ตอนที่แล้วเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0452 [อ่านฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0454 [อ่านฟรี]

เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0453 [อ่านฟรี]


ตอนที่ 453 : สังหาร

ฉินหยุนพอได้ยินคำกล่าวสัญญาต่อจิตวิญญาณ เขาค่อยคิดว่าเรื่องราวสมเหตุสมผล สัญญานี้กดขี่อย่างยิ่ง หากลงนามขึ้นมา ย่อมเชื่อใจอีกฝ่ายได้

“ตกลง อย่างนั้นเริ่มทำสัญญาจิตวิญญาณกันเลย!” ฉินหยุนก้าวเดินไปและกล่าว

แม้ชายชราถูกขังที่นี่นานนับ แต่ยังคงแข็งแกร่ง สามารถปลดปล่อยการโจมตีรุนแรง เพียงพลิกฝ่ามือ ก็สามารถสังหารฉินหยุนและคณะได้ในพริบตา

“เจ้าหนู คิดนำพาอิสรภาพมาสู่ข้าหรือ? ข้าย่อมไม่เชื่อว่าเจ้ามีความสามารถเพียงนั้น!” กระนั้นแล้ว เขาก็ยังยินดีลงนามสัญญาจิตวิญญาณกับฉินหยุน

เขาและฉินหยุนได้แยกเอาเศษเสี้ยวจิตวิญญาณออกมาและผสานเข้าด้วยกัน หลังสัญญาเสร็จสิ้น พวกเขาค่อยเก็บเศษเสี้ยวจิตวิญญาณที่ผสานกันกลับคืนสู่จิตวิญญาณดั้งเดิม

เนื้อหาของสัญญา คือหลังจากที่ฉินหยุนช่วยเหลือชายชรา ชายชราจะต้องไม่ทำอันตรายใดต่อพวกเขา และยังต้องปกป้องพวกเขา นำพาพวกเขาไปพบสุสานหลัก และแบ่งปันสมบัติกันอย่างเท่าเทียม นอกจากนี้ ยังต้องปกป้องพวกเขาให้ออกไปจากแดนอ้างว้างแห่งนี้ด้วย

ชายชรานามว่าอู่หมิงซวี ยามเมื่อประกาศนามออก ทั้งสื่อชิงเฉิงและสุ่ยเทียนสื่อล้วนคิดค้นความทรงจำ กระนั้นก็พบว่าไม่เคยได้ยินนามนี้มาก่อน

“เจ้าหนู บอกต่อข้าว่าคิดปลดปล่อยข้าอย่างไร? ไม่ใช่ว่าข้าปรามาสต่อเจ้า แต่สิ่งที่กักขังข้าเอาไว้แข็งแกร่งยิ่ง กระทั่งว่ามีตัวข้าหลายคน ก็ยังไม่อาจทำลายสิ่งนี้ได้!” อู่หมิงซวีกล่าวคำ

ตามปกติแล้ว อุปกรณ์เต๋าระดับต้นก็ถือว่ายอดเยี่ยม แต่สิ่งนี้คืออุปกรณ์เต๋าระดับราชันสำหรับเอาไว้กักขังผู้นั้น นับเป็นการสิ้นเปลืองสมบัติสวรรค์อย่างแท้จริง

ฉินหยุนปลดปล่อยโมโมออกมา บอกต่อนางให้พิจารณาโซ่ตรวน

ได้เห็นภูติน้อยงดงามอีกครั้ง สื่อชิงเฉิงและสุ่ยเทียนสื่อคิดอยากยื่นฝ่ามือไปละเล่นด้วย

“เจ้าตัวน้อยนี่... ภูติอสูรงั้นหรือ?” อู่หมิงซวีเผยความประหลาดใจ “สวรรค์ ภูติอสูรไม่เคยยอมรับมนุษย์เป็นเจ้านายมาก่อน แต่แล้วเจ้ากลับมีสัมพันธ์อันดีกับนางได้อย่างนั้นหรือ ช่างหาพบพานได้ยากนัก!”

สุ่ยเทียนสื่อกล่าวเสียงเบา “ภูติอสูรสามารถนำโทเทมมาสู่พวกเรา แต่มนุษย์เพียงใช้วิธีบีบบังคับ ให้ภูติอสูรปลดปล่อยโทเทมของมันมาให้พวกเรา!”

สื่อชิงเฉิงเอ่ยถาม “ฉินหยุน ภูติอสูรนี้เป็นอะไรกับเจ้า? เหมือนนางจะสนิทกับเจ้าไม่น้อย!”

“ข้าย่อมคือผู้ถูกเลือก! ด้วยทั้งหล่อเหลาและยังเป็นคนดี ภูติอสูรจึงเลือกติดตามข้า!” ฉินหยุนหัวเราะ

โมโมปรากฏตัวต่อหน้าผู้คนมากมาย อดไม่ได้ที่จะเกิดความอึดอัดใจ กระนั้น นางเชื่อใจฉินหยุนอย่างยิ่ง นางเชื่อว่าฉินหยุนจะไม่ปล่อยให้นางได้รับอันตราย ดังนั้นจึงยอมหาญกล้าบินขึ้นไปที่โซ่ตรวน ตรวจสอบอักขระด้านในของมัน

มนุษย์แทบไม่ทราบเรื่องภูติอสูร ที่ทราบก็แค่ส่วนที่ภูติอสูรสามารถช่วยเหลือให้มนุษย์ได้ครอบครองโทเทม

อย่างมาก ก็เพียงทราบว่าภูติอสูรระดับพระแม่นั้นสามารถทำให้โทเทมวิวัฒนาการได้

คนส่วนใหญ่ล้วนไม่ทราบ ว่าภูติอสูรมีความสามารถทำลายหรือซ่อมแซมอักขระ

พิจารณาเรียบร้อยแล้ว โมโมค่อยปล่อยแสงอ่อนจางยิงใส่โซ่ตรวน

เป็นนางง่วนอยู่ไม่ถึงครึ่งชั่วยาม บินไปมาตรงโซ่ตรวนนั้น

“เรียบร้อยแล้ว!” นางกล่าวคำจบ จึงกลับไปหาฉินหยุน และกลับเข้าสู่มิติเก็บของ

อู่หมิงซวีรู้สึกได้ถึงพละกำลังของตนกลับคืน หาได้ถูกผนึกเช่นกาลก่อน ครานี้อดไม่ได้ที่จะเผยความประหลาดใจ จากนั้นจึงพยายามดึงโซ่ตรวนอย่างสุดกำลัง พบว่ามันถูกปลดออกมาแล้ว

หลังผ่านกาลเวลายาวนาน ในที่สุดเขาก็เป็นอิสระจากโซ่ตรวนที่รัดพันทั้งมือและเท้า

“ข้าได้อิสระกลับคืนแล้ว!” อู่หมิงซวียังแทบไม่เชื่อตนเอง

“ผู้อาวุโสอู่ ก่อนหน้านี้ท่านบอก ว่ามั่นใจที่ข้าไม่อาจปลดมันได้!” ฉินหยุนยิ้มกล่าว

“ย่อมได้ ข้าผิดไปแล้ว!” อู่หมิงซวียิ้มกว้าง “เจ้าหาได้แข็งแกร่ง แต่กลับมีหญิงสาวแข็งแกร่งงดงามสองคนติดตามมา ข้าไม่ควรปรามาสต่อเจ้าเลยจริง ๆ!”

เขาทราบ ว่าผู้ที่ช่วยตนเองปลดปล่อยออกมาคือภูติอสูร นางถึงขั้นทำลายอักขระของอุปกรณ์เต๋าได้

“ผู้อาวุโส อีกฝั่งหนึ่งของผนังกำแพง มีราชาผีดิบอยู่หลายตัว อีกทั้งราชันยุทธ์ พวกเราควรกลับไปทางนั้นหรือไม่?” ชั่วขณะนี้ สื่อชิงเฉิงเผยความยินดีขณะเอ่ยถามออกมา

อู่หมิงซวีกล่าวตอบ “แน่นอน! พวกเราจะออกไปผ่านทางสุสานนั่น!”

กล่าวคำจบ เขายื่นมือออกวางไว้ที่ผนังกำแพง ผลักเปิดออกเป็นประตู!

หลังจากอู่หมิงซวีเปิดผนังหิน ฉินหยุนและคณะรับรู้ได้ถึงออร่าผีดิบแรงกล้า

“ผู้อาวุโสคนนี้เชื่อถือได้หรือไม่กัน?” สุ่ยเทียนสื่อคว้ามือฉินหยุนเอาไว้แน่น เอ่ยถามด้วยความเป็นกังวล

“ย่อมเชื่อถือได้! อย่างไรแล้วเขามีชีวิตรอดมาได้เพียงนี้ ย่อมต้องมีฝีมือไม่อ่อนด้อย!” ฉินหยุนกล่าวตอบ “ออกไปรับชมเรื่องราวกันดีกว่า!”

สื่อชิงเฉิงก้าวเดินนำหน้า นางกล่าว “หากเกิดอันใดขึ้น ข้าจะถ่วงเวลาเอาไว้เอง เทียนสื่อ ให้เจ้าพาฉินหยุนเร่งรีบหลบหนีไป!”

“พี่สาวซาลาเปานึ่งอย่าได้กล่าวมากความแล้ว หากคิดหนีก็ต้องไปด้วยกัน!” ฉินหยุนก้าวเดินเข้าไป พร้อมหยิกที่ใบหน้างดงามของนางครั้งหนึ่ง

พวกเขาทั้งสามคน ติดตามด้านหลังอู่หมิงซวีสู่ห้องสุสานกว้างใหญ่ พบเห็นแต่ความวุ่นวาย โลงศพหยกเหล่านั้นกระจัดกระจาย หลายร่างกลายเป็นชิ้นส่วนมนุษย์

ราชันยุทธ์สองคนและหวังเทียนซือพร้อมคนที่เหลือ ขณะนี้ถูกฝูงผีดิบล้อมเอาไว้

ที่ชวนหนักใจที่สุด ก็คือราชันยุทธ์สองคนหลั่งเลือดที่ท้อง แก่นเต๋าพวกเขาถูกนำออก มือและเท้าถูกกัดกินโดยราชาผีดิบ

หวังเทียนซือและคณะต่างบาดเจ็บสาหัส พวกเขาเกือบจะถูกผีดิบเหล่านั้นกินแหล่มิกินแหล่แล้ว

ทันทีเมื่ออู่หมิงซวีปรากฏตัว บรรดาผีดิบล้วนหันมองมา

หวังเทียนซือเองก็เห็นฉินหยุนและโฉมงามสองคนก้าวเดินเข้ามา มือพวกเขาทั้งสามจับกันเอาไว้แน่นโดยฉินหยุนอยู่ตรงกลาง

ภายในใจของเขาปะทุออกด้วยความเกลียดชัง เพราะเขาเกือบจะถูกสังหารอยู่รอมร่อ ขณะที่ฉินหยุนยังอยู่ดีมีสุขและปลอดภัย

“ไอ้หน้าโง่บัดซบ เร่งรีบมาและตายร่วมกับข้า! ทั้งหมดนี่เป็นเพราะคนสารเลวเช่นเจ้า ทำให้พวกเราต้องตกอยู่ในปัญหามากมายเพียงนี้!” หวังเทียนซือเผยน้ำเสียงเปี่ยมด้วยความกราดเกรี้ยว

“ใช่เรื่องของข้าหรือ ไม่สักหน่อยนี่!” ฉินหยุนตอบกลับเย็นชา “เจ้าสิสารเลว ใช้งานข้าบูชายัญครั้งแล้วครั้งเล่า เป็นเจ้าแส่หาความตายแก่ตนเอง!”

“หลายครั้งงั้นหรือ?” หวังเทียนซือพลันนึกได้ ว่าเด็กหน้าโง่ตรงหน้าคือฉินหยุน!

ขณะคิดกล่าวคำใดออก อู่หมิงซวีทะยานร่างออกไป แขนปลดปล่อยแสงทองม่วง ดาบคมกล้าฉับพลันปรากฏในมือของเขา!

ดาบเล่มนี้ดูธรรมดา ทว่ามันเผยออกซึ่งจิตสังหารเย็นเยือก โดยทันที มันเข้าปกคลุมผีดิบชั่วร้ายเหล่านั้นเอาไว้!

สุสานกว้างใหญ่กลับกลายเป็นห้องแช่แข็ง ทั้งหมดนี้เพียงเพราะดาบของอู่หมิงซวีปรากฏออกมา!

แม้อู่หมิงซวีถูกผนึกไว้นานนับ แต่มันหาได้ส่งผลกระทบใดต่อพลังอำนาจของเขาไม่

ความเร็วการพุ่งทะยานนั้นเหนือล้ำ ทว่าที่รวดเร็วกว่ายังเป็นดาบ!

ฉินหยุนและคณะแทบไม่เห็นว่าอีกฝ่ายเหวี่ยงดาบอย่างไร ผีดิบกลุ่มนั้นถูกทิ่มแทงจนตาย ร่างสลายกายเป็นฝุ่นธุลี

“ดาบต้นกำเนิด!” ฉินหยุนร้องอุทาน

“ผู้ฝึกตนดาบ?” สื่อชิงเฉิงมองทางฉินหยุนด้วยอาการตกตะลึง

ฉินหยุนพยักหน้ารับ เขาคุ้นเคยกับออร่าของเซี่ยอู่เฟิงที่เคยใช้ครั้งกวัดแกว่งดาบ แน่นอนว่าดาบที่โจมตีตรงหน้าขณะนี้รุนแรงกว่าของเซี่ยอู่เฟิงมากนัก

สุ่ยเทียนสื่ออุทานร้อง “พวกเขาแทบสูญสิ้นกันหมดแล้ว! เป็นทั้งผู้ฝึกตนดาบและอาจารย์จารึกเต๋าเลยงั้นหรือ? น่ากลัวเกินไปแล้ว!”

เพียงไม่นานจากนั้น ผีดิบทั้งหมดถูกอู่หมิงซวีเข้าสังหาร ตราบเท่าที่โดนทิ่มแทง ร่างผีดิบจะระเบิดออก ชัดเจนว่าเป็นเพราะพลังแกร่งกล้าสอดแทรกเข้าร่างจนไม่อาจคงสภาพ

ร่างของราชาผีดิบกระจายแตก ตกหล่นซึ่งสองแก่นเต๋า เหล่านี้ คือแก่นเต๋าของราชันยุทธ์สองชีวิต

อู่หมิงซวีเร่งรีบดูดกลืนพลังงานจากแก่นเต๋าเหล่านั้น

ฉินหยุนเร่งรีบเดินเข้าไป มองเหยียดหยันทางหวังเทียนซือ

“ว่าอย่างไรสุนัขเฒ่า เจ้าทำข้าเลือดออกหลายครั้งครา ขณะนี้ได้เวลารับผลกรรมแล้ว!” ฉินหยุนยิ้มกว้างขณะกระทืบเท้าที่หน้าอกของหวังเทียนซือ

อู่หมิงซวีก้าวเดินเข้ามาพร้อมกล่าว “ข้าคิดนำแก่นเต๋ามันออกมาฟื้นฟูพลังตนเอง!”

กล่าวคำจบ เขาฝังกรงเล็บลงที่หน้าท้องหวังเทียนซือ นำเอาแก่นเต๋าอีกฝ่ายออกมา

“เดี๋ยว...” ฉินหยุนเพิ่งตะโกนคำจบ แก่นเต๋าก็ถูกอู่หมิงซวีดูดกลืนไปแล้ว

“มีอะไรหรือ?” อู่หมิงซวีเอ่ยถาม

“ข้าคิดต้องการวิญญาณยุทธ์ของมัน... ช่างเถอะ!” ฉินหยุนเม้มริมฝีปาก

“วิญญาณยุทธ์ภูตผีระดับแพลทินัม ขยะไร้ค่า!” อู่หมิงซวียิ้มกล่าว “เจ้ามีข้อพิพาทกับมันหรือ?”

“มันเกือบสังหารข้าไปหลายครั้ง ความแค้นลึกล้ำเลยทีเดียว!” ฉินหยุนกระทืบเท้าที่ใบหน้าหวังเทียนซือ

หวังเทียนซือ หลังโดนนำแก่นเต๋าออกจากร่าง เขาทั้งหวาดกลัวและเจ็บปวด เดิมเขาคิด ว่าจะต้องกลายเป็นผีดิบในภายหน้า ที่ไม่คาดคิด คือกลับต้องตายเพราะน้ำมือของฉินหยุน

“อย่างนั้นก็จัดการมัน!” อู่หมิงซวีมองที่ไกลออกไป เพียงโบกมือ เขานำเอาอาวุธเต๋าทั้งสามชิ้นเข้าหาและกล่าว “หลังผ่านไปหลายปี ถึงตอนนั้นระดับเจ้าคงพัฒนา รับพวกมันเอาไว้!”

ฉินหยุนสะดุ้งพร้อมรับกระบี่สีเงินเล่มหนึ่งไว้

“อย่าฆ่าข้า!” หวังเทียนซืออ้อนวอน

ขณะฉินหยุนคิดสังหารหวังเทียนซือด้วยการสับฟัน อู่หมิงซวีก็ผลักฝ่ามือออก เกิดเป็นเปลวเพลิงปะทุระเบิดออกเผาไหม้หวังเทียนซือ

“มันติดพิษผีดิบ หากเลือดกระจายโดนตัวเจ้า อาจทำให้เกิดปัญหาภายหลัง ทางที่ดีอย่าได้ยุ่งกับร่างของพวกมัน!” อู่หมิงซวียิ้มตอบ

สื่อชิงเฉิงและสุ่ยเทียนสื่อต่างได้รับดาบคนละเล่ม แม้พวกมันเป็นอาวุธเต๋าระดับต่ำทั้งคู่ กระนั้นก็ทำพวกนางยินดีจนแทบแย่แล้ว

“ขอบคุณผู้อาวุโสอู่ ท่านสร้างอาวุธเต๋าเหล่านี้ทั้งหมดเลยหรือ?” สุ่ยเทียนสื่อเอ่ยถาม

“แน่นอน! เจ้าอาจไม่เชื่อ แต่คนเหล่านี้ใช้งานอาวุธเต๋าที่ข้าหลอมขึ้นเพื่อจับตัวข้าเอาไว้!” อู่หมิงซวีหัวเราะกับหายนะของตนเอง “ข้าสร้างมัน และมันก็ย้อนกลับมาทำร้ายข้า!”

หลังดูดกลืนแก่นเต๋าไปจำนวนหนึ่ง เขาค่อยดูมีสภาพที่ดีขึ้น

“ไปกัน พวกเราจะมุ่งหน้าไปยังพื้นที่ของสุสานหลัก ข้าเองก็อยากเห็นนักว่าผู้ใดถูกฝังไว้ที่นี่ และจะมีสิ่งของมีค่าใดที่ลงหลุมไปด้วย!” อู่หมิงซวีหัวเราะดัง ก้าวเดินไปยังค่ายอาคมเคลื่อนย้าย

ฉินหยุนตะโกนขึ้น “รอสักครู่ ที่แห่งนี้มีโทเทม ข้าคิดให้ภูติน้อยนำมันออกมาก่อน!”

กล่าวคำจบ เขาปล่อยโมโมออกมา

อู่หมิงซวีตอบคำ “นั่นก็แค่นกกระจอกลึกล้ำเก้าสวรรค์ เป็นโทเทมที่ไม่สมบูรณ์ ไม่มีประโยชน์อันใด ที่สุสานหลักน่าจะสมบูรณ์กว่านี้!”

ฉินหยุนพอได้ยินดังนี้ เขาจึงเก็บโมโมและเร่งร้อนเดินไปยังค่ายอาคมเคลื่อนย้าย

สุ่ยเทียนสื่อและสื่อชิงเฉิงเพิ่งได้รับอุปกรณ์เต๋า พวกนางทำใจเก็บพวกมันลงอุปกรณ์มิติเก็บของไม่ได้ จึงได้แต่ถือกระชับแน่นไว้ในมือ

แม้ยังไม่ได้สร้างพันธะโลหิต แต่พวกนางก็ยังสามารถใช้เป็นการชั่วคราว เพราะอุปกรณ์เต๋าเหล่านี้สร้างขึ้นโดยอู่หมิงซวี เขาย่อมทำให้อุปกรณ์เต๋ายอมรับสื่อชิงเฉิงและสุ่ยเทียนสื่อได้

หลังจากค่ายอาคมเคลื่อนย้ายทำงาน ฉินหยุนและคณะจึงกลับสู่เส้นทางที่ใช้มาตอนแรก

อู่หมิงซวีค่อนข้างคุ้นเคยสถานที่ รถลากเรืองแสงขณะนี้นำพาฉินหยุนกลับไปตามเส้นทาง

“พวกเราจะโผล่ที่โถงหลักหรือ?” ฉินหยุนเอ่ยถาม

อู่หมิงซวีตอบ “ทางเข้าหลักของสุสานหลักไม่ใช่ประตูทั้งสิบแปดบาน แต่เป็นโถงหลักแห่งนั้น! ประตูทั้งสิบแปดบาน ใช้เพื่ออำพรางสำหรับนำไปสู่กับดัก! ประตูที่พวกเจ้าเลือกมานี้ ถือได้ว่าปลอดภัยที่สุดแล้ว!”

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด