Chapter 85 – Magician’s Ivory Tower (6)
Chapter 85 – Magician’s Ivory Tower (6)
”
เรนินผู้ที่อยู่บนกึ่งกลางร่างกายของสัตว์ประหลาดคิเมร่าได้ปล่อยสายฟ้าออกมาจากมือ ซึ่งชาวภูเขาก็ได้ยกดาบขึ้นสูงและตะโกนออกมา
"อิเล็กโต"
,สายฟ้าที่ออกมาจากมือของเรนินได้พุ่งเข้าไปใส่ดาบของชาวภเขาและมันก็ถูกดาบดูดซับสายฟ้าเข้าไป ชาวภูเขาไก้พุ่งเข้าไปหาเรนินอยู่อยู่บนร่างกายของคิเมร่าในทันที
แต่ว่ามันก็ไม่มช่เรื่องง่ายเพราะว่าคิเมร่ามันจะไม่ยอมให้ทำเช่นนั้นแน่
"วูบ~"
ชาวภูเขาได้ถูกกรงเล็บของสิงโตหยุดเอาไว้ จากนั้นภูผาและฮอปไลต์ก็ได้วิ่งเข้าไปช่วยเหลือ แต่พวกเขาก็ถูกหางงูขัดขวางเอาไว้
ในขณะที่มีการต่อสู้ที่รุนแรงเกิดขึ้น จอมเวทย์เขียวก็ได้วางมือไว้บนหัวของซังจินและร่ายเวทย์ออกมา
"แดดในยามเช้ามาเยือน ตื่นขึ้น"
ครู่หนึ่งตาของซังจินก็ได้เปิดขึ้นมา ในขณะที่เขาได้ตื่นขึ้น เขาก็ได้มองสำรวจไปรอบๆ คิเมร่ากำลังยุ่งอยู่กับการต่อสู้กับสามนักล่า มีเพียงเขาคนเดียวที่ได้ล้มลงหลับไป
ผลของเวทย์มันไม่ใช่แบบวงกว้าง แต่แล้ว
"แบ๊ะๆ~"
แพะมันได้ร้องออกมาอีกครั้ง ในครั้งนี้ภูผาได้หลับลงไป เมื่อขาดแท้งไปอีกสองคนที่กำลังต่อสู้อยู่ก็ย่ำแย่ในทันที
ฮอปไลต์สามารถจะป้องกันกรงเล็บของสิงโตได้ด้วยโล่และหอกของเขา แต่ว่าชาวภูเขาไม่สามารถที่จะป้องกันงูได้เนื่องจากว่าเขาก็ต้องระวังการโจมตีของสิงโตด้วยมันจึงทำให้เขาโดนงูกัดเข้าที่หัวไหล่
"อั๊ก"
มันไม่มีเวลาให้ซังจินได้อ่านหนังสือแล้ว ซังจินได้ปิดพงศาวดารสามก๊กไปและวิ่งเข้าไปช่วยเหลือนักล่าทั้งสองคน เขาได้ปัดงูออกไปด้วยดาบมูนสเปคและตัดกรงเล็บของสิงโต
"ก๊าซ! แก!"
ดูเหมือนว่าเรนินจะจำซังจินได้ และซังจินก็ตอบกลับไป
"ฉันจะฆ่าแกเป็นครั้งที่สอง!"
แต่ว่ามันก็ไม่ได้ง่ายเหมือนกับการที่เขาพูด สิ่งมีชีวิตทั้งสี่ชนิดภด้ผสมรวมกันเป็นคิเมร่าเพียงตัวเดียว แต่ละส่วนของพวกมันช่วยปกปิดจุดอ่อนของกันและกันเป็นอย่างดี สิงโตได้โจมตีด้วยกรงเล็บของมัน งูมองหาโอกาสช่องว่างในการโจมตี และแพะกับเรนินก็ได้ใช้เวทมนตร์ในการโจมตี
"แบ๊ะๆ~"
"เพลิงนรกที่ไม่มีวันดับ"
ทุกๆคนกำลังอยู่ในอันตราย ซังจินได้ขยับเข้าไปอย่างรวดเร็วเพื่อที่จะหยุดคิเมร่า
"ดวงตาอสรพิษ"
ตาของบาซิลิสได้เปิดขึ้นมาจากสร้อยคอ และตัวของคิเมร่าก็ได้แข็งทื่ออยู่กับที่ ซังจินจึงถือไคว้ดาบเข้าด้วยกันและฟันไปที่ใบหน้าของสิงโตเป็นรูปกากบาท สิงโตได้สูญเสียดวงตาทั้งสองข้างไปพร้อมๆกัน
"ก๊าซซ~"
สัตว์ประหลาดมันได้ร้องออกมาอย่างเจ็บปวด คิเมร่ามันได้ผงะไป ซังจินได้ขยับเข้าไปโจมตีอีกครั้ง แต่แล้ว
"แบ๊ะๆ~"
แพะมันได้ร้องออกมาอีกครั้ง และคิเมร่ามันก็ได้บินขึ้นไปบนท้องฟ้า
'เวรเอ้ย...ฉันจะต้องใช้เวทมนตร์...'
ซังจินได้มองขึ้นไปและ
"ฮ้าา"
ดาบบลัดเวเจนได้พุ่งออกไป แต่ว่าส่วนของสิงโตก็ได้ปัดมันตกลงไปด้วยกรงเล็บ แม้ว่าสิงโตมันจะสูญเสียดวงตาไป แต่ว่ามันก็สามารถจะมองเห็นได้ด้วยดวงตาของส่วนอื่นๆ
"ฮ่าห์"
ซังจินได้เตรียมดาบมูนสเปค แต่แล้ว
"ปิดบาดแผลและลบล้างความเจ็บปวด ฮิล"
เรนินได้ร่ายเวทยฟื้นฟูออกมาในขณะที่บินอยู่บนท้องฟ้า
'ไม่ยุติธรรมเลย...'
จนถึงตอนนี้ปกติบอสจะมีความชำนาญในด้านเวทมนตร์หรือกายภาพเพียงแค่ทางใดทางหนึ่ง แต่ว่าเจ้าคิเมร่ามันมีทั้งสองอย่าง
สิงโตและงูมันเป็นประเภทของนักรบ ในขณะที่แพะและเรนินเป็นประเภทของจอมเวทย์ เจ้าตัวนี้มันคล้ายคลึงกับเพ็คและโชวรอช แต่ละส่วนของพวกมันจะสนับสนุนช่วยเหลือกันและเพิ่มความแข็งแกร่งให้กัน
ในขณะที่ดูคิเมร่าฮิวตัวเองอยู่บนท้องฟ้า ภูผาและฮอปไลต์ก็ได้ร่ายเใทย์ออกมา
"คมหอกซึ่งเจาะทะลวงทุกสิ่ง ศรสายฟ้่า"
"ดาบแห่งสายลมที่ตัดได้แม้กระทั่งเหล็กกล้า คมมีดสายลม"
และเวทย์ก็ได้พุ่งเขาไปใส่บอส แต่อย่างไรก็ตาม ขนาดของศรสายฟ้าและคมมีดสายลใมันมีขนาดเล็กมา พลังเวทย์ของพวกเขาห่างไกลจากซังจินมาก
เมื่อเห็นเช่นนี้ซังจินก็ได้คิดขึ้น
'มันไม่มีทางที่จะสร้างดาเมจอะไรได้...'
และตามที่คาด
"แบ๊ะๆ~"
แพะมันได้ใช้เวทย์ 'โล่ต้านเวทมนตร์' ออกมาป้องกันตนเอง จากเวทย์ของนักล่าสิ่งที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดคือ
"ต่อต้านพิษและปล่อยมันกลับสู่ธรรมชาติ การถอนพิษ"
มันเป็นเวทย์ของจอมเวทย์เขียวที่ใช้ให้กับฮอปไลต์ มันเป็นเวทย์ที่ซังจินรู้จักอยู่แล้ว จากนั้นก็ตามมาด้วย
"พลังการรักษาของธรรมชาติ การฟื้นฟู"
เขาได้ใช้เวทย์รักษาอีกเวทย์หนึ่ง ตามคำอธิบายของซาดาเใียร์ที่ได้ให้ไว้ มันแตกต่างจากเวทย์ขาว 'ฮิว' เล็กน้อยในทางกลไก แต่ว่าผลของมันก็คล้ายๆกัน
"ขอบคุณ"
ชาวภูเขาได้กล่าวขอบคุณจอมเวทย์เขียว จากนั้นซังจินก็เก็บดาบบลัดเวเจนลงไปและสวมใส่อาเทอร์มิโอแทนเพื่อที่จะใช้สะท้อนเวทย์
'เล็งจังหวะการสวนกลับการโจมตีให้ดี'
แต่เมื่อคิเมร่ารักษะตัวเองเสร็จแล้ว มันก็ขึ้นไปบนท้องฟ้าสูงขึ้นอีก ซังจินได้คิดขึ้นในขณะที่มองมัน
'...มันกำลังทำอะไร?'
จนถึงตอนนี้ซังจินไม่เคนเห็นบอสที่หนีจากการต่อสู้มาก่อน แต่ไม่ในไม่นานซังจินก็ได้ตระหนักถึงสิ่งที่ศัตรูต้องการ
เมื่อคิเมร่าขึ้นไปสูงมากแล้วและทันใดนั้นเองมันก็ทิ้งตัวลงมาด้วยความเร็วสูง
ภูผาที่ได้เตรียมโล่ตั้งรับการโจมตีได้ตระหนักในทันทีว่าเขาไม่สามารถจะป้องกันมันไว้ได้
"ละ...หลบมัน"
นักล่าได้กระจัดกระจายกันออกไป
"ตูมมม"
เสียงที่ดังสนั่นได้ดังออกมา และหอคอยก็เริ่มยุบตัวเนื่องจากแรงกระแทก
"คลืน ~"
"อะ?"
ชั้นนี้ได้ทรุดลงไป และทุกคนก็ได้ตกมาอยู่ที่ชั้น 10 พวกเขาไม่สามารถจะมองอะไรได้เนื่องจากฝุ่นและยังไม่สามารถทรงตัวได้
"ก๊าซ~"
สิงโตที่ได้ฟื้นฟูมาเต็มที่ได้พุ่งเข้าไปใส่นักล่า เป้าหมายของมันก็คือฮอปไลต์ที่อยู่ห่างจากคนอื่นๆ และก่อนที่คนอื่นๆจะทำอะไรได้สิงโตก็ได้ฉีกกระชากแขนของฮอปไลต์ไปแล้ว
"อ๊า..."
งูที่หาโอกาสอยู่ได้ใช้จังหวะนี้งับเขาและโยนเขาออกไปจากหอคอย ตัวของฮอปไลต์ได้ลอยขึ้นไปในท้องฟ้าและตกลงไป
"เอ็ดวิน"
ชาวภูเขาได้ตะโกนชื่อของฮอปไลต์ออกมา แต่ว่าชะตากรรมของเขาได้จบลงไปแล้ว
"ไอเวรเอ้ย"
ชาวภูเขาและภูผาได้พุ่งเข้าไปใส่คิเมร่าด้วยความโกรธ ซังจินก็ได้ร่วมพุ่งเข้าไปพร้อมกับพวกเขาเช่นกัน
ในขณะที่ภูผาได้หยุดกรงเล็บของสิงโตเอาไว้ ชาวภูเขาก็ได้แทงแขนของสิงโตและตัดลิ้นของงูออกไป พวกเขาเป็นคู่หูที่ดี ในขณะที่ทั้งสองคนกำลังเผชิญหน้ากับงูและสิงโต
ซังจินก็ได้วิ่งผ่านไป เป้าหมายของเขาก็คือหัวของแพะ มันมีการร่ายเวทย์ที่สั้นอย่างไม่น่าเชื่อ 'แบ๊ะๆ~" และยังมีพลังเวทย์ใกล้เคียงกับเรนินอีกด้วย มันจึงเป็นเป้าหมายแรกที่ควรจะกำจัด
แต่ว่าเพราะมันเคยตายด้วยมือของซังจินมาก่อน ทันทีที่มันสังเกตุเห็นซังจินที่พุ่วเข้ามา คิเมร่าก็ได้รีบตอบสนองโดยการกระโดดถอยออกไปในทันที ในเวลาเดียวกัน เรนินก็ร่ายเวทย์ออกมา
"จงเผาไหม้ทุกสิ่งทุกอย่างในเส้นทาง"
และไม่นานหลังจากนั้น
"แบ๊ะๆ~"
บอลไฟก็ได้โผล่ออกมาจากปากของแพะ พวกเขาสองคนได้วางแผนที่จะใช้เวทย์บทเดียวกันในเวลาเดียวกัน นักล่าคนอื่นๆได้ตื่นตระหนกในทันทีที่มองเห็นและรีบหลบไปที่หลังซากปรักหักพังในทันที
แต่ซังจินไม่คิดเช่นนั้น
'นี้มันเป็นโอกาสของฉัน'
ซังจินได้จับอาเทอร์มิอแน่นและวิ่งออกไป
"สะท้อนเวทมนตร์"
อาเทอร์มิโอได้เรืองแสงสีม่วงออกมา ในขณะเดียวกันเขาก็คิดกับตัวเองเกี่ยวกับ 'โล่ต้านเวทมนตร์' และเบสโกโร่ก็ร่ายเวทย์ออกมาแทน
"สนามพลังเวทย์ที่ดูดกลืนเวทมนตร์ โล่ต้านเวทมนตร์"
"บอลไฟ"
บอลไฟได้พุ่งออกมาจากมือของเรนินและปากของแพะพร้อมๆกัน ซังจินได้กระชับดาบอาเทอร์มิโอแน่นและเหวี่ยงมันไปปะทะกับบอลไฟคล้านกับตีเบสบอล
"วิ้ง~"
ใบดาบสีม่วงของอาเทอร์มิโอได้ปะทะเข้ากับบอลไฟและสะท้อนการโจมตีนั้นกลับไปที่แพะ
"ตูมม"
มันได้ทำให้เกิดการระเบิดครั้งใหญ่ เปลวไฟปลิวว่อนไปทั่ว แต่ซังจินก็ปลอดภัยเพราะว่าโล่ต้านเวทย์ได้ป้องกันเขาเอาไว้
คิเมร่า ไม่ว่าจะเป็นส่วนของมนุษย์ แพะ สิงโต หรือแกะ พวกมันก็ไม่สามารถจะฟื้นตัวจากแรงระเบิดได้ในทันที แต่แม้ว่าจะเป็นเช่นนั้นมันก็จะไม่นานนัก
ซังจินได้ตัดสินใจพุ่งเข้าไปในทันที
"คลั่ง"
สายตานองเบสโกโร่เริ่มที่จะเรืองแสงสีแดงออกมา และดาบของซังจินก็เริ่มที่จะรวดเร็วขึ้นกว่าแต่ก่อนในขณะที่เขาโจมตีไปที่คิเมร่า
หัวสิ่งโตได้ถูกตัดขาดออก งูได้ถูกผ่าขาดครึ่ง และแพะเจาะผ่านหัวด้วยดาบ เนื่องจากว่าความเร็วของซังจินมีมหาศาล คิเมร่าจึงไม่สามารถจะตอบสนองอะไรได้ มันทำได้เพียงแต่สะดุ้งเท่านั้น
มีเพียงแค่เรนินที่สามารถจะตอบสนองกลับไปได้
"ต่อต้านแรงโนมถ่วง"
เขาพยายามที่จะใช้เวทย์ 'บิน' เพื่อที่จะหนีขึ้นไปบนท้องฟ้าอีกครั้ง แต่ซังขินได้เตรียมพร้อมวิธีรับมือเอาไว้แล้ว เขาได้เก็บมูนสเปคเข้าฝักและดึงออกมาโดยที่ไม่ลังเล
"เสียงคร่ำครวญของคนตาย"
เสียงคร่ำครวญได้ดังออหมา
"กรี๊ดดดดดด"
และเพราะว่าเสียงคร่ำครวญนี้
"ฟุ...อะ...อ๊ากกกกกก!"
เรนินได้เริ่มที่จะกรีดร้องออกมา การร่ายเวทย์ของเขาได้ล้มเหลวลงไปในทันที เรนินได้เต็มไปด้วยความหวาดกลัวและชูมือขึ้นมา
"โปรดเมตตา ให้อภัยข้าด้วย"
เรนินในตอนนี้ได้หวาดกลัวจนดูเหมือนกับว่าเขาได้กลับมาเป็นปกติ ซังจินได้เดินเข้าำปเพื่อที่จะจบชีวิตของเรนิน แต่ว่าส่วนหลักร่างกายของสิงโตได้กลายมาเป็นปัญหา
เมื่อซังจินได้เดินเข้าไปใกล้คิเมร่า ร่างกายของสิงโตก็ได้วิ่งหนีไปข้างหลังโดยอัตโนมัต
ปัญหาหาก็คือข้างหลังของมันเป็นอากาศที่ว่างเปล่า สิงโตได้วิ่งหนีไปที่ทางนั้นด้วยความกลัวโดยอัตโนมัตและได้ทำให้ตัวเองตกไปจากหอคอย
"อะ...?"
ซังจินกำลังจะวิ่งตามคิเมร่าไปที่ที่ขอบหอคอยและไล่ตามมันไป แต่แล้ว
"ตูมม"
เสียงการกระแทกดังสนั่นก็ได้ดังออกมาจากข้างล่าง และโอเปอเรเตอร์ก็ได้ประกาศขึ้น
[ขอแสดงความยินดีด้วย]
[บอสลับ คิเมร่าที่น่าหวาดกลัวได้ถูกถูกกำจัดแล้ว]
ซังจินยังคงเดินไปที่ขอบของหอคอยและมองลงไปที่ด้านล่างนั้น สิ่งมีชีวิตทั้งสี่นั้นได้กลายเป็นกเนื้อเละๆโดยที่ไม่สามารถจะแยกออกได้ว่ามันคือตัวอะไร
ศัตรูในครั้งนี้มันไม่ใช่ศัตรูที่ง่ายเลย การที่จัดการมันลงได้ต้องขอบคุณความช่วยเหลือจากนักล่าคนอื่นๆ แต่ว่าถ้าหากเขสได้ต่อสู้กับมันหนึ่งต่อหนึ่ง การต่อสู้ก็จะต้องลากยาวไปมากกว่านี้
และในระหว่างการต่อสู้ฮอปไลต์ก็ได้เสียชีวิตไป การจู่โจมนี้ได้ถูกออกแบบมาเพื่อให้ใช้ทุกสิ่งทุกอย่างในการรับมือกับมัน
สำหรับในหลายๆบทที่ผ่านมาซังจินได้มุ่งเน้นไปที่การซื้อหินแสวงหาฆาตกรแทนที่จะใช้เหรียญดำเพื่อเพิ่มขีดจำกัดพลังของตนเอง มันจึงทำให้การต่อสู้ล่าช้าและยากลำบาก
'ในครั้งหน้่ฉันจะไม่คิดเกี่ยวกับการเพิ่มจำนวนเงินให้มากยิ่งขึ้นและเพียงแค่ไปซื้อไอเทมจากร้านมืดมิดยิ่งกว่าสีดำ'
ซังจินได้พับเก็บความคิดของเขาเอาไว้เท่านี้และมองสำรวจไปรอบๆ เขาสามารถมองเห็นชาวภูเขาได้ เขาเป็นชายผิวขาวที่ได้สังเกตุการกระทำของซังจินอย่ารอบคอบ เขาได้ยืนเงียบๆ เขาคงจะกำลังไว้ทุกข์ให้กับฮอปไลต์อยู่
"เวรเอ้ย...ถ้าเพียงแค่ฉันแข็งแกร่งกว่านี้..."
มันช่วยไม่ได้ที่ซังจินจะคิดขึ้น
'จริงๆแล้ว...เขาก็เป้นเหมือนกับตัวฉันในอดีต...'
ซังจินก็เป็นเช่นนี้เหมือนกัน เมื่อตอนที่ใครก็ตามในทีมของเขาตายไป เขาจะมีความรู้สึกหดหู่ราวกับว่ามันเป็นความผิดของเขา มันมากพอที่จะส่งผลกระทบในการจู่โจมถัดไป
แต่หลังจากที่เขาได้เผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้มานับไม่ถ้วน เขาก็เริ่มที่จะชินกับมัน ซังจินได้เดินเข้าไปและวางมือลงบนไหล่ของชาวภูเขา
"มันไม่ใช่ความผิดของนาย"
ชาวภูเขาได้เงยหน้าขึ้นมามองซังจิน ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้ระแวงอีกต่อไป แต่ครู่หนึ่งเขาก็ก้มหัวลงไป ในขณะที่หัวของเขาห้อยลง หยดน้ำตาก็ค่อยๆไหลลงมาที่แก้มของเขา
มันเป็นภาพที่แตกต่างไปอย่างสิ้นเชิงจากใสตอนที่เขาต่อสู้กับซังจิน เใื่อเห็นเช่นนี้ซังจินก็คิดขึ้น
'แข็งแกร่ง...และมีมนุษยธรรมอย่างไม่น่าเชื่อ...ฉันควรจะใช้การล้างบาปกับเขาดีไหม?'
มันเป็นภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก