Chapter 80 - Magician's Ivory Tower (1)
Chapter 80 - Magician's Ivory Tower (1)
”
ซังจินได้ปอกเปลือกส้มออกมาด้วนมือข้างหนึ่งในขณะที่มืออีกข้างก็ถือกระดาษข้อมูลอ่านไปพร้อมๆกัน
Chapter 9 – Magician’s Ivory Tower Raid
Objective – Hunt the Mad Magician ‘Lenin’
Time limit: 1 hour 30 minutes
สิ่งที่สะดุดสายตาของซังจินมากที่สุดก็คือส่วนที่บอกว่า 'บทที่ 9'
'อา...และแล้วเราก็ได้มาถึงจุดๆนี้...'
เหตุผลที่ซังจินแทดงท่าทางแบบนี้ก็เพราะในบทที่ 10 คือการจู่โจมรังมังกรแดง
จากจุดๆนั้น การจู่โจมก็จะเปลื่ยนจากทีม 5 คน มาเป็นในรูปแบบทีม 10 คนแทน และบอสการจู่โจม 'มังกรแดงคาลกัลล์' ก็แข็งแกร่งเป็นสองเท่าของบอสการจู่โจมที่ผ่านๆมา
การที่ไม่ทำงานร่วมกันเป็นกลุ่ม 10 คนมันก็จะทำให้เกิดการสูญเสียขึ้น และบอสก็แข็งแกน่งพอที่จะทำให้ซังจินไม่มั่นใจว่าตนเองจะสามารถเอาชนะมันได้ด้วยตนเองหรือไม่
'...ฉันต้องการที่จะเตรียมตัวเองมากว่านี้สำหรับในการจู่โจมถัดไป..'
ซังจินได้วางกระดาข้อมูลลงไปหลังจากที่จัดการความคิดเสร็จืจากนั้นเขาก็ดำเนินการเตรียมพร้อมสิ่งสุดท้ายก่อนที่จะเริ่มการจู่โจม
"โอเปอเรเตอร์อัพความแข็งแกร่ง 2500 ความคล่องแคล่ว 2500 ความอดทน 1000 พลังเวทย์ 1000 และพลังจิตใจ 2900"
ซังจินต้องการที่จะเพิ่มพลังเวทย์จพนวนมากเพื่อที่จะใช้เวทมนตร์ระดับ 9 ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ว่าการที่จะทำเช่นนั้นมันก็จะทำให้พลังโดยรวมของซังจินน้อยลง
เขาได้รับประสบการณ์มาแล้วในตอนที่ต่อสู้กับดาร์คเอลฟ์ที่ถูกเนรเทศ การที่ขาดสเตตัสความแข็งแกร่งและคล่องแคล่วมันจะทำให้เขาไปสู่เส้นทางของความตาย
'แต่ถ้าหากว่าฉันจะทำตามตรรกะนั้น ฉันก็ควรจะใช้ฉายาสุดยอดนักล่าตลอดเวลา...'
แต่ว่าในตอนนี้ เขาไม่ได้อยู่ในจุดที่สามารถเอาฉายาผู้พิพากษาออกไปได้ เนื่องจากว่าการที่เขาทำเช่นนั้นมันก็จะทำให้รายได้ที่เขาได้รับเหลือเพียงแค่ครึ่งหนึ่ง เขาปฏิญาณตนว่าจะซื้อดวงดาวไร้นามหลังจากการจู่โจมนี้จบลง
ซังจินได้ใช้เวลาอยู่ครู่หนึ่งเพื่อนึกถึงองค์ประกอบลับของการจู่โจมในความทรงจำของเขา
'ใช่แล้ว...ฉันนึกออกแล้วว่ามันอยู่ที่ไหน...'
เนื่องจากว่าเขารู้แล้วว่าองค์ประกอบลับมันซ่อนอยู่ที่ไหน เขาจึงต้องการที่จะใช้ทักษะของนักล่าสมบัติในการค้นหาบอสเพียงเท่านั้น จากจุดนนี้ไปซังจินได้รู้ถึงที่อยู่ถึงองค์ประกอบลับในแต่ละบท
นี้มันเป็นเพราะว่าในชีวิตที่แล้วของเขานักล่าได้ตระหนักถึงมันและรู้ว่ามันอยู่ไหน และ
'ในบทนี้ มันก็ซ่อนอยู่ที่นั่น'
สิ่งนี้เขาได้รู้จากการพูดคุยเล่ากันระหว่างนักล่าในอดีตที่พวกเขาได้ค้นพบพวกมัน เมื่อเตรียมตัวเสร็จแล้ว ซังจินได้ปอกเปลือกส้มผลสุดท้ายและกินมันเข้าไป แต่ว่าในขณะเดียวกัน
['ราร์ - ไข่ทองคำ' ได้กำลังสั่น]
โอเปอเรเตอร์ได้รายงานออกมา
'โอ้ ใช่แล้ว...'
เขาได้ลืมมันไปอีกแล้ว
"โอเปอเรเตอร์ส่งมันมามห้ฉันเดียวนึงสิ"
ลูกบาศก์ได้ส่งไข่ออกมาให้ซังจินและเขาก็ตรจจสอบมัน
ราร์ - ไข่ทองคำ
ไข่ระดับตำนาน
ทักษะติดตัว
สั่นสามครั้ง - ไข่จะสั่นสามครั้งต่อวัน
นกที่มุ่งมั่นจะออกมาจากไข่ ไข่ของมันคือโลก เพื่อที่จะเกิดออกมา มันจะต้องทำลายโลกเล็กๆใบนั่น
'นี้มันอะไรกัน? มันเปลื่ยนไปอีกแล้ว'
ซังจินได้คิดขึ้นกับตัวเอง ทันใดนั้นได้ก็ได้สั่น
'ครืด'
ซังจินได้ถือไข่ไว้แน่นเพื่อที่จะไม่ให้มันหลุดออกจากมือ และจากนั้นมันก็สั่นออกมาเป็นครั้งที่สอง
'ครืด'
และจากนั้นก็ครั้งที่สาม
'แคร๊ก'
ไข่ได้เปิดออกมา และเขาก็สามารถจะมองเห็นภายในนั้น ซังจินได้มองไปที่รูเปลืกนั้น มันมีตาของนกอินทรีอยู่ภายในนั้นกระพิบอยู่
โอเปอเรเตอร์ได้ประกาศออกมาอีกครั้ง
[ขอแสดงความยินดีด้วย ท่านได้รับไอเทมระดับตำนาน 'ราร์ - ปีกทองคำ']
ซังจินได้วางไข่ลงบนโต๊ะอย่างระมัดระวัง อินทรีย์ตัวนั้นมันได้ทำขายเปบือกไข่และปีนออกมา ในที่สุดซังจินก็ได้รู้ว่าตัวที่อยู่ภายในไข่มันไม่ใช่นกอินทรีย์
มันมีหัวเป็นอินทรีย์ แต่ว่าร่างกายมันเป็นของสิงโต เบสโกโร่ได้กล่าวออกมาเป็นคนแรก
'มันเป็นกริฟฟิน'
จากนั้นเบสโกโร่กกล่าวเสริมถึงลักษณะออกมาอีก
'สีปีกของมันแสดงถึงว่ามันเป็นสายพันธ์ุที่หายาก ดังนั้นฉันเดาว่ามันน่าจะเป็นสายพันธ์ุจักพรรดิกริฟฟิน มันได้เกิดออกมาอย่างมีเกียรติ'
ซาดาเมียร์ที่ยืนอยู่ด้านข้างก็ได้แสดงความคิดเห็นออกมา
"โอ้ มันเป็นกริฟฟินจักพรรดิ มันเกิดมาพร้อมกับความแข็งแกร่งและความสามารถในการป้องกันเวทย์ที่มากกว่าสายพันธุ์อื่น"
เคนก็ได้จ้องมองไปที่ลูกกริฟฟินโดยไร้คำพูดเช่นกัน ทุกๆคนกำลังจ้องดูมันอยู่ จากนั้นซังจินก็ยกลูกกริฟฟินขึ้นมา
กริฟฟินมันมีขนาดที่ใหญ่เล็กน้อยเมื่อพิจารณาจากการที่มันพึ่งเกิดมา ขนาดโดยรวมของมันประมาณ 60 ซม.
"ก๊า~"
มันได้ร้องออกมาอย่างน่ารัก และในเวลาเดียวกันไข่ทองคำย่อส่วนก็ได้ปรากฏขึ้นมาบนมือของซังจิน มันมีลักษณะดูคล้ายกับรูปสลักไม้ของเคน
ซังจินได้มองกลับไปกลับมาระหว่างไข่ทองคำกับกริฟฟินที่พึ่งเกิด กริฟฟินมันได้มองมาที่ซังจินด้วยดวงตาที่กลมโต
'สัตว์สายพันธุ์นกมันจะจดจำสิ่งแรกที่เห็นในตอนที่เกิดมาว่าเป็นพ่อแม่ของมัน...'
แต่ว่าเนื่องจากกริฟฟินมันมีส่วนบนเป็นนกและท่อนล่างเป็นสิงโต ซังจินจึงไม่แน่ใจว่ามันเป็นสายพันธุ์อะไรกันแนา แต่อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าซังจินจะต้องเป็นผู้ดูแลเลี้ยงดูกริฟฟิน
"โอเปอเรเตอร์เหลือเวลาอยู่อีกเท่าไหร่ก่อนการจู่โจมจะเริ่มขึ้น?"
[การจู่โจมจะเริ่มขึ้นในอีก 1 ชม. 32 นาที]
ซังจินได้หันไปมองที่ดารูปิน ดารูปินก็ได้มองดูเขาเช่นกันจากระยะไกล
"ดารูปินช่วยดูแลเจ้าหนูนี้แทนฉันทีนะ ในตอนที่ฉันไม่อยู่"
ดารูปินได้ตอบรับกลับมา
"รับทราบท่านนักล่า"
ในขณะเดียวกัน
"ก๊า~"
ลูกกริฟฟินก็ได้นั่งลงบนมือของซังจินและร้องออกมาอย่างน่ารัก ระดับความน่ารักของมันไร้ซึ่งขอบเขต ซึ่งทำให้ซังจินได้ใช้เวลาที่เหลืออยู่ของเขาเล่นกับเจ้าเด็กตัวนี้และในที่สุดเขาก็ถูกส่งไปที่ไอวอรี่หอคอยแห่งจอมเวทย์
****
มันเป็นเมืองที่อยู่ในเปลวเพลิง โครงสร้างไม้ได้ถูกเผาและถล่มลงมาและมีควันลอยขึ้นไปในอากาศ
'กรี๊ด'
เสียงกรีดร้องได้ดังออกมาจากระยะไกล มันเหมือนกับเป็นฉากในนรก ในตรงกลางมันทีหอคอยตั้งอยู่โดดเดี่ยว จากนั้นโอเปอเรเตอร์ก็ได้ให้คำแนะนำออกมา
[ยินดีต้อนรับ ที่แห่งนี้คือหอยคอยแห่งจอมเวทย์]
[มันเป็นที่อยู่ของจอมเวทย์เรนิน ผู้ที่ได้เผาเมืองและพรากชีวิตของผู้คนไป]
[โปรดระวังเอาไว้ด้วยว่าจอมเวทย์ที่บ้าคลั่งได้ไม่เป็นเพียงคนเดียวที่อาศัยอยู่]
[โฮมุนครุสที่ถูกทดลองก็เป็นอันตรายภายในหอคอยแห่งนี้]
ครู่หนึ่งเมื่อโอเปอเรเตอร์พูดจบ
"ฮ้า ฮ้า ฮ้า ไหม้ไป ไหม้ไป"
ได้มีภาพเงาของจอมเวทย์ที่ได้ปาบอลไฟลงมาในเมืองจากบนท้องฟ้า เขาคนนั้นคือจอมเวทย์เรนิน
เวทย์ของเขาได้เผาไหม้โครงสร้างของเมืองเกือบทั้งหมด หลังจากที่เขาทำลายเมืองแล้ว เขาก็กลับไปที่ด้านบนสุดของหอคอยและหายตัวไป
ซังจินได้คิดขึ้นกับตัวเอง
'เดี๋ยวก่อนนะ...ถ้าฉันสามารถจะบินขึ้นไปที่นั่น ฉันจะไม่ไปเจอบอสเลยงั้นหรอ?'
ไม่เหมือนกับในปราสาทของแวมไพร์ การจู่โจมนี้มันมีอิสระ ถ้าหากเขาสามารถบินขึ้นไปได้เหมือนกับจอมเวทย์ที่บ้าคลั่ง มันก็อาจจะเป็นไปได้ในการที่จะข้ามส่วนอื่นๆและจบการจู่โจม
ในตอนนี้ซังจินมีหินแสวงหาฆาตกรอยู่ 5 ก้อน ในการที่จะใช้มันทั้งหมด เขาจะต้องมีเวลาอย่างน้อย 50 นาที กล่าวอีกนัยนึงคู่เขาจะต้องจัดการเคลียทุกสิ่งที่นี่ให้เสร็จภายใน 40 นาที เขาจะต้องหาทางลัดในการทำเช่นนั้น
ในขณะที่ซังจินกำลังมองขึ้นไปบนหอคอย นักล่าคนอื่นๆก็ได้เริ่มโผล่ออกมา
[ทำการจัดทีมนักล่า]
นักล่าที่ได้ถูกอัญเชิญมาต่างก็มีฉายาดังนี้ 'ภูผา' 'ฮอปไลต์ (เป็นทหารกรีกที่ใช้หอกกับโล่)' 'ชาวภูเขา' 'จอมเวทย์เขียว' มันเป็นการนากที่จะเห็นฉายาปกติในตอนนีิ มีเพียงแค่คนที่เก่งเท่านั้นที่ยังรอดอยู่
"สวัสดี"
"มาร่วมมือกันเถอะ"
ทุกๆคนต่างก็คุ้นเคยกับการจู่โจมดี และในหมู่พวกเขา จอมเวทย์เขียวก็ได้ยดมือขึ้นมาและ
"มีเคยเจอชิ้นส่วนลับหรือบอสลับไหม?"
เขาได้ถามกับกลุ่มนี้ 'ฮอปไลต์' และ 'ชาวภูเขา' ได้ชูมือขึ้นมา ซังจินได้มองดูอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะยกมือขึ้นมาเช่นกัน ปรากฏว่ามีเพียงแค่ 'ภูผา' เท่านั้นที่ยังไม่เคยพบกับชิ้นส่วนลับและบอสลับ
"มันคืออะไร?"
"มันเป็นองค์ประกอบที่ได้ซ่อนอยู่..."
จอมเวทย์เขียวได้อธิบายออกมาเกี่ยวกับมัน ในขณะที่มองดูเขาอธิบายซังจินก็คิดขึ้นกับตัวเอง
'ดูเหมือนมันจะถึงเวลาที่ฉันควรจะเริ่มมองหา 'พันธมิตรที่แท้จริง' ของฉันอย่างจริงจังแล้ว'
"ฉันไม่รู้ว่า..."
เห็นได้ชัดว่า 'ภูผา' มีความรู้สึกเสียใจเนื่องจากว่าเขาได้พลาดโอกาสเหล่านั้นไป แต่ชาวภูเขาก็ได้กล่าวปลอบใจออกมา
"ไม่ต้องเสียใจไม่หรอก การที่จะหาชิ้นส่วนลับและฆ่าบอสลับมันเป็นเรื่องยากมาก มันไม่ใช่สิ่งที่จะได้พบกันบ่อยๆ และบางทีอาจจะเป็นพวกเราเองที่จะถูกบอสลับฆ่าเอา'
ฮอปไลต์ก็ได้ถามออกมา
"นายเคยเจอมาก่อนหรอ?"
"ฉันหรอ? มันเป็นบอสลับมนุษย์หมาป่าในบทที่ 2 แต่ว่านอกเหนือจากนั้นฉันก็ไม่เคยเจออีกเลย"
"จริงหรอ? มันมีอะไรบางอย่างใรบทที่ 2 ด้วย? ฉันได้ฆ่าคนเฝ้าสุสานในบทที่ 3 ไป"
'จอมเวทย์เขียว' ได้โพล่งประโยคขึ้นมา
"ฉันก็ได้เจอคนเฝ้าสุสานเช่นกัน แต่ว่าเพื่อนร่วมทีมของฉันสองคนได้กลายไปเป็นอันเดท ดังนั้น...ฉันจึงต้องวิ่งหนีไปเรื่อยๆจนเวลาหมดลง"
"ฉันได้เจอกับดาร์คเอลฟ์ที่ถูกเนรเทศหรืออะไรบางอย่างในบทล่าสุด แต่ว่าหลังจากที่ฉับพบกับมัน...แท้งก็ได้ตายลงไปภายในเวลา 3 วินาที...'
นักล่ายังคงแลกเปลื่ยนข้อมูลกันต่อไป ในขณะที่ซังจินได้เฝ้ามองอย่างเงียบๆ จากนั้น 'จอมเวทย์เขียว' ก็ได้หันมาถามซังจิน
"แล้วนายเจอกับอะไรงั้นหรอ?"
'ทั้งหมดนั้นแหละ'
เขาไม่สามารถจะตอบแบบนี้ออกไปได้ ไม่ว่ายังไงพวกนั้นก็ไม่มีทจะเชื่อเขา
ซังจินได้ครุ่นคิดถึงคำตอบอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบกลับไป
"อืม...มันไม่ใช่ว่าสิ่งสำคัญที่สุดก็คือสิ่งที่เราจะทำในการจู่โจมต่อไปนี้งั้นหรอ?"
ด้วยคำพูดนี้ ในที่สุดกลุ่มของพวกเขาก็ได้กลับมาพูดคุยถึงแผนการการจู่โจม
"ดังนั้นรูปแบบการยืนของเราควรจะเป็น 'ภูผา' ยืนด้านหน้าและตามมาด้วย 'ชาวภูเขา' และ 'ผู้พิพากษา' จากนั้นก็ 'ฮอปไลต์' กับ 'จอมเวทย์เขียว' ในด้านหลังสุด"
"จอมเวทย์เขียว...นายสามารถจะใช้เวทย์อะไรได้บ้าง?"
"ฉันสามารถจะใช้เวทย์รักษาที่มีชื่อว่า 'การฟื้นฟู' และ 'ออร่าของพระอาทิตย์' ซึ่งมันจะช่วยลดความเสียหายที่ได้รับ..."
ในขณะที่ชายทั้งสี่คนกำลังวางแผนกันอย่างจริงจัง ซังจินก็ยังคงจ้องมองไปที่หอคอยจอมเวทย์อยู่
บอสจอมเวทย์ที่บ้าคลั่งจะรอนักล่าอยู่ที่ชั้นบนสุด ชั้นที่ 10 ซ่งตามปกติแล้วนักล่าจะต้องสู้ไปในแต่ละชั้นเพื่อที่จะขึ้นไปหาบอส
แต่มันก็ดูเหมือนกับว่าจะสามารถขี่พรมเวทมนตร์ขึ้นไปที่ชั้นบนสุดและจบการจู่โจมได้เลย
'ถ้ามันเป็นเช่นนั้น ฉันก็จะสามารถจบการจู่โจมนี้ได้ด้วยตนเอง ฉันไม่จำเป็นที่จะต้องไปกับคนพวกนี้...'
ในขณะเดียวกันนักล่าก็ยังคงคุยกันอยู่
"โอเคงั้นเอาตามนี้"
"ยินดีที่ได้ร่วมงานกัน"
"เช่นกัน หวังว่าทุกคนจะโชคดีนะ"
พรรคพวกเขาเขาดูเหมือนจะน่วมแรงร่วมใจกันเป็นอย่างดี หรือไม่อย่างน้อยก็ภายนอก
[การจู่โจมจะเริ่มในอีก 10 วินาที 9 8 7 ... 2 1 0]
การจู่โจมได้เริ่มขึ้นแล้ว และประตูชั้นแรกของหอคอยก็ได้เปิดออกมา
"ไปกัน!"
''ภูผา' ได้ประกาศออกมา แต่ว่าซังจินก็ได้หยุดพวกเขา
"เดี๋ยวก่อน"
ซังจินได้หยิบพรมออกมาจากลูกบาศก์
"บิน"
เขาได้บินขึ้นไปตามด้านข้างของหอคอยเพียงคนเดียว
"เฮ้.."
"รอเดี๋ยวสิ"
คนอื่นๆได้ร้องเรียกเขาจากด้านหลัง แต่ว่าซังจินก็ไม่ได้สนใจพวกเขา ซังจินได้ขึ้นไปบนหอคอยเรื่อยๆเพียงลำพัง ในจุดบนสุดของหอคอยมีซากหัวของสิงโตอยู่
'มันคืออะไร?'
ซังจินได้ลงไปที่ชั้นบนสุดของหอคอย เมื่อเขาได้เดินเข้าไป เขาก็ได้เห็นวงเวทย์ที่วาดไว้อยู่ภายใต้ซากศพ มันเหมือนกับชื่อของเขา การกระทำของเขาเหมือนกับ 'จอมเวทย์ที่บ้าคลั่ง' อย่างแท้จริง
ซังจินไม่สนใจซากศพและมองไปรอบๆที่บันได ทางมันได้เปิดอยู่ ถ้าหากว่าเขาไปที่นั้นเขาก็จะได้เผชิญหน้ากับบอสในทันที
ซังจินได้หันกลับหลังและขี่พรมลงไปหาพวกนักล่าที่ได้ยื่นรอเขาอยู่
"พวกนายจงร่วมมือกันและและขึ้นไปที่หอคอยให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ฉันจะให้รางวัลกับพวกนายถ้าหากพวกานทำเช่นนั้น"
"อะไรนะ?!"
ทุกๆคนตกใจเป็นอย่างมาก แต่ว่าซังจินเคยชินกับปฏิกิริยานี้แล้ว
"ฉันจะเริ่มต้นจากชั้นบนสุดและลงไปหาพวกนาน จากนั้นพวกเราก็จะพบกันอีกครั้ง"
ซังจินได้ให้ข้อเสนอกับพวกเขาจากนั้นก็กล่าวลาออกมา และก็กลับขึ้นไปที่ชั้นบนสุดมุ่งหน้าไปที่บันได