่อยโล่งใจขึ้นมาก ก่อนหน้านี้เขาได้ยินมา ว่าสื่อชิงเฉิงได้มีลูกพี่ลูกน้องคนหนึ่งติดสอยห้อยตาม สร้างความประทับใจแก่ผู้คนเอาไว้มาก ตอนนั้นเขาก็คาดเดาได้แล้วว่าเป็นฉินหยุน

เว่ยจงเจิ้งวันนี้สวมใส่ชุดคลุมสีแดงร้อนแรง กำลังฝึกฝนอยู่กลางสวน เขายิ้มกล่าว “เสี่ยวหยุน เขตแดนอ้างว้างหลุมฝังเซียนเป็นเช่นไร? ได้เข้าไปหรือไม่?”

ฉินหยุนพอกลับมาถึง เขาเข้าพบเว่ยจงเจิ้งในบ้านพัก ขณะนี้นั่งลงที่เก้าอี้หินกลางศาลาในสวน และกล่าวตอบเสียงเบา “นอกจากราชันยุทธ์หงหยิง ราชันยุทธ์ผู้อื่นไม่อาจกลับมา!”

เดิมเว่ยจงเจิ้งยิ้ม ขณะนี้กลับกลายเป็นแตกตื่น “อย่างนั้นเจ้ากลับมาได้อย่างไร?”

“เรื่องราวยาวมากขอรับ!” ฉินหยุนยังอยากทราบ ว่าขณะนี้อู่หมิงซวีและคณะอยู่ที่ใด

เขาเร่งรีบส่งพิราบสื่อสาร ส่งข้อความไปยังหุบเขาลึกล้ำจันทรา

จากนั้น เว่ยจงเจิ้งจึงได้ทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้นโดยคร่าว

“ดูเหมือนข่าวลือเมื่อไม่กี่วันก่อนจะเป็นจริง! อย่างกะทันหัน กลุ่มคนแกร่งกล้าได้ปรากฏกันคนแล้วคนเล่า พวกเขามาผ่านทางค่ายอาคมเคลื่อนย้าย กล่าวกันว่ากลุ่มคนเหล่านั้นแข็งแกร่ง ทว่าบาดเจ็บหนัก ขณะนี้หลบซ่อนตัวตนอยู่ภายในสำนักราชันที่ยิ่งใหญ่แห่งหนึ่ง!” เว่ยจงเจิ้งคิ้วขมวด

“พวกเขามาจากแดนวิญญาณอ้างว้างหรือขอรับ?” ฉินหยุนนึกย้อนถึงสิ่งที่ปิงชิงบอกต่อเขา

เว่ยจงเจิ้งพยักหน้ารับ “เป็นไปได้มาก! พวกเขามาจากแดนวิญญาณอ้างว้าง การเดินทางเป็นเรื่องยากเย็น ดังนั้นพวกเขาจึงบาดเจ็บกันถ้วนหน้า ส่วนเรื่องว่าพวกเขาแข็งแกร่งเพียงใด ข้าไม่มั่นใจ แต่อย่างน้อยก็ต้องราชันยุทธ์!”

“แดนยุทธ์อ้างว้างมีพลังอำนาจพิเศษคอยจำกัดความแข็งแกร่ง ดังนั้นพวกเขาจึงไม่อาจส่งคนระดับการฝึกฝนสูงล้ำข้ามมาได้!”

ฉินหยุนพบว่าเรื่องนี้แปลก ปิงชิงนั้นแกร่งกล้า ทว่านางกลับสามารถไปไหนมาไหนอย่างอิสระในแดนยุทธ์อ้างว้าง ฉับพลันเขาค่อยเข้าใจ ว่าเหตุใดปิงชิงจึงเร่งรีบจากไป ก็เพราะเป็นไปได้ว่านางจะถูกโจมตีจากพลังอำนาจที่จำกัดแดนยุทธ์อ้างว้างเอาไว้

ผู้อาวุโสที่สอง ขณะนี้เร่งรีบเดินมาพร้อมจดหมายในมือ ส่งมันต่อให้แก่เว่ยจงเจิ้งและกล่าว “จ้าวสำนัก นี่เป็นจดหมายจากตำหนักจารึกเทวะ!”

เว่ยจงเจิ้งรับมันไว้ เปิดออกอ่าน พิจารณาจนเกิดความประหลาดใจไม่น้อย คิ้วขณะนี้ขมวด “นครโบราณยุทธ์เต๋าเปิดออกแล้ว!”

ผู้อาวุโสที่สองเอ่ยถามด้วยความตระหนก “พวกเขาเชื้อเชิญศิษย์พวกเราเข้าสู่นครโบราณยุทธ์เต๋า?”

“ถูกต้อง นี่เป็นจดหมายเทียบเชิญ! เป็นการเชิญต่อพวกเรา ให้ศิษย์ของประตูลึกล้ำเก้าสมบูรณ์ไปยังนครโบราณยุทธ์เต๋า!” เว่ยจงเจิ้งมองทางฉินหยุนและกล่าว “เสี่ยวหยุน เจ้าสามารถไปได้!”

“นครโบราณยุทธ์เต๋า? มันคืออะไรกันขอรับ?” ฉินหยุนเอ่ยถามด้วยความงุนงง

เว่ยจงเจิ้งอธิบาย “มันเป็นเมืองโบราณเก่าแก่ ตลอดมาได้ตำหนักจารึกเทวะคุ้มกันเอาไว้!”

“นครโบราณแห่งนี้ไม่ได้สร้างขึ้นโดยตำหนักจารึกเทวะ ได้ยินว่าเมื่อนานมาแล้ว มันร่วงหล่นจากฟากฟ้า มีแต่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าจึงสามารถเข้าไป นามของมันคือนครโบราณยุทธ์เต๋า!”

ฉินหยุนคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงถามต่อ “หรือเรื่องนี้จะเกี่ยวข้องกับคนจากแดนวิญญาณอ้างว้าง?”

“เป็นไปได้มากว่าจะเกี่ยวข้อง! เมื่อนครโบราณยุทธ์เต๋าเปิดออก ผู้ฝึกตนจากสามแดนอ้างว้างจะสามารถไปรวมตัวกันที่นั่น! พวกเขาคงคิดค้นหาศิษย์ที่เหนือล้ำซึ่งอยู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าเป็นแน่!”

“หากข้าคาดเดาไม่ผิด พวกเขาน่าจะวางแผนเข้าสวนโบราณอีกครั้งหนึ่ง!”

ฉินหยุนยิ่งมั่นใจ ว่าที่สวนโบราณซึ่งอยู่ในเส้นทางหนามปีศาจ มันต้องมีวิญญาณดวงตะวันคงอยู่!

ขณะนี้เขาได้รับวิญญาณดวงตะวันเรียบร้อยแล้ว แม้ไม่ทราบว่าจะใช้งานมันอย่างไร แต่นี่คือสิ่งที่แม้กระทั่งเซียนอย่างปิงชิงยังคาดหวัง

ทันทีเมื่อคิดได้เช่นนี้ เขาค่อยตระหนักได้ว่าหากตนครอบครองวิญญาณดวงตะวันอีกสักหนึ่ง ความยินดีพลันล้นทะลัก ย่อมไม่มีผู้ใดคิดว่าสิ่งนี้คือของเล็กน้อยอยู่แล้ว!

“ขอรับ ให้ข้าไป!” ฉินหยุนพยักหน้ารับ

“กลับไปพักผ่อนก่อน ข้าจะไปส่งเจ้าที่นครโบราณยุทธ์เต๋าเอง!” เว่ยจงเจิ้งหัวเราะ

ที่สวนสมุนไพร หลันเฟิงจิน หยวนหยานหยิง และเฟิงหงหลัน ทั้งสามต่างยุ่งกับหลายเรื่องราว เมื่อพวกนางพบว่าฉินหยุนกลับมา ความยินดีจึงเผยออก เร่งรีบเข้ามาต้อนรับสอบถามหลายเรื่องราว

ฉินหยุนเดิมคิดพาพวกนางร่วมทางไปนครโบราณยุทธ์เต๋า ทว่าพวกนางหาได้สนใจไม่

พักผ่อนอยู่หลายวัน ฉินหยุนค่อยติดตามเว่ยจงเจิ้ง ออกเดินทางมุ่งหน้าสู่นครโบราณยุทธ์เต๋า

เขารู้สึกได้ ว่าครั้งนี้อาจได้พบเจอเซี่ยอู๋เฟิง อย่างไรแล้ว นครโบราณยุทธ์เต๋าที่กำลังเดินทางไป คืองานชุมนุมผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์เต๋าจากทั้งสามแดนอ้างว้าง

ผู้ฝึกตนดาบที่พบพานได้ยากอย่างเซี่ยอู๋เฟิง ย่อมต้องปรากฏตัวแน่!

ระหว่างทาง เขาได้ขอให้เว่ยจงเจิ้งสืบเรื่องอู่หมิงซวี และขอให้ติดต่อกับมู่เฟิง รวมถึงแม่เฒ่าตู้ เพื่อสอบถามเรื่องของอู่หมิงซวีด้วย

เว่ยจงเจิ้งขณะนี้กำลังพูดคุยเรื่องตำนานของนครโบราณ มันเป็นเมืองที่มีปราการป้องกันแกร่งกล้า นอกจากขอบเขตวรยุทธ์เต๋า ผู้อยู่ขอบเขตอื่นไม่อาจเข้าไปได้

ภายในมีตำหนักมากมาย ที่ผู้ฝึกตนจะสามารถฝึกฝนหาความก้าวหน้าได้

ที่แห่งนี้เดิมทีเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของขอบเขตวรยุทธ์เต๋า ทว่าด้วยการคุ้มกันตลอดเวลาจากตำหนักจารึกเทวะ ทำให้ผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์เต๋าไม่อาจเข้าไป

ขณะนี้ ตำหนักจารึกเทวะตัดสินใจเปิดนครโบราณ!

เว่ยจงเจิ้งนำฉินหยุนออกบินกว่าสิบวัน จึงค่อยมาถึงแดนเขียวชอุ่มที่อยู่แดนยุทธ์อ้างว้างภูมิภาคตะวันออก นครโบราณยุทธ์เต๋าตั้งอยู่ท่ามกลางทุ่งหญ้ากว้างใหญ่

เขาส่งฉินหยุนที่หน้านครโบราณยุทธ์เต๋า

นครโบราณยุทธ์เต๋ากว้างใหญ่ กำแพงเหยียดยาวสองฟากข้างจนแทบไม่เห็นสุดปลาย

ขณะเข้าไปใกล้ พลังแกร่งกล้าของค่ายอาคมตัวเมืองจะสามารถสัมผัสได้เด่นชัด

ฉินหยุนครอบครองเหรียญม่วงนับพันล้าน เป็นเขาคิดว่าท่ามกลางผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์เต๋า ตนเองถือว่าร่ำรวยที่สุดแล้ว

อีกทั้ง เขายังอยู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่สาม ดังนั้นย่อมไม่มีทางพ่ายแพ้ต่อผู้ใดที่ระดับใกล้เคียงกัน

เมื่อเดินผ่านประตูทองแดง เขาได้เห็นผู้คนมากมายสวมใส่ชุดหรูหรา คนเหล่านี้มาจากต่างตระกูล ต่างสำนัก จากทั่วสารทิศของสามแดนอ้างว้าง

ชั่วขณะที่เดินไป ฉินหยุนได้ยินคนเอ่ยถึงเรื่องเจ็ดโฉมงามจันทรา กล่าวกันว่าหุบเขาลึกล้ำจันทรา ได้ส่งศิษย์หญิงงามอย่างล้นพ้นถึงเจ็ดนางที่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋ามาเข้าร่วม!

“หรืออาจารย์หยางกับเย่ว์หลานก็อยู่ที่นี่?” ฉินหยุนเกิดความยินดี เร่งรีบสอบถามเรื่องราวของเจ็ดโฉมงามจันทรา

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด