ตอนที่แล้วEP9
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปEP11

EP10


“วันนี้แผนกฉุกเฉินดูเหมือนจะไม่มีคนอยู่นะ, ใช่ไหมนางพยาบาลวัง?” แพทย์หนุ่มประจำบ้านไปหานางพยาบาลและยื่นชาดำเย็นหนึ่งขวดให้กับเธอ

“ฉันไม่ดื่มน้ำหวาน” วังเจียกล่าวและทำท่าไม่ดื่มอะไรทั้งนั้น

หมอหนุ่มประจำบ้านได้แต่ตบที่หัวของเขาแล้วพูดพร้อมกับรอยยิ้ม “โอโห้ ความจำของผมมันแย่จัง มันก็ดึกมากแล้ว ทุกคนคงเหนื่อย.”

แพทย์ประจำบ้านและพยาบาลถือว่าพวกเขาเป็นเพื่อนร่วมงานกัน ซึ่งจะแตกต่างจากแพทย์ฝึกหัด  อย่างน้อยพวกเขาก็แสดงให้เห็นรูปแบบของการดูแล มันดูไม่สุภาพเลยที่เธอให้เขารอตั้งครึ่งวันโดยไม่ให้เขามีโอกาสได้แสดงฝีมือเลย

วังเจียใช้น้ำเสียงที่นุ่มนวล “ตอนนี้ยังไม่มีงานที่ต้องทำ” เธอพูดขึ้นมา

“แผนกฉุกเฉินคงจะว่างจริงๆ” แพทย์ประจำบ้านหัวเราะ

แผนกฉุกเฉิน คือ แผนกคัดกรองเบื้องตนของโรงพยาบาท แผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลใหญ่ๆ จะโอนผู้ป่วยจำนวนมากให้กับแผนกอื่นๆในทุกๆวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ป่วยวิกฤต แผนกฉุกเฉินมักจะรักษาสัญญาณชีพและทำการรักษาเบื้องต้นก่อนที่พวกเขาจะถูกส่งเข้าไปที่ห้องผ่าตัดอย่างเร่งด่วน

ถ้าสิ่งที่แผนกฉุกเฉิดขาดไปอย่างหนึ่งคือเวลาว่าง นั้นเป็นเหตุผลหนึ่งที่หมอประจำแผนกจะมีโอกาสได้ผ่าตัด

วังเจียงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่เธอไม่ได้บอกอะไรเกี่ยวกับที่ห้องรักษา เธอเพียงพูดว่า “วันนี้มีผู้ป่วยอาการพิเศษนิดหน่อย”

แพทย์ประจำบ้านอื่นเข้ามาพร้อมกับวางแขนลงบนไหล่ของหมอประจำบ้านแล้วพูดว่า “พวกเราไม่กลัวอะไรที่พิเศษแบบนั้น พวกเรารักษาได้ทุกอย่าง จริงไหมหมอวู่”

หมอวู่ พยักหน้าจริงจัง

“ผมเคยห็นลูกปิงปองติดอยู่บนหัวมาแล้ว และผมเห็นเคยลูกปิงปองติดออยู่ด้านล่างตรงนั้นด้วย และผมเห็นลูกบอลอยู่ทั้งด้านหน้าและด้านหลังไม่ว่ามันคืออะไร พวกเราก็จัดการได้ทั้งหมด”

พยาบาลวังเองก็เป็นพยาบาลมาหลายปี เธอจึงไม่ได้ขำกับมุขตลกของหมอประจำแผนกทั้งสองคน เธอยังคงหน้าตายแล้วพูดว่า  “เอาล่ะ , หมอวู่กับหมอหลิง ตามฉันมา”

พยาบาลมักจะใจดี แม้ว่าคำพูดของพวกเขาบางครั้งจะดูรุนแรงไปบ้าง แม้จะเห็นว่าเธอชอบพูดถากถางแต่มันก็เป็นธรรมชาติของเธอ เธอก็ยังให้โอกาสหมออประจำบ้านคนอื่น อย่างไรก็ตามการตัดสิ้นใจขั้นสุดท้ายจะขึ้นอยู่กับหัวหน้าแพทย์และผู้อำนวยการของแผนก

จากออฟฟิศ ห่างออกไปไม่กี่เมตร ,แพทย์ฝึกหัดมองออกไปกับด้วยแววตาที่กระตือรือร้น พวกเขาไม่เคยโดนดูถูกจากงานที่พวกเขาทำ

หมอหวูกับหมอหลิง ติดตามวังเจียด้วยความตื่นเต้น และเดินเขาไปในห้องรักษาด้วยขั้นตอนที่รวดเร็ว เมื่อพวกเขาก้าวผ่านข้ามประตู พวกเขารู้สึกได้ถึงความร้อนที่คุ้นเคย

หมอ พยาบาล ผู้ป่วย และครอบครัวผู้ป่วยที่เดินไปเดินมาอยู่ในห้องผู้ป่วยเล็กๆ เพียงแค่หายใจเข้าลึกๆและเกิดอารมณ์ฉุนเฉียวขึ้น

แต่อย่างไร หมอหวูและหมอหลิงก็ยังคงไม่สบายใจ แต่ความกระตือรือร้นขอองพวกเขาบังคับสถานการณ์ปัจจุบันที่อยู่ในแง่ลบให้หายไป พวกเขาสนุกกับการได้รับโอกาสที่จะรักษาไม่ว่าจะเป็น ปิงปอง กอล์ฟ วอลเลย์บอลพวกเข้ามีหน้าที่รับผิดชอบในการรักษาผู้ป่วยทั้งหมด

“หมอโจว! ผู้ป่วยกำลังรอเย็บแผลอยู่ใช่ไหม? คุณต้องการให้เราช่วยไหม?”

หมออู๋หันหน้าไปพบใบหน้าที่คุ้นเคยก่อนที่หันไปหาผู้ชายที่มีรอยสักเต็มร่างกายนั่งอยู่บนเตียงผู้ป่วย ดวงตาของเขาดูเป็นประกายและเต็มไปด้วยความทะเยอทะยาน เขาคือพวกเด็กเกเรและผู้ชายเหล่านี้ยังดูหนุ่มออยู่เลย

ในช่วงเกือบสองเดือนที่ผ่านมาเกิดคำถามมากมายขึ้น แผนกฉุกเฉินถูกตั้งคำถามในเรื่องสรรถะของแผนก โดยหมออู๋รู้ว่า หมอที่ทำงานนี้รู้สึกอย่างไร กับเรื่องความไม่ลงลอยกันของผู้อำนวยการกับรองผู้อำนวยที่ดูเหมือนว่าจะได้ไม่ได้การแก้ไขใดๆเลย

ในบรรดาศัลยแพทย์ทั้งหมด หมอโจวดูอาวุโสและใจกว้างที่สุด ในการที่มอบโอกาสให้ แน่นอนนี้อาจหมายถึงว่าถึงเขาจะมีหน้าตาที่ดูน่ากลัว แต่เขาดูเป็นมิตรและไม่ถือตัว

หมอโจวได้ทำการเล็มไปที่แผลอย่างช้าๆของชายที่มีรอยสัก หมอโจวพูดว่า “ต้องดำเนินการเย็บแผล? แต่ฉันไม่มีอำนาจ”

“ฮึ? มันไม่ใช้หน้าที่ของคุณหรอครับ” หมอหวู มองไปรอบๆแบบซอกแซก

แผนกฉุกเฉินนั้นถูกแบ่งตามความแตกต่างของพื้นที่ และอาจอำนาจตามเตียงของผู้ป่วย แพทย์ศัลยกรรมที่เข้ามา หรือแพทย์ประจำแผนกจะต้องรับผิดชอบพื้นที่ของตนเองเท่านั้น ซึ่งมีอยู่ไม่กี่สิบเตียงหรอกเพื่อให้มั่นในใจได้ว่าจำนวนคนไข้ที่ดูแลมันเหมาะสมกับแพทย์ โดยจะได้รับมอบหมายในการดูแลจากตามเขตอำนาจของแพทย์สภา

ซึ่งเกี่ยวกับผู้อำนวยการและผู้อำนวยการจัดการความเจ็บป่วยเท่านั้น  ศัลยแพทย์และแพทย์ประจำแผนกมักเป็นคนที่ให้ความสนใจเป็นประจำกับเรื่องที่มีความสำคัญเล็กน้อย

ขึ้นอยู่ว่าอะไรที่หมอหวูและคนอื่นสามารถจดจำได้  เตียงสองสามตัวแรกเป็นของหมอโจว

หมอโจว พูดอย่างเมินเฉย “คนเหล่านั้นร้องขอให้เป็นหมอหลิง”

“หมอหลิงคือคนไหน?”

มันเป็นเป็นชื่อที่ไม่คุ้นเลย หมอหวูไม่สามารถที่จะช่วยได้แต่มองไปรอบๆ

“ตรงนั้น” หมอโจวชี้ในฐานะผู้มีอาจที่สุดในแผนก เขาจะไม่รับผิดชอบในการแนะนำนอกเหนือจากอำนาจของเขา

หมอหวูมองไปตามที่ผู้อำนวยการโจวชี้ และเห็นหลิงรันนั่งอยู่ที่ห้องตรวจ

“นั้นเขาเป็นนักศึกษาแพทน์ใช่ไหม?” หมอหวู มีการอาการช๊อกเขาอ้าปากค้าง

หมอโจวตกใจในทันที เขาถามว่า “คุณรู้จักเขาหรอ?”

“เขามาที่นี้กับแพทย์ฝึกหัดคนอื่นๆเมื่อเช้านี้”

“สายตาของคุณอาจมีปัญหา” หมอโจวไม่สามารถช่วยอะไรได้ แต่กับหัวเราะ

คุณสามารถปลอมเอกสาร คุณสามารถบอกแนวทางบางอย่างได้ แต่ไม่สามารถปลอมทักษะทางการแพทย์ได้อย่างแน่นอน

ทักษะของหลิงรันนั้นมันเหนือคำบรรยาย ถ้าหมอโจวใส่ผิวหนังทั้งหมดที่หลิงรันเย็บเข้าไปในบรรทัดเดียวเขาอาจจะวนรอบโลกและบุกไต้หวันอีกครั้งในนามของชาวดัตช์ เขาจะทำมันได้อย่างไร

หมอหวูยังงง แต่ก็ยังเกี่ยวกับการฝึกฝนฝีมือของเขาเป็นหลัก เขาปัดฝุ่นเรื่องนั้น พร้อมกับหัวเราะและพูดว่า “ฉันเห็นว่ามีคนไข้รออยู่ไม่กี่คน ทำไมเราไม่ไปช่วยพวกเขาก่อนล่ะ”

ข้างๆเขาหมอลี่เองก็พยักหน้ยาอย่างรวดเร็ว

หมอโจวหัวเราะและกล่าวว่า “ก่อนที่จะไปรักษา คุณควรขออนุญาตจากผู้ป่วยก่อนนะ”

“ผู้ป่วยสามารถเลือกหมอในแผนกฉุกเฉินได้ด้วยเหรอ?” หมออู๋กระพริบตาด้วยความประหลาดใจ

หมอโจวหยักหน้าของเขา เขาทำอะไรไม่ถูกและกล่าวว่า “พวกเขาต้องการที่จะเลือก ทำยังไงได้”

หมอหวูพูดไม่ออก หมอลี่หมอประจำแผนกมาพร้อมกับหมอประจำแผนกอีกคน เขาเดินเข้าไปที่คนมีรอยสักยูนิคอร์นบนแขน และถามด้วยรอยยิ้ม “เจ็บหรือเปล่า??” “มานั่งตรงนี้ เดียวฉันจะทำแผลให้คุณ”

แต่คนที่มีรอยสักยูนิคอรน์เหลือบมองไปที่หมอประจำบ้านอย่างหมอลี่อย่างเหยียดยันและกล่าวว่า “ผมกำลังรอหมอหลิงอยู่”

“แผลของคุณเป็นเพียงแผลเล็กๆ ใครทำก็เหมือกัน” หมอลี่ตั้งใจดูแลคนป่วยมากกว่าเดิม เพราะมันหมายความเขามีโอกาสที่จะได้ฝึกเย็บแผล

ชายที่มีรอยสักยูนิคอน์ดตะโกนและพูดว่า "อย่าพยายามทำลายรอยสักของฉันเด็ดขาด”

“ครั้งที่แล้วฉันได้ไปแผนกฉุกเฉินของหยุนฮวยมา นายเห็นกวางตัวผู้นี้ไหม? บนแขนของฉัน?”

"นี่คือยองใช่มั้ย" หมอลี่เบิกตากว้างแล้วก็ไตร่ตรองอย่างลึกซึ้ง ในขณะที่เขาจ้องหัวกวางตัวหนึ่งที่แทงด้วยเขา 'ดังนั้นนักสักในปัจจุบันไม่ดูเหมือนกวางอีกต่อไป?'

ผู้ชายอีกคนหนึ่งที่สักยูนิคอร์ตะโกนอย่างไม่พอใจว่า "เขาของมันได้เอียงไปด้านหนึ่ง เพราะหมองี่เง่าบางคนเย็บมันผิด ฉันไม่มีทางเลือกนอกจากจะดัดแปลงเป็นยูนิคอร์น ฉันจะทำยังไงถ้ามันเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นอีกครั้ง "

"นายก็แค่เปลี่ยนให้มันเป็นหัวม้าก็ได้นิ" ชายที่มีรอยสักข้างๆเขาหัวเราะดัง "ฮ่า ๆ ๆ ๆ!"

"แต่คนที่มองมันก็อาจจะเข้าใจผิดได้ง่ายว่ามันเป็นหัวลา"

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นหัวข้อที่คุ้นเคยในหมู่พวกเขา ช่วงเวลาที่พูดถึงเรื่องนี้ทุกคนจะเริ่มหัวเราะอย่างหนักจนพวก

"ไข่เสือแตก, ขามังกรเป๋ และไม้อรหันต์ ทำไมพวกนายถึงมีสิทธมาหัวเราะฉันได้"

ผู้ชายที่มีรอยสักยูนิคอร์นยกแขนขึ้น ยูนิคอร์น b.l.o.o.d.y ดูน่ารัก <3>

แพทย์ประจำบ้านหวู เองก็พยายามกลั้นเสียงหัวเราะไว้ เขาเห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติอย่างมากกับชายที่มีรอยสักรูปเสือ ไข่ที่อยู่หว่างขาของมันแปลกๆไป

ปัญหาเกี่ยวกับรอยสักของขามังกรนั้นไม่ชัดเจน เขาต้องมองให้ชัดเจนเพื่อดูว่าเมฆใต้ท้องมังกรถูกดัดแปลงจากกรงเล็บ

หมอประจำบ้านหวูไม่เข้าใจรอยสักของไม้อรหันต์มากนัก เนื่องจากแพทย์ทุกคนชอบแก้ไขปัญหาหมอประจำบ้านหวูจึงคิดหนักเกี่ยวกับเรื่องนี้

ชายที่มีรอยสักไม้อรหันต์เริ่มหงุดหงิดมากขึ้น เมื่อหมอหวูจ้องที่เขา เขาพูดว่า "สิ่งที่ฉันทำรอยสักก่อนหน้านี้คือ พระอรหันต์แปดองค์ หมอคิดว่ามันงี่เง่าหรือไม่?"

หมอวูตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง โชคดีที่เขาจัดการกับเสียงหัวเราะของเขา

"พวกคุณทุกคนมีบาดแผลที่รอยสักของคุณ นั้นถือว่ามันเป็นโชคร้าย แต่ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้" หมอหวูซ่อนรอยยิ้มและพยายามอธิบาย "บาดแผลของคุณอาจมีขนาดค่อนข้างใหญ่ และเนื้อเยื่อกล้ามเนื้อของคุณก็มีแนวโน้มที่จะพื้นกลับมาได้

"หมอแค่ยอมรับว่าไม่สามารถเย็บแผลพวกฉันได้ ทำไมหมอถึงพยายามหาข้อแก้ตัวแบบนี้?" อันธพาลทุกคนหมดความอดทนที่จะฟัง

หมอหวูพูดอย่างเคร่งขรึมว่า "ไม่ใช่ว่าฉันไม่รู้วิธีเย็บ มันเกี่ยวกับแผลของพวกคุณนั้นมันเลอะและขรุขระมาก ดังนั้นหมอจึงไม่สามารถทำอะไรกับมันได้มากนัก"

"ถ้าอย่างนั้นทำไมหมอคนนั้นถึงสามารถทำได้?"

ชายยูนิคอร์นกลายเป็นไม่พอใจมากขึ้นเมื่อเขาได้ยินแบบนั้น เพราะเขาคุ้นเคยกับรอยสักยูนิคอร์นนี้แล้ว – อีกอย่างผู้หญิงก็ชอบมัน เขาไม่ต้องการให้มันกลายเป็นหัวม้าหรือหัวของลา

หมอหวูพ่ายแพ้ต่อเหตุผลของอีกฝ่าย หลังจากคิดสักครู่เขาก็พูดอย่างเงียบ ๆ ว่า“การถูกตัดเปิดด้วยมีดแมเชเทไม่เหมือนการถูกตัดเปิดด้วยใบมีดผ่าตัด แม้แต่ศัลยแพทย์ที่เก่งที่สุดก็ไม่สามารถซ่อนรอยแผลเป็นเหล่านั้นได้”

ทันใดนั้นชายผู้ยูนิคอร์นหัวเราะและพูดว่า "หมอเกือบจะทำให้ฉันเชื่อได้แล้ว ถ้าไม่ใช้เพราะว่าฉันรู้มาก่อนว่าหมอหลินนั้นสามารถเย็บแผลที่เกิดบนรอยซักได้ "

ในขณะที่เขาพูดอยู่นั้น คนที่ได้รับบาดเจ็บอีกคนก็เห็นด้วยและยอมรับว่าหมอหลิงนั้นมีทักษะสูงกว่าหมอหวู

หลังจากทศวรรษของการศึกษา, การจัดอันดับอย่างเป็นทางการของเขานั้นอยู่ในอันดับที่ 5,000 อันดับแรกของจังหวัดของเขา สำหรับการสอบเข้าวิทยาลัยของเขาก่อนที่เขาจะได้ใบรับลองนั้นอยู่อันดับที่ 985

จากนั้นเขาก็ได้เรียนอย่างหนักเป็นเวลาห้าปีในโปรแกรมระดับสูงกว่าระดับปริญญาตรี และยังมีแพทย์อาวุโสให้คำปรึกษากับเขาเป็นเวลาถึงสี่ปี ก่อนที่เขาจะได้รับตำแหน่งในโรงพยาบาลหยุนหัว ซึ่งเป็นโรงพยาบาลที่มีชื่อเสียงที่สุดในจังหวัด

เขาออกจากบ้านมาตั้งแต่เช้าและกลับถึงบ้านในตอนดึกทุกวัน ก่อนที่เขาจะเริ่มเพื่อศึกษาต่อทันที จนในที่สุดเขาก็พร้อมที่จะเริ่มทำงานได้...

แต่ตอนนี้เขากับถูกดูถูกโดยชายที่มีรอยสักสองสามคนที่อ้างว่าเขาไม่มีทักษะเพียงพอ

หมอหวูตะโกนอย่างแผ่วเบาออกมาก่อนที่เขาลุกขึ้น และเดินไปที่ห้องเล็กๆที่หมอหลิงอยู่

หมอประจำแผนกหวูก็พึมพำในใจในขณะที่เขาเดิน 'การเย็บมันก็แค่การเย็บแผลไม่ใช้เหรอ? มันจะมีอะไรที่แตกต่างจากปกติกัน? '

หลังจากนั้นเขาก็เห็นหลิงรันในที่ทำงาน

เรียบง่าย? นี่ไม่ใช่กรณีของหลิงรันเลย แม้แต่คนธรรมดาก็สามารถบอกได้ว่าเขามีทักษะยังไง มันธรรมดาและเรียบง่าย

ครู่หนึ่ง หมอหวูต้องกาพูดเยาะเย้ยออกมา

ในขณะที่เขาดูรอยสักนกอินทรีหัวขาดที่หลังของผู้ป่วยกลับคืนสู่สภาพปกติ ก่อนที่เขาจะพบว่าตัวเองไม่สามารถพูดออกมาได้อย่างแท้จริง

การเคลื่อนไหวของหลิงรันตั้งแต่การสอดเข็มจนถึงการทำให้เป็นนอตไม่เพียงแค่เป็นไปตามมาตรฐานเท่านั้น ทั้งหมดทำบนพื้นฐานในการระมัดระวังและการคำนวณอย่างแม่นยำ ไม่มีหมอคนไหนที่จะสามารถต่อหัวนกอินทรีที่หัวขาดได้อีก

แม้กระนั้นแพทย์ทั่วไปก็ไม่ได้กังวลกับรอยสักของผู้ป่วย แพทย์มีหน้าที่เพื่อรักษาและรักษาผู้ป่วยเท่านั้น พวกเขาไม่ใช่ศิลปินรอยสักอะไร

พวกเขาค่อนข้างจะใช้ทักษะทางการแพทย์ที่ละเอียดอ่อนในสิ่งที่อยู่ใต้ผิวหนังของผู้ป่วย ไม่ใช่บนผิวหนังของผู้ป่วย แน่นอนแพทย์ส่วนใหญ่ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านการเย็บแผล

ความเก่งของหมอส่วนใหญ่ก็มีจำกัดเช่นกัน แน่นอนแพทย์ประจำบ้านไม่รวมอยู่ในประเภทนั้น

เมื่อเขานึกถึงสิ่งนี้ หมอหวูจู่ๆก็อยากจะร้องไห้ออกมา

จากนั้นหมอหวูก็รวบรวมอารมณ์ของเขาขจัดแรงกระตุ้นของเขาฟาดฟันศักดิ์ศรีของเขาออกไป และเดินไปข้างหลังหลิงรันด้วยความไร้ยางอายของแพทย์ประจำบ้าน เขาได้พูดยกย่องหลิงรัน ด้วยน้ำเสียงที่น่ายินดี “คุณหมอหลิง คุณเย็บแผลได้ดีมาก! คุณมีวิธีฝึกฝนอย่างไร?”

นี่คือความบริสุทธิ์ของวิญญาณแห่งการเรียนรู้ของหมอประจำแผนก

หลิงรัน— ทำการเย็บผู้ป่วยรายที่สิบไปแล้ว - รอคอยผลของ EXP เมื่อภารกิจเสร็จสิ้น คำตอบหลุดออกมาจากลิ้นของเขาทันทีที่เขาถูกถามคำถามนี้

"แพคเกจของขวัญมือใหม่มอบให้ฉัน"

หมอหวู ตื่นตกใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะหัวเราะ. “หมอลิง คุณก็ชอบพูดเรื่องตลกเหมือนกัน เราได้พบกันในห้องรอก่อนหน้านี้จำได้ไหม? ฉันอยากรู้ว่าคุณได้ไปฝึกการเย็บแผลพวกนี้มากจากไหน? คุณพอบอกฉันได้ไหม?”

"หยุดรบกวนฉันได้แล้ว ตอนนี้ฉันต้องการสมาธิ" เสียงของหลิงรันนั้นเริ่มเย็นและแข็ง เขาต้องให้ความสนใจอย่างเต็มที่กับการเย็บแผลนี้

หมอประจำแผนกหวูไม่มีเวลามาสนใจน้ำเสียงของหลิงรัน คำว่า 'ฝึกงาน' ได้ทำให้เขาตะลึงอย่างสมบูรณ์แล้ว หมอประจำแผนกหวูกระพริบตาสองสามครั้งแล้วตบต้นขาของเขาทันที "ฉันรู้มัน! ฉันรู้ว่ามัน ... "

แพทย์ฝึกหัดเป็นนักศึกษาแพทย์ที่ยังไม่สำเร็จการศึกษาและมักต้องพูดถึงแพทย์ประจำบ้านในฐานะอาจารย์

'แต่! แต่…ชายคนนี้เย็บแผลได้ดี ... '

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด