ตอนที่แล้วเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0421 [อ่านฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0423 [อ่านฟรี]

เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0422 [อ่านฟรี]


ตอนที่ 422 : หมัดไร้ผู้ต้าน

ลู่อู๋ตี้ได้ยินคนด้านล่างคนหนึ่งกล่าวคำ บอกว่าเขาไม่อาจเอาชนะผู้ฝึกตนอสูร ภายในใจขณะนี้ลอบไม่ยินดี

“เหอะ พวกเจ้าได้อันดับหนึ่งมาสองรอบแล้วยังไง? อย่างไรท้ายที่สุดก็ไม่มีปัญญาเอาชนะได้!” ผู้ฝึกตนอสูรแค่นเสียง “ดูร่างกายบอบบางอ่อนแอนั่น ข้ารู้ดีว่าพวกเจ้าได้อันดับหนึ่งรอบก่อนหน้า เพราะอาศัยเล่ห์กลเข้าช่วย หาได้พึ่งพาพละกำลังตนเองแม้เพียงนิด!”

ลู่อู๋ตี้ตอบโต้อย่างกราดเกรี้ยว “ต้องโทษที่ความสามารถของเจ้า หาได้ใช่บอกว่าเพราะเล่ห์กลไร้สาระอันใดนั่น! และรอบนี้ พวกเราก็ยังจะชนะเช่นเดิม!”

“ฮ่าฮ่าฮ่า ที่เจ้าคิดบอก คือสามารถจัดการพวกเรางั้นหรือ? อวดดีจนน่าหัวเราะยิ่งนัก หาได้รู้ขีดจำกัดตนเองไม่!” ผู้ฝึกตนอสูรลูบหมัดราวคันมือคิดอยากปลดปล่อย “หมัดของข้ายังใหญ่กว่าหัวของเจ้า ลำพังแค่เรื่องนี้จะเอาอะไรมาชนะข้าได้?”

มู่เฟิงตะโกนขึ้น “เงียบ! เมื่อระฆังดัง ให้เริ่มการต่อสู้!”

กล่าวจบ เขาจึงปล่อยหมัด สั่นระฆังซึ่งอยู่ไกลออกไป

เมื่อการประลองเริ่มขึ้น ผู้คนต่างเงียบเสียงโดยทันที สายตาพวกเขาจับจ้องที่ลานประลองอย่างตั้งใจ คิดอยากได้เห็น ว่าลู่อู๋ตี้ที่ร่างเล็ก บาง และดูอ่อนแอเช่นนั้นจะพ่ายแพ้สารรูปใด

ผู้ฝึกตนอสูรหอนเป็นเสียงหมาป่า ร่างกายฉับพลันเกิดขึ้นเป็นขนสีเทาปกคลุม สภาพขณะนี้กลับกลายเป็นมนุษย์หมาป่า ดวงตาทอแสงสีแดงสว่างวูบ กรงเล็บหมาป่าที่แหลมคมเผยออก ทั้งร่างตอนนี้มีสภาพทำให้รู้สึกถูกคุกคามเมื่อพบเห็น

ที่น่าตระหนกที่สุด ก็คือออร่าอสูรสีดำชวนขนลุกนั่น!

“เจ้าหนู ข้าจะให้เจ้าได้ประจักษ์ถึงพลังของข้า!” เสียงของผู้ฝึกตนอสูรแหบห้าวและทุ้มต่ำ ฉับพลันนี้ เขาปรากฏร่างด้านข้างลู่อู๋ตี้ กรงเล็บหมาป่าคู่นั้นพลันตวัดออก

ลู่อู๋ตี้ไม่หลบ กลับกัน เขายื่นสองฝ่ามือออกไปแทน!

สองฝ่ามือระเบิดออกเสียงดังสนั่น เกิดขึ้นเป็นคลื่นกระแทก ผลักร่างมนุษย์หมาป่าขนาดใหญ่นั้นจนถอยกลับไปหลายก้าว

ผู้ฝึกตนอสูรกลายเป็นโทสะสุมแน่น คำรามเสียงดังออกพร้อมพุ่งเข้าใส่คล้ายคลั่งไปแล้ว!

เมื่อกรงเล็บหมาป่ายื่นคว้าที่ลู่อู๋ตี้ พวกมันปลดปล่อยเสียงโหยหวนกรีดผ่านอากาศ พลังภายในอสูรแกร่งกล้าจนแทบสามารถมองเห็นได้ในอากาศ

ก็เหมือนดังก่อนหน้า ลู่อู๋ตี้รวบรวมพลังเต๋ามังกรพสุธา ผลักฝ่ามือที่ร้องคำรามดั่งมังกรออกไปคราหนึ่ง

พลังของผู้ฝึกตนอสูรและลู่อู๋ตี้ปะทะกัน ระเบิดเกิดเสียงดังสนั่น!

“เสี่ยวลู่!” ฉินหยุนตะโกนดัง

กรงเล็บผู้ฝึกตนอสูรครั้งนี้แกร่งกล้า มันทะลวงฝ่ามือโจมตีของลู่อู๋ตี้สัมผัสถึงร่างกายได้

กล่าวได้ว่าลู่อู๋ตี้ตอบสนองรวดเร็ว เขาสามารถถอยได้อย่างทันเวลา มีแต่เสื้อผ้าที่ฉีกขาด

ร่างของเขาเมื่อครู่นี้ เกือบฉีกออกจากกันแล้ว!

ผู้คนที่ได้เห็นอันตรายผ่านพ้น ล้วนถอนหายใจอยู่ภายใน หากลู่อู๋ตี้ช้ากว่านี้สักนิด หัวใจคงถูกเฉือนออกมาแล้วเป็นแน่

ฉินหยุนพอได้เห็นว่าลู่อู๋ตี้ไม่เป็นไร เขาค่อยวางใจได้มาก

ลู่อู๋ตี้ยังไหว!

ผู้ฝึกตนอสูรไม่คาดคิด ว่าลู่อู๋ตี้จะเป็นคนยากรับมือด้วยเพียงนี้ เขานึกว่าเมื่อครู่สมควรจัดการลู่อู๋ตี้ได้เสร็จสรรพแล้ว ทว่าตอนนี้ ที่ทำได้ก็เพียงฉีกกระชากเสื้อผ้าอีกฝ่าย

ราชันยุทธ์หงหยิงกล่าวคำ “ผู้ฝึกตนอสูรมีจุดแกร่งสองอย่าง หนึ่งคือร่างกายอันแกร่งกล้าและดุดัน! เมื่อฝึกฝนวิชายุทธ์ พวกเขาจะใช้วิธีการสุดกู่ดึงเอากำลังของร่างกายออกมาอย่างถึงขีดสุด”

“อย่างที่สอง ก็คือพลังภายในอสูร!”

“ในกระบวนการฝึกฝนของผู้ฝึกตนอสูร เพื่อได้รับพื้นฐานอันแกร่งกล้า บ่อยครั้งพวกเขาจะทำให้ร่างกายเกิดการบ้าคลั่ง และปะทุเอาศักยภาพภายในออกมา ยิ่งนานไป มันยิ่งเต็มไปด้วยพลังของอสูรรุนแรง!”

“วิชาอสูรที่พวกเขาฝึกฝน กล่าวได้ว่าช่วยสะกดข่มผลด้านลบของพลังภายในที่เบี่ยงเบนได้ แน่นอนว่า การฝึกฝนวิชาอสูร ก็จำเป็นต้องใช้วิธีการยากเข็ญเพื่อดึงศักยภาพออกมา ยกตัวอย่าง การกินหัวใจของมนุษย์ ดื่มเลือดมนุษย์ และกินเนื้อมนุษย์...”

เว่ยจงเจิ้งกล่าวเสริม “หรือไม่ก็ล่าสังหารผู้คนทั่วทุกหนแห่ง ใช้วิธีการฆาตกรรมเพื่อความบันเทิง และยังได้เพิ่มพูนพลังของตนเองไปด้วย!”

ผู้คนพอได้ยินดังนี้ พวกเขาล้วนตัวสั่น!

ผู้ฝึกตนอสูร นับว่าน่าหวาดกลัวอย่างแท้จริง

หลายคนขณะนี้ถึงกับสูญเสียสมาธิ เพราะเรื่องของวิธีการที่ผู้ฝึกตนอสูรใช้เพื่อสร้างรากฐานอันแกร่งกล้า มันสุดกู่จนเกินไป เพื่อให้ระดับการฝึกฝนเพิ่มพูน บางคนถึงกับยอมจมดิ่งในวิถีอสูรเช่นนี้ก็มี

ฉินหยุนกล่าวเสียงเบา “ไม่ว่าจะผู้ฝึกตนอสูรจะชั่วร้ายเพียงใด พวกเขาก็ยังแผลงฤทธิ์ที่แดนอ้างว้างได้ อสูรเหล่านี้นับว่าไร้กฎเกณฑ์ กระทั่งสำนักนอกรีตยังไม่กล้ายุ่งกับพวกเขา มีแต่จะหาทางร่วมมือด้วยกัน ในความเห็นข้า พวกมันล้วนเป็นสวะกันทั้งสิ้น!”

ลู่อู๋ตี้เริ่มทำการตอบโต้ วิญญาณยุทธ์มังกรพสุธาของเขา ให้หยิบยืมซึ่งกำลังมหาศาล ปลดปล่อยระเบิดออกซึ่งออร่าของมังกร

ที่บนลานประลองยุทธ์ ลู่อู๋ตี้คำรามร้อง ปล่อยหมัดรัวเข้าใส่ร่างของผู้ฝึกตนอสูรไม่หยุด หมัดของเขาแต่ละครั้ง จะปลดปล่อยพลังเต๋าเป็นระลอกคลื่นชวนสะพรึงราวมังกรคำราม

ที่น่าตื่นตะลึงที่สุด ก็คือเมื่อลู่อู๋ตี้ตะโกนอย่างบ้าคลั่งเช่นตอนนี้ เขาหาได้เพียงคำรามเล่น แต่เป็นการสร้างสายลมกระโชกรุนแรง นี่ถือเป็นเคล็ดวิชาหมัดระดับโลกา พวกมันขณะนี้รัวโจมตีเข้าใส่ผู้ฝึกตนอสูรไม่ยั้ง

เมื่อพลังหมัดปะทุระเบิดออก ผู้ฝึกตนอสูรไม่อาจเข้าประชิด

นอกจากนี้ หมัดดังกล่าวยังเคลื่อนไปมารวดเร็ว เพียงพริบตา กว่าสิบหมัดหรือร้อยหมัดก็ถูกปลดปล่อยออกไปแล้ว

พลังของแต่ละหมัดล้วนบ้าคลั่ง ราวกับมังกรคำรามหรือพายุหมุนโหมซัด มันปกคลุมร่างสูงของผู้ฝึกตนอสูรเอาไว้อย่างไม่อาจหลุดพ้น

ผู้ฝึกตนอสูรที่แปลงกายเป็นมนุษย์หมาป่า เพราะร่างขยายขนาดใหญ่ขึ้นเป็นกว่าสองเมตรครึ่ง เมื่ออยู่ต่อหน้าลู่อู๋ตี้ นี่เปรียบดั่งเผชิญหน้ากับยักษ์

ทว่าตอนนี้ เขาเป็นฝ่ายโดนกดดันให้ถอยกลับโดยหมัดมังกรฟ้าคำรามของลู่อู๋ตี้เสียแทน

ผู้ฝึกตนอสูรคำรามเกรี้ยวกราด เส้นขนหมาป่าขณะนี้ถูกตัดออกจากร่าง รอยหมัดประทับตามร่างกายปรากฏเห็นเด่นชัดมากมาย เหล่านี้ล้วนเป็นฝีมือของลู่อู๋ตี้!

“ปรามาสต่อข้าหรือ... เจ้าอสูร เจ้ามันก็แค่อสูรตนหนึ่ง กลับอหังการอวดดีเพียงนี้ ให้ข้าทุบตีเจ้าจนตาย...”

ดวงตาของลู่อู๋ตี้ขณะนี้แดงก่ำ หมัดของเขาแต่ละหมัดเปี่ยมด้วยกำลังมหาศาล ทั้งยังโรมรันออกต่อเนื่องไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลง

ที่ชวนสะพรึงที่สุด ก็คือความจริงที่ว่าลู่อู๋ตี้ปล่อยชุดหมัดต่อเนื่องมาเป็นเวลานานแล้ว กระนั้นความเร็วและพละกำลังของเขา หาได้ลดทอนลงแต่อย่างใดไม่ มันมีแต่จะเพิ่มมากขึ้น!

ร่างของผู้ฝึกตนอสูรขณะนี้ถูกโจมตีด้วยหมัดแกร่งกล้าของลู่อู๋ตี้ หลายครั้งเข้า เส้นขนหมาป่าตามร่างก็หลุดกระเด็นกระจายบนพื้น

“เสี่ยวลู่น่าทึ่งนัก!” ฉินหยุนอุทานร้อง

“ใช่ไหมละ!” ราชันสรรพสัตว์หัวเราะ “สำนักราชันสัตว์ของพวกเรา เชี่ยวชาญเรื่องจัดการวิญญาณยุทธ์และผู้ฝึกตนที่เป็นสัตว์อย่างมาก ต่อหน้าเสี่ยวลู่ หมาป่านั่นมีแต่จะโดนสะกดข่ม!”

ลู่อู๋ตี้ขณะนี้เพียงยังเป็นวัยรุ่นอ่อนเยาว์คนหนึ่ง ทว่าอยู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่สามแล้ว เขาย่อมต้องมีจุดแข็งในตัวเองจึงมาถึงตรงนี้ เรื่องนี้ไม่อาจปรามาสได้

ทางด้านผู้ฝึกตนอสูร อีกฝ่ายหาได้อยู่ในสายตาของลู่อู๋ตี้แต่อย่างใดไม่

ลู่อู๋ตี้เป็นคนที่โกรธง่ายอยู่แล้วด้วย ขณะนี้ยังเกิดอาการบ้าดีเดือด อีกฝ่ายที่เปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์หมาป่า ถือว่าทำพลาดมหันต์

หมัดคลั่งของเขาล้วนโจมตีไปทั่วร่างกายจนแทบไม่มีจุดใดให้เว้นพัก พลังแต่ละหมัดถูกระเบิดออกจนผู้ฝึกตนอสูรไม่อาจตอบสนองใด

แม้ผู้ฝึกตนอสูรมีโทสะ ทว่าเขาไม่อาจลงมืออันใด เขาคิดอยากทะยานกายให้พ้นจากตรงนี้ กระนั้นร่างกายขณะนี้เจ็บปวดด้วยหมัดอันมหาศาลที่โหมซัด

ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!

เสียงระเบิดดังต่อเนื่องบังเกิดขึ้นบนลานประลองยุทธ์!

หมัดของลู่อู๋ตี้ยิ่งแกร่งกล้ามากขึ้น ร่างเงาหมัดของเขากลับกลายเป็นหัวมังกร โจมตีเข้าใส่ร่างของผู้ฝึกตนอสูรด้วยประกายแสงทองม่วง ปลดปล่อยการระเบิดดังสนั่นอย่างต่อเนื่องจนท้องฟ้าแทบสะเทือน

ทั่วทั้งลานกว้างขณะนี้กลายเป็นฮือฮากันขึ้นมา

ลานประลองยุทธ์ ณ เวลานี้ยังมีแสงทองม่วงทอประกายอย่างต่อเนื่อง ทำเอาผู้รับชมได้แต่มองด้วยความตื่นตะลึง

พวกเขาขณะนี้แตกตื่นอย่างรุนแรงต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น!

ผ่านไปครู่ เรื่องราวคล้ายเงียบลงในฉับพลัน

ลู่อู๋ตี้สูดลมหายใจเข้าขณะยืนบนลานประลองยุทธ์

เวลานี้ ราวกับสายลมรุนแรงและสายฝนโหมกระหน่ำพลันหยุดลง ทุกอย่างล้วนนิ่งสงบ

ผู้ฝึกตนอสูรทอดร่างนอนกับพื้นร้องโอดโอย เขาไม่เหลือกำลังอันใดให้ต่อสู้กลับแล้ว ร่างก็กลับคืนสู่สภาพเดิม ทั้งร่างกายปูดบวม ใบหน้าบิดเบี้ยว มีแต่รอยฟกช้ำห้อเลือดเต็มทั่วร่างกาย

“ลู่อู๋ตี้ชนะ!” มู่เฟิงประกาศดัง

ลู่อู๋ตี้แค่นเสียง “ไก่อ่อนเช่นเจ้า ยังทำให้ข้าสนุกไม่ได้ด้วยซ้ำ ก็ล้มไปนอนกับพื้นเสียแล้ว! ก่อนหน้านี้เป็นเจ้าเหยียดหยันต่อข้า กับคนที่ร้องปากดีเช่นเจ้ากลับมีกำลังเพียงเท่านี้ หาได้ทำให้ข้าหวาดกลัวอันใดไม่!”

ผู้อาวุโสของผู้ฝึกตนอสูรล้วนเผยสีหน้าน่าเกลียด ทั้งยังเกิดโทสะขึ้นมา นี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่พวกเขาถูกหยามเหยียดถึงเพียงนี้

เมื่อค่ายอาคมใหญ่ปิดตัวลง พวกเขาเร่งรีบเข้ามาพาร่างของผู้ฝึกตนอสูรที่พ่ายแพ้ออกจากลานประลอง

ลู่อู๋ตี้ก็เดินลงจากลานประลองยุทธ์เช่นกัน

“เม่ยเม่ย ฟังให้ดี!” ฉินหยุนเอ่ยกระซิบ “เมื่อการประลองเริ่มขึ้น ให้ยอมรับความพ่ายแพ้โดยทันที!”

เหมาเม่ยเม่ยทราบกำลังตนเองเป็นอย่างดี ว่านางไม่มีทางเอาชนะผู้ฝึกตนสายเลือดได้

กระทั่งว่าเป็นลู่อู๋ตี้ การเอาชนะผู้ฝึกตนสายเลือดก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึง ว่านางไม่มีพลังอันดิบเถื่อนอย่างลู่อู๋ตี้

ผู้ฝึกตนสายเลือดในที่สุดก็ออกโรง อีกฝ่ายเป็นชายสวมใส่ชุดสีน้ำตาล ท่าทางแข็งแกร่งไม่ใช่น้อย

เมื่อทุกคนได้เห็นฉินหยุนส่งผู้หญิงออกมา พวกเขาจึงทราบ ว่านี่เป็นความแตกต่างอย่างยิ่งใหญ่ทางพละกำลังแล้ว ผู้ชนะต้องเป็นผู้ฝึกตนสายเลือดอย่างไม่ต้องสงสัย

มู่เฟิงสั่นระฆัง การประลองรอบที่สองเริ่มขึ้น!

“ข้ายอมแพ้!” แมวสาวร้องออก เคลื่อนหลบการโจมตีของผู้ฝึกตนสายเลือดอย่างว่องไว

หากไม่ใช่เพราะเม่ยเม่ยสามารถหลบเลี่ยงได้รวดเร็ว นางคงบาดเจ็บหนักเพราะการโจมตีแรกนี้ไปแล้ว!

ผู้ฝึกตนสายเลือดที่โจมตีด้วยฝ่ามือตรง มันเปรียบดั่งดาบคมกล้า ด้วยพละกำลังระดับชวนสะพรึง อย่างน้อยมันก็ต้องตัดร่างผู้อื่นขาดได้เป็นแน่!

ชั่วขณะนี้ เหมาเม่ยเม่ยยืนอยู่ด้านล่างเสาที่มู่เฟิงกำลังยืนอยู่

มู่เฟิงตะโกนดัง “จบการประลอง เจียงหมินเจี้ยนชนะ!”

ใบหน้าของเจียงหมินเจี้ยนเปี่ยมด้วยความไม่ยินดี เพราะเขายังไม่ได้ลงมืออันใดเป็นชิ้นอัน

ขณะนี้ ฉินหยุนและคณะได้รับหนึ่งชนะและหนึ่งแพ้ ตราบเท่าที่ชนะในศึกสุดท้าย พวกเขาจะได้รับชัยชนะอันแน่นอนมาครอบครอง

สถานการณ์ขณะนี้ถือว่าเกินกว่าที่ผู้อื่นคาดคิดไว้ พวกเขาต่างคิด ว่าผู้ฝึกตนสายเลือดจะต้องชนะสองรอบต่อเนื่องอย่างแน่นอน!

แต่ตอนนี้อาจเป็นฉินหยุน!

หลายคนต่างเริ่มคาดหวังถึงผลลัพธ์เกินคาดนี้

“พละกำลังฉินหยุนไม่อ่อนด้อย เขาฝึกฝนสองแก่นเต๋า รวมถึงพลังภายในเก้าสมบูรณ์ เช่นกัน เขายังครอบครองวิญญาณยุทธ์สั่นไหวสีดำ และยังเป็นอาจารย์จารึก!”

“น่าเสียดายนัก ที่เขาอยู่เพียงแค่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่สอง! หากเขาอยู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่สาม ข้าคงแทงว่าเขาจะชนะแล้ว!”

“ผู้ฝึกตนสายเลือดที่จะประลองกับฉินหยุน อยู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่สาม นี่มีแต่จะสะกดข่มฉินหยุนเอาไว้!”

“เรื่องนี้ยากพูดกล่าว ผลลัพธ์เป็นอย่างไรข้าไม่กล้าพูดออกอย่างมั่นใจ ฉินหยุนผู้นั้นมีหลายปัจจัยให้ต้องขบคิดถึงผลลัพธ์!”

“ผู้ฝึกตนสายเลือด เพราะพวกเขาครอบครองสายเลือดโบราณ ร่างกายของพวกเขา กำลังภายในของพวกเขา รวมถึงวิญญาณยุทธ์ ทุกอย่างล้วนเหนือล้ำกว่าพวกเราทั้งสิ้น!”

“ในที่สุดก็จะได้เห็นกับตาตนเองเสียที ว่าผู้ฝึกตนสายเลือดแข็งแกร่งเพียงใดกัน!”

ผู้คนที่รวมตัวกันที่นี้ กำลังคาดหวังถึงการประลองครั้งยิ่งใหญ่

ฉินหยุนยังคงมีอาการสงบ มองไปยังผู้ฝึกตนสายเลือดที่ก้าวเดินเข้ามา อีกฝ่ายค่อนข้างเตี้ย สวมใส่ชุดสีดำทำจากหนังสัตว์ ในการประลองเช่นนี้ เขาซึ่งออกมาเป็นคนปิดท้ายย่อมไม่มีทางอ่อนด้อยกว่าคนแรก

ใบหน้าของผู้ฝึกตนสายเลือดเผยความเฉยชาเย็นเยือก ดวงตาเปี่ยมด้วยความมั่นใจและเดียดฉันท์ ในสายตาของเขา ราวกับมีแต่ผู้ฝึกตนสายเลือดจึงสามารถเป็นคู่ต่อสู้แก่ตนเอง ผู้อื่นล้วนหาได้อยู่ในสายตาไม่!

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด