ตอนที่แล้วเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0425 [อ่านฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0427 [อ่านฟรี]

เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0426 [อ่านฟรี]


ตอนที่ 426 : วิญญาณดวงตะวัน

ฉินหยุนขณะนี้ตรวจสอบสภาพรอบด้าน ทว่าก็ยังไม่อาจพบเจอผู้คน

“ดูเหมือนพระราชวังแห่งนี้จะถูกทิ้งร้าง!” เขายังต้องไปต่อ เพื่อค้นหาว่าสถานที่แห่งนี้คือที่ใด

ชัดเจนว่าที่นี่ไม่ใช่สวนโบราณที่สามแดนอ้างว้าง แต่เป็นสถานที่แห่งอื่น

เมื่อเข้ามาในพระราชวัง ด้านในหนาวเย็น เป็นความยะเยือกที่สุดกู่

“มีใครอยู่หรือไม่?” เขาตะโกน

เสียงของเขา มันดังจนกระทบและส่งเสียงท้อนกลับออกมา

ตะโกนไปแล้ว เขาค่อยตระหนักได้ จนเกิดเป็นกังวลว่าจะมีผู้ใดบุกเข้าโจมตีตนเองอย่างกะทันหัน

แต่ผ่านไปพักหนึ่ง ก็ไม่มีการเคลื่อนไหวใด

ฉินหยุนได้แต่ก้าวเดินอย่างระแวดระวังไปทั่วพระราชวัง ที่แห่งนี้สมควรเคยงดงาม มีภูเขาจำลอง น้ำตก สระน้ำ สวน และศาลาขนาดใหญ่ และยังมีสิ่งปลูกสร้างอีกมากมาย ทว่า... ทั้งหมดขณะนี้ล้วนพังทลายสิ้น

“เหมือนเพิ่งเกิดเรื่องเมื่อไม่นานมานี้!” เขาคว้าสมุนไพรในสวนขึ้นมา พบว่าเรื่องราวชวนตื่นตะลึง “เหมือนจะเมื่อไม่กี่สิบปีมานี้!”

“หลายสิบปีก่อน ที่นี่น่าจะเป็นสถานที่ซึ่งเปี่ยมด้วยผู้คนและสมุนไพรมากมาย!”

สาเหตุที่ฉินหยุนเข้ามาในสวนโบราณ ก็เพื่อหาสมุนไพรนำไปรักษาพิษให้แก่เฟิงหงหลัน ตอนนี้เขากลับต้องมาอยู่ในสถานที่เลวร้ายเช่นนี้เสียได้

“ที่นี่มันคือสวนโบราณหรือไม่ใช่กันแน่? เสี่ยวลู่กับคนอื่นก็เข้ามาในที่แห่งนี้เช่นกันหรือ?” ฉินหยุนเกิดคำถามเช่นนี้วนเวียนซ้ำ กระนั้นก็หาได้รับคำตอบแต่อย่างใด

พระราชวังที่พังทลายแห่งนี้ เป็นเบาะแสเดียวที่ฉินหยุนมีขณะนี้ ดังนั้นเขาจึงได้แต่เดินสำรวจไปทั่วพระราชวังทีละน้อย เผื่อว่าจะพบเบาะแสใดบ้าง

ผ่านการค้นหาไปสองวัน ในที่สุดเขาค่อยเข้าถึงแกนกลางค่ายอาคมของพระราชวัง มันเป็นบ้านหินทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของตัวพระราชวัง

แกนกลางของค่ายอาคม คือสถานที่ซึ่งคงสภาพการทำงานของทั้งค่ายอาคมเอาไว้

ฉินหยุนที่เข้ามาภายในแล้ว เขานำหินส่องแสงออกมาสองก้อน สาดส่องห้องโถงกว้างใหญ่ใต้ดินให้สว่างไสว

แสงพอสาดส่อง เขาอดไม่ได้ที่จะเผยความตื่นตะลึง

“พวกมันเหล่านี้ล้วนเป็นอักขระจันทราและอักขระดวงดาว!”

อย่างกะทันหัน ฉินหยุนรู้สึกว่าอักขระจันทรานั้นดูคุ้นเคย มันค่อนข้างคล้ายกับที่เขาได้รับจากประตูจารึก

เพราะเรื่องนี้ทำเอาเขาจมดิ่งในความคิด

อักขระดวงดาวและจันทราของประตูจารึก ชัดเจนว่าต้องมีความเกี่ยวข้องกับสถานที่แห่งนี้

คัมภีร์โอสถลึกล้ำที่เขาได้รับ ย่อมต้องเกี่ยวข้องกับสถานที่แห่งนี้

“หรือหลันเซียวจะเคยมาที่นี่?” ฉินหยุนคิดเช่นนี้กับตนเอง ฝีเท้าก้าวเดินออกจากแกนกลางค่ายอาคม

ทันทีเมื่อเดินออกพ้น ฉับพลันเขาพบร่างเงาสีดำวูบไหว มันทำเขาตกใจขนาดที่ใจเต้นรัว ต้องเตรียมรับศึกที่อาจเข้าถึงตัวอย่างกะทันหัน

“นั่นใคร!” ฉินหยุนตะโกน

ร่างเงาสีดำพลันปรากฏอยู่ครู่แล้วค่อยเลือนหาย

ฉินหยุนเร่งรีบทะยานกาย พุ่งตัวกระโดดขึ้นบนอาคารสูง คิ้วขณะนี้ขมวด สำรวจสอดส่องรอบด้าน

ผ่านไปพักใหญ่ ร่างเงาสีดำปรากฏขึ้นอีกครั้ง และค่อย ๆ เคลื่อนเข้ามาทางด้านหลังของเขา

ฉินหยุนสัมผัสได้ถึงบางสิ่งด้านหลัง กายหันกลับ ตระหนักได้ว่าเป็นร่างเล็กของหญิงชราที่มีรอยเหี่ยวย่น และมีผิวสีน้ำตาล

หลังได้สำรวจมอง เขาเร่งรีบก้าวเท้าถอย “ท่านยายเป็นใคร?”

หญิงชราผู้นี้แข็งแกร่ง แม้ร่างกายอยู่ในชุดดำปกคลุมจะเล็กและผอมบาง แต่พลังที่แผ่ออกมา มันทำเอาฉินหยุนรู้สึกได้ว่าตนไร้ซึ่งพลัง

“ข้าคือผู้ดูแลของพระราชวังกวงหาน!” หญิงชราพิจารณามองฉินหยุนและพึมพำ “ข้าเหมือนจำเจ้าได้... นี่ไม่ใช่ราชันเซียนหรอกหรือ?”

ฉินหยุนสะท้าน ริมฝีปากต้องเผยรอยยิ้มตอบคำ “ท่านยาย ท่านจำคนผิดแล้ว ข้าหาได้ใช่ราชันเซียนอันใดไม่! ตอนนี้ข้าเพียงอยู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋า!”

“ข้าย่อมจำไม่ผิด ท่านอย่างไรแล้วก็คือราชันเซียน บ่อยครั้งมายังพระราชวังกวงหานแห่งนี้ เพื่อพบนายน้อยของพระราชวัง ข้าจดจำท่านได้!” หญิงชราเผยน้ำเสียงมั่นใจ

“เช่นนั้นแล้ว นายน้อยของพระราชวังแห่งนี้เป็นหญิงหรือชายกันขอรับ?” ฉินหยุนเริ่มถาม

“ย่อมต้องเป็นหญิง!” หญิงชราเผยยิ้มตอบ “ท่านคือราชันเซียน ข้าจำไม่ผิดอย่างแน่นอน!”

ฉินหยุนเลือกที่จะนั่งลง ไม่คิดโต้เถียงเรื่องนี้ต่อ ตอนนี้คงบอกได้แค่ว่าหญิงชราผู้นี้อาจเลอะเลือน

“ท่านยาย พระราชวังแห่งนี้ถูกทำลายไปเมื่อใดกัน?” ฉินหยุนเอ่ยถาม

“กว่ายี่สิบปีมาแล้ว! นอกจากข้า ผู้อื่นล้วนตายจนสิ้น!” หญิงชรานำเอาภาพออกมา อดไม่ได้ที่จะหลั่งน้ำตาออก “นายหญิงน้อยที่น่าสงสารของข้า ข้าคือคนที่เลี้ยงนางให้เติบโตขึ้นมา ทว่านางกลับตายก่อนข้า!”

ฉินหยุนเดินเข้าไป รับภาพนั้นมา ขณะนี้เขาถึงกับกายแข็งทื่อ

บุคคลในภาพ ไม่ใช่ใครอื่น เป็นหยางฉีเย่ว์!

ฉับพลันนี้ เขาเกิดความคิดเรื่องการถือกำเนิดใหม่

หยางฉีเย่ว์ กับหญิงในภาพ เป็นคนเดียวกันอย่างไม่ผิดเพี้ยน มีความเป็นไปได้สูง ว่านางเคยเป็นนายหญิงน้อยของพระราชวังแห่งนี้ และเป็นนางหวนคืนชาติภพ!

ฉินหยุนคิดกับตนเอง หญิงชราผู้นี้บอกว่าเขาคือราชันเซียน...

ความคิดหยุดชะงัก เขาไม่เชื่อเรื่องชีวิตเมื่อชาติภพก่อน! เขาไม่มีความทรงจำเรื่องนี้แม้แต่น้อย

“ท่านยาย นายหญิงน้อยของท่าน ครอบครองวิญญาณยุทธ์จันทราหรือ?” ฉินหยุนเอ่ยถาม

“ย่อมใช่! ที่นี่คือดวงจันทร์ ผู้ที่เกิดขึ้นที่นี่ ล้วนครอบครองวิญญาณยุทธ์จันทรา!” หญิงชราตอบ

ฉินหยุนตื่นตะหนก ทำเอาเขายืนอึ้งทำอะไรไม่ถูก สถานที่ซึ่งเขาอยู่ตอนนี้ แท้จริงแล้วคือดวงจันทร์

ตอนนี้เขายิ่งเป็นกังวล ว่าจะกลับไปยังแดนยุทธ์อ้างว้างอย่างไร

“ท่านยาย เคยได้ยินเก้าแดนอ้างว้าง นามแดนยุทธ์อ้างว้างหรือไม่ขอรับ?” ฉินหยุนเร่งรีบเอ่ยถาม

“แน่นอนว่าเคยได้ยิน นั่นไม่ใช่สถานที่ซึ่งคนปกติใช้ชีวิตอยู่หรอกหรือ? เหตุใดจึงถาม?” หญิงชราเก็บภาพกลับคืน

“ท่านบอกวิธีไปยังที่นั่นแก่ข้าได้หรือไม่? ข้ามีเรื่องด่วนต้องไปที่นั่นขอรับ!” ฉินหยุนเอ่ยถามเคร่งเครียด เขาคิดอยากไปจากสถานที่แห่งนี้โดยเร็วที่สุด

“ที่นี่มีค่ายอาคมเคลื่อนย้ายมากมาย หนึ่งในนั้นสามารถใช้เพื่อไปได้ ทว่ามันได้รับความเสียหาย!” หญิงชราตอบ

“ย่อมไม่เป็นไร ข้าจะหาทางซ่อมมันเอง!” ฉินหยุนกลายเป็นยินดีโล่งอก เร่งรีบกล่าวคำตอบ

หญิงชราลุกขึ้นยืน บินมุ่งหน้าไปยังทิศทางหนึ่ง ความเร็วระดับนี้เรียกว่ามากล้ำ

ฉินหยุนเร่งรีบไล่ตามพร้อมตะโกน “ท่านยายรอข้าด้วย!”

หญิงชราส่งเสียงถาม “ท่านราชันเซียน สมควรแข็งแกร่งกว่าข้ามากมายนัก เหตุใดช้าเพียงนี้กัน?”

ฉินหยุนยิ้มขื่น เพราะเขาหาได้ใช่ราชันเซียน เป็นเพียงปุถุชนทั่วไป

“ท่านยาย ท่านเคยได้ยินเรื่องการกลับชาติมาเกิดหรือถือกำเนิดขึ้นใหม่หรือไม่?” เขาเอ่ยถาม ขณะนี้ค่อยไล่ตามอีกฝ่ายที่ช้าลงได้บ้าง

“ย่อมต้องเคย นี่ถือเป็นเรื่องธรรมดายิ่ง! ทว่า การกลับชาติมาเกิดนั้นมีโอกาสสำเร็จเพียงน้อยนิด!” หญิงชราถอนหายใจ

“ท่านหมายความว่าการกลับชาติมาเกิดมีโอกาสสำเร็จใช่หรือไม่ขอรับ?” ฉินหยุนเอ่ยถามอย่างสุภาพ

“ท่านคือราชันเซียนจริงหรือ? เหตุใดเรื่องนี้ยังไม่ทราบ?” หญิงชราขมวดคิ้ว “การกลับชาติมาเกิดที่สำเร็จ จะนำมาพร้อมความทรงจำจากชั่วชีวิตก่อนพร้อมการถือกำเนิดขึ้นใหม่!”

ฉินหยุนพลันนึกถึงเซี่ยฉีโหรว นางเอ่ยถึง ว่านางคือผู้ที่หวนคืนมาเกิดใหม่ และนางยังเป็นผู้ได้รับสืบทอดวิญญาณเทวะเก้าตะวันตัวจริง

“หรือเรากลับชาติมาเกิดล้มเหลว?” เขาคิดกับตนเอง

หญิงชราชี้ไปยังตำแหน่งตรงหน้าและกล่าว “ตรงนั้นคือค่ายอาคมเคลื่อนย้าย ภูเขาจำลองแต่ละลูกจะแยกจากกัน”

ฉินหยุนพยักหน้ารับ “ท่านยาย ข้ามาจากแดนยุทธ์อ้างว้าง เคยพบหญิงสาวที่คล้ายกับนายหญิงน้อยของท่าน ทว่านางไม่คล้ายจดจำอันใดได้”

หญิงชราพอได้ยินเช่นนี้ นางหยุดชะงัก มือคว้าที่ไหล่ของฉินหยุนพร้อมเขย่าแรงด้วยความตื่นเต้น เสียงตะโกนออกด้วยความยินดี “นั่นต้องเป็นนายหญิงน้อย ย่อมไม่ผิดพลาดแน่... ในสถานที่เลวร้ายอย่างแดนยุทธ์อ้างว้าง เป็นเรื่องยากนักที่ปุถุชนจะตื่นรู้วิญญาณยุทธ์จันทราได้!”

“ข้าคิด ว่าการกลับชาติมาเกิดนั้นล้มเหลว!” ฉินหยุนพึมพำ

เขาเคยพบเจอผู้ตื่นรู้วิญญาณยุทธ์ตะวันมาก่อน ตามบันทึกมากมาย หลายคนได้ตื่นรู้วิญญาณยุทธ์ตะวันขึ้น ทว่าจำนวนผู้คนที่ตื่นรู้วิญญาณยุทธ์จันทรา มีน้อยนิดยิ่งนัก เรื่องนี้ถือว่าแปลก

“หาได้ล้มเหลวไม่ นั่นก็เพราะนางยังครอบครองวิญญาณยุทธ์จันทรา!” หญิงชราเผยน้ำเสียงยินดีกล่าวออก “นี่เพียงเป็นเรื่องของความทรงจำที่ยังไม่กลับมาก็เท่านั้น!”

ภายในใจฉินหยุนกลายเป็นยุ่งเหยิง เขาไม่คิดว่าหยางฉีเย่ว์จะเป็นตัวตนอำนาจล้นพ้นในช่วงชีวิตก่อนเช่นนี้

“อย่างนั้นแล้ว ท่านยายขอรับ ท่านมีอะไรต้องการส่งมอบแก่นางหรือไม่? ข้ากำลังจะไปแดนยุทธ์อ้างว้าง จะได้ส่งต่อให้กับนาง!” ฉินหยุนเกิดความสงสัย ว่าหญิงชราผู้นี้รอดชีวิตมาได้อย่างไร? ในขณะที่ผู้อื่นของพระราชวังกวงหานล้วนเสียชีวิตจนหมดสิ้น

หญิงชราเร่งรีบนำเอาไข่มุกสีดำขนาดใหญ่ ส่งต่อแก่ฉินหยุน นางกล่าว “มอบสิ่งนี้แก่นาง นี่คือสิ่งที่ผู้ครองพระราชวังของพวกเราหลงเหลือไว้ก่อนนางเสียชีวิต!”

“นี่คือ?” พอได้รับมาแล้ว ฉินหยุนรู้สึกถึงความเย็นรุนแรง

“วิญญาณยุทธ์จันทราสีดำ! สิ่งนี้คือวิญญาณยุทธ์จันทราซึ่งแข็งแกร่งที่สุด!” คำของหญิงชรา ทำเอาฉินหยุนตระหนก

ฉินหยุนกล้ากล่าว ว่าไข่มุกสีดำในมือ ไม่ใช่ไข่มุกสะกดวิญญาณ แต่เป็นไข่มุกขนาดใหญ่ที่เกิดขึ้นจากตัววิญญาณยุทธ์เอง!

“ท่านยาย ข้าไม่ขอปิดบังอีก ตัวข้าบังเอิญเข้ามายังสถานที่แห่งนี้จากแดนยุทธ์อ้างว้าง และข้าก็ไม่ใช่ราชันเซียนแต่อย่างใด!” ฉินหยุนถอนหายใจ “อย่างนี้แล้วท่านยังเชื่อข้าหรือไม่?”

หญิงชราตอบสนองเพียงขมวดคิ้วเล็กน้อย “เป็นไปได้ว่าท่านเองก็กลับชาติมาเกิดล้มเหลวหรือยังไม่ตื่นรู้? เช่นนั้นท่านมาที่นี่ได้อย่างไร?”

ฉินหยุนนำเอาตั๋วเข้าสวนโบราณออกมา “ข้าวิ่งข้ามสะพานมาพร้อมตั๋วนี้!”

“ตั๋วนี่... หญิงคนนั้น!” หญิงชราเผยความตื่นตะลึง “แม่มดผู้นั้นเป็นสหายที่ดีต่อนายหญิงของพวกเรา เหตุนั้นนางจึงมีตั๋วนี้ ทำให้สามารถเข้าออกสถานที่แห่งนี้ได้อย่างอิสระ!”

ฉินหยุนค่อยเข้าใจ มีความเป็นไปได้สูง เพราะวิญญาณเทวะเก้าตะวัน เป็นสิ่งของที่ตกทอดมาจากแม่มด!

ทว่าเหตุใดนางจึงต้องผนึกมันเอาไว้? นอกจากนี้ วัตถุที่เก็บไว้ด้านใน สมควรเป็นสิ่งของที่น่าจะอ้างอิงถึงตัวตนของแม่มดมากกว่า

ในเมื่อแม่มดผู้นั้นคือมารดาของเซี่ยฉีโหรว และแม่มดผู้นั้นมีสัมพันธ์อันดีกับนายหญิงของพระราชวังกวงหาน อย่างนั้นแล้ว เซี่ยฉีโหรวย่อมต้องทราบเรื่องชีวิตก่อนหน้าของหยางฉีเย่ว์!

ฉินหยุนเริ่มคิดในเส้นทางนี้ อย่างกะทันหัน เขาค่อยตระหนักได้ ว่าเซี่ยฉีโหรวย่อมต้องจดจำผู้อื่นได้เพราะมีความทรงจำ ดังนั้นย่อมต้องทราบว่าเขาคือราชันเซียนในชีวิตก่อนหน้านี้!

“พี่สาวมหาอุปราชถึงกับซ่อนเรื่องราวของเราไว้มากมายเพียงนี้!” ฉินหยุนขมวดคิ้ว

หญิงชราถอนหายใจ “กระทั่งท่านยังเสียชีวิต เป็นไปได้ว่าเภทภัยที่เกิดขึ้นครั้งนั้นใหญ่เกินจะกล่าว!”

“ท่านยาย ข้ายังมีชีวิต!” ฉินหยุนบุ้ยริมฝีปากก่อนเอ่ยถาม “ว่าแต่ เภทภัยที่ท่านกล่าวถึงคืออันใด?”

หญิงชรามองที่ดวงตะวันบนท้องฟ้าและตอบ “เก้าดวงตะวันหลุดจากการควบคุม ทีละดวง วิญญาณดวงตะวันได้หายไปจากเก้าดวงตะวัน พวกมันเคลื่อนคล้อยสู่ดวงจันทร์ ทำให้ยอดฝีมือมากมายของแดนเซียนอ้างว้างมายังที่นี่ เพื่อฉกชิงเอาพวกมันไป และยังทำให้สวนโบราณอันงดงามแห่งนี้ต้องพังทลาย!”

ฉินหยุนนึกย้อนถึงเหตุการณ์ที่ทะเลสาบหมื่นดารา สถานที่ซึ่งเขาพบเจอมังกรวัวกระทิงที่ก้นทะเลสาบ มังกรวัวกระทิงได้กล่าว ว่าดวงวิญญาณของเก้าดวงตะวัน ได้แยกจากเก้าดวงตะวันไปอย่างสมบูรณ์แล้ว

หรือก็คือ ทันทีที่เกิดคลื่นบนทะเลสาบหมื่นดารา นั่นคือช่วงเวลาสุดท้ายที่วิญญาณดวงตะวันถูกแยกออก!

“กลุ่มคนชั่วช้าเหล่านั้น พวกมันทำให้สถานที่แห่งนี้โกลาหล จนท้ายที่สุดก็ไม่พบวิญญาณดวงตะวัน เป็นพวกมันที่สร้างปัญหาแก่พวกเรา!” หญิงชรากล่าวอย่างโกรธแค้น

“วิญญาณดวงตะวันยังอยู่ที่นี่อย่างนั้นหรือ?” ฉินหยุนเร่งรีบเอ่ยถาม

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด