ตอนที่แล้วEP 75
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปEP 76.2

EP 76.1


By loop

คลินิคตระกรูหลิง เปิดให้บริการเวลาตั้งแต่เก้าโมงเช้าในการให้บริการ

คนที่เร็วที่สุดที่จะมาที่คลินิกก็คือผู้ป่วยทั่วไปของคลินิกโดยเฉพาะผู้สูงอายุที่มารับการฉีด Xuesaitong [1] หรือรับ Red Sage [2] พวกเขาจะไปคลินิคหลังจากทานข้าวเช้าเสร็จเพื่อไปลงทะเบียนก่อนโดยไม่ต้องเร่งรีบ

ฮวนซี๋พยาบาลดีเด่นประจำคลินิค ใช้มือซ้ายน้ำราวห้าสิบห้าปอนด์ของเธอเพื่อตบแขนของผู้ป่วยสูงอายุอย่างชำนาณ จากนั้นเธอใช้มือขวาของเธอซึ่งชั่งน้ำหนักแล้วประมาณหกสิบเอ็ดปอนด์เพื่อสอดเข็มเข้าไปในเส้นเลือดของผู้ป่วย หลังจากนั้นไม่นานเธอก็ช่วยชายชราสอดเข็มเพื่อทำการเจาะเลือดของเขาและเธอมักใช้แรงและจังหวะในการเจาะเลือดผู้ป่วยที่เหมาะสมและเป็นมืออาชีพ จากนั้นเธอก็เผยรอยยิ้มออกมา กระบวนการทั้งหมดเป็นไปอย่างราบรื่นมาก

ผู้ป่วยปกติจะเข้ารับการเจาะเลือดเป็นระยะ ซึ่งพวกเขาต้องเข้ามาที่คลินิคอยู่บ่อยครั้งงซึ่งฮวนซีก็จะรู้ว่าจะใส่เข็มได้ที่ไหนซึ่งส่วนใหญ่บริเวณเส้นเลือดที่เปราะบางจะอยู่ตรงที่หลังมือของผู้ป่วย

ประมาณครึ่งชั่วโมงผู้ป่วยทั้วไปก็จะมาประมาณเจ็ดถึงแปดคนนั่งอยู่ที่บริเวณรับรองกลางคลินิค

เวลาที่ผู้สูงอายุที่ต้องได้รับการเจาะเลือดจะต้องใช้เวลานานในการดำนเนิการดังกล่าว พวกเขาหลายคนจะวางแผนเวลาของในการมาที่คลินิกเพื่อที่พวกเขาจะได้ออกทานอาหารกลางวันพอดีเมื่อเสร็จแล้ว พวกเขาจะเลือกมุมที่นอนที่พวกเขาคิดว่าสามารถเห็นวิวภายนอกได้หรือจุดประจำของพวกเขา บางคนอาจมองท้องฟ้าบางคนพูดคุยกันเองขณะที่บางคนอ่านหนังสือ และคนที่อ่านหนังสือมักจะเป็นคนแรกที่ง่วง ...

หมอจียงได้กรอกแบบฟอร์มทั้งหมดที่จำเป็นที่ต้องกรอกแล้ว เขานั่งด้านหลังโต๊ะสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ ที่ประตูหน้าห้องกลางและเปิดหนังสือพิมพ์ก่อนที่เขาจะเริ่มอ่านอย่างจริงจัง บางครั้งผู้ป่วยจะเข้ามาถามเขา ซึ่งเขาก็ตอบกลับไปแต่ดวงตาของเขาไม่เคยทิ้งหนังสือพิมพ์เลย

ความจริงที่คืออาการของผู้ป่วยทั้วไปที่มานั้นจะเป็นโรคที่เรื้อรัง โดยคำถามที่พวกเขาถามอยู่เสมอไม่ใช่เรื่องใหม่เท่าไรนัก เมื่อ หมอจียงตอบคำถามของพวกเขาเ ขาไม่จำเป็นต้องคิด

ส่วนใหญ่เมื่อผู้ป่วยมีโอกาสถามหมอจียงก็มักจะตอบคำถามด้วยถ้อยคำเดิมว่า "ลองไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลดู"

แน่นอนเขาจะให้คำแนะนำเกี่ยวกับแผนกที่ผู้ป่วยควรไปเช่นเดียวกัน มันคือการปฏิบัติทั่วไปสำหรับหมอทั้งในและต่างประเทศ

* หวิงๆๆๆ* * * *

เสียงระฆังที่สะท้อนแสงเหมือนคลิสตันสะท้อนออกมาจากในซอย

หมอโจว ผู้อยู่ที่ชั้นหนึ่งกำลังดื่มชา เขายิ้มทันทีและพูดว่า "รถตู้กวางทองคำกำลังจะมา"

"นั่นคือรถพยาบาลของบริษัทกวางทองคำหรอ?" หลิงรันรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยและถาม

หลิงโจวเริ่มหัวเราะ "ไม่แน่นั่นอาจคือจักรยานของหมอแม้วก็ได้ เขามันจะมาในเวลานี้เสมอหลังจากขี่ผ่านรถติดมา"

หลังจากที่เขาพูดคลุมเครือหลิงโจวเริ่มพูด ขณะที่เขานับด้วยนิ้วมือของเขา "รถพยาบาลกวางทองคำจะส่งผู้ป่วยกลุ่มแรกในเวลาประมาณสิบโมงเช้าทุกวัน และเดียวหมอแม้วจะ โทรหาก่อนที่เขาจะมาถึงถ้าบริษัทกวางทองคำส่งผู้คนไปให้คุณหมอแม้วจะแจ้งให้ทางคลินิกของเราทราบเร็วกว่านี้มิฉะนั้นเขาจะรอจนกว่าจะถึงเวลาเที่ยงหรือบ่ายก่อนที่เขาจะมาที่นี่ "

หลิงโจวคร่ำครวญว่า "ชีวิตของหมอแม้วเป็นเรื่องลำบากเขาต้องทำงานล่วงเวลาที่แผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลหยุนหัว ในเวลากลางคืนแบะเขาก็ต้องมาทำงานนอกเวลาในคลินิกของเราเขามักขี่จักรยานไปมาและเขาก็ยอมรับค่าจ้างแค่งสองร้อยหยวนหลังจากที่พ่ออนุญาตให้เขามีชั่วโมงการทำงานที่ยืดหยุ่น "

"หมอแม้วไม่ได้มาทำงานอย่างเป็นทางการใช่มั้ย"

"มีข่าวลือว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นกับเขา ดังนั้นตอนนี้เขาสามารถทำงานนอกเวลาได้ที่นี่ตอนนี้เท่านั้น" หลิงโจวหัวเราะเบา ๆ แล้วพูดว่า "คุณหมอแม้วใช้การเย็บแผลที่ดูดซับได้ดีและเขาเก่งในการพูดคุย จีงสามารถหาเงินในช่วงเวลานี้ได้ซึ่งมันน่าเสียดายที่หมอหนุ่มอย่างลูกก็ควนอยู่ที่นี้ด้วย ลูกจึงชไม่ได้ทำงานกับเขาไม่งั้นพ่อจะคุยกับหมอแม้ว และให้ลูกแบ่งเงินเดือนครึ่งหนึ่งให้จากนั้นพ่อจะให้เขา 120 หยวน … "

หมอโจวพูดในขณะที่เขาจ้องมองไปที่หลิงรันด้วยหางตา

หลิงรัน ไม่ได้คิดอะไรเพราะอย่างไรเถ้าเขาต้องการเงินเขาก็สามารถขอได้จากแม่ของเขา เขาไม่จำเป็นต้องทำงานให้พ่อของเขาอยู่แล้ว

หลังจากที่เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งหลิงรันพูดว่า "ผมสามารถช่วยในการตรวจร่างกาย"

หลิงรันได้วางแผนที่จะไปโรงพยาบาลในตอนเช้าเพื่อทำการตรวจร่างกายผู้ป่วยในวอร์ดแต่วันนี้ทางโรงพยาบาลให้เขาสามารถพักผ่อนอยู่บ้านได้เป็นกรณีพิเศษ เขาจึงคิดว่าวันนี้น่าจะอยู่ช่วยที่คลินิคของเขาจะดีกว่า

โรงพยาบาลมี หมอลู่และแพทย์ประจำบ้านคนอื่น ๆอยู่แล้วในการทำงานรอบวอร์ด โรงพยาบาลจะไม่เรียกหลิงรันงหากไม่มีเรื่องเร่งด่วน นอกเหนือจากข้อเท็จจริงที่ว่าเขายังคงต้องปฏิบัติหน้าที่หลิงรันก็ยังจัดอยู่กับแพทย์สายสองอยู่ดี

หลิงโจวเบิกตาของเขาเมื่อเขาได้ยิน "การตรวจร่างกาย" ดังนั้นเขาจึงถามว่า “ลูกเรียนรู้เทคนิคมาจากเซลล์คนนั้นบ้างไหม”

ในขณะที่เธอชงชามือของเต่าปิงก็สั่นขึ้นมา เธอมองลูกชายของเธอด้วยความตกใจ

หลิงรัน ถามว่า "เทคนิคอะไร"

แน่นอนว่าเทคนิคในการให้ใบสั่งยาลูกต้องทำการตรวจร่างกายก่อนแล้วจึงสั่งยาจำนวนมากให้กับผู้ป่วยหลังจากนั้นเขาสอนวิธีพวกนั้นให้ไหม? ตาของหลิงโจวเปล่งประกายยิ่งขึ้นมื่อขาพูดมากจบ เขาอยากจะเปลี่ยนเป็นแคชเชียร์ให้เหมือนกับโรงพยาบาลขนาดใหญ่

หลิงรันส่ายหัวของเขาต่อมาเขาลุกขึ้นยืนแล้วพูดว่า "ผมเพิ่งรู้วิธีการตรวจร่างกายตอนนี้ผมยังสั่งยาให้ผู้ไม่ได้หรกอเพราะยังทำไม่เป็น"

“ผมไม่สามารถเรียกเก็บเงินจากผู้ป่วยสำหรับการตรวจร่างกายผู้ป่วยในปัจจุบันคงจะคิดว่าจะต้องได้รับอะไรบางอย่างหลังจากที่พวกเขาชำระเงินถ้าคุณได้รับเงินและไม่ให้อะไรพวกเขาพวกเขาจะรู้สึกราวกับว่าพวกเขาเสียเงินเปล่า” หลิงโจว ฟังดูเหมือนว่าลูกของเขากำลังให้คำแนะนำอย่างจริงจังด้วยความตั้งใจดี เขาพูดต่อ "ตอนนี้ธุรกิจของเราจำเป็นจะต้องมีลูกค้าที่อยู่ในละแวกนี้ซึ่งเราก็ไม่ควนโลภมากเกินไป"

“มันทำให้ผมคิดว่าไม่ควรเก็บเงินค่าตรวจร่างกายซึ่งมันเป็นสิ่งที่เหมาะสมแล้ว” หลิงรันเดินลงไปด้านล่างหลังจากเขาพูดจบ

หลิงโจว รีบตามเขาไปขณะที่เขาพูดด้วยความโมโหต่อไป "ถ้าลูกไม่คิดค่าใช้จ่ายพวกเราควรทำอย่างไรถ้าทุกคนมาที่นี่เพื่อตรวจร่างกายทุกวันถ้าเราปฏิเสธที่จะตรวจร่างกายสำหรับพวกเขา พวกเขาจะไม่พอใจ และขถ้าผลการตรวจร่างกายออกมา ปัญหาต่อไปติพวกเขาจะไม่เชื่อลูกเช่นกัน เพราพวกเขาจะคิดว่าลูกแค่พยายามขายยาให้พวกเขา ... "

"พ่อต้องการให้ผมเขียนใบสั่งยาตอนนี้"

"นั่นคือเหตุผล ... สิ่งที่สำคัญที่สุดระหว่างแพทย์และผู้ป่วยคือการสร้างความสัมพันธ์บนพื้นฐานของความไว้วางใจเพียงดูที่คลินิกของเรา มีผู้ป่วยจำนวนมากที่มาที่คลินิกของเราไม่เคยถามเกี่ยวกับราคาของยาที่กำหนดไว้เลนย และรู้ว่าพ่อคงไม่ได้ประโยชน์อะไรจากพวกเขาเมื่อพูดถึงเรื่องเงิน…โอ้หมอแม้วมาถึงแล้ว.. อนุญาตให้ฉันแนะนำลูกชายของฉัน เขาชื่อหลิงรันเขาเป็นนักเรียนจาก สถาบันทางกานรแพทย์หยุนหวั และ กำลังฝึกงานในโรงพยาบาลหยุนหัว "

หลิงโจว ลากตัวของหลิงรันขึ้นเพื่อไปหา หมอแม้ ที่เพิ่งเข้ามาทางประตูหน้า

คุณหมอแม้วอายุประมาณสี่สิบปี เขามีตาปลาและจมูก [3] เขาดูค่อนข้างประหลาด เขาสวมเสื้อคลุมสีขาวทับเสื้อเชิ้ตสีขาว เขาพยายามยืนตัวตรงแต่มันทำให้เขาดูเหมือนเขาเป็นโรคกระดูกสันหลังอักเสบอันรุนแรง [4] ...

"แม้วต้าเชิง" หมอแม้วจับมือของหลิงรันโดยไม่แยแสอะไร เขาเป็นแพทย์นอกเวลา ไม่จำเป็นที่เขาจะต้องใส่ใจลูกชายของเจ้านายโดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้านายที่จ่ายเงินให้เขาวันละสองร้อยหยวนเท่านั้น

ขณะที่พวกเขากำลังพูดคุยกันเสียงไซเรนของรถพยาบาลเดินทางเข้าไปในหูของพวกเขา

"บาร์เสริมที่ไซต์ก่อสร้างพังและตกลงมาโดนหัวของผู้ป่วยฉันจะไปรับผู้ป่วย" ในฐานะที่เป็นเจ้านาย หลิงโจวได้โทรไปบอกหมอแม้วก่อนหน้าเพื่อรู้ถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น หลังจากที่เขาอธิบายสั้น ๆ เขาก็หันหลังกลับและเดินออกจากประตู

หลิงรัน เดินไปที่ประตูหน้าและพูดว่า "หมอจียงฉันต้องการฝึกฝนการตรวจร่างกายขอให้คุณมาช่วยนิดหน่อย"

หมอจียงเป็นแพทย์ประจำในคลินิคตระกูลหลิงเขาจะทำหน้าที่ในการเขียนใบสั่งยาในวันปกติเท่านั้น เขาไม่ค่อยทำแผลที่เกื่ยวกับรอยฉีกและการทำการเย็บก็เช่นกัน เมื่อใดก็ตามที่เขาประสบสถานการณ์เช่นนี้ในอดีตเขามักจะส่งต่อผู้ป่วยที่มีปัญหามากไปยังที่อื่น ๆ

เมื่อเขาได้ยินว่าหลิงรันต้องการฝึกฝนทักษะหมอจียง วางหนังสือพิมพ์ของเขาและยืนขึ้นทันที เขาดูที่ หลิงโจวและพูดว่า "จะไม่หักเงินค่าจ้างของฉันใช่ไหม"

หลิงโจวทำทางเปิดและปิดปากของเขาด้วยท่าทางงุนงง จากนั้นเขาหันไปทางซ้ายราวกับว่าเขาเป็นเพียงพ่อของหลิงรันเท่านั้น

"หลิงรันนายไม่ได้ไปทำงานวันนี้เหรอ?" ใช้เวลาไม่นานก่อนที่หญิงชราจะมาที่คลินิกพร้อมกับหลานสาวตัวน้อยของเธอ เธอพูดว่า "หมอจียงมาดูเธอหน่อย เธอไอตั้งแต่ตื่นขึ้นมาฉันกังวลว่าเธอจะเป็นหวัดอีกแล้ว"

"หมอหลิงลองจัดการวินิจฉันสาวน้อยคนนั้นสิ" หมอจียงไขว่ขาของเขาและนั่งด้านหลังเคาน์เตอร์ยา

"มานั่งตรงนี่นะ" หลิงรันตบไปที่เก้าอี้หน้าเขาแล้วถามว่า "หนูชื่ออะไรหรอ"

นั่นเป็นขั้นตอนมาตรฐานในการตรวจร่างกาย

การตรวจร่างกายเป็นการกระทำบางอย่างกับคนอื่นโดยใช้เครื่องมือง่าย ๆ เท่านั้น ดังนั้นการตรวจร่างกายโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อผู้ป่วยมาถึงการพูดอย่างสุภาพถือเป็นทัศนคติและภาพลักษณ์ที่ดีของแพทย์

ย้อนกลับไปที่ สถาบันทางการแพทย์เมื่อเขาต้องทำการตรวจบงร่างกายพวกเขาจะได้รับทดสอบกี่ยวกับวิธีปฏิบัติต่อผู้ป่วยในฐานะคนสำคัญและแน่นอนว่าเขามีต้องมีความรับผิดชอบสูงหรือมีจริยธรรมทางการแพทย์ที่ดี

หลิงรันได้ไปฝึกยิ้มหน้ากระจก

เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ที่คุณย่าของเธอดูเหมือนจะอายุประมาณเจ็ดถึงแปดปี ซึ่งเธอดูเหมือนไม่เต็มใจที่จะมาหาหมอ อย่างไรก็ตามเมื่อเธอเห็นหน้าของหลิงรันมันทำให้การปฏิบัติของเธอเปลี่ยนไป ซึ่งเธอดูเชื่อฟังและนั่งลงบนเก้าอี้โดยมีหลิงรันอยู่ตรงหน้าโดยที่เธอนั้งด้วยความเรียบร้อยราวกับว่าเธออยู่ในห้องเรียนเธอพูดด้วยน้ำเสียงเบา ๆ "หนูชื่อซ่งซู่"

"เอาล่ะซ่ง ซ่งซู่ตัวน้อยหมอจะช่วยหนู เดี่ยวขอดูทอนซิลของหนูหน่อยมาทำตามหมอนะ อ้า…" หลิงรันแลบลิ้นออกมาแล้วเอาซองพลาสติกออกมาในเวลาเดียวกันเขาบอกกับซงซู่มันจะต้องทำอะไรบางและทำมันอย่างไร อย่างน่ารัก

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด