ตอนที่แล้วเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0402
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0404

เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0403


ตอนที่ 403 : แดนอ้างว้างทั้งสาม

ฉินหยุนเพียงทราบ ว่าวิญญาณยุทธ์ของมู่หรงต้าเหรินเป็นสัตว์ เขาไม่ทราบลักษณะจำเพาะเจาะจงของวิญญาณยุทธ์ ดังนั้นจึงมีความสงสัยค้างคาจนถึงทุกวันนี้

มู่หรงต้าเหรินนำเอามีดออกมา จากนั้นค่อย ๆ ตัดเปิดก้อนหินสีน้ำเงิน

ผู้คนรอบด้านต่างรับชมเงียบงัน

หงเหยียน ผู้อยู่ข้างกายมู่หรงต้าเหริน กำลังหลั่งเหงื่อออกมา เขาทั้งอ้าปากพร้อมดวงตาเบิกกว้างขณะมองที่ก้อนหินอย่างลุ้นระทึก

ก้อนหินสีน้ำเงิน สูงราวครึ่งคน มู่หรงต้าเหรินผ่ามันลง ที่ตรงกลาง พบว่าไม่มีหยกผลึกแก้วอักขระชีวิต!

หรือก็คือ ต่อให้มีหยกผลึกแก้วอักขระชีวิต ขนาดของมันก็ต้องเล็กอย่างยิ่ง

หงเหยียนสีหน้าสูญสิ้นความหวังแล้ว

“นี่ไงเล่า!” มู่หรงต้าเหรินขณะนี้ พลันร้องตะโกนออกด้วยความตกตะลึง

แน่นอนว่า ทุกคนล้วนเห็นหยกผลึกแก้วสีขาวที่มีอักขระชีวิต อยู่ตรงกลางของก้อนหิน

กว่าจะนำหยกผลึกแก้วอักขระชีวิตออกมาได้ ก็ทำเอามู่หรงต้าเหรินใช้พลังไปไม่ใช่น้อย ขนาดของมันเพียงราวผลแอปเปิล ทั้งยังน้ำหนักเบายิ่ง หมายความถึงมีพลังบรรจุอยู่เพียงน้อยนิด

“หยกผลึกแก้วอักขระชีวิตระดับที่สี่ น้ำหนักหนึ่งจิน!” มู่หรงต้าเหรินไม่กล้าหันมองทางหงเหยียนแล้ว

มุมปากหงเหยียนกระตุกวูบ ด้วยความโกรธ เขาคว้าเข้าที่คอเสื้อของมู่หรงต้าเหริน ลำคอตอนนี้โพล่งเสียงตะโกนดังขึ้น “เป็ดมู่หรง ไม่ใช่เจ้าบอกต่อข้าหรือ ว่านี่สมควรมีหยกผลึกแก้วอักขระชีวิตระดับที่ห้าอยู่ภายใน? ทั้งยังบอก ว่าน้ำหนักอย่างน้อยก็ต้องเกือบยี่สิบจิน!”

“ข้าจ่ายไปถึงสองล้านเหรียญม่วง ที่ได้กลับเป็นแค่หยกผลึกแก้วระดับสี่หนักหนึ่งจิน เอาไปขายก็ได้แค่สี่แสนเหรียญม่วง!”

หงเหยียนสูญเสียครั้งใหญ่ เรื่องนี้ผู้คนยินดีนักที่ได้พบเห็น

“อย่างน้อยหากขายหยกผลึกแก้วนี้ ก็ยังได้ตั้งสี่แสนเหรียญม่วง ไม่นับว่าสูญเสียมากนัก!” มู่หรงต้าเหรินเม้มริมฝีปาก “หินพวกนี้ก็เป็นเช่นนี้ ข้าไม่อาจรับประกันได้ เพียงแต่คาดเดา และส่วนใหญ่มันจะถูกต้อง เพียงแต่ครั้งนี้ไม่ใช่ก็เท่านั้นเอง!”

หงเหยียนสบถออกมา “สารเลวนัก เจ้าทำข้าโกรธจนแทบตายแล้ว!”

ด้วยเรื่องราวเป็นเช่นนี้ เขาจึงตีฝ่าสูงชนเดินออกจากห้องโถงไป

มู่หรงต้าเหรินยังคงเดินตามหลัง “ไก่ตาแดง จงรอข้า! เป็นเจ้าบอกต่อข้า ว่าจะเลี้ยงอาหารข้าสักมื้อหนึ่ง!”

“ทำข้าสูญเสียมากขนาดนี้ ไปร้องขอบรรพบุรุษเจ้าเอาแล้วกัน!” ด้วยความโกรธสุมแน่น หงเหยียนได้แต่เร่งรีบเดินออกจากตำหนักจารึกเทวะ

ฉินหยุนเดินตามหลังพวกเขา จนกระทั่งออกมาด้านนอก จากนั้นเขาค่อยยิ้มกล่าวคำ “เช่นนั้นให้ข้าเลี้ยงไวน์แทนแล้วกัน!”

ทั้งมู่หรงและหงเหยียน ล้วนคุ้นเคยกับเสียงฉินหยุน พวกเขาที่กำลังโต้เถียงกัน ครานี้เร่งรีบพร้อมใจหันควับกลับมองดู

“น้องหยุน!” มู่หรงต้าเหรินอุทานด้วยความยินดี

หงเหยียนหัวเราะดัง “เจ้าเองก็มาที่นี่!”

ฉินหยุนยิ้ม “ข้าไม่คิดว่าทั้งสองคนจะรู้จักกันได้ ไปกันดีกว่า ให้ข้าเลี้ยงไวน์เอง!”

พวกเขาล้วนทราบ ว่าฉินหยุนคืออาจารย์จารึก และอาณาเขตแห่งนี้ก็เป็นของตำหนักจารึกเทวะ การดูแลที่ได้รับย่อมต้องพิเศษ เช่นนี้พวกเขาจึงไม่ลังเล ตามติดฉินหยุนไปยังโรงเตี๊ยมหรูหรา

โรงเตี๊ยมแห่งนี้เป็นหอคอยสูงกว่าพันเมตร มีทั้งสิ้นหนึ่งร้อยชั้น

“พวกเจ้าถึงกับไม่เกรงใจข้าเลย!” ในห้องส่วนตัว ฉินหยุนมองดูอาหารราคาสูงล้ำ อดไม่ได้ที่จะเลิกคิ้วขึ้น พวกเขาล้วนสั่งอาหารจานละสี่ถึงห้าพันเหรียญม่วงมาจนเต็มโต๊ะ

มู่หรงต้าเหรินและหงเหยียน ทั้งสองไม่มากมารยาท ทั้งยังไม่สอบถามถึงความยินยอม สั่งอาหารกว่ายี่สิบจานพร้อมไวน์อีกมากในคราวเดียว เริ่มดื่มกินกันอย่างไม่รอคนเลี้ยงด้วยซ้ำ

“องค์ชายเจ็ด เหตุใดจึงไปเข้าร่วมสำนักลึกล้ำสัตว์ร้ายได้กัน? ท่านมีวิญญาณยุทธ์สัตว์หรือ?” ฉินหยุนเอ่ยถามด้วยความสงสัย

“วิญญาณยุทธ์ของข้าคือมังกรเพลิง ค่อนข้างคล้ายคลึงมังกรอยู่ ดังนั้นจึงเข้าร่วม เสด็จพ่อมีสัมพันธ์อันดีกับสำนักลึกล้ำสัตว์ร้าย ชีวิตการเป็นอยู่ของข้าจึงดีไม่น้อย” หงเหยียนกล่าวตอบ

“สารเลวนัก! หากไม่ใช่เพราะบิดาเจ้า ช่วงเวลาที่เจ้าได้อยู่ในสำนักลึกล้ำสัตว์ร้ายต้องลำบากไม่น้อยแน่!” มู่หรงต้าเหรินกล่าวออก

“แล้วเหล่าฮั่วไม่มาหรือ?” ฉินหยุนเอ่ยถาม

“เจ้านั่นขยันเกินไป ออกไปฝึกฝนทุกวี่วัน ทุบตีสัตว์อสูรจนกระทั่งไม่มีให้ทุบ! ก็เลยปล่อยเจ้านั่นไว้แบบนั้นนั่นแหละ!”

หงเหยียนกล่าว “ฮั่วจงขันแข็งมาก แม้ว่าความแข็งแกร่งไม่สูงล้ำ แต่เขาก็เป็นคนที่บากบั่นมาก! อีกทางหนึ่ง เจ้าเป็ดมู่หรง เป็นคนเกียจคร้านผู้หนึ่ง ไม่ว่าจะมองยังไง ก็เหมือนคนที่เดินเล่นไปมาวัน ๆ มากกว่า!”

“ไม่ว่ายังไง ข้าก็คือผู้ก้าวสู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าด้วยอายุน้อยกว่าสามสิบปี เพียงเท่านี้ยังมองว่าข้าเป็นคนเดินเล่นไปมาวัน ๆ อีกงั้นหรือ?” มู่หรงต้าเหรินชี้ตะเกียบที่หงเหยียน กล่าวด้วยความไม่ชอบใจ

โดยทันที ฉินหยุนจึงกล่าวแทรกเมื่อเห็นพวกเขาคิดมีปากเสียงกันอีก “องค์หญิงเมิ่งจูไม่มาหรือ? อาการบาดเจ็บของนางหายดีหรือยัง?”

หงเหยียนตอบคำ “นางย่อมต้องมา! แต่มาพร้อมเสด็จพ่อ ขณะนี้น่าจะยังอยู่ระหว่างทาง ดูเหมือนว่าบรรดาจ้าวสำนัก ผู้อาวุโส และเหล่าราชันยุทธ์จากหลายสำนัก ล้วนคิดมารวมตัวกันที่นี่”

ฉินหยุนกลายเป็นตื่นตระหนก “เหตุใดนครราชันจารึกจึงรวมตัวผู้มากอำนาจเหล่านั้นได้กัน?”

“เป็นเจ้าไม่ทราบว่าเรื่องนี้สำคัญเพียงใด!” หงเหยียนกล่าว “โดยเฉพาะกับขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่สาม นี่ถือเป็นเรื่องสำคัญอย่างมาก!”

“เมื่อถึงเวลา ภูมิภาคแดนเหนือของเราจะตัดสิน ว่าระดับที่สามมียอดฝีมือคนใดแข็งแกร่งที่สุด”

“ข้ายังได้ยินมา ว่าถึงเวลานั้น จะมีตัวแทนจากภูมิภาคแดนเหนือ ต่อสู้กับยอดฝีมือจากอีกสามภูมิภาคด้วย เรื่องนี้จริงหรือ?” ฉินหยุนเอ่ยถาม

หงเหยียนเรอออกจากและค่อยกล่าว “ไม่ใช่ว่าพวกเราทั้งสี่ภูมิภาคจะต่อสู้กัน! กลับกัน เป็นพวกเราทั้งสี่ภูมิภาคประลอง กับบรรดาพวกที่มาจากแดนสัตว์อสูรอ้างว้าง กล่าวกันว่าผู้ชนะในท้ายที่สุด จะได้รับสิทธิ์ในการเข้าสวนโบราณ!”

ฉินหยุนที่เพิ่งคว้าชิ้นเนื้อเข้าปาก พลันชะงักงันยามได้ยินคำกล่าวของอีกฝ่าย

“สวนโบราณ? นี่คิดอยากเข้าไปก็ได้เข้าหรือ?” เขาเอ่ยถามด้วยความสงสัย

หงเหยียนตอบ “เสด็จพ่อบอกว่า เมื่อถึงช่วงเวลานึง เหล่าราชันยุทธ์จะเปิดทางเข้าของสวนยุคโบราณ ตราบเท่าที่ถือครองตราผ่านเข้าสวนยุคโบราณ ย่อมสามารถเข้าไปได้”

“จริงด้วย ผู้คนบอกว่า ผู้ที่สามารถสร้างอักขระชีวิตตัวที่สี่แล้ว จะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไป ส่วนเหตุผลนั้น ไม่ทราบแน่ชัดนัก นอกจากนี้ จะมีเพียงคนเดียวที่สามารถเข้าไปได้ยามเมื่อประตูของสวนโบราณเปิดขึ้น!”

“สวนโบราณช่างลึกลับนัก ต้องใช้เวลาทุกหนึ่งพันปีจึงค่อยเปิดสักครั้งหนึ่ง!”

มู่หรงต้าเหรินเอ่ยถาม “แล้วตั๋วเข้าสวนโบราณได้รับมาอย่างไรกัน? หลังเข้าไปแล้ว จะยังสามารถออกมาได้หรือไม่?”

หงเหยียนตอบ “ได้ยินมาว่า ต้องอยู่ในนั้นครบปีจึงค่อยออกมาได้ และไม่อาจบอกต่อผู้อื่น ว่าด้านในแท้จริงมีอันใดอยู่กันแน่ ต้องเก็บเป็นความลับอย่างมิดชิด! ส่วนตั๋วเข้าสู่สวนโบราณนั้น มีกองกำลังจำนวนหนึ่งครอบครองไว้แต่แรก แคว้นยุทธ์หงของพวกเราไม่มี กระนั้น สำนักระดับราชันมีในครอบครอง”

“ดังนั้นแล้ว หากผู้ชนะในท้ายที่สุดไม่ใช่คนของสำนักราชัน เช่นนั้นก็ต้องเข้าร่วมสำนักราชัน เพื่อให้ได้รับตั๋วเข้าสู่สวนโบราณ ไม่เช่นนั้น ก็เท่ากับทิ้งโอกาสโดยเปล่าประโยชน์!”

มู่หรงต้าเหรินเบ้ริมฝีปากเอ่ยคำ “น้องหยุน หากเจ้าได้รับอันดับหนึ่งจริง ข้าเกรงว่าเจ้าจะต้องเข้าร่วมสำนักระดับราชัน! ตอนนี้เจ้าเป็นศิษย์ของประตูลึกล้ำเก้าสมบูรณ์ ดังนั้นไม่ควรไปยังสำนักอื่นในเวลานี้ใช่หรือไม่?”

“รอจนข้าได้อันดับหนึ่งค่อยว่ากัน! ตอนนี้ข้าเพียงขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่สอง คู่ต่อสู้ล้วนเป็นศิษย์เลิศล้ำจากสำนักระดับราชันทั้งสิ้น! แดนสัตว์อสูรอ้างว้าง และแดนปีศาจอ้างว้าง ล้วนมียอดฝีมืออันแข็งแกร่ง ข้าจะชนะหรือไม่ล้วนเป็นเรื่องไม่อาจทราบ!” ฉินหยุนยิ้ม

หงเหยียนเอ่ยตอบ “ก็ไม่จำเป็นต้องครองอันดับหนึ่ง! ข้าจำได้ ว่าเสด็จพ่อกล่าวเอาไว้ เมื่อประตูสวนโบราณเปิดออก มันจะมีสารจากด้านในส่งออกมา ว่าจะอนุญาตให้กี่คนเข้าไปได้ บางครั้ง ก็อาจมากถึงห้าหรือว่าหกคนเลยทีเดียว”

มู่หรงต้าเหรินยิ้ม “น้องหยุน แม้เจ้าอยู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่สอง ก็ยังแข็งแกร่งยิ่งด้วยสองแก่นเต๋า! ควรมั่นใจในตัวเองให้มากกว่านี้หน่อย!”

“จริงด้วย! หากต่อสู้กันเพียงลำพัง กระทั่งขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่สาม ยังแทบไม่น่าจัดการเจ้าลงได้!” หงเหยียนรู้สึก ว่าฉินหยุนมีหวังได้อันดับสูงไม่ใช่น้อย

“พี่รองมู่หรง วิญญาณยุทธ์ของท่านคืออะไรกันแน่? มันแข็งแกร่งมากหรือไม่?” ฉินหยุนเอ่ยถามโพล่งออกมา เขาคิดอยากให้เชี่ยวเย่ว์เหม่ยได้คัดลอกวิญญาณยุทธ์ของมู่หรงต้าเหริน

หงเหยียนหัวเราะออก “ฉินหยุน เจ้ารู้จักเจ้าเป็ดมู่หรงนี่เป็นเวลานาน กระนั้นกลับไม่ทราบวิญญาณยุทธ์ของเจ้านี่หรือ? ให้ข้าบอกเองแล้วกัน วิญญาณยุทธ์นี้เป็นระดับทองม่วง ทว่าเป็นแค่เป็ดตัวหนึ่ง!”

“ไก่น้อยตาแดง อย่าได้ปรามาสต่อวิญญาณยุทธ์ของข้า มันถือเป็นวิญญาณยุทธ์สัตว์ที่แข็งแกร่ง!”

ในที่สุดฉินหยุนก็เข้าใจ ว่าเหตุใดมู่หรงต้าเหรินจึงเก็บวิญญาณยุทธ์ตนเองเป็นความลับ ก็เพราะเขาเกรงว่าจะถูกหยอกล้อ

“พี่รองมู่หรง วิญญาณยุทธ์เป็ดของท่าน สมควรมีความพิเศษใช่หรือไม่?” ฉินหยุนยิ้ม

“วิญญาณยุทธ์เป็ดของข้าสามารถบินได้ แต่ไม่อาจรวดเร็ว และยังทำให้ข้าตัวเบา ถือว่าแข็งแกร่งอย่างยิ่ง!” มู่หรงต้าเหรินกล่าวอย่างภาคภูมิ

“เลิกยกยอ กระทั่งข้ายังไม่ทราบว่าเจ้าแข็งแกร่งเพียงใดเลย” หงเหยียนยิ้มกว้าง

ฉินหยุนขณะนี้นึกขึ้นได้ “ข้าพักอาศัยอยู่ที่ปีกตะวันออก พวกท่านเล่า? คิดอยากมาพักที่บ้านพักของข้าหรือไม่?”

“แน่นอน! ไว้พวกเรากินเสร็จเรียบร้อยค่อยไปกัน!” หงเหยียนเร่งรีบออกปาก “ฉินหยุน เจ้าถึงขั้นพักอาศัยในปีกตะวันออก ช่างน่าทึ่งนัก!”

มู่หรงต้าเหรินและหงเหยียนขณะนี้เร่งรีบกินมากกว่าเดิม

กินเสร็จเรียบร้อย ฉินหยุนค่อยทำหน้าที่เป็นเจ้ามือเลี้ยงอาหาร ด้วยเขาเป็นอาจารย์จารึกวิญญาณระดับสูง จึงได้รับสิทธิ์ส่วนลดครึ่งราคา

ที่คฤหาสน์จารึกปีกตะวันออก ฉินหยุนเดินไปตามเส้นทางน้อยพร้อมกับมู่หรงต้าเหรินและหงเหยียน

ทั้งสองขณะนี้ กำลังรับชมความวิจิตรของบ้านพักพร้อมถอนหายใจกันไม่หยุด

หงเหยียนคือองค์ชายลำดับที่เจ็ด ทว่าหากเขาต้องการพำนักที่ปีกตะวันออก ก็มีแต่ต้องติดตามบิดาตนเองมาเท่านั้น

มู่หรงต้าเหรินและหงเหยียน เข้าสู่ด้านในบ้านพักของฉินหยุน ได้พบหญิงสาวงดงามในชุดสีขาว กำลังนั่งกินผลไม้พลางอ่านหนังสือในห้องโถง

หงเหยียนพอเห็นเป็นเชี่ยวเย่ว์เหม่ย เขาแทบกรีดร้องออกราวพบเจอภูตผี

“ไก่น้อยตาแดง เจ้าไม่เคยพบเจอผู้หญิงมาก่อนหรือ?” มู่หรงต้าเหรินจดจำเชี่ยวเย่ว์เหม่ยได้ และทราบดีว่าทั้งฉินหยุนและเชี่ยวเย่ว์เหม่ยสนิทสนมกันเพียงใด

“เจ้าเป็ดมู่หรง เจ้าไม่ทราบว่านางน่าสะพรึงอย่างไร!” หงเหยียนเดิมคิดอยากพักอาศัยในบ้านพักแห่งนี้สักหลายวัน ตอนนี้พอได้เห็นเชี่ยวเย่ว์เหม่ย แทบคิดอยากโบยบินหนีให้พ้นที่นี่

ฉินหยุนอดไม่ได้ที่จะยิ้มกว้าง “เย่ว์เหม่ย วิญญาณยุทธ์ขององค์ชายเจ็ดและเหล่ามู่หรงถือว่าไม่เลว ด้วยเหตุนี้ข้าจึงพาทั้งสองมา!”

ได้รับฟังเช่นนี้ เชี่ยวเย่ว์เหม่ยจึงหัวเราะคิกคัก ขณะนำเอากระจกของนางออกมาพร้อมเดินเข้าหา

“นี่เจ้าคิดทำอะไร?” หงเหยียนรู้สึกว่าตนขณะนี้ตกอยู่ในอันตราย

“อย่าได้กังวล แค่ให้ความร่วมมือเล็กน้อยก็พอ...” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยเผยน้ำเสียงคุกคาม ขอให้หงเหยียนร่วมมือกับนางแต่โดยดี

อย่างรวดเร็ว เชี่ยวเย่ว์เหม่ยจึงคัดลอกวิญญาณยุทธ์มังกรอัคคีของหงเหยียน และวิญญาณยุทธ์เป็ดของมู่หรงต้าเหริน

“เป็ดมู่หรงตัวนี้ ช่างเป็นวิญญาณยุทธ์ที่น่ารักน่าชังนัก!” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยหัวเราะ

“แน่นอน วิญญาณยุทธ์ของข้าถือเป็นเอกในโลกหล้า! หากข้าเอาจริง กระทั่งวิญญาณยุทธ์มังกรเพลิงของเจ้าไก่น้อยตาแดงนี่ ก็ไม่อาจทัดเทียมข้าได้!” มู่หรงต้าเหรินกล่าวอย่างภาคภูมิ

ฉินหยุนเอ่ยถาม “องค์ชายเจ็ด อีกกี่วันจึงเริ่มหรือ?”

“น่าจะอีกหลายวันถัดจากนี้! เจ้าไปยังตำหนักจารึกเทวะเพื่อลงทะเบียนตอนนี้ได้เลย ข้ายังมีเรื่องอื่นต้องทำ ขอตัวก่อนแล้ว!” เพราะโดนเชี่ยวเย่ว์เหม่ยจ้องมอง หงเหยียนรู้สึกไม่สบายครั่นเนื้อครั่นตัว คิดเร่งรีบออกไปจากที่นี่โดยเร็ว

มู่หรงต้าเหรินทราบ ว่าเชี่ยวเย่ว์เหม่ยเล่ห์ร้ายเพียงใด ดังนั้นเขาจึงเร่งรีบไปพร้อมกับหงเหยียน

“เหตุใดสองคนนั้นเผ่นหนีเร็วนัก!?” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยยู่ริมฝีปาก “กะจะเล่นเดิมพันสักเล็กน้อยกับพวกเขาอยู่เชียว!”

ไม่นานหลังทั้งสองคนออกไป เสียงอึกทึกพลันดังขึ้นที่ภายนอก

ฉินหยุนพบว่าขณะนี้ เชี่ยวเย่ว์เหม่ยไปยังชั้นสองของบ้านพัก สายตามองสู่ภายนอก เป็นเขาได้เห็นกลุ่มคนขนาดใหญ่ กำลังเดินไปพลางพูดคุยหัวเราะ

“พี่ชาย เหล่านี้เป็นคนของสำนักราชันทะยานสวรรค์และสำนักราชันจ้าวเหนือหล้า!” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยกล่าวเสียงเบา “พวกเขาสมควรเป็นตัวตนระดับจ้าวสำนักกันทั้งสิ้น กำลังนำพาบรรดาศิษย์ของตนเองเข้ามา เพื่อเป็นคู่ต่อสู้ของพี่ชาย!”

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด