ตอนที่แล้วGE349 เสี่ยวฉือ [ฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปGE351 โลหิตนองเกาะกู่ซู [ฟรี]

GE350 สร้างเจตจำนงค์กระบี่ [ฟรี]


หนิงฝานยืนอยู่ในสวนหน้าบ้าน วันคืนผันผ่านฤดูใบไม้ร่วงมาเยือน ใบไม้ร่วงโรยเกลื่อนพื้น แต่ไม่มีใครกวาด

เมื่อยามตะวันคล้อย หนิงฝานเงยหน้ามองท้องนภาที่เคลือบฉาบด้วยสีแดงฉานของดวงตะวัน ขบคิดถึงบางสิ่ง

เขานึกถึงสิ่งที่หานหยวนจี๋เคยกล่าว ว่าหากเลือกเส้นทางใดแล้ว...อย่าได้เปลี่ยนใจ

นึกถึงใบหน้าที่น่ารักน่าถนุถนอมของจื่อเฮ่อ

นึกถึงทะเลโลหิตที่ปกคลุมผืนดินยามเมื่อเกิดการฆ่าล้างสังหาร

นึกถึงเทพกษัตริย์เนี่ยที่กล่าวเสียงดังสะท้อนไปทั่วท้องนภา

ฆ่า… ฆ่า… ฆ่า...

ยิ่งนึกจิตใจหนิงฝานยิ่งปั่นป่วน ราวกับธาตุไฟกำลังจะเข้าแทรก เขาเคยเป็นแบบนี้ครั้งหนึ่ง แต่ยามนั้นได้จื่อเฮ่อช่วยเอาไว้

ยามนี้ หนิงฝานเข่นฆ่าศัตรูมามากมายนับไม่ถ้วน หากเขายังทำเช่นนั้นต่อไป จิตใจของเขาจะถูกความอาฆาตกลืนกิน กระทั่งไม่เหลือความเป็นมนุษย์อีก

“ฉุ่ยหลิงพาข้ามาที่นี่เพื่อชำระล้างจิตใจ… หากข้ายอมแพ้ นางคงผิดหวังในตัวข้า”

“แม้ข้าจะสังหาร… แม้ข้าจะปลิดชีพศัตรู… แม้ข้าจะเป็นปีศาจ… แต่ข้าไม่เหมือนปีศาจตนอื่น!”

*ฟู่!*

สายลมที่รุนแรงพัดพาใบไม้ที่อยู่ในลานบ้าน ไม่ว่าเจตนาสังหารของเขาจะปะทุมากขนาดไหน แต่เขาจะไม่ยอมตกอยู่ในอาณัติของมัน

ผ่านไปครู่ใหญ่หนิงฝานค่อยๆลืมตา แววตากระจ่างใสราวกับวารี เขาสะกดเจตนาสังหารของตนได้ ทำให้จิตใจยกระดับ

ในขณะนั้นเอง เสียงเคาะประตูบ้านดังขึ้น พร้อมกับเสียงกล่าวดังมา

“นายท่าน...ท่านหลับหรือยัง? ข้าเป็นคนในครอบครัวของเสี่ยวฉือ นำของมาคืนให้ท่าน”

หนิงฝานพับแขนอาภรณ์ ผลักประตูหน้าบ้านออกไปพบกับสาวงามคนหนึ่งยืนอยู่ นางอายุราว 29 ปีสวมอาภรณ์สีดำลายปัก ผมยาวสลวยดำขลับ แต่ใบหน้ากลับเศร้าหมอง

มือข้างหนึ่งของนางถือถุงไข่ ส่วนอีกข้างถือกระบี่ที่ห่อพันด้วยผ้า เมื่อเห็นว่าหนิงฝานยังยืนอยู่ในบ้าน นางรู้สึกหวาดกลัว บ้านหลังนี้เป็นบ้านต้องสาบ แต่นางก็ยังรวบรวมความกล้ามาจนถึงที่นี่

“เจ้าเป็นใคร?” หนิงฝานกล่าวอย่างเรียบเฉย

“ข้าชื่อไป๋ซู… มารดาของเสี่ยวฉือ เสี่ยวฉือเล่าให้ข้าฟังว่าท่านเป็นผู้มอบกระบี่ให้ กระบี่ล้ำค่าเช่นนี้ไม่คู่ควรกับพวกเรา อีกอย่างเสี่ยวฉือยังเด็ก… หากเกิดกวัดแกว่งกระบี่พลาดพลั้งมา อนาคตของเขาคงจบสิ้น ข้าจึงนำกระบี่มาคืนท่าน และนำไข่ถุงนี้มาเพื่อตอบแทนน้ำใจท่าน”

แม้สีหน้านางจะดูสงบ แต่ยังไม่อาจเก็บซ่อนความกลัว นางชำเลืองมองเข้าไปภายในบ้าน ทุกมุมมืดสนิทไร้แสงไฟ ลานบ้านรกไปด้วยเศษใบไม้ มีเพียงหนิงฝานคนเดียวเท่านั้นที่ปรากฏตัว นางจึงคิดว่าหนิงฝานคือปีศาจที่น่าสะพรึงกลัว

กระบี่ล้ำค่าขนาดนี้ ผู้ที่มีในครอบครองสมควรเป็นปีศาจที่น่าสะพรึงกลัว

สามีของไป๋ซูตายเมื่อครึ่งปีก่อน ยามนี้นางยังสวมอาภรณ์ไว้ทุกข์ เลี้ยงดูเสี่ยวฉือเพียงลำพัง

นางคิดว่าตนเป็นสตรีที่งดงามอยู่บ้าง หากล่วงเข้าไปในบ้านหนิงฝานย่อมนับเป็นเรื่องไม่เหมาะสม หากอีกฝ่ายคิดมิดีมิร้าย นางคงไม่รอดมือ

แต่หนิงฝานไม่รู้ว่า สตรีเบื้องหน้ามองว่าเขาเป็นปีศาจร้าย และหนิงฝานย่อมไม่รู้ว่า นางกลัวว่าเขาจะล่วงเกิน

“ที่แท้เจ้าคือมารดาของเสี่ยวฉือ… เจ้าเอากระบี่มาคืนข้าเหรอ? กระบี่เล่มนั้นไม่เป็นประโยชน์กับข้าต่อไปแล้ว เจ้าเก็บไว้ให้เสี่ยวฉือเถอะ...” หนิงฝานส่ายหน้า แต่นั่นกลับทำให้นางตกตะลึงจนพูดไม่ออก

“นายท่าน! การที่ท่านมีกระบี่ล้ำค่าเช่นนี้ในครอบครอง แสดงว่าท่านเป็นมือกระบี่ แต่เท่าที่ข้าเคยเห็นมือกระบี่มา ไม่เคยมีผู้ใดยอมทิ้งกระบี่ของตน… ก่อนสามีข้าตาย เขาเป็นช่างตีเหล็กที่มีชื่อเสียงในเมือง มีโอกาสได้พบเจอมือกระบี่มากมาย เขาเคยกล่าวว่า เมื่อมือกระบี่ละทิ้งกระบี่ แสดงว่ากระบี่ได้ผสานรวมเป็นหนึ่งกับมือกระบี่ผู้นั้น จนมือกระบี่ผู้นั้นสามารถชักนำอานุภาพที่แท้จริงของกระบี่ออกมาได้”

คำกล่าวของนางราวกับพิรุณพรั่งพรมลงบนจิตใจที่ขุ่นมัวของหนิงฝาน

หนิงฝานยังไม่อาจเข้าใจกระบี่อย่างถ่องแท้ เขารู้สึกราวกับตนขาดบางสิ่งไป แต่เมื่อได้ยินคำกล่าวของนางก็เข้าใจทันที

“เข้าใจแล้ว เหตุที่ข้ายังสร้างเจตจำนงค์กระบี่ไม่ได้ทุ่มเทให้กระบี่มากพอ!”

มือกระบี่ที่เก่งกาจคือผู้ที่ทุ่มเทให้กับกระบี่ อุทิศกายใจให้กับกระบี่กระทั่งตนเองกลายเป็นกระบี่ไป

ในร่างของเสี่ยวฉือมีจิตใจที่อุทิศให้กับกระบี่ และนั่นคือสิ่งที่หนิงฝานยังไม่มี

เพียงแค่ความรู้สึกที่แรงกล้า ก็เปลี่ยนให้กลายเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ได้ ซึ่งนั่นก็คือเจตจำนงค์กระบี่!

ทั่วร่างหนิงฝานแผ่กลิ่นอายของปราณกระบี่ที่ทรงพลังออกมาอย่างช้าๆ และไป๋ซูที่เคยพบมือกระบี่มามากมายสัมผัสถึงปราณกระบี่จากหนิงฝานาได้อย่างชัดเจน

“เป็นปราณกระบี่ที่ทรงพลังมาก ตลอด 29 ปีที่ผ่านมา ข้ายังไม่เคยเห็นปราณกระบี่ที่ทรงพลังขนาดนี้มาก่อน!”

เดิมทีนางคิดว่าหนิงฝานเป็นเพียงมือกระบี่ทั่วไป แต่ยามนี้ นางรู้แล้วว่าเขาคือมือกระบี่ที่เก่งกาจมาก

“กระบี่กลับมา!”

หนิงฝานจ้องมองกระบี่ในมือนางพลางนำมันกลับมาด้วยพลังที่มองไม่เห็น แต่ในขณะเดียวกัน ปราณกระบี่ที่มองไม่เห็นเคลื่อนผ่านบริเวณหน้าอกของนาง

“ปราณกระบี่ไร้ลักษณ์! มีเพียงมือกระบี่ระดับสูงเท่านั้นที่จะใช้ได้” ดวงตานางเบิกกว้างด้วยความตกตะลึง แต่นางก็อับอายไม่แพ้กัน เพราะเมื่อครู่ นางสัมผัสได้ราวกับว่ามีมือที่มองไม่เห็น สัมผัสหน้าอกของนาง

เรื่องนี้เกิดขึ้นโดยบังเอิญซึ่งหนิงฝานเองก็ไม่ทราบ นางจ้องมองเข้าไปในดวงตาหนิงฝาน นางเห็นมือกระบี่ผู้ยิ่งใหญ่ และมือกระบี่ผู้นี้ย่อมไม่ทำเรื่องชั่วช้าเช่นนั้น

“เรื่องเมื่อครู่เกิดขึ้นโดยบังเอิญ… นายท่านคือมือกระบี่ที่เก่งกาจ หากสามีของข้ายังไม่ตายและได้พบท่าน เขาคงมีความสุขมาก...”

“สามีข้าคาดหวังให้เสี่ยวฉือเป็นมือกระบี่ที่เก่งกาจ หากเสี่ยวฉือได้นายท่านเป็นอาจารย์...”

นางขบคิด จ้องมองหนิงฝาน ก้มมองตนเอง แล้วถอนหายใจ

อาภรณ์ที่หนิงฝานสวมใส่ทำมาจากวัสดุที่นางไม่เคยเห็นมาก่อน นั่นหมายความว่าเขาคือผู้เชี่ยวชาญที่ท่องไปในโลกกว้าง

ส่วนนางตั้งแต่สามีตาย รายได้ของนางก็ลดลง ไม่มีเงินพอที่จะให้บุตรชายไปกราบผู้เชี่ยวชาญสักคนเป็นอาจารย์

ในสายตาของนาง หนิงฝานคือมือกระบี่ที่เก่งกาจที่สุดในเกาะกู่ซู แต่เสี่ยวฉือคงไม่มีโอกาสได้หนิงฝานเป็นอาจารย์แล้ว...

ผ่านไปครู่ใหญ่ หนิงฝานถอนปราณกระบี่ ฉีกผ้าห่อกระบี่พลางจ้องมองกระบี่อีกเล่มเดิมอีกครั้ง

สิ่งที่เขาเห็นและสัมผัสได้จากกระบี่เปลี่ยนไป เขาได้ยินเสียงลมหายใจของมัน!

ยามนี้เขาสัมผัสได้ถึงกระบี่ที่แท้จริง เหลือเพียงทำให้มันกลายเป็นเจตจำนงค์กระบี่ของตน

“ยามนี้ก็ดึกแล้ว หากเจ้ายังรั้งอยู่ ข้าเกรงว่าจะไม่เหมาะ” หนิงฝานกล่าว

“ถูกของท่าน...” นางรู้ว่าดึกดื่นเช่นนี้ หากจะยืนอยู่หน้าบ้านบุรุษเพียงลำพัง นับเป็นเรื่องไม่เหมาะสมอย่างที่สุด

ที่นางยังอยู่เมื่อครู่เพราะชื่นชมในความเก่งกาจของหนิงฝานในฐานะมือกระบี่ และหวังอยากจะให้บุตรชายของตนได้เขาเป็นอาจารย์

แต่เมื่อหนิงฝานกล่าวเตือนถึงความเหมาะสม นางก็ไม่กล้ากล่าวขอ และหันกายจากไป

แต่ก่อนไป นางนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้เอาไข่ให้หนิงฝาน

“ข้ารู้ว่านายท่านเป็นผู้มั่งคั่งยิ่งใหญ่ คงไม่สนใจของเล็กน้อยเช่นนี้ แต่ไข่ถุงนี้ข้าเตรียมมาให้ท่าน แทนการขอบคุณที่ท่านให้เสี่ยวฉือหยิบยืมกระบี่… ข้าได้ยินว่าภรรยาของท่านบาดเจ็บ ไข่เหล่านี้สมควรช่วยให้ร่างกายของนางดีขึ้น”

นางยื่นถุงไข่ให้หนิงฝาน

แต่เมื่อรับไข่มา จิตใจหนิงฝานสั่นสะท้าน คนทั่วไปมักจะมอบสิ่งของแทนคำขอบคุณ แต่หากเปลี่ยนเป็นผู้ฝึกตน การมอบของให้คนที่ไม่รู้จักนับเป็นเรื่องโง่เขลา

“ขอบคุณ...” หนิงฝานถอนหายใจ เขาไม่ได้สัมผัสกับความจริงใจเช่นนี้มานานมากแล้ว

“ฮ่าฮ่า… นายท่านช่างเป็นคนที่โด่ดเด่น นั่นก็แค่ไข่ ท่านไม่ต้องขอบคุณข้าหรอก”

นางหัวเราะขบขัน แต่ในเวลาเดียวกันนั้น ฉุ่ยหลิงที่หลับพักมานานก็ตื่น นางเปิดประตูห้องออกมาพลางกล่าวถาม

“ท่านพี่ ดึกแล้วทำไมท่านไม่จุดตะเกียง? มีแขกมาหาท่านเหรอ...”

เมื่อฉุ่ยหลิงเห็นไป๋ซู นางประหลาดใจ ว่าเหตุใดสตรีที่งดงามถึงได้มาหาหนิงฝานในยามราตรีเช่นนี้

ส่วนไป๋ซูที่เห็นฉุ่ยหลิง นางตกตะลึง… เขามีสตรีที่งดงามขนาดนี้ข้างกาย เหตุใดจะสนใจสตรีที่อัปลักษณ์อย่างนาง

“ข้าไป๋ซู….คารวะนายหญิง ยามนี้ก็ดึกแล้ว ไว้วันหน้าข้าจะมาพบท่านใหม่” เมื่อกล่าวเสร็จนางก็จากไป

ฉุ่ยหลิงหันมองหนิงฝานที่กำลังถือถุงไข่ พลางอดหัวเราะไม่ได้

“เจ้าหัวเราะอะไร?”

“ก็ปีศาจซัวหมิงผู้ยิ่งใหญ่กำลังถือถุงไข่… ถ้าผู้เชี่ยวชาญของทะเลส่วนนอกเห็นเข้า คงตกตะลึงไม่น้อย!”

ไม่นานเรื่องที่หนิงฝานซื้อบ้านต้องสาปก็กลายเป็นสิ่งที่ผู้คนบนเกาะไม่สนใจ คนที่ใกล้บ้านก็เริ่มคุ้นเคบกับหนิงฝานมากขึ้น

รุ่งเช้าหนิงฝานจะออกมานั่งในลานหน้าบ้าน จ้องมองกระบี่อยู่ทั้งวัน เมื่อราตรีมาเยือน หนิงฝานจะพาสตรีที่งดงามล่องเรือผ่อนคลาย แต่จริงๆแล้วที่เขาพานางออกมานั้น ก็เพื่อการรักษาด้วย

มีข่าวลือหนาหูในเมืองว่าหนิงฝานเป็นมือกระบี่ แต่ยังไม่เคยเห็นเขาใช้กระบี่มาก่อน

วันคืนผันผ่าน เด็กละแวกนั้นไม่มีผู้ใดมารบกวนหนิงฝานอีก จะมีก็เพียงเสี่ยวฉือที่มาหาหนิงฝานทุกวัน เพื่อขอดูกระบี่

“ลุงซัว… ท่านเป็นมือกระบี่จริงๆหรือเปล่า? ข้าอยากรู้ว่าท่านแม่เข้าใจผิดหรือเปล่า!”

“ข้าไม่ใช่มือกระบี่...” หนิงฝานกล่าว เพราะเขาไม่ใช่มือกระบี่จริงๆ

เสี่ยวฉือทำหน้าผิดหวัง เมื่อใกล้ตะวันตกดิน ไป๋ซูจะมารับบุตรชายพร้อมกับเตรียมอาหารและสุรามาให้หนิงฝาน

วันคืนที่ผันผ่านไปเช่นนี้ ทำให้ชื่อเสียงในด้านลบของหนิงฝานค่อยๆเลือนหายไป

ยามกลางวันใช้เวลาอยู่ร่วมกับเสี่ยวฉือ ยามราตรีใช้เวลาอยู่ร่วมกับฉุ่ยหลิง

แม้ชื่อเสียงของหนิงฝานจะดีขึ้น แต่ชื่อเสียงของไป๋ซูกลับแย่ลง

ไม่ว่านางจะไปที่ใด ผู้คนก็มักจะกล่าวหานินทานาง ไม่ว่านางจะอธิบายเช่นใดก็ไม่มีผู้ใดฟัง แต่เพื่อให้บุตรชายได้เรียนวิชากระบี่จากหนิงฝานแล้ว นางจะยอมทนรับคำกล่าวหาเหล่านั้น

“มารดาเจ้า...” หนิงฝานหลับตา เสี่ยวฉือไม่เข้าใจในสิ่งที่เขากล่าว

หนึ่งเดือนผ่านไป หนิงฝานเข้าใจในกระบี่มากขึ้น ยามนี้ เขาเปลี่ยนกระบี่อีกเล่มออกมา เป็นกระระดับต่ำเช่นกัน แต่ตัวกระบี่บางกว่าและยืดยุ่นได้มากกว่า

“ท่านลุงไม่ดูกระบี่เล่มนั้นแล้วเหรอ? ทำไมถึงเปลี่ยนเป็นกระบี่อ่อน? มันใช้สู้และสังหารศัตรูได้หรือเปล่า...” เสี่ยวฉือกล่าวถามด้วยความสงสัย

“ได้สิ...” หนิงฝานกวัดแกว่งกระบี่เบาๆ อานุภาพของกระบี่ทำให้ลานบ้านสั่นสะเทือน

เสี่ยวฉือดวงตาเบิกกว้าง เป็นครั้งแรกที่เด็กน้อยได้เห็นหนิงฝานกวัดแกว่งกระบี่

ปราณกระบี่เมื่อครู่ตัดทำลายต้นไม้ขนาดใหญ่ที่สูงถึง 3 ช่วงตัวได้ง่ายๆ

“ท่านลุง… ท่านโกหกข้า ท่านเป็นมือกระบี่!” เสี่ยวฉืออุทานด้วยความตกใจ เด็กน้อยตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะฝากตัวเป็นศิษย์ของหนิงฝานให้ได้

“ข้าไม่ได้โกหกเจ้า… ข้าไม่ใช่มือกระบี่จริงๆ ตัวเจ้ามีพรสวรรค์ สักวันเจ้าจะเข้าใจในสิ่งข้าบอก”

หนิงฝานส่ายหน้า เมื่อครู่เขาไม่ได้ใช้ปราณ ใช้เพียงอานุภาพที่อยู่ภายในของกระบี่ สร้างปราณกระบี่ขึ้นมา

ซึ่งนี่คือการสร้างเจตจำนงค์กระบี่ในระยะแรก

เดือนแรกหนิงฝานใช้เวลาไปกับการทำความเข้าใจกระบี่แข็ง

เดือนที่สองหนิงฝานทำความเข้าใจกระบี่อ่อน ความยืดหยุ่นของมันสามารถทำลายการป้องกันที่ทรงพลังที่สุดได้

เดือนที่ 3 หนิงฝานใช้เวลาไปกับการทำความเข้าใจกระบี่บินนับร้อยเล่ม เขาจุดเพลิงทมิฬเผากระบี่เหล่านั้นเพื่อชำระล้างและสร้างกระบี่ขึ้นมาใหม่

ยิ่งได้อยู่กับหนิงฝาน ยิ่งได้เห็นสิ่งที่หนิงฝานทำ เสี่ยวฉือเริ่มรู้ว่าหนิงฝานไม่ใช่มือกระบี่ แต่เป็นเซียนกระบี่ในตำนาน!

เวลาผ่านไป เสี่ยวฉือยิ่งหลงไหลในกระบี่มากขึ้นจนไม่อยากกลับบ้าน ทุกครั้งที่มารดาขมารับ นางต้องออกแรงจนเหน็ดเหนื่อยกว่าจะพาบุตรชายของตนกลับได้

ฤดูใบไม้ผลิผันผ่าน ลมหนาวมาเยือน… เกาะกู่ซูแห่งนี้มีหิมะตกหนักในช่วงฤดูหนาว แต่ถึงอย่างนั้น เสี่ยวฉือก็ยังอยากจะมาหาหนิงฝาน ฉุ่ยหลิงจึงให้สองแม่ลูกย้ายมาอยู่ที่บ้านหนิงฝานเป็นการชั่วคราว

แม้จะมีสองแม่ลูกเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของบ้าน เรื่องอาหารการกินก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะเขายังเหลือเหรียญเงินอยู่เป็นจำนวนมาก

ไป๋ซูซาบซึ้งกับความเมตตาของหนิงฝาน นางจึงขันอาษารับหน้าที่ดูแลรับผิดชอบทุกอย่างในบ้าน ยิ่งนานวันเข้า ฉุ่ยหลิงและไป๋ซูก็ยิ่งผูกพัน จนฉุ่ยหลิงมองไป๋ซูเหมือนน้องสาวคนหนึ่ง

ในเดือนที่ 4 หนิงฝานหันมาสนใจกระบี่ไม้ เขาเปลี่ยนให้ต้นไม้ในบ้านกลายเป็นกระบี่ไม้หลายเล่ม

เสี่ยวฉือยังคงไม่เข้าใจในการกระทำของหนิงฝาน กระบี่แข็งมีประโยชน์ด้านอานุภาพการทำลาย กระอ่อนยืนหยุ่นพลิกแพลง กระบี่บินว่องไว แต่กระบี่ไม้หล่ะ?

หรือกระบี่ไม้จะสังหารคนได้เช่นกัน?

วันคืนผันผ่าน ผู้คนมากมายเดินผ่านหน้าบ้านหนิงฝาน คนเหล่านั้นจ้องมองเสี่ยวฉือพลางยิ้ม ที่เด็กน้อยทุ่มเทสนใจในเรื่องกระบี่มาก

วันนี้มีการจัดงานแต่งงานระหว่างบุรุษอายุราว 80 ปี กับสตรีอายุราว 13 ปี เสี่ยวฉือหันมองขบวนที่เคลื่อนผ่าน แต่ไม่ได้เข้าไปร่วมขบวนด้วย

คนเหล่านั้นดื่มกันกันอย่างมีความสุข แต่เสี่ยวฉือเลือกที่จะสนใจกระบี่

“อยากดื่มก็ดื่มไป ยังไงซะผู้ที่มีกระบี่ในมือย่อมแข็งแกร่งกว่า”

แม้เสี่ยวฉือจะเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดา แต่จิตใจของเด็กน้อยกลับยึดมั่นในกระบี่

หากวันหนึ่งเสี่ยวฉือเติบโต เด็กน้อยคงกลายเป็นมือกระบี่ที่ไร้เทียมทาน ยากที่จะหาคู่ปรับ

เสี่ยวฉือมีพรสวรรค์ด้านกระบี่!

หนิงฝานถือกระบี่ไม้ไผ่ ร่ายรำเป็นท่วงท่า หมอกและฝุ่นทรายพัดปลิว

แม้จะเข้าใจในธรรมชาติของกระบี่มากขึ้น แต่ก็ยังไม่พอ

เมื่อเข้าเดือนที่ 5 หนิงฝานไม่ถือกระบี่ ใช้นิ้วแทนกระบี่

เหลือเพียงก้าวเดียวหนิงฝานจะสร้างเจตจำนงค์กระบี่ได้สำเร็จ

เสี่ยวฉือจ้องหนิงฝานไม่วางตา เพราะเมื่อหนิงฝานขยับนิ้วเบาๆ ปราณกระบี่ทรงพลังจู่โจมก้อนหินขนาดใหญ่จนแตก

“ท่านลุง… ข้าอยากเป็นมือกระบี่ ท่านเป็นอาจารย์ให้ข้าได้หรือเปล่า!”

เสี่ยวฉือคุกเข่า แต่หนิงฝานกลับยิ้มพลางส่ายหน้า

“เจ้ามีพรสวรรค์ด้านกระบี่ที่ล้ำเลิศ ข้าไม่อยากทำให้เข้ามัวหมอง อีกอย่าง การเป็นศิษย์ของข้าอันตรายกับตัวเจ้ามาก… สักวันหนึ่ง เจ้าจะค้นหาเต๋าแห่งกระบี่ของตัวเองเจอ และกลายเป็นมือกระบี่ที่ยิ่งใหญ่”

“อีกอย่าง ตอนนี้เจ้ายังเยาว์เกินไป การที่เจ้าจะสนใจเพียงกระบี่นั้น ไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุด… เกาะกู่ซูแห่งนี้เป็นสถานที่  ที่ดี จงใช้เวลาอยู่กับมารดาเจ้าให้มาก โอสถสองเม็ดนี้ให้เจ้าและมารดา มันจะช่วยยืดอายุพวกเจ้าได้อีก 100 ปี ส่วนตำราเล่มนี้คือวิชากระบี่… ห้ามเปิดตำรานี้จนกว่าเจ้าจะเอาชนะมือกระบี่ทุกคนบนเกาะได้”

“แต่หากวันใดเจ้าทำสำเร็จ ตำราเล่มนี้จะช่วยให้เจ้าเข้าไปอยู่ในโลกใบใหม่ โลกที่จะเติมความต้องการของเจ้า”

หนิงฝานมองรอบๆ เขาอยู่ที่นี่มา 5 เดือนแล้ว เขาเข้าใจในกระบี่ทั้งหมด สมควรถึงเวลาต้องจากไป

เขาโอบประครองฉุ่ยหลิง มุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องนภา และหายไปอย่างไร้ร่องรอย

เสี่ยวฉือจ้องมองหนิงฝานที่จากไปอย่างเศร้าหมอง

“นายท่านไปแล้ว… เดิมทีเขาไม่ใช่มนุษย์ทั่วไป สมควรเป็นเซียนที่ทรงพลัง...”

หนิงฝานพาฉุ่ยหลิงมุ่งสู่ท้องทะเล จากนั้น ใช้ปราณกระบี่สร้างพื้นที่ที่ไร้ซึ่งน้ำทะเลขึ้นมา

5 เดือนที่ผ่านมานี้ ฉุ่ยหลิงฟื้นฟูปราณโลหะของตนได้เพียง 9 ใน 10 ส่วน เหลืออีกเพียงส่วนเดียวนางก็จะหายสนิท

หนิงฝานนำเศษกระบี่เซียนที่เก็บไว้ออกมาแล้วกลืนมันลงไป

เศษกระบี่เคลื่อนเข้าทะเลสติ สัมผัสกระบี่ของหนิงฝานเร่งดูดซับปราณกระบี่ที่อยู่ภายใน ทำให้มันยกระดับขึ้นอย่างรวดเร็ว และทะลวงปราการที่หนิงฝานไม่อาจข้ามผ่านในตลอด 5 เดือนที่ผ่านมาได้สำเร็จ

เจตจำนงค์กระบี่ถือกำเนิด! หากไม่มีเจตจำนงค์กระบี่ ย่อมไม่ถือเป็นว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญกระบี่อย่างแท้จริง เจตจำนงค์กระบี่จะช่วยให้เปล่งอานุภาพของกระบี่ได้ถึง 2 เท่า!

“ยินดีกับท่านพี่ที่สร้างเจตจำนงค์กระบี่สำเร็จ… แต่ทำไมท่านถึงไม่รับเสี่ยวฉือเป็นศิษย์?”

“ข้าไม่อยากให้เขามีชะตากรรมที่เลวร้าย” หนิงฝานกล่าวตอบ

มนุษย์สมควรมีชีวิตในแบบมนุษย์ แม้หนิงฝานจะมอบวิชากระบี่ให้เสี่ยวฉือ แต่เขาเชื่อว่าเสี่ยวฉือจะเปิดมันไม่ได้

หากก้าวเข้าสู่เส้นทางของผู้เชี่ยวชาญแล้วจะไม่มีวันหวนกลับ ต้องเผชิญกับการเข่นฆ่า ความตาย ไม่อาจมีชีวิตที่สงบสุขเหมือนที่อยู่ในเกาะกู่ซู

ความทรงจำที่งดงามที่สุดของหนิงฝานอยู่ในเมืองฉีเหม่ย แต่เมื่อเริ่มออกเดินทาง เขาก็ประทับใจในเผ่าลั่วหยุน และเกาะกู่ซูแห่งนี้ หากเป็นไปได้เขาก็อยากจะละทิ้งชีวิตเยี่ยงผู้ฝึกตน และใช้ชีวิตที่เหลือในสถานที่เหล่านั้นจนตาย แต่เขามีเหตุผลที่ทำไม่ได้

“ข้าจะชักนำพลังจากเศษกระบี่เซียนเข้าสู่เส้นลมปราณณของเจ้า หากทำสำเร็จ อาการป่วยของเจ้าจะหายสนิท และระดับพลังของเจ้าจะเพิ่มพูนจนอาจถึงขอบเขตกึ่งตัดวิญญาณ”

“ข้าไม่สนเรื่องพลังหรอก… ขอแค่ข้าไม่ตายและได้อยู่ข้างกายท่าน แม้จะต้องเหน็ดเหนื่อย หรือลำบากยากเข็นสักแค่ไหน ข้าก็พร้อมรับ...” นางจ้องมองหนิงฝานด้วยสายตาที่หนักแน่น

หนิงฝานประสานมือกับนาง โคจรปราณจากเศษกระบี่เข้าไปในร่างของนาง แม้นางจะเจ็บปวดจากพลังจำนวนมหาศาลที่ถ่ายเข้ามาในร่าง แต่นางก็กัดฟันทน… หากไม่ทน นางก็ไม่มีสิทธิ์เคียงข้างหนิงฝาน

แม้บุบผาจะเหี่ยวเฉา… แต่มันยังคงเฝ้ารอให้ผีเสื้อน้อยตัวนั้นกลับมา แม้บุบบจะกลายเป็นธุลี มันก็ยังเฝ้ารอ...

ความเจ็บปวดเพิ่มพูนจนนางแทบสิ้นสติ แต่เมื่อนางลืมตามองหนิงฝาน นางคิด...ไม่ว่าจะต้องทนเจ็บขนาดไหน นางก็ไม่สน

ความเจ็บปวดยังคงทวีความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น นางต้องรอดให้ได้!

เหตุที่นางไม่กล้าทะลวงขอบเขตดวงจิตแรกเริ่ม เป็นเพราะการจะสร้างดวงจิตแรกเริ่มนั้น ต้องอาศัยธาตุทั้ง 5 ผสานกัน แต่ตัวนางขาดธาตุโลหะ จึงไม่อาจทำได้

ผ่านไปครู่ใหญ่ ระดับปราณของนางเพิ่มพูนถึง 5500 เกราะ นางบรรลุขอบเขตกึ่งตัดวิญญาณแล้ว!

“ท่านพี่… ข้า… ข้า...” น้ำตาแห่งความสุขไหลริน นางเอาชนะโชคชะตาและรอดชีวิตกลับมาได้

ไม่นาน ทัณฑ์สวรรค์แห่งการทะลวงขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มปรากฏ หนิงฝานตั้งใจจะช่วยนางรับมือ แต่นางกลับส่ายหน้าและยิ้มให้

“ไม่เป็นไร… ข้าทำได้! หากแค่นี้ข้ายังทำไม่ได้ ข้าก็ไม่คู่ควรเป็นสตรีของท่าน!”...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด