ตอนที่แล้วบทที่ 343 - พระเจ้า (4) [25-06-2020]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 345 - พระเจ้า (6) [29-06-2020]

บทที่ 344 - พระเจ้า (5) [27-06-2020]


บทที่ 344 - พระเจ้า (5)

พวกเขาได้รู้ว่าทัศนคติของพระเจ้าเปลื่ยนแปลงไปเมื่อไหร? พระเจ้าที่ควรจะเฝ้าดูแลโลกทั้งหมดได้กำลังเล็งไปที่อะไรที่เหนือยิ่งกว่านั้น เมื่อไหร่กันที่พวกเขารู้เรื่องนี้? นั่นมันกาเบรียลได้เป็นคนเริ่มพูดถึงเรื่องนี้

[นี่มันไม่ได้นะ]

[นายได้เห็นอะไรอีกไหม?]

มิคาเอลไม่ได้ชอบในการพยากรณ์ของกาเบรียลเลย แต่ว่าเขาก็ยังเชื่อในพยากรณ์นี้ทำให้เขาต้องย่นคิ้วถามออก ทั้งห้าคนที่เป็ฯที่รู้จัในนามของเทวทูตที่แข็งแกร่งที่สุดได้มองไปที่กันและกัน การที่พวกเขาจะมาบังเอิญเจอกันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย

แน่นอนว่ากาเบรียลน่าจะต้องเป็นคนที่รวบรวมพวกเขามาที่นี่แน่นอนเพราะแต่ล่ะคนต่างก็มีหน้าที่ต้องทำ

กาเบรียลได้มองไปที่ทุกๆคนและจ้องมองไปที่ชายคนหนึ่ง

[...ลูซิเอล]

[ฉันลูซิเอล]

[ฉันคือลูซิเฟอร์ อย่ามาพูดชื่อที่พระเจ้ามอบให้กับฉัน]

[โอเค ลูซิเฟอร์ช่วยทีนะ]

[...ฟู่ นายนี่น่ารำคาญ]

ด้วยระดับพลังของพวกเขาแล้วทำให้พวกเขาสามารถทำอะไรได้อย่างอิสระโดยไม่มีการแทรกแซงจากพระเจ้า แต่หากว่าพระเจ้าได้ยินสิ่งที่พวกเขาพูดและทำให้เกิดการเข้าใจผิดนั่นมันอาจจะไม่ดี ยังไงก็ตามการที่พวกเขาได้มาทำอะไรแบบนี้ที่นี่มันก็เพราะลูซิเอลหรือก็คือลูซิเฟอร์

เขาคือคนที่ยอดเยี่ยมที่สุดในทั้งห้าคน เป็นคนที่มีความเชื่อมั่นในพระเจ้าน้อยที่สุดและถึงขนาดใช้พลังของตัวเองทำให้พลังของพระเจ้าบิดเบี้ยวไป เพราะแบบนี้จึงเป็นปกติที่เขาสามารถจะสร้างช่องว่างมิติที่อยู่นอกเหนือความรู้จากพระเจ้าได้

[ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้วล่ะ พูดได้ตามที่คิดเลยนะ]

[ฟู่... ฉันไม่อยากจะสงสัยพระเจ้าหรอกนะ แต่ว่าตอนนี้ฉันมั่นใจแล้ว ฉันเห็นมันอย่างชัดเจน]

[คุณหมอดูช่วยพูดให้เราเข้าใจทีสิ]

ยูเรียลที่ไม่ได้ซ่อนความชอบต่อกาเบรียลได้จิ้มแก้มเขาเล่นและเร่งเขาขึ้นมา มิคาเอลกับราฟาเอลที่เห็นแบบนี้ต่างก็รู้สึกอึดอัดใจ กาเบรียลคือคนที่มีพลังในการล่วงรู้อนาคต แต่ในด้านความละเอียดอ่อนแบบนี้เขามีคะแนนเป็นศูนย์ เขาได้พูดต่อไปด้วยน้ำเสียงจริงจัง

[พระเจ้ากำลังมองหาสิ่งอื่นอยู่]

[ตอนนี้ฉันกำลังจ้องแก้มนายอยู่ แก้มนี่กำลังเหมาะมือเลย]

[เขากำลังมองหาสิ่งที่ไม่มีอยู่ เขาอยากที่จะกลายเป็นผู้สร้าง]

มิคาเอลได้เบิกตากว้างตอบกลับไป

[พระเจ้าเป็นผู้สร้างอยู่แล้วนี่]

[ไม่]

[นั่นยังไม่ใช่ผู้สร้างที่แท้จริง]

ลูซิเฟอร์กับกาเบรียลได้ปฏิเสธออกมาแทบจะพร้อมๆกัน

[สิ่งที่เขาสร้างน่ะบิดเบี้ยว มันไม่อาจจะสมบูรณ์ได้และอยู่ใกล้กับการทำนายนับตั้งแต่กำเนิดขึ้นมา]

[ทุกๆสิ่งมีจุดจบ แต่ว่าเขาได้ทำมันขึ้นมาโดยไม่มองถึงจุดจบเลยเพราะงั้นมันถึงได้บิดเบี้ยว เขาไม่อาจจะกลายเป็นผู้สร้างได้]

[นี่พวกนายกำลังปฏิเสธในพระเจ้า!]

[มันคือความจริงที่ฉันหวังที่จะทำให้ได้ ยังไงก็ตามปัญหาก็คือพระเจ้าคือตัวตนที่แข็งแกร่งและยิ่งใหญ่]

น้ำเสียงกาเบรียลได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น

[หากเป็นแบบนี้ทุกๆอย่างจะถึงจุดจบ มันอีกไม่นานแล้วและมันจะเกิดขึ้นแน่นอน ทุกๆโลกจะได้เผชิญกับจุดจบ]

[ทำไมกันล่ะ?]

[เพราะเขากำลังพยายามจะทำลายทุกชีวิตและสร้างขึ้นมาใหม่ไงล่ะ]

[...]

มิคาเอลได้เงียบลงไป เขาอยากจะปฏิเสธคำพูดกาเบรียล แต่ว่าเขาก็ไม่อาจจะทำได้เพราะว่าเขาเคยได้ยินอะไรคล้ายๆแบบนี้ในตอนที่เขาคุยกับพระเจ้าอยู่

เขาได้แต่เอามือจับหน้าผาก ตอนนี้เองกาเบรีบลได้พูดออกมาอีกครั้งเมื่อเห็นถึงความลังเลของมิคาเอล

[เขาจะต้องถูกฆ่า]

[ได้ยังไงกัน เราจะไปฆ่าท่านหัวหน้าได้ยังไง? นั่นคือพ่อของพวกเรานะ!]

[ลูซิเฟอร์เราทำมันได้ใช่ไหม?]

[ถ้าไม่ลองแล้วจะรู้กันไหมล่ะ]

ลูซิเฟอร์ได้ตอบกลับมาอย่างไม่ใส่ใจและกระพือปีกทั้งห้าคู่ที่อยู่บนหลัง ในระหว่างที่เขากำลังคิดอยู่ ปีกของเขาก็ได้เปลื่ยนไปมาระหว่างสีขาวกับดำ เขามีศักยภาพทีหลบหนีออกไปจากอาณาเขตอิทธิพลจากพระเจ้าได้นานแล้ว

เขาได้อยู่อย่างนี้ไปโดยไม่รู้เวลาผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว ก่อนที่จะมีรอยยิ้มปรากฏขึ้นมาที่ริมฝีปาก

[แต่นี่มันฟังดูน่าสนใจเอามากๆ มาลองดูกันเถอะ ไม่สิ ฉันจะทำมัน ต่อให้พวกนายจะไม่เห็นด้วย ฉันก็จะทำ]

[ฉันก็หวังว่ามันจะสนุกสำหรับเราเช่นกัน...]

[กาเบรียล ฉันจะช่วยนายเหมือนอย่างที่ฉันทำมาตลอด ทุกๆคนก็จะร่วมด้วยใช่ไหม?]

[มะ แม้แต่ยูเรียลก็เอาด้วย... ถ้างั้นก็ช่วยไม่ได้]

กาเบรียลได้ชักจูงลูซิเฟอร์กับยูเรียลที่มักจะทำตามไม่ว่ากาเบรียลจะทำอะไรมาเสมอ เขายังได้ชักจูงคนอื่นๆอย่างราฟาเอลที่มีรอยยิ้มบางๆเช่นกัน พวกเขาทุกๆคนได้มองไปที่มิคาเอล

[มิคาเอล ช่วยทีเถอะนะ หากไม่มีนายช่วยมันก็คงเป็นไปไม่ได้]

[พวกนาย... นี่พวกเราจะทำมันจริงๆ...?]

[มิคาเอล]

กาเบรียลได้มองตรงออกไปและถามออกมา สายตานี่ได้มองผ่านเข้าไปในหัวใจที่ไม่บริสุทธิ์ของมิคาเอล มิคาเอลเกลียดสายตาคู่นี้มาก

[นายยังคิดว่าเขาอยู่ในที่ที่เหมาะสมงั้นหรอ?]

[ฉัน... ไม่]

มิคาเอลได้เม้มริมฝีปากออกมา

เขาไม่คิดว่าพระเจ้าเหมาะสม จริงๆแล้วเขาคิดว่ามีเรื่องที่ผิดพลาดอยู่ตลอดเวลา ระฆังได้ปลุกสติเขาขึ้นมาแล้ว

พระเจ้าที่เขาต้องแหงนหน้ามองไม่ควรจะเป็นแบบนี้ คนๆนั้นจะต้องเป็นคนที่สมบูรณ์แบบ ไม่แสดงด้านใดด้านหนึ่งออกมา

[แต่ว่า... ช่วยให้ฉันได้จับตาดูอีกซักหน่อยนะ]

[ตามใจนายเลย มันจะไม่มีอะไรเปลื่ยนแปลงไปอยู่ดี ถ้างั้นตอนนี้ก็กลับกันก่อนเถอะ ฉันคิดว่าฉันจะต้องเตรียมตัวสำหรับเรื่องนั้น]

[อย่าให้เขารู้ตัวเพราะท่าทางอวดดีของนายล่ะลูซิเฟอร์]

[เมื่อเขารู้ตัว นั่นก็คือเวลาที่ฉันจะ 'ต่อต้านสวรรค์']

ลูซิเฟอร์ได้หัวเราะออกมาพร้อมๆกับเวทย์ของเขาที่หายไป ทูตสวรรค์ท้งสี่คนได้ถอนหายใจกลับไปยังตำแหน่งของตนเอง แต่มีเพียงมิคาเอลเท่านั้นที่ยังยืนครุ่นคิดอยู่ที่เดิม

'...พระเจ้ามีคุณสมบัติในการเป็นผู้สร้างจริงไหมนะ?'

หลังจากนั้นมิคาเอลก็ได้เฝ้าสังเกตถึงสถานะของพระเจ้า เขาได้เฝ้ามองดูพระเจ้าส่งทูตสวรรค์ออกไปดูแลโลกระดับต่ำเพื่อขยายอาณาเขตสวรรค์ด้วยการยกระดับโลกพวกนั้นที่พร้อมอยู่แล้วไปเป็นระดับสูง และจัดการดูแลโลกพวกนั้น

และในวันหนึ่ง

[...ไม่น่าพอใจเลย]

[พ่อ มีอะไรหรอครับ?]

[มานามีความผิดปกติมากเกินไป บันทึกนภาไม่มีมาตราฐานเลยและชีวิตมักจะนำภัยคุกคามมาด้วยเสมอ]

[นี่มันคือผลจากการที่ท่านรักโลกใช่ไหมครับ?]

[ใช่แล้วล่ะ]

พระเจ้าได้หยักหน้าออกมาก่อนที่จะเดาะลิ้นขึ้น

[ดูเหมือนว่าจะต้องตั้งค่าใหม่ให้มันถูกต้องแล้ว]

[...ผมจะทำตามคำสั่งท่าน]

[มิคาเอลลูกชายที่น่ารักของฉัน ตอนนี้กลับไปก่อนเถอะ เมื่อถึงเวลาแล้วฉันจะเรียกนายมาเคียงข้าง]

ในตอนนี้เองคือช่วงเวลาที่มิคาเอลได้ตัดสินใจที่จะต่อต้านสวรรค์

เขาได้ไปหาลูซิเฟอร์กับกาเบรียลในทันที ลูซิเฟอร์ได้หัวเราะออกมาอย่างสุขใจ ในขณะที่กาเบรียลได้มองเขาด้วยรอยยิ้มเศร้าสลด

[สมาชิกหลักคือฉันกับนาย]

ลูซิเฟอร์ได้พูดออกมาอย่างหยิ่งยโส

[ฉันจะทำให้พระเจ้าไม่อาจควบคุมเขาได้ ข้อจำกัดของเขาต่อเราไม่ได้สมบูรณ์แบบ และมันก็เป็นแค่ส่วนหนึ่งของบันทึกนภา เมื่อนายได้รู้เรื่องนี้การหลบหนีไปจากเขาก็ง่ายเหมือนกับปอกกล้วยเลยล่ะ]

[แล้วหลังจากนั้นล่ะ?]

[ในตอนนั้นเราก็จะกลายเป็นอิสระ แต่ถึงแบบนั้นเขาก็ยังคงมีพลังที่มหาศาลอยู่ดี... เพราะแบบนั้นในฐานะที่เป็นคนที่แกร่งที่สุดในหมู่พวกเรา ฉันจะเป็นคนต่อสู้ขัดขวางเขาเอง]

นิ้วของลูซิเฟอร์ที่ชี้ที่ตัวเองได้ขยับไปทางมิคาเอล

[ในเวลาเดียวกันนายจะต้องจัดการขโมยทั้งพลัง ระดับชั้น และบันทึกของพระเจ้า]

[...ฉันทำอะไรแบบนั้นไม่ได้]

[นายก็แค่ต้องแบ่งมันมาให้พวกเราทุกคน หากเป็นการหารห้ามันก็คงจะเป็นไปได้]

มิคาเอลได้กัดฟันและถามออกมาอีก

[แล้วต่อจากนั้นล่ะ....?]

[เราต้องฆ่าเขา]

กาเบรียลได้พูดออกมา

[มันจะไม่มีวันจบหากเราไม่ฆ่าเขา หากเขาไม่ตายโลกก็จะต้องได้เผชิญกับชะตากรรมเช่นเดิมอีกครั้ง เพราะงั้นเราจำเป็นต้องจบเรื่องทั้งหมดนี่]

เสียงของเขาได้ดังเข้าหูมิคาเอลเหมือนกับฟ้าผ่า

[ฆ่าพระเจ้าแล้วจัดการดูแลโลกทั้งหมดด้วยตัวเอง]

[พวกเราต้องจัดการโลกทั้งหมด... ใช่แล้วคำพยากรณ์]

ในตอนนี้เองภายในใจมิคาเอลได้เต็มแรงบรรดาลใจและความปรารถนา ลูซิเฟอร์ที่รู้ถึงเรื่องนี้ได้หัวเราะออกมา

[โอ้ มิคาเอล นายดูจะชอบแสดงสีหน้าถึงสิ่งที่คิดออกมานะ]

[เงียบไปเลยลูซิเฟอร์... ฉันเพียงจะรู้ตัว พระเจ้าที่ฉันต้องการน่ะไม่มีตัวตนอยู่จริงตั้งแต่แรกแล้ว เพราะแบบนั้นฉันจะต้องเติมเต็มสิ่งที่ต้องการด้วยตัวเอง]

[เยี่ยม เป็นความคิดที่ดี ฉันชอบในส่วนนี้ของนายมาตลอดเลย]

หมายความว่ายังไง? มิคาเอลอยากที่จะถามลูซิเฟอร์ถึงเรื่องนี้ แต่ว่าในตอนนี้ไม่มีเวลาเหลือแล้ว

[...ไปกันเถอะทุกคน ไปฆ่าพระเจ้ากัน]

กาเบรียลได้มายืนอยู่ตรงหน้า นักพยากรณ์ผู้ยิ่งใหญ่และผู้เสียสละ ชายที่เป็นศูนย์กลางของพวกเขาทุกคนถึงแม้ว่าจะไม่ได้แกร่งที่สุดก็ตาม ชายผู้ที่ทำให้แม้กระทั่งลูซิเฟอร์จอมยโสก็ยังต้องยอมฟัง

มิคาเอลได้กัดฟันแน่นและเตรียมพร้อม ตัวเขาได้รู้ถึงสิ่งที่เขาอยากจะทำด้วยมือตัวเองแล้ว เขาจะต้องทำมันให้ได้

***

แผนได้สำเร็จมาถึงครึ่งทางแล้ว ลูซิเฟอร์ได้พาทั้งกลุ่มออกมาจากอาณาเขตอิทธิพลของพระเจ้าและมิคาเอลได้ขโมยพลังพระเจ้ามาแบ่งให้กับทั้งห้าคนได้สำเร็จ ยังไงก็ตามพวกเขาล่าสังหารพระเจ้าล้มเหลว

พระเจ้าได้หลบหนีไปได้ด้วยสภาพที่น่าสังเวช ในขณะที่ลิซิเฟอร์ได้มุ่งหน้าไปที่อื่นด้วยเสียงหัวเราะ มิคาเอลคือคนที่ครอบครองในพลังของพระเจ้ามากที่สุดในทั้งห้าคน ในตอนนี้มีเหลือแค่ 'สี่' แล้วด้วย พวกเขาทั้งสี่คนได้ตั้งตัวเป็นสี่ยอดเทวทูตและกลายเป็นผู้นำร่วมกัน

มิคาเอลได้ทำให้เหมือนกับมีแค่ลูซิเฟอร์เท่านั้นที่ต่อต้านพระเจ้า และได้แอบซ่อนการหายไปของพระเจ้าให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ จากนั้นทั้งสี่คนก็ได้เริ่มทำเหมือนพวกเขายังเชื่อในตัวพระเจ้าอยู่

นี่คือจุดสิ้นสุดของยุคแห่งกองทัพสวรรค์ที่เป็นองค์กรสิ่งมีชีวิตชั้นสูงเพียงแห่งเดียว

ลูซิเฟอร์ได้เปลื่ยนชื่อมาเป็นซาตานและกลายมาเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นสูงด้วยน้ำมือตัวเอง เขาได้สร้างกองทัพจรัสแสงขึ้นมา ในขณะที่กองทัพปีศาจวิบัติเป็นกลุ่มของมอนสเตอร์ที่เอาแต่มุ่งเป้าไปที่การทำลายล้างที่ก่อตั้งขึ้นมาหลังจากสงครามนั้นไม่นาน และยังมีสวนอาทิตย์อัสดงที่ถูกก่อตั้งขึ้นมาอย่างเงียบๆ

ทุกๆอย่างได้ได้ตกสู่ความวุ่นวายและมิคาเอลก็รู้สึกเสียใจกับมัน จากนั้นเขาได้เริ่มใฝ่ฝันที่จะกลายเป็นพระเจ้าเพียงหนึ่งเดียว เขาได้ก้าวต่อไป

จากนั้นกาลเวลาก็ได้ผ่านไปหลายต่อหลายปี เขาได้กลายเป็นตัวตนที่คล้ายกับพระเจ้า พูดให้ชัดก็คือพลังที่เขาดูดซับมาจากพระเจ้าได้เปลื่ยนแปลงเขาจากภายใน

เขาได้ดูแลโลกต่างๆ ขยายอาณาเขตสวรรค์ ล่าสิ่งมีชีวิตทั้งหมดที่แตกต่างที่ถูกเรียกว่าพวกนอกรีต คัดเลือกทูตสวรรค์ใหม่ๆ และถอนรากถอนโคนภัยคุกคามทั้งหมดที่มีต่อสวรรค์

เขาได้มาเจอกับยูอิลฮานและเขาก็ถึงขนาดถูกทำให้ขายหน้า แต่ในท้ายที่สุดเขาก็ได้กลายมาเป็นพระเจ้า นี่แหละคือช่วงเวลาที่เขารอคอย เพราะงั้นตอนนี้คือช่วงเวลาที่จะกำจัดบาปทั้งหมดและสร้างโลกในอุดมคติของเขา

เขาได้คิดว่าเขาสามารถทำมันได้

[แต่แล้วได้ยังไงกัน...?]

มิคาเอลได้ถามคนที่อยู่ตรงหน้าเขา ความโลภหรืออีกชื่อคือพระเจ้า

[ทำไมนายถึงได้มาอยู่ที่นี่! นายมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงกัน!]

[นี่นายไม่ได้สังเกตเลยงั้นหรอ? ฉันกำลังใช้พลังที่ฉันได้ขโมยไปจากนายไงล่ะ]

[ขโมยไปจากฉัน? ได้ยังไง....]

จู่ๆมิคาเอลก็รู้ตัวได้เอง

ใช่แล้ว มิคาเอลไม่เคยเจอกับสิ่งมีชีวิตที่ใช้พลังแบบเดียวกันเขาได้เลยก่อนที่จะมาเจอกับความโล�

พลังนี้มีเพียงหนึ่งเดียว

ยังไงก็ตามใน 'การชดเชย' ที่เขาได้รับพลังของพระเจ้ามาทำให้พลังของเขารั่วไหลออกไปเข้าสู่พระเจ้า

[นี่คือข้อจำกัดที่ฉันได้ร่ายเอาไว้ในตอนที่ฉันรับนายเข้ามาเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา ลูซิเฟอร์ก็ยังดิ้นรนหลบหนีจากมัน แต่แล้วก็ล้มเหลว มิคาเอลลูกของฉัน นายไม่รู้เลยหรอ?]

[ฉัน... ไม่ได้รู้เลย]

[ใช่แล้วนายมันโง่เง่า...และเป็นเช่นนี้มาตลอด]

พระเจ้าได้ยิ้มออกมาอย่างเมตตา

ยังไงก็ตามพลังเวทย์ที่เขาปล่อยมากดดันมิคาเอลไม่ได้มีความเมตตาอะไรเลยสักนิด

เขาได้พูดออกมาอย่ามั่นใจมันราวกับเขากำลังดุลูกชายที่ทำผิด

[เพราะงั้นนายจะต้องถูกลงโทษ]

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด