ตอนที่แล้วเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0406
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0408

เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0407


ตอนที่ 407 : ยันต์อาคมอัญเชิญสายฟ้า

เปลวพลิงของฉินหยุน ก็คือเปลวเพลิงตะวันทมิฬสีทองม่วง มีเพียงแต่การพิจารณาอย่างละเอียด จึงค่อยทราบว่ามันมีร่องรอยของสีดำซุกซ่อนในเปลวเพลิง

กระทั่งว่าไม่มีอักขระแปรธาตุเกื้อหนุน เขาก็ยังสามารถใช้เปลวเพลิงตะวันทมิฬ ทำการเผาไหม้หลอมกระดูกเหล็กกล้าระดับต้นอย่างง่ายดาย!

ฉู่หลงเจี่ย ผู้ซึ่งเดิมผ่อนคลาย ขณะนี้เผยความตระหนกเพราะฉินหยุน

ด้วยกระดูกเหล็กกล้าระดับต้นขนาดใหญ่ มันแปรสภาพให้ฉินหยุนใช้มือนวดคลึงไปมา ราวกับกำลังนวดแป้งเตรียมทำซาลาเปาก็ไม่ปาน

หมัดของฉินหยุน เปรียบดั่งค้อนหลอมที่ทั้งทรงพลังและว่องไว มันนวดซ้ำไปมา เพียงไม่นาน อย่างรวดเร็ว กระดูกเหล็กกล้าของเขาตอนนี้เกิดประกายไฟกระเด็นออกมาไม่หยุด

กระดูกเหล็กกล้าถูกทุบนวดจนเป็นแผ่นบาง ก่อนฉินหยุนจะม้วนมันซ้อนหลายชั้นแล้วค่อยทำการทุบต่อ

ฉินหยุนไม่ได้ใช้เตาหลอม กระทั่งค้อนหลอมก็ไม่ใช้ แต่เขากลับสามารถหลอมกระดูกเหล็กกล้าได้อย่างรวดเร็ว!

เขาทำการม้วนและทุบกระดูกเหล็กกล้าชิ้นใหญ่ซ้ำไปมาหลายครั้ง นี่จะยิ่งเพิ่มความแข็งแกร่งให้แก่กระดูกเหล็กกล้ามากขึ้น

ผ่านไปครึ่งชั่วยาม ฉินหยุนหลอมโล่สี่เหลี่ยมสีดำเป็นประกายได้แล้วเสร็จ!

ถัดจากนั้น คือขั้นตอนของการแกะสลักผังวิญญาณ

หน้าผากของฉู่หลงเจี่ยเปี่ยมด้วยเหงื่อกาฬ เขาเพิ่งทำการหลอมขวานเสร็จ และกำลังจะเข้าสู่ขั้นตอนการแกะสลักผังวิญญาณ

ผู้คนด้านในห้องโถงขณะนี้ ล้วนรับชมฉินหยุนอย่างเงียบงันตลอดเวลาที่ผ่านมา!

นี่ก็เพราะกระบวนการหลอมของฉินหยุน ชวนตื่นตาตื่นใจเกินไป กระทั่งผู้ไม่มีความรู้เรื่องการหลอมอุปกรณ์ ยังต้องเกิดความประทับใจ

เชี่ยวเย่ว์เหม่ยขณะนี้ค่อยผ่อนคลาย เผยรอยยิ้มหวานออกมา นิ้วของนางกำลังม้วนปลายเส้นผมเล่น รอคอยผลลัพธ์การแข่งขัน

ถึงตอนนี้ นางกระทั่งแลบลิ้นเล่นทำการหยอกล้อกับหงเมิ่งจู

ฉินหยุนกำลังถือมีดแกะสลักไว้แน่น เขาพยายามหลายครั้ง ทว่าทั้งหมดล้วนล้มเหลว ไม่อาจใส่พลังจิตวิญญาณโลหิตเข้าไปได้!

หงหยิงหันมองทางบรรดาผู้อาวุโสจากสำนักราชันทะยานสวรรค์ พบว่าดวงตาพวกเขาเปี่ยมด้วยความอหังการและวางใจ ชัดเจนว่าพวกเขาทราบดี ที่มีดเหล่านั้นมีปัญหาจนไม่อาจใช้งาน

“ฉินหยุนยังไม่เริ่มการแกะสลัก!”

“เขากล่าวก่อนหน้านี้ ว่ามีดแกะสลักมีปัญหา”

“ดูเหมือนชุดอุปกรณ์ของเขาจะมีปัญหาจริง ไม่เช่นนั้น คงไม่ต้องใช้ความพยายามมากมายขนาดนั้นในขั้นตอนการหลอมวัสดุ!”

“ว่าไปแล้ว เขามีพละกำลังยอดเยี่ยมนัก ท่วงท่าเมื่อครู่ที่เผยออกมานั้น ไม่ใช่อะไรที่อาจารย์จารึกระดับสูงสามารถทำได้แน่!”

ผู้คนล้วนมองฉินหยุนด้วยคิ้วขมวด พลางหารือกันว่าอีกฝ่ายคิดทำอย่างไรต่อ

ความกังวลของเชี่ยวเย่ว์เหม่ยกลับมาอีกครั้ง

หลังทดลองหลายครั้ง ฉินหยุนถอนหายใจเบาออกมา และวางมีดแกะสลักโดยไม่คิดใช้อีก!

เขาหลับตา ครุ่นคิดขณะรวบรวมพลัง เส้นเลือดถึงกับผุดขึ้นจากหน้าผาก หมอกสีขาวเริ่มหลุดลอยจากเส้นผม

แขนเสื้อข้างซ้ายของเขา กำลังปรากฏหมอกควันเช่นเดียวกันออกมา

ขณะทุกคนสงสัยว่าเขาคิดทำอะไร พวกเขากลับได้เห็น ว่าเขากำลังใช้นิ้วมือที่มือซ้าย ทำการวาดอะไรบางอย่างบนตัวโล่!

ส่วนที่น่ากลัวที่สุดก็คือที่ปลายนิ้ว มันปรากฏหยดน้ำสีทองคำแดงฉานนิ่งค้าง ราวกับมันคือหยดเลือดทองคำข้น!

นี่คือพลังจิตวิญญาณโลหิต!

อาจารย์จารึกทุกคนที่นี้ล้วนสะท้าน สูดเอาลมหายใจเย็นเยือกเข้าปอดกันถ้วนหน้า!

เขาถึงขั้นรวบรวมพลังจิตวิญญาณ ใช้งานมันผ่านมือตนเอง ให้กลายเป็นมีดแกะสลัก เพื่อทำการแกะสลักอักขระวิญญาณ!

นี่ถือเป็นระดับที่สูงล้ำเกินไปแล้ว!

อาจารย์จารึกวิญญาณหลายคนที่นี้ ล้วนอับอายที่พบว่าตนเองด้อยกว่าเด็กน้อยตรงหน้า!

แม้นิ้วของฉินหยุนผสานรวมกับพลังจิตวิญญาณโลหิตที่แข็งแกร่ง กระนั้นมันกลับมีเสถียรภาพ และเคลื่อนไหวได้อย่างไหลลื่น

เขากระทั่งปล่อยหมอกออกมาปกคลุมมือและตัวโล่ ป้องกันไม่ให้ผู้อื่นได้เห็นอักขระที่เขาแกะสลัก!

อุปกรณ์วิญญาณระดับต้น จำเป็นต้องแกะสลักผังวิญญาณหนึ่งถึงสองชุด

ชั่วขณะนี้ ฉินหยุนกำลังทำการแกะสลักผังวิญญาณชุดที่สอง!

อักขระวิญญาณแข็งตัว เป็นอักขระวิญญาณสำหรับทำอุปกรณ์วิญญาณ มันจะเสริมความแข็งแกร่งให้กับชุดเกราะได้เป็นอย่างดี

อย่างรวดเร็ว ฉินหยุนเสร็จสิ้นการทำในส่วนของเส้นมืด และเริ่มแกะสลักในส่วนของเส้นสว่างแล้ว

ผู้คนล้วนจับจ้องด้วยสายตาเบิกกว้าง

ยามเมื่อฉินหยุนแกะสลักเส้นสว่าง มันคล้ายกับการวาดภาพด้วยปลายนิ้ว มันทั้งเรียบง่ายและลื่นไหลเป็นธรรมชาติ!

แต่ในความเป็นจริง มันหาได้ง่ายดังที่ตาเห็นไม่!

ผู้คนที่นี้กล้าบอกออกมา ว่าที่ทั้งร่างกายฉินหยุนผุดด้วยเม็ดเหงื่อ เพราะเขาคร่ำเคร่งตั้งสมาธิถึงขีดสุด เพื่อทำการแกะสลักอักขระวิญญาณ!

“มีแต่ผู้ที่คุ้นชินกับอักขระวิญญาณอย่างเหนือล้ำ จึงสามารถทำเช่นนี้ได้!”

ชายชราที่รับหน้าที่ในการทดสอบอุทานร้อง “ความเชี่ยวชาญต่อผังจารึกของเขา สมควรเหนือล้ำกว่าอาจารย์จารึกอาวุโสหลายท่านไปแล้ว!”

ชั่วขณะนี้ บรรดาอาจารย์จารึกกำลังหารือกันถึงเคล็ดวิชาที่ฉินหยุนใช้งาน พวกเขาสงสัยว่ามันมีจุดยากที่ตรงใด และแกนกลางการทำเช่นนี้ได้อยู่ที่ใด

ผลลัพธ์ที่ได้ หาได้มีผู้ใดสนใจฉู่หลงเจี่ยไม่!

กระบวนการของฉู่หลงเจี่ยก็ดำเนินเท่าเทียม ทว่าเป็นเขาใช้อุปกรณ์ ขณะที่ฉินหยุนหาได้ใช้ไม่!

ด้วยศักยภาพระดับนี้ ฉู่หลงเจี่ยถูกเมินออกจากสายตาผู้อื่นแล้ว!

สีหน้าของบรรดาผู้อาวุโสจากสำนักราชันแปรเปลี่ยนเป็นน่าเกลียด ถึงตอนนี้ พวกเขาล้วนหวาดกลัวต่อพรสวรรค์ทางวิถีจารึกของฉินหยุนกันถ้วนหน้า

ผู้ที่ไม่เชื่อว่าฉินหยุนเป็นอาจารย์จารึก ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเชื่อ!

หนึ่งชั่วยาม ในที่สุดก็ผ่านพ้น!

ฉินหยุนคือคนแรกที่หลอมโล่วิญญาณระดับต้นเสร็จ!

ถัดจากนั้น ฉู่หลงเจี่ยค่อยหลอมขวานเสร็จตามหลัง

ฉินหยุนถอนหายใจโล่งอก ก่อนจะยิ้มกล่าว “มาเริ่มการทดสอบกันเลยดีกว่า!”

ผู้อาวุโสจากตำหนักจารึกเทวะ ก้าวเดินเข้ามาพร้อมรับโล่ของฉินหยุน และขวานของฉู่หลงเจี่ย

“ราชันยุทธ์หงหยิง หากท่านสามารถช่วย โปรดตรวจสอบขวานและโล่นี้ให้ทุกคนเป็นพยาน!” ชายชรายิ้มกล่าว

“ไม่มีปัญหา!” หงหยิงหัวเราะดัง

ชายชราส่งขวานแก่หงหยิง ก่อนจะยิ้มกล่าว “ท่านและข้าเพียงใช้แต่กำลังร่างกาย!”

หงหยิงรับขวานมา ก้าวเดินเข้าหาโล่ในมือชายชรา พร้อมสับฟันมันลง!

ด้วยเสียงปะทะดังสนั่น ทำเอาผู้คนใกล้เคียงสั่นกลัว!

เมื่อครู่ มันเกิดประกายไฟระเบิดออกเพราะแรงปะทะชวนสะพรึง

ขวานในมือของหงหยิงขณะนี้ แตกละเอียดเรียบร้อย ขณะที่โล่เพียงยุบตัวลง หาได้แตกออกไม่!

ชายชราจากตำหนักจารึกเทวะยกโล่ในมือขึ้นพร้อมหัวเราะ “ทุกคนล้วนได้เห็นแล้ว ว่าโล่นี้แข็งแกร่งยิ่งกว่า! ผู้ชนะการแข่งขันครั้งนี้คือฉินหยุน!”

ตอนนี้เอง ผู้คนล้วนเงียบหาได้ส่งเสียงอันใดตอบ

เพราะสำนักราชันทะยานสวรรค์พ่ายแพ้ หากพูดอะไรออกไป พวกเขาหวั่นเกรงจะเป็นการกระตุ้นโทสะสำนักราชัน ดังนั้นจึงเลือกที่จะเงียบ

สีหน้าของฉู่หลงเจี่ยขณะนี้ น่าเกลียดอย่างเหลือเชื่อ ความภาคภูมิที่เขาเคยมีก่อนหน้านี้ กลับมลายหาย หมัดทั้งสองต้องกำแน่นขณะจับจ้องฉินหยุน

“เจ้าพ่ายแพ้แล้ว ส่งสามล้านเหรียญม่วงมา!”

เชี่ยวเย่ว์เหม่ยหัวเราะดังขณะเดินเข้าไป นำเอาบัตรผลึกสีม่วงออกมา เพื่อทำการรับเหรียญม่วงของชายชราผู้มาจากสำนักราชันทะยานสวรรค์

ด้วยผู้คนมากมายจับจ้อง ชายชราหาได้คิดกระทำการอันน่าอับอายเพิ่มอีก ฉู่หลงเจี่ยพ่ายแพ้น่าอับอายพอแรงแล้ว หากเขายังดื้อรั้นต่อไป จะมีแต่สร้างความสูญเสียให้ใหญ่หลวงมากขึ้น

“ข้า... ข้าไม่ยอมรับ!” ฉู่หลงเจี่ยขณะนี้ค่อยโพล่งออก

“เจ้าไม่ยอมรับแล้วอย่างไร?” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยหัวเราะดัง “เจ้าใช้เครื่องมือ แต่แล้วก็ยังแพ้คนที่ไม่ใช้เครื่องมือ! เจ้าเอาอะไรดีมาบอกว่าไม่ยอมรับ? หากเจ้ากล้า เช่นนั้นไม่ใช้เครื่องมือทำขวานนั่นขึ้นมาได้หรือไม่?”

โทสะของฉู่หลงเจี่ยพวยพุ่ง เขาแทบคิดอยากกระโดดเข้าไปตบหน้าเชี่ยวเย่ว์เหม่ย!

โดยเฉพาะยามนึกถึง ว่าตนทำให้สำนักราชันทะยานสวรรค์ต้องสูญเสียสามล้านเหรียญม่วงแก่เชี่ยวเย่ว์เหม่ย ภายในใจของเขายิ่งคับแค้น

“ทำอุปกรณ์หาได้ใช่ความถนัดของข้าไม่! ที่ข้าถนัดที่สุด คือการทำยันต์!” ฉู่หลงเจี่ยโพล่งออก “ฉินหยุน เจ้าโค่นล้มข้าในการหลอมอุปกรณ์ แต่ไม่ใช่หมายความว่าจะเหนือกว่าข้าในเรื่องการทำยันต์!”

เชี่ยวเย่ว์เหม่ยหัวเราะออก “ยังต้องการอีกสักครั้งหรือ? ครานี้สักหกล้านเหรียญม่วงเป็นอย่างไร?”

บรรดาผู้อาวุโสของสำนักราชันย่อมไม่ต้องการเสียหน้า

ชายชรากล่าวตอบ “ตกลงตามนั้น”

“ยันต์... เอาเป็นยันต์อาคมเป็นอย่างไร? หกล้านก็หกล้าน!”

“เอาเป็นอะไร?” ฉินหยุนเอ่ยถาม เขาเคยทำยันต์อาคมมาก่อน แต่มันเป็นยันต์อาคมสะกดวิญญาณ

เขายังไม่เคยทำยันต์อาคมประเภทอื่น

“ยันต์อาคมอัญเชิญอสนีบาต! หลังทำเสร็จ ผู้ใดอัญเชิญสายฟ้าได้มากกว่าก็ชนะ!”

ชายชราที่รับหน้าที่เอ่ยคำ “หลังทำยันต์อาคมเสร็จเรียบร้อย ให้วางไข่มุกสั่งสมสายฟ้าเอาไว้ในอาคม! ดังทุกคนทราบ ยิ่งพลังงานอัดแน่นอยู่ภายในเท่าใด น้ำหนักยิ่งมากเท่านั้น!”

ฉินหยุนเอ่ยถาม “ครั้งนี้ใช้เครื่องมือจากที่ใด?”

“ตระเตรียมของเจ้าเอง!” ชายชราจากสำนักราชันกล่าว “ทว่า... ผู้แข่งขันต้องใช้อักขระวิญญาณระดับต้น! ตำหนักจารึกเทวะจะรับผิดชอบ นำผังวิญญาณระดับต้นออกมาให้ ขั้นตอนแกะสลักเส้นมืดไม่อาจปิดบัง นี่ก็เพื่อความยุติธรรม!”

เมื่อครู่ ขวานของฉู่หลงเจี่ยแกะสลักอักขระวิญญาณระดับต้น พวกมันย่อมต้องด้อยกว่าที่ฉินหยุนทำการแกะสลักไป

นี่เองจึงเป็นสาเหตุที่สำนักราชันทะยานสวรรค์ไม่ยินยอม พวกเขาต่างคิด ว่าการจารึกของฉู่หลงเจี่ยอย่างไรแล้วก็เหนือกว่าฉินหยุน

“ตามนั้น!” ฉินหยุนยอมรับ

“เช่นกัน กระดาษยันต์จะเป็นของตำหนักจารึกเทวะ ที่ต้องทำก็เพียงแกะสลักอักขระวิญญาณ!” ชายชรากล่าวอีกครั้ง

ฉินหยุนมีความมั่นใจต่อตำหนักจารึกเทวะ ดังนั้นจึงพยักหน้ารับ

“ทำยันต์อาคมระดับต้นภายในหนึ่งชั่วยาม!” ถัดจากนั้น ชายชราจากตำหนักจารึกเทวะ จึงมอบกระดาษยันต์ห้าแผ่น ให้แก่ทั้งฉินหยุนและฉู่หลงเจี่ย

กระดาษยันต์เหล่านี้บางยิ่ง มีไว้สำหรับใช้เพียงครั้งเดียว และยังง่ายต่อการแกะสลักผังวิญญาณ

กระดาษยันต์ที่เอาไว้ใช้ทำยันต์แผ่นค่อนข้างใหญ่ ดังนั้นจึงเหมาะสมนำมาทำเป็นยันต์อาคมด้วย

ยันต์อาคมค่อนข้างแตกต่างจากอาคมวิญญาณ เพราะพวกมันเป็นสิ่งที่เอาไว้ใช้หนึ่งครั้ง หรืออย่างดีก็ไม่กี่ครั้ง วัสดุที่ใช้จึงเรียบง่าย กระบวนการทำถือว่ารวดเร็วอย่างยิ่ง

ตำหนักจารึกเทวะส่งมอบผังวิญญาณอสนีบาตระดับต้น และผังวิญญาณรวบรวมพลังระดับต้นมาให้

อาคมอสนีบาตระดับต้น เพียงต้องการชุดอักขระวิญญาณสองชุด อักขระวิญญาณเหล่านี้ค่อนข้างทั่วไป มูลค่าจึงหาได้สูงอันใดมากนัก

ฉู่หลงเจี่ยขณะนี้ นำเอามีดแกะสลักสีทองสว่างไสวออกมา มันทั้งงดงามและหรูหรา ระยิบระยับด้วยแสงเปล่งประกาย

อาจารย์จารึกหลายท่านในที่นี้ ล้วนมองที่มีดแกะสลักด้ามนั้นอย่างริษยา

“มีดแกะสลักลึกล้ำระดับต้น!”

“อาจารย์จารึกวิญญาณหลายคน เพียงครอบครองมีดแกะสลักวิญญาณระดับสูงหรือชั้นเลิศเท่านั้นเอง!”

“ฉู่หลงเจี่ยเยาว์วัยเพียงนี้ กลับได้ครอบครองมีดแกะสลักลึกล้ำ ช่างน่าอิจฉานัก!”

บรรดาอาจารย์จารึกล้วนมองด้วยสายตาริษยาจนแดงก่ำ

อุปกรณ์ลึกล้ำอย่างมีดแกะสลัก จำเป็นต้องมีพิมพ์เขียว และวัสดุพิเศษเพื่อขัดเกลาออกมา มูลค่าของพวกมันสูงล้ำ

การแข่งขันครั้งนี้ วัสดุและผังวิญญาณล้วนเป็นเช่นเดียวกัน หากคิดอยากชนะ ก็ต้องอาศัยระดับความวิจิตรของผังวิญญาณที่สูงล้ำแล้ว

ด้วยมีดแกะสลักที่ดี ย่อมเพิ่มความวิจิตรของผังวิญญาณได้ไม่ยาก!

ฉินหยุนที่เห็นท่าทีมาดมั่นของฉู่หลงเจี่ย เขารู้สึกเดียดฉันท์อีกฝ่ายอยู่ภายใน หากพูดถึงอุปกรณ์แกะสลัก ปากกาลึกล้ำสะท้อนจิตของเขา ย่อมเหนือล้ำกว่าของฉู่หลงเจี่ยไม่รู้ตั้งเท่าไหร่

“แข่งขันภายในหนึ่งชั่วยาม เริ่มได้!” ชายชราจากตำหนักจารึกเทวะประกาศดัง

ฉินหยุนเพียงมองที่อักขระวิญญาณอสนีบาตระดับต้น และอักขระวิญญาณรวบรวมพลังระดับต้น แทบจะในทันที เขาก็เริ่มลงมือแกะสลักอย่างรวดเร็ว

หลังทำการกางกระดาษยันต์แผ่นใหญ่ เขาจึงนำเอาปากกาลึกล้ำสะท้อนจิตออกมา ทำการจรดมันวาดอักขระวิญญาณบนพื้นผิว!

อีกทางหนึ่ง ฉู่หลงเจี่ยขณะนี้กำลังคร่ำเคร่ง ขยับปลายมีดอย่างเชื่องช้า

ราชันยุทธ์หงหยิงค่อนข้างประหลาดใจเมื่อเห็นเช่นนี้ เขาเอ่ยถามต่ออาจารย์จารึกวิญญาณข้างกาย “เหล่ากั่ว ฉินหยุนวาดสะเปะสะปะหรือไร? นี่เร็วเกินไปหรือไม่!”

“ย่อมไม่ใช่!” อาจารย์จารึกวิญญาณที่ถูกเรียกเหล่ากั่วผู้นี้ กล่าวตอบด้วยความประหลาดใจไม่ต่างกัน “เขากำลังวาดอักขระวิญญาณรวบรวมพลังระดับต้น และมันก็เสร็จเรียบร้อยแล้ว ถัดจากนี้คืออักขระวิญญาณอสนีบาตระดับต้น นี่ออกจะรวดเร็วเกินไปแล้ว ช่างน่าเหลือเชื่อนัก!”

5 2 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด