ตอนที่แล้วตอนที่ 32 วิธีการใช้ระบบไฮเทคที่ถูกต้องคือการอ่านหนังสือจนดึก?
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 34 ไม่เห็นค่าเงิน

ตอนที่ 33 แมลงสาบที่ดื้อด้าน


ตอนที่ 33 แมลงสาบที่ดื้อด้าน

หลังจากอธิบายทุกอย่างแล้ว คุณหยางก็ออกจากบ้านไป

ลู่โจวยืนอยู่หน้าห้องหานเมิ่งฉี เขามองกุญแจในมือแล้วครุ่นคิดเล็กน้อย ในที่สุดเขาก็เอากุญแจเก็บใส่กระเป๋าแล้วเคาะประตู

ก๊อก ก๊อก!

ลู่โจวได้ยินเสียงอู้อี้เบาๆ

ดูเหมือนประตูจะถูกกระแทกด้วยหมอน

"ออกไป ฉันขอเตือน ถ้าเข้ามา ฉันจะโทรแจ้งตำรวจ"

ผู้หญิงคนนี้มีทัศนคติที่ไม่ดีเลย...

แต่เสียงของเธอค่อนข้างดีเลย

ลู่โจวยักไหล่ เขาไม่โกรธเลย เขากล่าวผ่านประตู "ผมไม่สน แถมผมยังถูกว่าจ้าง แต่นี่คือสิ่งที่เธอต้องการเหรอ? ผมจะได้พันหยวนในห้าชั่วโมงแบบฟรีๆ"

ใครที่ได้ยินพันหยวนต้องรู้สึกแย่ใช่ไหม?

ลู่โจวพยายามเปลี่ยนวิธีการ แต่เขาประเมิณทัศนคติของคนรวยต่ำไป

"โอ้" น้ำเสียงเย็นชาดังผ่านประตูออกมา หานเมิ่งฉีกล่าวอย่างไม่แยแสและเสียงดัง "ทำตามใจเลย ผู้หญิงคนนั้นมีเงินมากอยู่แล้ว ใครจะสนว่าเธอจ่ายเงินไปเท่าไหร่ นายอาจถูกเธอเลี้ยงเช่นกัน"

ผู้หญิงคนนี้...

ตัดสินจากน้ำเสียง ความเกลียดชังระหว่างแม่กับลูกสาวต้องลึกมากแน่

ลู่โจวหยุดอยู่นอกประตูชั่วครู่ เขาเห็นว่าเด็กผู้หญิงคนนี้ไม่ได้จะมาเปิดประตูให้ เขาจึงไม่อยากเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์ เขาจึงไปห้องหนังสือแล้วนำพวกอุปกรณ์การเรียนทั้งหมดไปห้องนั่งเล่น

เขาไม่ได้แตะเนื้อหามัธยมมาเป็นปีแล้ว แต่เมื่อเขาเอามาดู เหมือนมันจะค่อนข้างง่ายเลย เพราะสุดท้ายแล้วเขาก็อยู่ในหนึ่งในมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในจีน เขาเอาชนะทหารหลายพันจนเข้ามาได้ นี่มันไม่ใช่อะไรเลยสำหรับเขา

เขานั่งบนโซฟาแล้วมองดูหนังสือเรียน จู่ๆเขาก็สังเกตเห็นแก้วแตกบนพื้นแล้วอดหน้างอไม่ได้

อาการย้ำคิดย้ำทำของเขากำเริบขึ้นมาอีกครั้ง

เขาถอนหายใจแล้วลุกขึ้นยืน เขาเดินไปห้องน้ำเพื่อหาไม้กวาด เขาอยากทำความสะอาดเศษสกปรกก่อน

อย่างไรก็ตามขณะที่เขากำลังวางไม้กวาด ก็มีเสียงกรีดร้องดังมาจากห้องที่ถูกล็อคไว้

"กรี๊ด!"

ลู่โจวช็อค เขาคิดว่ามันมีอุบัติเหตุอะไรเกิดขึ้น เขารีบโยนไม้กวาดทิ้งก่อนจะรีบไปทางห้องนั้น

เขาใช้กุญแจไขประตูแล้วผลักประตูเข้าไป วัตถุปริศนาสีดำก็พุ่งมาทางเขา

แมลงสาบ?

ลู่โจวเหยียบมันจนตายโดยสัญชาตญาณ เขาเดินเข้าไปข้างในห้องต่อแล้วรีบถาม

"เกิดอะไรขึ้น?"

ห้องมืดมาก เพราะผ้าม่านปิดไว้สนิท

มันจินตนาการได้ยากว่านี่เป็นห้องของผู้หญิง มันจินตนาการได้ยากยิ่งขึ้นด้วยว่านี่คือห้องในอพาร์ทเม้นท์หรู

เพราะความเละเทะของห้องนี้มันเทียบได้กับที่หอพักเขาเลยทีเดียว

หนังสือและของเล่นถูกกองรวมกันไว้ที่มุมห้อง ถุงอาหารขยะเรี่ยราดระเกะระกะบนพื้น เขาเห็นกระทั่งเศษมันฝรั่งทอด...ไม่แปลกใจเลยว่าแมลงสาบจะมาหาอาหาร มันถูกกลิ่นน้ำมันของอาหารขยะดึงดูดมา

มีร่างเล็กๆผมยาวนั่งอยู่มุมเตียง มือของเธอกำลังจับหมอนเอาไว้ เข่าของเธอกำลังสั่นเทา เธอสวมชุดนอนหลวมๆ ใบหน้าขาวเนียนของเธอดูแข็งๆ ริมฝีปากเปลี่ยนเป็นสีฟ้า มันราวกับว่าเธอพึ่งเห็นผีตอนกลางวันแสกๆ

"ตาย ตาย..."

"ตาย?"

"มันตายยัง?" หานเมิ่งฉีถาม เธอกัดริมฝีปากและมองใต้เตียงอย่างกล้าหาญ เธอกลัวไม่อยากเหยียบพื้น

ลู่โจวชะงักชั่วครู่แล้วมองดูแมลงสาบข้างเท้า

"เธอกำลังพูดถึง...แมลงสาบ?"

หานเมิ่งฉีพยักหน้าอย่างเป็นกังวล

"มันตายแล้ว มันอยู่ตรงนี้" ลู่โจวถอนหายใจแล้วใช้นิ้วชี้

เขาคิดว่ามีอุบัติเหตุเกิดขึ้น แต่มันเป็นแค่แมลง

ฉันเหยียบมันจนตายแล้ว

ทำไมเธอถึงกลัวขนาดนั้น?

เมื่อหานเมิ่งฉีได้ยินว่าศัตรูของเธอตายแล้ว ในที่สุดเธอก็ใจเย็นและร่างกายเกร็งๆก็คลายตัวลง

อย่างไรก็ตามแทบจะในพริบตา เธอก็จ้องมองลู่โจวราวกับเขาเป็นศัตรูเธอ เธอโบกไอโฟนแล้วเตือน "ใคร ใครให้นายเข้ามา! ออกไป หรือจะให้ฉันโทรหาตำรวจ! แล้วนายเปิดไฟทำไม เจ้าคนหยาบคาย!"

ทันใดนั้นก็มีแสงสว่างเจาะเข้าไปในดวงตาของหานเมิ่งฉี เธอยกแขนขึ้นมาเพื่อปกป้องตัวเอง

ลู่โจวไม่ได้ตอบเธอ เขาไปห้องน้ำแล้วหยิบไม้กวาดมา

เขาทำความสะอาดทั่วห้องเธอ ยกเว้นใต้เตียงและมุมห้อง

หลังทำความสะอาดเสร็จ เขาก็ช็อค

เมื่อลู่โจวเห็นกองขยะที่เขาทำความสะอาด เขาก็ปัดฝุ่นออกจากหน้าแล้วอดวิจารณ์ไม่ได้ "ทำไมถึงมีอาหารขยะในห้องมากขนาดนี้? แมลงพวกนี้เป็นสัตว์เลี้ยงของเธอเหรอ?"

ผู้หญิงบนเตียงหน้าแดง เธอตอบด้วยความโกรธ "ทำธุระของนายเถอะ!"

ลู่โจวมองเธอและกล่องอาหารขยะก่อนจะถามว่า "เธอกินนี่เป็นมื้อเที่ยง?"

"..."

หญิงสาวเงียบและไม่ได้พูดอะไร

ลู่โจวไม่ได้พูดอะไร เขาลากถุงขยะไปข้างนอก เขาเดินออกไปและปิดประตูห้อง

หานเมิ่งฉีเห็นประตูถูกปิดแล้วประหลาดใจ เธอหยุดจับหมอน เธอแปลกใจที่ครูสอนพิเศษที่แม่เธอจ้างมา'ยอมประนีประนอม'แล้ว เธอวางแผนระยะยาวพร้อมเสร็จสรรพ แต่ตอนนี้เธอรู้สึกเหมือนการเตรียมพร้อมของเธอนั้นไม่จำเป็น...

ลู่โจวกลับห้องนั่งเล่นแล้วเริ่มอ่านหนังสือคณิตศาสตร์ระดับมัธยม เขาวางหนังสือไว้ทั่วโต๊ะกาแฟ

มันไม่ใช่แค่หนังสือเท่านั้น มันมีสื่อการเรียนอย่างอื่นด้วยเช่นกัน คุณหยางยังทิ้งข้อสอบของเดือนก่อนไว้ด้วย มันเป็นเรื่องจริงที่เกรดวิชาคณิตศาสตร์ของลูกสาวเธอค่อนข้างแย่

จาก 150 คะแนนเธอได้ไม่ถึงครึ่งด้วยซ้ำ มากสุดเธอได้ 80 คะแนน

ด้วยเกรดแบบนี้ มันจะเป็นปัญหากับการเข้ามหาลัยแน่

อย่างไรก็ตามเกรดภาษาจีนของเธอไม่เลวเลย ลู่โจวอ่านเรียงความของเธอแล้วประหลาดใจที่เห็นว่ามันถูกเขียนเป็นวรรณกรรม ภาษาอังกฤษของเธอก็ไม่เลวเช่นกัน เธอได้ 120 คะแนนขึ้นไปเสมอ ส่วนวิชาวิทยาศาสตร์ บางอันก็ดี บางอันก็แย่ ดังนั้นมันจึงตัดสินได้ยาก

"ทำไมเธอถึงอยากเรียนสายวิทย์...ทำไมเธอไม่เรียนสายศิลป์?"

ลู่โจวส่ายหน้าแล้วหยิบปากกาจากโต๊ะ เขาเริ่มเขียนบนกระดาษ A4 เปล่า

คณิตศาสตร์มัธยมนั้นไม่ยาก มันไม่ได้ทดสอบความสามารถในการนำความรู้ไปใช้ มันแค่ตัดสินความสามารถในการจดจำความรู้

หัวข้อที่จำเป็นก็มีเซ็ตกับฟังก์ชั่นพื้นฐาน มันจะใช้เวลาสอนประมาณ 40 ชั่วโมง การบรรยายคาบพีชคณิตขั้นสูงของมหาลัยคาบนึงก็มีข้อมูลมากกว่าแล้ว

นี่เป็นเหตุผลเช่นกันว่าทำไมนักศึกษาหลายคนที่ได้เกรดช่วงมัธยมสูงเยี่ยมถึงได้กระเสือกกระสนเมื่อเข้ามหาลัย มันเป็นเพราะการบรรยายของมหาลัยไม่ได้สอนด้วยความเร็วเท่ารถไฟ พวกเขาสอนด้วยความเร็วของจรวด

พื้นฐานคณิตศาสตร์ของหานเมิ่งฉีนั้นย่ำแย่ แต่ลู่โจวยังเห็นโอกาสรอด

สุดท้ายแล้วการสอบก็ไม่ใช่การแข่งขัน มันเป็นเพียงการทดสอบพื้นฐานเท่านั้น

เมื่อเธอเรียนรู้พื้นฐาน เธออาจไม่ได้ 140 คะแนน แต่ 120 คะแนนมันเป็นไปได้

หนังสือเรียนสี่เล่มมันดูน่ากลัว แต่หัวข้อข้างในนั้นเหมือนกัน...อย่างน้อยมันเหมือนกันในสายตาลู่โจวที่อ่านหนังสือ[เรขาคณิตวิเคราะห์]ทั้งเล่มจบในหนึ่งคืน...

ก่อนอื่นเขาต้องร่างโครงและสรุปหัวข้อทั้งหมดในหนังสือ จากนั้นเขาก็ต้องอ้างอิงจากข้อสอบครั้งก่อนของหานเมิ่งฉีแล้วชี้ให้เห็นจุดที่เธอพลาด...อันที่จริงเธอควรทำเรื่องนี้ด้วยตนเอง

อย่างไรก็ตามมันไม่สำคัญว่า'ลูกค้า'เขาจะมีทัศนคติแย่แค่ไหน ลู่โจวรู้สึกว่าเนื่องจากเขารับงานมาแล้ว เขาก็ควรพยายามให้ดีที่สุด

อย่างน้อยก็ต้องทำให้คุ้มค่าเงิน 200 หยวนต่อชั่วโมง แม้ว่าเขาจะไม่มีความรู้เกี่ยวกับตลาดครูสอนพิเศษ แต่เขาก็ยังรู้ว่าค่าจ้างนี้สูงจนผิดปกติ

เวลาค่อยๆไหลผ่านไป

มันก็เกือบห้าโมงครึ่งแล้ว ลู่โจวบิดขี้เกียจแล้วขยับไล่แก้เมื่อย

เขามองดูกระดาษ A4 ที่เป็นระเบียบซึ่งเต็มไปด้วยงานเขียนของเขาแล้วอดยิ้มไม่ได้

แม้ว่าตอนแรกมันจะลำบากเล็กน้อย แต่มันก็ค่อนข้างคุ้มค่าเมื่อกลับมาดูสิ่งที่เขาทำเสร็จ

เกือบหกโมง

เขาสามารถแสดงกระดาษเหล่านี้เพื่อรายงานผลการทำงานของเขา

มีเสียงดังเล็กน้อยดังมาจากประตูใกล้ๆ มีร่างเล็ก ๆเดินออกมา

ลู่โจวมองแล้วเห็นว่าชุดนอนของเธอถูกเปลี่ยนเป็นเสื้อยืดกางเกงยีนส์ แต่ผมของเธอยังคงยุ่งอยู่

มันอาจเป็นภาพลวงตา แต่เขารู้สึกเหมือนเธอตัวเล็กลงเมื่อเทียบกับตอนที่เธอขดอยู่บนเตียง

โดยเฉพาะอย่างยิ่งร่างกายไม้กระดานของเธอ มันไม่มีส่วนเว้าส่วนโค้งเลย เธอตรงข้ามกับลูกพี่ลูกน้องของเธอโดยสิ้นเชิง

"นาย...กำลังดูอะไร? ฉันจะโทรเรียกตำรวจ!"

ลู่โจวถอนหายใจ "เลิกขู่ผมด้วยตำรวจได้แล้ว ผมไม่ได้ทำอะไรด้วยซ้ำ และคุณก็ต้องมีเหตุผลเพื่อโทรเรียกตำรวจ ก่อกวนเจ้าหน้าที่ก็ผิดกฏหมายเช่นกัน ดังนั้นควรคิดให้ดีก่อน"

"..."

หานเมิ่งฉีอึ้งกับความสงบของลู่โจว เธอไม่ได้พูดอะไรแล้วเดินเข้าห้องอาบน้ำ

ลู่โจวเห็นประตูห้องน้ำปิดแล้วตระหนักว่าเธอต้องฉี่แตกแน่เลย

ฉันก็สงสัยอยู่ว่าเธอออกมาทำไม

หลังจากนั้นไม่นานร่างเล็กๆก็ออกมาจากห้องอาบน้ำ หานเมิ่งฉีล้างหน้าแล้วเดินออกมาด้วยใบหน้าตึงเครียด

เธอเดินผ่านห้องนั่งเล่น เมื่อเธอเห็นสิ่งของบนโต๊ะกาแฟ เธอก็ขมวดคิ้วแล้วถาม "นี่คืออะไร?"

"เธอจำหนังสือเรียนตัวเองไม่ได้เหรอ? ครั้งสุดท้ายที่เธอเรียนนั่นมันเมื่อไหร่?"

หานเมิ่งฉีมองดูกระดาษ A4 แล้วกล่าว "ไม่ใช่เรื่องของนาย" เธอหันหลังและเดินไปห้องครัว "ฉันหิว นายอยากกินอะไรก็กิน"

"แม่เธอใกล้กลับมาแล้ว เธอไม่รอแม่หน่อยเหรอ?" ลู่โจวถาม เขาเอนตัวพิงโซฟาแล้วยกขาขึ้น เขามองหานเมิ่งฉีแล้วกล่าวอย่างจริงจัง "ผมคิดว่าครอบครัวทานข้าวร่วมกันจะดีกว่านะ"

หานเมิ่งฉีหันหน้ามาแล้วหัวเราะอย่างเย็นชา

เสียงหัวเราะนั้นไม่เหมือนกับเสียงหัวเราะของเด็กอายุ 16-17

"รอเธอ? เธอไม่ได้ส่งข้อความมาหานายรึไง?"

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด