ตอนที่แล้วตอนที่ 09 ชนชั้นสูงแห่งแอดเรี่ยน พาร์ท 1
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 11 ชนชั้นสูงคนใหม่แห่งสไตน์เบ็ค ไฟต์ พาร์ท 1

ตอนที่ 10 ชนชั้นสูงแห่งแอดเรี่ยน พาร์ท 2


ณ เมืองชายแดนของอาณาจักรแอดเรี่ยน เมืองแห่งหนึ่งมีชื่อว่าเบล การขายดินแดนของอาณาจักรแอดเรี่ยนมีเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของพวกเขา เนื่องจากการพ่ายแพ้สงครามกับอาณาจักรออกัสต้าทำให้พวกเขาต้องจ่ายค่าทดแทนมูลค่ามหาศาล อาณาจักรแอดเรี่ยนหมดหวังที่จะหาเงินเพื่อจะแก้ไขปัญหานี้ พวกเขาเลยคิดจะขายดินแดนของพวกเขาเพื่อหาเงิน นี่จะเป็นหนทางระดมทุนของกลุ่มพันธมิตรวิคเตอร์ เมื่อเทียบกับพันธมิตรคลาร์กที่ขายทาสเพื่อระดมทุน

ในความเป็นจริงแล้วไคลด์ไม่สนใจเข้าร่วมกับเหตุการณ์ในครั้งนี้เท่าไหร่ แต่ลูซิเฟอร์อยากเป็นเจ้าของดินแดน ดินแดนที่ขายมีขนาดใหญ่มาก เมื่อเทียบกับราคา 10 เหรียญทอง เป็นราคาที่ถูกมาก เมื่อเจ้าหน้าที่เห็นใครบางคนสนใจในการซื้อดินแดนแห่งนี้ เจ้าหน้าที่ที่ขายดินแดนอื่นเห็นเข้าจึงแสดงความไม่พอใจจึงพยายามบอกข้อเสียต่างๆ ของดินแดนนี้

‘’น้องสาว ยังเด็กอยู่เลยนะ ทำไมไม่สนใจดินแดนอื่นบ้านละ’’

‘’จะบอกความจริงเลยนะแม่หนู ดินแดนแห่งนี้ถูกทิ้งมานานมากแล้ว’’

เมื่อเจ้าหน้าที่ของอาณาจักรแอดเรี่ยนเห็นความน่ารักของสาวน้อยผมเงินลูซิเฟอร์เขาจึงเริ่มปริปากบอกข้อเสียของดินแดนแห่งนี้ พื้นที่สไตน์เบ็ค ไฟต์แห่งนี้นอกจากเป็นดินแดนร้าง ไม่มีผู้คนอาศัยยังมีข่าวลือมาว่าเป็นพื้นที่ต้องสาบ ไม่มีใครอยากที่จะอาศัยอยู่ พื้นที่แห่งนั้นเลยไม่มีสิ่งมีชีวิตใดอาศัยอยู่

บริเวณใกล้เคียงเขตแดนสไตน์เบ็ค ไฟต์อยู่ติดกับหลายอาณาจักร อาณาจักรส่วนใหญเป็นอาณาจักรที่อยู่ในกลุ่มพันธมิตรคลาร์ก อาณาจักรที่อยู่ในกลุ่มวิคเตอร์น้อยอาณาจักรที่จะอยู่ติดกับบริเวณนี้ พื้นที่แห่งนี้ไม่มีค่าทางยุทธศาสตร์ อาณาจักรแอดเรี่ยนต้องการจะขายเขตแดนนี้มาเนิ่นนาน แต่ไม่มีใครต้องการ ราคาของมันจึงลดลงเรื่อยๆ จนเหลือเพียง 10 เหรียญทอง

‘’ไม่ต้องห่วง ฉันแค่จะซื้อไว้เฉยๆ หน่ะ’’

‘’งั้นไม่มีปัญหา ถ้าคุณหนูต้องการซื้อละก็เราสามารถทำข้อตกลงกันได้ทันที’’

‘’แต่คุณต้องจำไว้ว่า คุณไม่ควรไปที่นั่น’’

ภายใต้การติดสินใจของลูซิเฟอร์ ไคลด์จึงเป็นเจ้าของที่ดิน ‘’สไตน์เบ็ค ไฟต์’’ โดยใช้ชื่อเซราส เขากับลูซิเฟอร์ไม่อยากจะเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงจึงให้เจ้าหญิงเซราสใช้นามแฝงว่าเซร่าเป็นเจ้าของดินแดนแห่งนี้แทน

เจ้าหน้าที่ขายของอาณาจักรแอดเรี่ยนต้องการที่จะขายอาณาเขตทั้งหมดหลังจากที่พวกเขาพยายามขายมานาน พวกเขารีบรับเงินจึงไม่ได้ตรวจสอบตัวตนของเซร่าอย่างละเอียด พวกเขาไม่รู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของเซร่า แท้จริงแล้วเธอเป็นเจ้าหญิงเซราสแห่งอาณาจักรอาวน์เลส หลังจากทำข้อตกลงเสร็จสิ้น รถม้าของไคลด์จึงได้เดินทางออกจากเมืองเบลไปสู่เมืองสไตน์เบ็ค ไฟต์ ตอนนี้ไคลด์ได้กลับมาเป็นคนจนเหมือนเดิม 10 เหรียญทองที่พวกเขาพึ่งได้มาหายไปอย่างรวดเร็ว

ไคลด์นั่งในรถม้าร่วมกับลูซิเฟอร์และเจ้าหญิงเซราสในขณะที่รอรถม้าของพวกเข้าเดินทางถึงที่หมาย ม้าเหล่านี้ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีให้สามารถเดินทางไปตามเส้นทางได้เอง ไม่ต้องอาศัยคนบังคับ เว้นแต่จะมีการตัดสินใจเปลี่ยนเส้นทางที่ฉับพลัน ม้าเหล่านี้จะสามารถเดินทางได้เอง

ในที่สุดเจ้าหญิงเซราสก็แต่งกายด้วยชุดเดรสขาว เธอหลุดพ้นจากสภาพเปลือยกายแล้ว การแสดงออกของเธอแสดงให้เห็นว่าเธอรู้สึกอับอายต่อการกระทำก่อนหน้านี้ ในตอนนี้เธอมีความสามารถบางอย่างที่ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นโดยที่ไม่มีใครรู้ เธอนั่งพิงกับรถม้าก่อนจะมองออกไปที่นอกหน้าต่าง ไคลด์ไม่เก่งในเรื่องอ่านใจคน เขาถอนหายใจอย่างเงียบๆ ก่อนจะนั่งในที่นั่งตรงกันข้ามกับเธอ เขาเฝ้ามองลูซิเฟอร์ที่กำลังเริ่มการสนทนากับเจ้าหญิงเซราสราวกับน้องสาวที่กำลังคุยกับพี่สาว

ความตั้งใจเดิมของลูซิเฟอร์นั่นคือการให้เจ้าหญิงเซราสทำสัญญามืดกับไคลด์ ด้วยสัญญามืดนี้จะทำให้ไคลด์ได้รูปร่างความเป็นมนุษย์ ด้วยรูปร่างที่แท้จริงของไคลด์ในตอนนี้ทำให้ไม่มีใครสามารถจ้องเขาโดยตรงได้นอกจากลูซิเฟอร์

อย่างไรก็ตามเจ้าหญิงเซราสไม่มีความสามารถในการต่อสู้และความสามารถในการใช้เวทย์มนตร์จึงเป็นปัญหาที่จะให้เธอเซ็นสัญญาแห่งความมืด ลูซิเฟอร์จึงต้องมองหาผู้เหมาะสมรายอื่น หนึ่งในผู้ที่เหมาะสมคือเจ้าหญิงโอเลีย แต่เธอแยกย้ายกับเจ้าหญิงเร็วเกินไป จึงทำให้ไม่มีเวลาเตรียมตัว

ลูซิเฟอร์เองไม่สามารถลงชื่อในสัญญาแห่งความมืดนี้ได้ด้วยเหตุผลอะไรบางอย่าง ซึ่งไคลด์เองที่พึ่งจะข้ามมาที่โลกแห่งนี้ ถ้าจะว่ากันด้วยประสบการณ์ ลูซิเฟอร์จะต้องมีประสบการณ์มากกว่าไคลด์ จึงทำให้ไคลด์เลือกจะเชื่อประสบการณ์ของเธอ

‘’ไคลด์ ทำไมนายไม่ลงชื่อนายเป็นชนชั้นสูงเองละ ในเมื่อเป็นเงินของนาย’’

‘’พี่สาวเซราส อย่าปฏิเสธไปเลย พี่ไคลด์กับฉันเป็นเพียงคนธรรมดา ไม่มีเชื้อสายชนชั้นสูง ถ้าเราถูกตรวจสอบพบในอนาคตอาจจะเป็นปัญหาที่รับมือยากขึ้นมา ดังนั้นพี่ที่เคยเป็นราชวงศ์น่าจะเหมาะสมที่สุดแล้ว เมื่อการตรวจสอบมาถึงพี่จะทำให้ผ่านไปได้ด้วยดีไงละ’’

ภายใต้การพูดหว่านล้อมของลูซิเฟอร์ ทำให้เจ้าหญิงเซราสยอมแพ้ไป เธอยอมรับตำแหน่งชนชั้นสูงแห่งสไตน์เบ็คผู้ครอบครองเมืองสไตน์เบ็ค ไฟต์ พื้นที่สไตน์เบ็ค ไฟต์ใหญ่กว่าบ้านเกิดของเธอที่อาณาจักรอาวน์เลสประมาณ 10 เท่า ด้วยขนาดพื้นที่ที่ใหญ่ขนาดนี้เธอสามารถแบ่งการปกครองเป็นแต่ละเขตได้เลย

อย่างไรก็ตามดินแดนสไตน์เบ็ค ไฟต์ เป็นดินแดนรกร้างที่ไม่มีผู้คนอาศัยอยู่ อาณาจักรแอดเรี่ยนขายดินแดนนี้ให้กับไคลด์ ในหนึ่งปีพวกเขาจะต้องส่งกำลังทหาร ภาษีไปให้กับอาณาจักรแอดเรี่ยน ซึ่งภายในดินแดนแห่งนี้ที่ไม่ทั้งผู้คนและทหาร การจะหาภาษีจึงเป็นไปไม่ได้เลย

ในตอนนี้พวกไคลด์ไม่มีเงินทุนใดๆ ที่จะจ้างแม้กระทั่งคนรับใช้ธรรมดาๆ ไคลด์จึงตั้งใจที่จะมองหาผู้รับใช้ที่จะมาทำงานให้เขาแบบฟรีๆ และแน่นอนเนื่องจากเป็นเขตแดนของกลุ่มพันธมิตรวิคเตอร์จึงทำให้ไม่สามารถใช้ระบบซื้อขายทาสได้ ซึ่งต่างจากพันธมิตรคลาร์กที่สามารถจัดซื้อทาสได้อย่างถูกกฎหมาย

ดินแดนสไตน์เบ็ค ไฟต์ อยู่ติดกับอาณาจักรแอดเรี่ยนซึ่งเป็นสมาชิกเพียงอาณาจักรเดียวที่อยู่ในกลุ่มพันธมิตรวิคเตอร์ ส่วนด้านอื่นๆ นั้นอยู่ติดกับอาณาจักรในสมาชิกของพันธมิตรคลาร์กทั้งหมด สถานการณ์ในตอนนี้จึงถูกล้อมรอบไปด้วยกองกำลังที่ไม่เป็นมิตร การที่อาณาจักรแอดเรี่ยนเพิ่งจะพ่ายแพ้จากสงครามก่อนหน้านี้ จึงทำให้อาณาจักรแอดเรี่ยนไม่สามารถส่งกำลังสนับสนุนพวกมาช่วยเขาได้เลย แต่ต้องขอบคุณอาณาจักรออกัสต้า ที่ทำให้ชายแดนสไตน์เบ็ค ไฟต์ ไม่ต้องกังวลที่จะถูกโจมตีทีเผลอจากเจ้าหญิงโอฟีเลีย ตอนนี้ด้วยสถานการณ์สงครามในสนามรบอื่นๆ เธอจึงไม่มีเวลาที่จะมาสนใจเมืองที่ไม่มีสิ่งมีค่าใดๆ ส่วนเจ้าหญิงองค์อื่นล้วนแต่มีนิสัยที่รักสงบ

ในขณะที่ไคลด์ยังคงคิดเดียวกับการบริหารเมือง เขาต้องหยุดคิดทันใดเมื่อถูกกลุ่มโจรกลุ่มใหญ่ขวางทางการเดินทาง ตั้งแต่การพ่ายแพ้ของอาณาจักรแอดเรี่ยน พื้นที่ชายแดนจึงเกิดความวุ่นวายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จำนวนโจรเพิ่มขึ้นแต่การรักษาความปลอดภัยนั้นน้อยลอง

‘’หยุดสะ! เอาผู้หญิงทั้งหมดมาสะและทิ้งของมีค่าทั้งหมดไว้ นี้คือคำเตือน!’’

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด