ตอนที่แล้วบทที่ 2
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 4

บทที่ 3


ผู้แปล loop

เวลา 11.40 น.

แม่ของดงซูบิน กำลังอยู่ในครัวเพื่อเตรียมอาหารกลางวัน ซึ่งดงซูบินเองก็ช่วยแม่ของเขาหั่นผักบ้างจากนั้นเขาก็ไม่มีอะไรที่จะช่วยได้ เขาจึงออกไปที่ห้องนั่งเล่นและเปิดดูทีวี ซึ่งดงซูบินเองหวังว่าเวลานั้นจะเร็วขึ้นในวันนี้ เขาไม่สามารถรอให้วันนี้ผ่านไปได้แล้ว ซึ่งเขาเองต้องการจะลองย้อนเวลากลับไปอีกครั้ง เพราะว่าถ้าหากเขาดันกลับไปใช้ความสามารถย้อนเวลาไม่ได้แล้วเขาจะสนุกกับอะไรได้

ดิงดอง. ดิงดอง.

มีคนกดกริ่งหน้าบ้าน

ดงซูบินได้เดินไปเปิดประตู เขาได้กลิ่นของน้ำหอมผ่านประตูเข้ามา ซึ่งเขาสามารถเห็นใบหน้าที่สวยงามของหญิงสาวคนหนึ่ง เธอคือฉูยวนจากห้อง 302 ที่อยู่ถัดไปจากเขา เธอเป็นผู้หญิงตาโต ขนตายาวและมีสีผิวที่ขาวผ่องเธอดูงดงามมากๆ

วันนี้ฉูยวนเธอสวมชุดสำนักงานสีอ่อน กระโปรงแน่นของเธอแสดงให้เห็นตูดที่กระปรี้กระเปร่าของเธอขายาวเซ็กซี่ของเธออยู่ในถุงน่องสีผิวเดียวกับรองเท้าส้นสูงสีขาว เธอมีความน่าดึงดูดใจของผู้หญิงที่ควรจะมี

“เอิ่มมมม ... เข้ามาก่อนเถอะ” ดงซูบินเองก็ไม่กล้าที่จะมองฉูยวนนาน เขาเชิญให้ฉูยวนเข้ามาในบ้านก่อน

"ฮิฮิ. ฉันแวะมาเยี่ยมนะ” ฉูยวนเดินเข้ามาพร้อมกับขายาวอันเย้ายวน ก้าวที่ละก้าวของเธอเป็นเสียงของการวางส้นเท้าลงบนพื้นซึ่งมันฟังดูน่ารักมาก

แม่ของดงซูบินเดินออกจากครัว: "ฉูยวนหนูเองหรอ? วันนี้เป็นวันหยุดของหนูหรอเนี่ย”

ฮูยวนเองก็มองไปที่ครัวแล้วตอบว่า:“ค่ะ! คุณป้าลวนกำลังทำอาหารกลางวันอยู่หรอค่ะ? คุณป้าหยุดทำก่อนก็ได้นะคะ พอดีว่าหนูจะชวนคุณป้าและซูบินไปทานอาหารที่ห้องอยู่พอดีเลย”

แม่ของดงซูบินปฏิเสธทันที:“ไม่เป็นไรหรอกหนูฮูยวน ตอนนี้ป้าใกล้จะปรุงเสร็จแล้ว”

ฮูยวนเองก็คิดอยู่พักหนึ่งแล้วพูดว่า:“คือ……พอดีหนูซื้อผักและเนื้อสัตว์มา อย่างงั้นหนูจะนำทุกอย่างมาทำอาหารและเรามาทานอาหารกลางวันด้วยกันนะค่ะ!” ก่อนที่ดงซูบินและแม่ของเขาจะพูดอะไร ฉูยวนก็ได้เดินออกไปแล้วกลับมาพร้อมเนื้อสัตว์และผัก เธอยังหยิบเสื้อเชิ้ตสีขาวออกมาจากกระเป๋าแล้วถือให้กับดงซูบิน  ฉูยวนยิ้มพร้อมรอยบุ๋มลักยิ้มของเธอ:“ฉันซื้อเสื้อตัวนี้มาให้นาย ฉันไม่แน่ใจว่าเหมาะกับนายหรือป่าว อืม ... มันน่าจะดูดีสำหรับนาย รีบลองเลย หากไม่พอดี ฉันจะได้เอาไปเปลี่ยนเป็นขนาดอื่นได้”

ดงซูบินเขารู้สึกเขินมากและพูดว่า:“จริงๆแล้วเธอไม่จำเป็นต้องซื้อเสื้อให้ฉันก็ได้นะ”

ฉูยวนกะพริบตาและเอามือบีบแบบสะบัดจมูกของดงซูบินอย่างร่าเริง:“รีบๆไปเปลี่ยนมาเร็วเข้า”

ในอดีตฉูยวนจะไม่มีวันทำเช่นนี้ แต่เมื่อทั้งคู่เริ่มคุยกันดงซูบินจะหน้าแดง เมื่อเขารู้ว่าจะต้องใกล้ชิดกับผู้หญิงในฝันของเขา เขาแทบจะไม่สามารถทนความตื่นเต้นของเขาได้เลย

ดงซูบินถอดเสื้อยืดออกแล้วเปลี่ยนเป็นเสื้อเชิ้ตสีขาว

ฉูยวนยิ้มและช่วยเขาติดกระดุมเสื้อ:“อืม…เหมาะกับนายดีนะ”

ความสุภาพ ความห่วงใย และความอ่อนโยน นี่คือคำที่แสดงถึงหญิงสาวที่ชื้อฉูยวน

แม้ว่าดงซูบินจะพูดถึงเธอในฐานะของพี่สาว แต่ฉูยวนมีอายุมากกว่าเขาเพียงไม่กี่ปี เธอยังโสดอยู่ อย่างไรก็ตามเธอก็โตเป็นสาวมากแล้ว เมื่อพ่อของดงซูบินเสียไปและแม่ของเขากลับมาที่ชนบทเพื่อสอนหนังสือ ดงซูบินก็ได้ถูกทิ้งให้อยู่ตามลำพังในอพาร์ตเมนต์เช่าแห่งนี้ มันเป็นรอยยิ้มของยูบินที่ทำให้เขามีความหวัง และเธอก็พาเขาผ่านช่วงที่ลำบากที่สุดในชีวิตของเขามาได้

ฉูยวนจะแวะมาที่ห้องของเขาทุกสองสามวันเพื่อพูดคุยปลอบใจ หรือไมก็ให้กำลังใจกับเขา ดงซูบินรู้สึกขอบคุณเธอมากและค่อยๆพัฒนาความรู้สึกที่ดีกับเธอ แต่เขารู้ว่าเขาไม่ดีพอสำหรับผู้หญิงที่สวยเหมือนเธอคนนี้ เขาสามารถเก็บความรู้สึกไว้กับตัวเองและไม่ได้บอกใครเกี่ยวกับเรื่องนี้

เมื่อแม่ของดงซูบินเห็นฉูยวนช่วยลูกชายเธอสวมเสื้อ เธอก็เกิดความรู้สึกว่ามันแปลกๆ เธอรู้ว่าเมื่อเธอไม่ได้อยู่ในปักกิ่ง ฉูยวนจะรับหน้าที่ทำอาหารให้ลูกชายของเธอบางครั้ง แต่นี่เป็นเรื่องธรรมดามากในหมู่เพื่อนบ้าน การช่วยเหลือซึ่งกันและกันเป็นหน้าที่ของเพื่อนบ้าน

แต่ฉูยวนทำทุกอย่างให้ลูกชายของเธอเกิดไป และนั้นทำให้ลวนเสี่ยวผิงเองก็เริ่มรู้สึกแปลก ๆ

เป็นไปได้ไหมว่าฉูยวนเองก็ชอลลูกชายของเธอ? เป็นไปไม่ได้! ทั้งฉูยวนและลูกชายของเธอไม่มีอะไรเหมือนกัน แม้ว่าดงซูบินจะเป็นลูกชายของเธอ แต่ลวนเสี่ยวผิงต้องยอมรับว่าลูกชายของเธออาจไม่ดีพอสำหรับฉูยวน และฉูยวนจะไม่ยอมให้ใจกับลูกชายของเธอโดยไม่มีเหตุผล ลวนเสี่ยวผิงรู้ดีว่าเธอและลูกชายของเธอควรจะยืนอยู่ตรงไหน เมื่อเธอคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เธอมองไปที่ทั้งคู่อย่างสงสัย:“ฉูยวน! หนูเอาอาหารมาตั้งมากมายและยังซื้อเสื้อให้ซูบินอีก……ทำไมหนู……”

“เสี่ยวปิง! เธอไม่ได้บอกแม่ของเธอเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นเหรอ?” ฉูยวนได้ขยับเข้าใกล้ดงซู่ปิงมากขึ้นหลังจากที่ได้พูดจบ

“อ่า!” ดงซู่ปิงกลัวว่าแม่ของเขาจะเป็นกังวล ดังนั้นเขาจึงไม่ได้บอกเธอเกี่ยวกับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น

แม่ของดงซูบินที่ได้ฟังแบบนั้นก็เกิดความสงสัยขึ้นมา เธอจึงได้ถามขึ้นว่า:“เกิดอะไรขึ้น?”

ฉูยวนเธอถอนหายใจ ก่อนที่เธอจะเริ่มเล่าเรื่องออกมา:“เมื่อวานนี้! เมื่อวานนี้ที่ทางสี่แยกข้ามถนน มีชายแก่คนหนึ่งกับหนูเกือบจะถูกรถบรรทุกทับ โชคดีที่ซูบินวิ่งไปช่วยเราทั้งคู่ไว้ทัน ถ้าลูกของป้าไม่เห็นสิ่งที่เกิดขึ้น พวกเราก็คง……” น้ำตาของเธอเริ่มไหลออกมาไม่หยุด เธอไม่สามารถพูดต่อไปได้ ในช่วงที่เกิดอุบัติเหตุจิตใจของเธอว่างเปล่า เมื่อรถบรรทุกพุ่งเขามาขาของเธอขยับไม่ได้และเธอคิดว่าเธอจะต้องตายแน่นอน ฉูยวนเองก็ไม่คาดคิดว่าดงซูบินจะรีบเข้าไปช่วยเธอในสถานการณ์ที่อันตรายเช่นนี้ เธอตกใจมากกับสิ่งที่เกิดขึ้น

แม่ของดงซูบินกระโดดขึ้น:“มีอะไรแบบนี้เกิดขึ้นด้วยเหรอ?”

ฉูยวนเช็ดน้ำตาของเธอและตบหลังหัวของดงซูบิน เธอแลบลิ้นไล่ตามริมฝีปากสีแดงแล้วพูดว่า:“ซูบิน! ฉันขอบคุณนายมากสำหรับการช่วยเหลือฉันในครั้งนี้ ดังนั้นฉันอยากจะให้นายรู้ไว้ว่าต่อไปในอนาคต นายถือว่าเป็นน้องชายของฉัน และป้าลวนไม่ต้องคิดว่าหนูเป็นคนนอกนะคะ หากป้าและซูบินต้องการความช่วยเหลืออะไรในอนาคต บอกหนูได้เลย”

ดงซูบินที่ได้ฟังแบบนั้นก็รีบพูดขึ้นว่า:“ไอ้หยา! …… เธอไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้เลย”

“ทำไมฉันจะทำแบบนี้ไม่ได้?” ฉูยวนจ้องมองดงซูบินโดยตรง :“นายคิดว่าฉันไม่ดีพอที่จะเป็นพี่สาวของนายอย่างงั้นเหรอไง?”

ดงซูบินรีบโบกมือของเขาเป็นเชิงปฏิเสธทันที:“ไม่ๆ ฉันไม่ได้หมายถึงยังงั้น” ‘ทำไมเธอถึงต้องการเป็นแค่พี่สาวของฉัน แต่ไม่ต้องการเป็นภรรยาของฉันกันนะ?’ ดงซูบินบ่นในใจของเขา

แม่ของดงซูบินตระหนักถึงความร้ายแรงของอุบัติเหตุครั้งนี้ และได้เริ่มสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม เธอจับมือของฉูยวนและพูดว่า:“อ่า!…มันอันตรายจริงๆ โชคดีที่พวกเธอทุกคนสบายดี ฉูยวน! หนูช่วยฉันดูแลซูบินไม่กี่ปีนี้ เราไม่เคยปฏิบัติต่อหนูในฐานะคนนอกเลยนะ ทุกวันนี้มันเป็นเรื่องยากที่จะหาผู้หญิงที่แสนหวานและเอาใจใส่แบบหนู มันเป็นโชคดีของซูบินที่จะมีใครบางคนดูแลเหมือนคุณเป็นพี่สาวของเขา” แม่ของดงซูบินชอบฉูยวนที่อ่อนโยนคนนี้จริงๆ เธอเต็มใจที่จะเข้าไปใกล้ฉูยวนมากกว่าที่เธอจะกลับมาไปที่ชนบทในเดือนหน้า เธอจะไม่ต้องกังวลแล้วถ้ามีคนในปักกิ่งดูแลลูกชายของเธอ

ฉูยวนขยับไปทางขวาเล็กน้อย ตอนนี้เธอได้ใกล้กับดงซูบินมากขึ้น ก่อนที่เธอจะพูดออกมาว่า:“คุณแม่อย่าพูดอย่างนั้นเลยค่ะ มันต้องถือเป็นเกียรติของหนูมากกว่า” ต้นขาของเธอแตะหัวเข่าของดงซูบิน ถุงน่องสีผิวเรียบของเธอรู้สึกดีและดึงดูดมาก

ดงซูบินรู้สึกเขินอย่างมาก แต่เขาจำเป็นที่จะต้องซ่อนความเขินอายของเขาเอาไว้ก่อน เขาขยับหัวแล้วกลอกตา:“ฉูยวน! ฉันจำได้ว่าเธอแก่กว่าฉันเพียงไม่กี่ปีเท่านั้น! เธอจะหยุดเล่นหัวฉันได้รึยัง?” ถึงแม้ว่าดงซูบินจะพูดเช่นนั้น แต่เขาก็ชอบวิธีการของฉูยวนอย่างมาก

แม่ของดงซูบินและฉูยวนที่ได้ฟังแบบนั้น ก็ได้หลุดหัวเราะออกมา

หลังจากนั้นไม่นาน แม่ของดงซูบินและฉูยวนก็เข้าไปที่ครัวเพื่อทำอาหารด้วยกัน

พวกเขาทานอาหารกลางวันด้วยกันและฉูยวนเองก็ร่วมทำอาหารด้วย

ในตอนบ่าย เมื่อดงซูบินและแม่ของเขาไม่ได้สังเกตเห็น ฉูยวนเอาผ้าขี้ริ้วแล้วเริ่มเช็ดหน้าต่าง

เย็นวันนั้น ฉูยวนยืนยันที่จะล้างจานอีกครั้ง ไม่ว่าดงซูบินและแม่ของเขาจะพูดอะไร มันก็ไม่มีประโยชน์อะไร

19.30 น

ฉูยวน ล้างฟองสบู่จากมือของเธอแล้วเดินออกจากครัว:“จานทุกใบสะอาดแล้ว หนูขอตัวกลับก่อนนะคะ”

ดงซูบินเป็นห่วงว่าเธอจะเหนื่อยเกินไป:“โอเค! เธอควรรีบกลับไปนอนพัก วันนี้เธอยุ่งมาตลอดทั้งวันแล้ว”

“ปกติแล้วฉันไม่มีงานอดิเรก ซึ่งปกติฉันก็ชอบเข้าครัวทำนู้นี้นั้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ฉันชอบ….แล้วฉันจะไม่ชอบทำมันได้ยังไง” รอยยิ้มของฉูยวนก็หวานเหมือนขนม เธอถอดผ้ากันเปื้อนที่สวมอยู่แล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำ เมื่อเธอออกมาเธอถืออ่างพลาสติกที่เต็มไปด้วยเสื้อผ้าสกปรก นั่นคือเสื้อผ้าทั้งหมดของดงซูบินที่เขาสวมใส่เมื่อวาน “หลังของแม่นายไม่ค่อยจะดี และแม่ของนายไม่ควรจะต้องเหนื่อยกับเรื่องพวกนี้มากนัก ดังนั้นฉันจะช่วยซักเสื้อผ้าเหล่านี้เอง และฉันจะเอามาคืนนายในวันพรุ่งนี้หลังจากพวกมันแห้ง”

แม่ของดงซูบินกล่าวทันทีว่า“เราจะให้หนูทำสิ่งนี้ได้อย่างงันกัน? ซูบินเองสามารถซักเสื้อผ้าของตัวเองได้”

ดงซูบิน หน้าแดงและรีบไปข้างหน้าเพื่อพยายามที่จะฉกผ้าที่จะเอาไปซีกจากอ่างของเธอ:“ฉันซักมันเองได้”

ฉูยวนก็ยังคงไม่สนใจคำพูดของดงซูบิน เธอยังคงถืออ่างไว้แน่น เมื่อเธอเห็นดงซูบินปฏิเสธที่จะปล่อยมือ เธอก็หัวเราะและยกมือขึ้น เธอทำตัวเหมือนกำลังจะเข้าประทะ:“ฉันจะชกนายแน่ถ้านายยังไม่ยอมปล่อยมือออก! เร็วเข้า! ปล่อยมือจากอ่างซะ ถ้าเป็นคนอื่นนายคิดว่าฉันจะช่วยล้างซักรีดให้ยังงั้นหรอ? ฉันแค่ต้องการช่วยให้นายมีเวลามากขึ้นในการเตรียมตัวสำหรับการสอบข้าราชการของนายก็เท่านั้น” ฉูยวนคว้าอ่างอย่างแรงและกลับไปที่ห้องของเธอ

ดงซูบินรู้สึกอายอย่างบอกไม่ถูก กางเกงในและถุงเท้าของเขายังอยู่ในอ่างนั้น

แต่ถึงแม้ว่าจะรู้สึกอาย แต่ดงซูบินก็รู้สึกขอบคุณสำหรับสิ่งที่เกิดขึ้น หากเขาช้าลงเล็กน้อยในวันที่เกิดอุบัติเหตุ เขาจะไม่เห็นรอยยิ้มที่สวยงามของฉูยวนในวันนี้แน่ๆ และเขาจะต้องเผชิญกับศพที่นอนนิ่งไร้ความรู้สึก ซึ่งเขาคงจะเสียใจไปตลอดชีวิตของเขาเลย

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด