ตอนที่แล้วเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0454 [อ่านฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0456 [อ่านฟรี]

เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0455 [อ่านฟรี]


ตอนที่ 455 : สำนักเก้าตะวัน

ฉินหยุนและคณะขณะนี้ค่อยวางใจได้มาก

อย่างไรแล้ว กระทั่งว่าเป็นยันต์ลึกล้ำสะกดวิญญาณ ก็ส่งผลกระทบมหาศาลกับราชันภูตผี นี่ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงยันต์เต๋าสะกดวิญญาณ!

สื่อชิงเฉิงกล่าว “ผู้จัดการมู่ ท่านแข็งแกร่งที่สุด เช่นนั้นรบกวนออกหน้าแล้ว!”

มู่เฟิงถือยันต์เต๋าในมือ “อย่าได้ห่วง ตอนนี้ข้าย่อมไม่หวาดเกรงอีก! ด้วยเจ้าสิ่งนี้ มาดูกันว่าข้าจะจัดการราชันภูตผีอย่างไร!”

คำพอกล่าวจบ เขาจึงเร่งรีบทะยานกายออกไป

แม้ร่างนั้นค่อนข้างอ้วน แต่กลับปราดเปรียวรวดเร็ว

ฉินหยุนและสื่อชิงเฉิงตามติดด้านหลัง

สื่อชิงเฉิงและสุ่ยเทียนสื่อ ทั้งสองครอบครองดาบที่เป็นอาวุธเต๋าในมือ ย่อมวางใจขึ้นได้มาก

เมื่อออกไปแล้ว ภูตผีสัตว์ร้ายหลายตัวกระโจนเข้าใส่พวกเขา

ภูตผีสัตว์ร้ายเหล่านี้รูปลักษณ์ล้วนเป็นสัตว์ประหลาด ผสมผสานกันซึ่งสัตว์นานาชนิด บางตัวกระทั่งมีดวงตาอยู่ที่หาง

ภูตผีสัตว์ร้ายรูปลักษณ์สัตว์ประหลาดเหล่านี้แข็งแกรง บางตัวก็มีขนาดใหญ่มาก

ภูตผีสัตว์ร้ายที่ทะยานเข้ามา ขณะนี้ต้องถอยกลับเพราะพลังอำนาจของยันเต๋า พวกมันไม่อาจเข้าใกล้พวกเขาได้

“ข้าต้องการแก่นวิญญาณ เอาแก่นวิญญาณพวกมันมาให้ข้าก็พอ!” อู่หมิงซวีตะโกนดังจากในห้องโถง

ฉินหยุนเดิมคิดวางแผนใช้โอกาสนี้คว้าเอาแก่นวิญญาณของราชันภูตผีให้แก่ตัวเอง

แต่พออู่หมิงซวีประกาศว่าต้องการแก่นวิญญาณราชันภูตผี เขาจึงไม่มีอันใดให้ต้องการอีก

มู่เฟิงชี้ไปที่ภูตผีสัตว์ร้ายรูปลักษณ์คล้ายมนุษย์ตัวหนึ่ง “เจ้าตัวนั้นเป็นราชันภูตผี! ไม่นึกเลยว่ามันจะเปลี่ยนร่างตัวเองเป็นมนุษย์หลังได้กินมนุษย์เข้าไป!”

กล่าวคำจบ เขานำเอากระบี่ยาวออกมาพร้อมทะยานเข้าใส่

ราชันภูตผีที่เร่งทะยานพุ่งเข้ามา ขณะคิดโจมตี ฉับพลันมันรับรู้ถึงพลังอำนาจยันต์สะกดวิญญาณ เร่งร้อนหลบหนีด้วยความหวาดกลัว

กระนั้นมู่เฟิงรวดเร็วยิ่ง ด้วยกระบี่ในมือสับฟันออก ราชันภูตผีก็ร่างขาดเป็นสองท่อน

“ฉินหยุน ที่ต้องทำก็แค่ชักนำพลังจากยันต์สะกดวิญญาณสู่ตัวอาวุธแล้วค่อยโจมตีออก!” มู่เฟิงตะโกนดัง

เมื่อฉินหยุนและคณะได้ยินเช่นนี้ พวกเขาจึงพุ่งทะยานเข้าหาฝูงภูตผีสัตว์อสูรอย่างไม่ลังเล

พลังซึ่งปลดปล่อยจากอาวุธของพวกเขา บรรจุเอาไว้ด้วยพลังสะกดวิญญาณ หลังทะยานร่างเข้าหา พวกเขาเพียงสับฟันไม่กี่ครั้ง ก็ทำให้ภูตผีสัตว์ร้ายกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยได้แล้ว

มู่เฟิงยังคงโจมตีต่อเนื่องจนกระทั่งสังหารราชันภูตผี หลังได้รับแก่นวิญญาณ เขาค่อยเผยความยินดีออก “ความร่วมมือของอุปกรณ์เช่นนี้นับว่าวิเศษนัก!”

เขาคืออาจารย์จารึกลึกล้ำ กระนั้นก็ยังต้องรู้สึกประทับใจรุนแรงต่อพลังอำนาจของยันต์สะกดวิญญาณ เป็นเขาคิด ว่าภายหน้าเพียงอาศัยยันต์แผ่นนี้ก็สังหารภูตผีได้โดยง่ายแล้ว

มู่เฟิงที่ตระหนักรู้เรื่องนี้ เขามองว่ายันต์สะกดวิญญาณแผ่นที่อยู่ในมือ ถือเป็นรางวัลยิ่งใหญ่ที่สุดในการเดินทางครั้งนี้แล้ว

สื่อชิงเฉิงและสุ่ยเทียนสื่อ ทั้งสองกำลังต่อสู้ด้วยความยินดีล้นทะลัก

ยังไม่ต้องกล่าวถึงราชันภูตผี กระทั่งว่าเป็นภูตผีสัตว์ร้ายที่แข็งแกร่ง พวกนางก็ไม่กล้ารับมือด้วยแล้ว

ทว่าตอนนี้ พวกนางกำลังได้ลงมือสังหารภูตผีสัตว์ร้ายที่แกร่งกล้าอย่างง่ายดาย ไม่ต่างอะไรกับตัดหญ้าข้างทาง

มู่เฟิงไล่ตามราชันภูตผีที่อยู่ใกล้เคียง ทางด้านฉินหยุนและสื่อชิงเฉิง พวกเขากำลังสังหารภูตผีสัตว์ร้ายระดับลึกล้ำ จนกระทั่งได้รับแก่นวิญญาณระดับลึกล้ำมา

มู่เฟิงคล้ายสนุกสนานกับการสังหาร นี่ก็เพราะราชันภูตผีเหล่านี้ คือตัวตนที่กระทั่งราชันยุทธ์ยังหวาดเกรง แต่แล้วตอนนี้ พวกมันไม่ต่างอะไรกับไก่รอให้เขาเข้าไปเชือด

เดิมเขาเบื่อจนแทบแย่ แต่ขณะนี้มีเรื่องลงมือง่ายดายให้ทำแก้เบื่อ ย่อมต้องยินดีเป็นธรรมดา

ผ่านไปหนึ่งชั่วยาม จำนวนราชันภูตผีและภูตผีสัตว์ร้ายที่ภายนอกลดจำนวนลงไปมาก นอกจากนี้ พวกมันยังถูกปิดล้อมด้วยเปลวเพลิง เป็นมู่เฟิงที่ปลดปล่อยเปลวเพลิงร้อนแรงออกมาเผาไหม้เศษซากของภูตผีสัตว์ร้าย

มู่เฟิงขณะนี้ลงมือสังหารราชันภูตผีไปได้กว่าสิบตัว ขณะที่ทางฉินหยุนและคณะสังหารภูตผีสัตว์ร้ายระดับลึกล้ำไปได้กว่าร้อยตัว พวกเขาในเวลานี้ได้รับแก่นวิญญาณระดับลึกล้ำมากว่าหนึ่งร้อยแก่น

อู่หมิงซวีค่อนข้างพึงพอใจ เพราะได้รับแก่นวิญญาณราชันภูตผีมากว่าสิบแก่น เขายิ้มและกล่าวออก “ไม่เลว ไม่เลวเลย!”

ด้วยความเร่งรีบ เขาทำการดูดกลืนพลังงานจากแก่นวิญญาณเหล่านั้น

อู่หมิงซวีดูดกลืนพลังงานมหาศาลด้วยความเร็วมากล้ำ ทำเอาพวกเขาเกิดความสงสัย ว่าวิญญาณยุทธ์อีกฝ่ายหิวกระหายเพียงใดกันแน่

“ต่อเลย! นี่ยังไม่พอ ภายนอกสมควรมีราชันภูตผีอยู่อีกมาก!” อู่หมิงซวียิ้มกว้าง “ภายหน้า ข้าจะมอบอักขระสะกดวิญญาณให้เป็นการตอบแทน!”

มู่เฟิงฉีกยิ้มกว้างรับคำ “ผู้อาวุโสสุภาพเกินไปแล้ว ข้าจะออกไปสังหารราชาภูตผีเหล่านั้นเดี๋ยวนี้!”

“ฉินหยุน เจ้าไม่ต้องไป! พักผ่อนเสีย อย่างไรแล้วเจ้าอ้วนนั่นก็อยู่ขอบเขตวรยุทธ์ลึกล้ำ และยังเป็นผู้ฝึกตนสายเลือด เจ้าไม่อาจเทียบเขาได้หรอก!” อู่หมิงซวียิ้มกล่าว

ภายนอกเหลือภูตผีสัตว์ร้ายไม่มากแล้ว หากเขาต้องการสังหารมากกว่านี้ ก็มีแต่ต้องลงทะเลสาบไปล่อพวกมันออกมา

มู่เฟิงอยู่ขอบเขตวรยุทธ์ลึกล้ำ และมีพละกำลังไม่ใช่น้อย ขณะนี้ได้ยันต์สะกดวิญญาณช่วยเหลือ แม้ถูกรุมล้อมโจมตีโดยราชันภูตผีก็ยังรู้สึกไม่นับเป็นอะไร

สุ่ยเทียนสื่อหัวเราะเบาและเอ่ยถาม “ผู้อาวุโสอู่ คนอ้วนที่ท่านพูดถึง เป็นอาจารย์จารึกลึกล้ำ และยังมีสถานะสูงส่งในตำหนักจารึกเทวะ! ข้าไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะยังเป็นผู้ฝึกตนสายเลือดของตำหนักจารึกเทวะด้วย!”

อู่หมิงซวีกล่าวตอบ “ตำหนักจารึกเทวะเป็นขั้วอำนาจแกร่งกล้าในแดนวิญญาณอ้างว้าง! ย้อนกลับไปกาลก่อน ตอนที่พวกเขาสร้างสุสานเซียนในเทือกเขาเมฆมังกร ตำหนักจารึกเทวะได้นำอาจารย์จารึกมากมายมาพร้อมวัสดุมากล้น! พวกเขาเรียกได้ว่ามีส่วนร่วมครั้งใหญ่เลยทีเดียว!”

“แน่นอน ผู้คนส่วนใหญ่ที่มีส่วนร่วมเพียงรอบนอกย่อมยังอยู่สุขสบาย เพราะพวกเขาไม่ได้เข้าสู่เทือกเขาเมฆมังกรโดยตรง! ในทางกลับกัน พวกเราที่ทราบสถานที่ตั้งของสุสานหลัก ต้องถูกกักขังเอาไว้ที่นี่จนตายตกหลังสุสานเซียนถูกสร้างขึ้นเสร็จสมบูรณ์!”

ฉินหยุนเอ่ยถาม “ผู้อาวุโส พวกท่านนับว่าแกร่งกล้า แต่แล้วยังไม่อาจต่อต้านพวกเขา? นั่นนับเป็นขั้วอำนาจประเภทใดกัน?”

อู่หมิงซวีสูดลมหายใจเข้าลึก “เป็นตำนานเก่าแก่ ข้าสงสัยว่าเจ้าเคยได้ยินมันหรือไม่! กล่าวกันว่าเป็นเรื่องลี้ลับ ที่แดนเทพอ้างว้างโบราณ มันมีเก้าสำนักที่แกร่งกล้า แต่ละสำนักล้วนมีพลังควบคุมหนึ่งในดวงตะวันได้!”

ฉินหยุนมองทางสื่อชิงเฉิงและสุ่ยเทียนสื่อ ทั้งสองต่างส่ายศีรษะให้

พวกนางไม่เคยได้ยินเรื่องนี้

อู่หมิงซวีประหลาดใจไม่น้อย เขาเอ่ยถาม “ในอดีตผู้คนมากมายทราบตำนานเรื่องนี้ แต่แล้วตอนนี้กลับสูญหายหรือ! ดูเหมือนเก้าสำนักนั้นคิดพยายามปกปิดการคงอยู่!”

“สำนักทั้งเก้า รู้จักกันในนามสำนักเก้าตะวัน! ตำนานกล่าวว่าเก้าสำนักเหล่านั้นแกร่งกล้า สามารถสร้างตำหนักไว้บนดวงตะวันได้!”

“เรื่องนี้ออกจะเหลือเชื่อไปบ้าง แต่สำนักเก้าตะวันมีตัวตนคงอยู่! โดยมีเก้าสำนักเหล่านั้นเป็นจุดกำเนิด วิธีการฝึกฝนทางยุทธ์ และเคล็ดวิชามากมายถูกส่งต่อลงมา พวกนั้นส่งพวกมันลงมายังแดนศักดิ์สิทธิ์อ้างว้าง แดนเซียนอ้างว้าง และแดนวิญญาณอ้างว้าง... ในแดนวิญญาณอ้างว้างและแดนเซียนอ้างว้าง มีหลายสำนักรวมถึงตระกูลชนชั้นสูง ที่มีความเกี่ยวข้องกับสำนักเก้าตะวัน!”

อู่หมิงซวีมองทางฉินหยุนที่เผยอาการตื่นตระหนกและกล่าวต่อ “ตำหนักจารึกเทวะเป็นหนึ่งในนั้น! ในแดนอสูรอ้างว้าง แดนสัตว์อ้างว้าง แดนยุทธ์อ้างว้าง และแดนปีศาจอ้างว้าง พวกเขาย่อมต้องใช้มรดกของสำนักเก้าตะวัน หรือไม่ก็มรดกของตระกูล ความสามารถของพวกเขาจึงได้เหนือล้ำ”

“แต่พวกเจ้าคล้ายไม่เคยได้ยินเรื่องนี้แม้เศษเสี้ยว หมายความว่าต้องมีเหตุผล พวกนั้นจงใจคิดปิดบังตัวเอง ย้อนกลับไปตอนนั้น พวกเขาเองก็มีส่วนร่วมในการสร้างสุสานเซียนกับพวกเรา กระนั้น พวกเขากลับยังอยู่สุขสบาย ขณะที่พวกเราทั้งหมดล้วนตายจนสิ้น”

ฉินหยุนพลันนึกถึงเรื่องวิญญาณดวงตะวันขึ้นมาได้!

ตามคำบอกเล่าของอู่หมิงซวี สำนักเก้าตะวันจะต้องทราบ ว่าวิญญาณดวงตะวันได้ร่วงหล่นลงสู่เก้าแดนอ้างว้าง หากเป็นเช่นนั้น พวกเขาก็ต้องออกค้นหาวิญญาณดวงตะวัน

พวกเขาจะต้องใช้พลังอันแกร่งกล้าที่สุดเท่าที่ครอบครองเพื่อค้นหาพวกมัน!

ขณะนี้ เพราะแดนยุทธ์อ้างว้างมีข้อจำกัดหากคิดเข้ามา พวกนั้นจึงได้แต่ค้นหาโดยอาศัยตำหนักจารึกเทวะที่นี่!

“ผู้อาวุโสอู่ ข้าสงสัยว่าท่านเคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนหรือไม่? เป็นเรื่องของสวนโบราณ” ฉินหยุนเอ่ยถามขึ้น

“แน่นอนว่าเคยได้ยิน! สวนโบราณมีทั้งสิ้นเก้าแห่ง และแต่ละแห่งถือว่าพิเศษอย่างยิ่ง ข้าได้ยินมาว่ามีความสัมพันธ์พิเศษระหว่างสวนโบราณและวิญญาณดวงตะวัน เก้าดวงตะวันและสวนโบราณถือว่ามีสัมพันธ์ชิดใกล้เพื่อคงสภาพการโคจรของดวงตะวัน ดวงจันทรา และดวงดาว!” อู่หมิงซวีกล่าวตอบ

ฉินหยุนเร่งรีบเอ่ยถึงเรื่องที่ตนได้เข้าสู่สวนโบราณ

หลังจากอู่หมิงซวีฟังจบ เขาจึงเผยสีหน้าหนักอึ้งออกมา “ดูเหมือนวิญญาณดวงตะวันยังไม่ถูกพบในสวนโบราณแห่งนั้น! เมื่อวิญญาณดวงตะวันร่วงหล่นสู่สวนโบราณ มันจึงทำให้สวนโบราณเกิดปราการแกร่งกล้า ป้องกันไม่ให้ผู้มีระดับการฝึกตนสูงเข้าไป นี่ก็เพื่อไม่ให้ผู้แกร่งกล้าเข้าไปรบกวนพวกมันได้!”

หลังจากฉินหยุน สื่อชิงเฉิง และสุ่ยเทียนสื่อได้รับฟัง พวกเขาทั้งสามต่างจมดิ่งในความคิดและความตื่นตระหนกภายใน

โดยเฉพาะสื่อชิงเฉิงและสุ่ยเทียนสื่อ พวกนางไม่คาดคิดว่าจะมีตัวตนทรงอำนาจแกร่งกล้าอยู่ภายในสวนโบราณ

“อย่างนั้นวิญญาณดวงตะวันมันคืออะไรกันแน่?” ฉินหยุนนึกถึงวิญญาณดวงตะวันที่อยู่ในไข่มุกเม็ดที่สองของวิญญาณเทวะเก้าตะวัน มันเป็นไข่มุกขนาดใหญ่ยักษ์

อู่หมิงซวีตอบ “ข้าไม่มั่นใจนัก โดยสรุป วิญญาณดวงตะวันทั้งหมดล้วนมีปัญญาเป็นของตนเอง! เป็นพวกมันออกจากเก้าดวงตะวันด้วยตัวเองเมื่อพบเจอถึงอันตราย! ตำนานกล่าวว่าพวกมันยึดครองสัตว์เป็นรูปลักษณ์!”

“และพวกมันล้วนไม่ใช่ง่ายได้รับมา! หากเจ้าเข้าสู่สวนโบราณด้วยขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่สามซึ่งก็เต็มที่แล้ว ย่อมไม่มีทางสามารถได้รับวิญญาณดวงตะวัน!”

ฉินหยุนฉับพลันนี้เกิดความคิด ว่าวิญญาณดวงตะวันที่ได้รับมา มันคือไข่ของสัตว์!

ชั่วขณะนี้ ประตูเปิดออก มีคนก้าวเดินออกมา

อย่างบังเอิญ ประตูอีกบานเปิดออก ประกอบด้วยราชันยุทธ์ทั้งสิ้นหกคน สี่ในนั้นเป็นราชันยุทธ์สายเลือด ผู้อื่นอีกสองคนเป็นราชันยุทธ์จากตำหนักโทเทม

สื่อชิงเฉิงและสุ่ยเทียนสื่อเร่งรีบคุ้มกันฉินหยุน

แม้อู่หมิงซวีอยู่ตรงนี้ พวกนางก็ยังมีความกังวลเกาะกุม อย่างไรแล้ว ที่ต้องเผชิญหน้าครานี้คือราชันยุทธ์แกร่งกล้าจำนวนหกคน

“พวกเจ้าถึงกับยังมีชีวิตรอด!” ราชันยุทธ์สายเลือดที่บาดเจ็บ พอได้เห็นอีกฝ่ายอยู่สุขสบายจึงเผยเสียงเย็นเยือก “ถือว่าดี ข้าจะได้สังหารรายคนเพื่อความสาแก่ใจ!”

บรรดาราชันยุทธ์เหล่านี้ ล้วนเกลียดชังฉินหยุนถึงแก่นกระดูก

พวกเขาติดกับที่นี่เพราะมิโนทอร์ถูกสังหาร ไม่อย่างนั้นแล้ว กระทั่งว่าไม่ได้รับสมบัติใดจากสุสานเซียน อย่างน้อยก็ยังสามารถหลบหนีได้อย่างปลอดภัย

แต่ตอนนี้ หากพวกเขาคิดอยากกลับ พวกเขาต้องเผชิญศึกตึงเครียดกับราชันภูตผีที่ด้านนอก มีความเป็นไปได้สูงยิ่งว่าพวกเขามีชะตาต้องตายที่ภายนอกนั่น

“กลุ่มตาเฒ่าสารเลว พวกเจ้าล้วนบาดเจ็บหรือ? วิเศษนัก! ให้ข้าบอกแล้วกัน กลุ่มของหวังเทียนซือขณะนี้ล้วนตายสิ้น พวกเจ้าราชันยุทธ์ล้วนก็ต้องตายที่นี่เช่นกัน!” ฉินหยุนหัวเราะดัง

“หน้าโง่สารเลว เจ้ารนหาที่ตายแล้ว!” ราชันยุทธ์สายเลือดพุ่งทะยานเข้าหาฉินหยุน ขณะที่ร่างนั้นกำลังจะผ่านอู่หมิงซวี เขาจึงได้เห็นอู่หมิงซวียื่นมือออก คว้าเอาแก่นเต๋าออกไปจากราชันยุทธ์สายเลือด

ราชันยุทธ์สายเลือดไม่คาดคิด ว่าจะมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นกับตนเอง เขาเอามือกุมหน้าท้องที่หลั่งเลือดและถอยกลับ ใบหน้านี้เปี่ยมด้วยความหวาดกลัวขณะมองที่แก่นเต๋าในมืออู่หมิงซวี

อู่หมิงซวีที่คว้าแก่นเต๋าเอาไว้ได้ เขาจึงเริ่มทำการกลืนกินพลังงานภายใน

ราชันยุทธ์ผู้อื่นขณะนี้อึ้งกายแข็งทื่อ คลื่นความหวาดกลัวโหมซัดเข้าเกาะกุมหัวใจพวกเขา!

ราชันยุทธ์สายเลือดถือว่าแข็งแกร่ง กระทั่งว่าได้รับบาดเจ็บ แก่นเต๋าก็ไม่มีทางถูกนำออกมาโดยง่ายในพริบตาเช่นนั้น

“เจ้าเป็นใคร? ส่งแก่นเต๋าข้ากลับคืนมา!” ราชันยุทธ์สายเลือดกล่าวคำจบ เขาจึงได้เห็นแก่นเต๋าตนเองแปรเปลี่ยนเป็นหมองหม่น จากนั้นสลายเป็นฝุ่นผง

พลังงานภายในของมันถูกกลืนกินในพริบตา

“ข้าคือผู้ที่เชี่ยวชาญรับมือกับคนเช่นเจ้าเป็นพิเศษอย่างไรเล่า!” อู่หมิงซวีค่อยลุกขึ้นยืนเชื่องช้า ใบหน้าเหยียดรอยยิ้มเผยออกให้อีกฝ่าย

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด