ตอนที่แล้วMS บทที่ 16 ทรยศ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปMS บทที่ 18 เพื่อรอส่งเจ้า

MS บทที่ 17 เปิดโปงความจริง


MS บทที่ 17 เปิดโปงความจริง

เฉิงหลงซิงที่ได้ยินแบบนั้นก็สัมผัสได้ถึงแรงกดดันประหลาด “ใจเย็นก่อนสิ ท่านโชว รอให้ท่านเฟิงได้พูดจนจบก่อนสิ ถ้าท่านไม่ผิดจริงจะกลัวอะไรกันเล่า”

เขาพูดย้อนประโยคก่อนหน้านี้ใส่โชวหวู ชายคนนั้นกำหมัดด้วยความโกรธแค้นเบาๆ

เขาไม่เคยคิดว่าข้ารับใช้ที่จงรักภักดีต่อเขาขนาดนี้ จะกลับกลายเป็คนทรยศที่ลอบแทงเขาจากด้านหลังได้

หลีมู่แอบยิ้มเล็กน้อยเพราะจากนี้ไปก็คงไม่ต้องให้เขาอธิบายอะไรมากแล้วล่ะมั้ง

เขากำลังจะได้เป็นพยานในการขัดแย้งที่เขาไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องเลย

หมิงหยู่เองก็ไม่ได้สนใจเรื่องการทะเลาะกันของพวกผู้ใหญ่อยู่แล้ว เธอใช้ลูกธนูตัดชิ้นเนื้อออกมาจากงูแล้วย่างมันกินต่ออย่างสบายอารมณ์

มีเพียงแค่ชิงเฟิงเท่านั้นที่ยังสนใจในบรรยากาศตึงเครียดแบบนี้

เม็ดเหงื่อเริ่มผุดขึ้นบนใบหน้าของเฟิงหยวนซิงที่ยังคุกเข่าอยู่

หลีมู่วางท่าทีเป็นไม่รู้เรื่องใดๆตอนนี้ ซึ่งก็ถูกต้องสำหรับตำแหน่งผู้พิพากษาอย่างเขาอยู่แล้ว

หลายๆคนอาจจะคิดว่าผู้พิพากษาคนนี้ต้องโกรธแน่ๆ หลังจากที่ได้รับรายงานเหล่านี้เพราะเขาเพิ่งจะปราบพวกเฉินหนงลงได้ และถ้ามีใครเกี่ยวข้องเขาจะกวาดล้างให้เกลี้ยง

ซึ่งท่าทีของหลีมู่ในตอนนี้ทำให้เขาดูเป็นผู้ที่กุมอำนาจทุกอย่างเอาไว้หมด

เสียงกองทหารวิ่งเข้ามาอีกครั้ง พร้อมกับหม่าจุนวูที่พาหมอมาจากโรงหมอเพื่อรักษาหลีมู่

หมอร่างผอมบางอายุราวๆ 40 เขาอยู่โรงหมอตอนที่ถูกโจมตีและได้รับรู้ถึงความรู้สึกสิ้นหวังพร้อมๆกับโกรธแค้น แต่มาในวันนี้ เขากลับมองมาที่หลีมู่ด้วยความหวังและศรัทธา

หลังจากที่เขาตรวจดูอาการของหลีมู่ เขาก็ต้องแปลกใจและให้ความย่ำเกรงมากขึ้นไปอีก

การที่ลูกธนูปักทะลุไปอีกฝั่งได้นั้น โดยปกติแล้วคนทั่วไปไม่น่าจะทนความเจ็บปวดได้จนต้องสลบไป แต่กับเด็กคนนี้เขาไม่เป็นแบบนั้น ยิ่งไปกว่านั้นคือเขายังทำสีหน้าไม่รู้ร้อนรู้หนาวอีกต่างหาก

“ใต้เท้า ข้าน้อยต้องเอาลูกธนูออกก่อน ได้โปรดทนเจ็บซักนิดนึงนะขอรับ” หมอคนนี้พูดพร้อมพยายามทำความสะอาดแผล

“อืม ให้ข้าทำเองเถอะ” หลีมู่บอกแล้วจากนั้นก็ออกแรงดึงมันออกมา

เลือดพุ่งออกจากปากแผลกระเซ็นไปโดนใบหน้าของเฟิงหยวนซิงจนทำให้เขาตกใจและถอยหลังออกไป

เด็กหนุ่มใช้เศษผ้าของฉีกงจิ้งขึ้นมาเช็ดเลือดที่อยู่บนนั้นแล้วจึงกินเนื้อย่างต่อ

“ทีนี้เจ้าก็ทำแผลได้แล้วสินะ?” เขาพูดพร้อมกับมองไปที่หมอผู้ซึ่งมีสีหน้าราวกับว่าเจอผีตัวเป็นๆ “แล้วไม่มีใครจะกินงูนี่หน่อยเหรอ? อร่อยจะตายไป”

“ไม่ ไม่ ไม่ ใต้เท้า... ช่างมหัศจรรย์ยิ่ง”

หมอคนนั้นหลังจากที่เห็นหลีมู่ดึงลูกธนูออกด้วยตัวเองโดยที่ไม่ร้องโอดโอยออกมา มันทำให้เขารู้สึกว่ากำลังจ้องมองไปยังพระเจ้าอยู่ เขาจึงรีบรักษาหลีมู่ทันที

โชวหวูกับเฉิงหลงซิงเองก็ตกใจเล็กน้อย ต้องยอมรับจริงๆว่าผู้พิพากษาตัวน้อยคนนี้ช่างน่าอัศจรรย์ยิ่ง

แม้จะมีเนื้อหลุดออกติดหัวธนูไปบ้างแต่หลีมู่ก็ไมได้ร้องออกมาเลย ด้วยใบหน้าที่นิ่งสงบนั่นมันทำให้เขาดูน่ากลัวยิ่ง

แล้วทำไมพวกเขาทั้งสองถึงไม่ร่วมมือกันฆ่าสัตว์ประหลาดคนนี้แทนที่จะฆ่าแกงกันเองล่ะ?

พวกเขามองหน้ากันด้วยความเข้าใจในสิ่งที่กำลังคิดอยู่ทันที

จากนั้นไม่นานนัก บาดแผลของหลีมู่ก็ถูกรักษาด้วยผ้าพันแผล

เด็กหนุ่มลุกขึ้นพร้อมส่งเสียงเปี่ยมสุขออกมา “เอาล่ะ ข้าอิ่มแล้ว”

เขาหันไปมองที่ซากงูด้านหลังที่ยังเหลืออีกเยอะแยะ

แล้วจึงบอกแก่หมิงหยู่ “เจ้าตะกละ หยุดกินก่อนแล้วรีบไปหาใครก็ได้มาเอาเจ้างูนี่ไปเก็บไว้ที่ที่ว่าการเร็ว อย่าลืมเอาไปแช่ที่โรงเย็นด้วยล่ะ มันจะได้ไม่เน่า”

“รับทราบเจ้าค่ะ” หมิงหยู่ที่เพิ่งกินอิ่มก็รับคำสั่ง

เธอเช็ดปากให้เรียบร้อยแล้วลุกขึ้นยืนแล้วเรียกหม่าจุนวูให้มาช่วยเธอขนซากงูยักษ์ตัวนี้ไปพร้อมกับเธอ

หลีมู่แตะไหล่ชิงเฟิงเบาๆ “เจ้าจะไปกับพวกเขาก็ได้นะ ข้าว่ายัยนั่นต้องทำอะไรซักอย่างพลาดแน่ๆ”

หลังจากลังเลอยู่ซักพัก หลีมู่ก็ยกมือขึ้นห้ามเขาก่อนที่จะพูดอะไรออกมา เด็กหนุ่มรู้ดีว่าข้ารับใช้ของเขากำลังจะพูดอะไรซักอย่างที่เกี่ยวกับความปลอดภัยของเขาแน่ๆ ชิงเฟิงที่เห็นแบบนั้นก็ได้รีบออกไปจากที่นี่พร้อมกับหมอที่เขาพามาด้วย

แสงตะวันสาดส่องลงมาจากรูเพดานถ้ำ สะท้อนแสงจากลูกธนูสีเงินเหล่านั้น

ในตอนนี้เหลือแค่เพียงหลีมู่,โชวหวู และเฉิงหลงซิงเท่านั้น

หลีมู่กลับไปนั่งที่เก้าอี้หินและหยิบธนูใหญ่นั่นขึ้นมาเล่นกับมัน เขาหยิบลูกธนูนับ 20 ดอกขึ้นมาวางทาบไว้ “แหม่ ดูสิวันนี้จะมีใครเล่นกลเม็ดแทงข้างหลังอะไรกับข้าอีก?”

“หา?”

ทั้งโชวหวูและเฉิงหลงซิงต่างก็ตกใจไม่ต่างกัน

สิ่งที่พวกเขาตกใจไม่ใช่เนื้อหาของคำถาม แต่เป็นน้ำเสียงที่หลี่มู่ถามออกมา มันเป็นน้ำเสียงของพวกอันธพาลที่กำลังจะมีเรื่องกันกลางถนน

“เอ่อ...” โชวหวูเริ่มมีสีหน้าหวั่นไหว

ในขณะที่เฉิงหลงซิงยังคงนิ่งเงียบ เขาไม่คิดจะเพิ่มปัญหาเข้าตัวเองหรอก

เขาคิดกลับกันว่าวันนี้น่าจะไม่ใช่วันที่ดีสำหรับการเปิดโปงโชวหวู แม้ว่าเขาจะวางแผนกำจัดมานานหลายปีก็ตาม ทางที่ดีที่สุดในตอนนี้ก็คือการพยายามหาทางร่วมมือกับโชวหวูอย่างลับๆเพื่อกำจัดหลีมู่แทน

“เฮ้ย เจ้าไม่คิดจะพูดอะไรบ้างเลยรึไง? ไอ้ขี้ขลาด!” หลีมู่ยิ้มอย่างเยือกเย็น แล้วหันไปมองเฟิงหยวนซิง “สิ่งที่เจ้าพูดมาเป็นความจริงใช่หรือไม่?”

ชายหนุ่มเริ่มรู้สึกกดดัน เขาเช็ดเหงื่อบนใบหน้าแล้วจึงพูด “ข้าขอเอาหัวเป็นประกัน”

“ท่านเฟิง ข้าว่าท่านควรจะคิดให้ดีก่อนตอบนะ หัวของท่านมันไม่มีค่าอะไรทั้งนั้นแหละ” โชวหวูยิ้มกลบความโกรธในใจของเขา ในเวลานี้เขารู้สึกเจ็บใจที่ถูกชายผู้นี้แทงข้างหลังมาก อย่างไรก็ตามนั่นไม่ใช่ประเด็นหลักของตอนนี้ ณ เวลานี้เขาต้องร่วมมือกับเฉิงหลงซิงเพื่อฝ่าฟันวันนี้ให้มีชีวิตรอดไปก่อน

“ใช่แล้วท่านเฟิง ท่านคิดดูดีๆก่อนนะว่าท่านกำลังพูดอะไรออกมา?” เฉิงหลงซิงพูดออกมาด้วยสีหน้าเรียบเฉยแต่เปี่ยมไปด้วยอันตราย

หลีมู่ยิ้มออกมา “แม่งเอ้ย พวกเจ้าหยุดเล่นละครลิงต่อหน้าข้าได้แล้วมั้ง มันทำให้ข้าสะอิดสะเอียนจนจะอ้วกแล้ว”

ทั้งสองคนนิ่งเงียบไม่พูดหรือยิ้มออกมา บางทีพวกเขาอาจจะต้องยอมรับความผิดของกันและกันเพื่อให้ผ่านสถานการณ์นี้ไปให้ได้

หลีมู่มองไปที่เฟิงหยวนซิงพร้อมกับเล่นธนูของเขาไปด้วย “บอกข้ามา ว่าไอ้สารเลวตัวที่มันร่วมมือกันกัดกินบ่อนทำลายแผ่นดินของเรารวมไปถึงพยายามจะลอบสังหารข้า พวกมันควรได้รับโทษอย่างไร?”

“พวกมันสมควรตายขอรับ” เฟิงหยวนซิงเน้นคำต่อคำ

ด้วยคำพูดนั้นสีหน้าของโชวหวูและเฉิงหลงซิงก็ซีดเผือกลงทันที

เวรแล้ว เฟิงหยวนซิงมันไม่ลังเลเลย

“เยี่ยมมากท่านเฟิง ข้าจะจัดการเรื่องนี้กับเจ้าทีหลังแน่” เฉิงหลงซิงกัดฟันยิ้ม

โชวหวูได้แต่นิ่งเงียบ สำหรับคนสนิทกันน่าจะมองออกว่าเขากำลังโมโหสุดขีด

“เฮ้ย เจ้าพวกมดปลวก มีอะไรจะสารภาพอีกไหม?” หลีมู่มองเหยียดไปที่พวกเขา

ทั้งสองจ้องเด็กหนุ่มกลับด้วยความไม่เกรงกลัวใดๆทั้งนั้น และไม่คิดว่าหลีมู่จะฆ่าพวกเขาทั้งคู่ได้ด้วย

“เอาล่ะท่านหลี ข้าว่าทุกอย่างลงตัวแล้วข้าต้องขอตัวก่อน” โชวหวูพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย

“ข้าก็เช่นกันท่านหลี ท่านสามารถจัดการเรื่องตรงนี้ต่อได้เลย” เฉิงหลงซิงเองก็ขอตัวหนีก่อนเช่นกัน

พวกเขาหาทางกำจัดหลีมู่ผู้ซึ่งเป็นข้าราชการหน้าใหม่ที่ไม่มีฐานอำนาจใดๆในส่วนการปกครองทั้งสิ้น ไม่ว่าจะแข็งแกร่งแค่ไหนก็ตาม แต่เขาจะสามารถโค่นล้มอำนาจเก่าที่ยืดเยื้อมานาน 20 ปีได้หรือ? มารอดูกันดีกว่า

หลีมู่พยักหน้าและพูด “เอาล่ะ ถ้าพวกเจ้าอยากไปข้าก็จะไม่ห้าม”