ตอนที่ 400 ปีศาจสะเทือนสวรรค์
* นิยายเรื่องนี้เป็นลิขสิทธิ์ของ Novel Kingdom (หจก.โนเวล คิงด้อม) *
**ไม่อนุญาตให้ดัดแปลง แก้ไขหรือเผยแพร่ก่อนได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืนทาง หจก. จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด**
สิ่งที่ทำให้หลงเฉินและเยว่เสี่ยวเฉียนต้องตื่นตกใจก็คือขึ้นมาก็คือ โครงกระดูกนั้นมีสภาวะพลัง! โดยทั่วไปแล้วสภาวะพลังควรเป็นสิ่งที่จะสัมผัสได้จากสิ่งที่มีชีวิตเท่านั้น
ดาบยาวสีแดงโลหิตดึงตัวเองออกมาจากพื้นดิน แสงสว่างสีแดงจ้าคล้ายสีของโลหิตสาดส่องไปทั่วทั้งฟ้า บรรยากาศเต็มไปด้วยรังสีสังหารและความเย็นยะเยือกเสียดแทงกระดูก รังสีสังหารอันน่าหวาดกลัวนั้นตรงเข้าโอบล้อมปกคลุมร่างของทั้งสองคน
หลงเฉินและเยว่เสี่ยวเฉียนตื่นตะลึง ในเวลาเดียวกันพวกเขาก็รู้สึกถึงเหงื่อกาฬที่ผุดขั้นทั่วร่างกาย แม้ในเวลานี้ดาบยาวนั้นจะอยู่ห่างจากตัวของพวกเขาเป็นอย่างมาก แต่ทว่าทั้งสองคนก็ได้กลิ่นอายแห่งความตายที่หนาแน่น ชัดเจน และมุ่งร้าย
กลิ่นอายนั้นพุ่งมาจากดาบที่หวังปลิดชีพพวกเขาเล่มหนึ่ง!
ทันนั้นเอง ดาบสีโลหิตก็ฟาดฟันลงไปบนพื้นอย่างรวดเร็ว พลังของดาบผ่ากลางพื้นดินจนแตกแยกยาวเป็นทาง พลังนั้นพุ่งตรงเข้ามาหาจุดที่หลงเฉินกับเยว่เสี่ยวเฉียนยืนอยู่ จนยากที่จะหลบหลีกได้ หลงเฉินรีบผลักเยว่เสี่ยวเฉียนให้กระเด็นออกไป
ในเวลาเดียวกัน ภายในดวงตาคู่คมของหลงเฉินก็ได้ปรากฎเป็นภาพดวงดารานับล้าน หลงเฉนไหลเวียนพลังในร่างกายขึ้นมาแล้วถ่ายเทเข้าสู่ดาบทลายมาร พลังของเขาพรั่งพรูออกมาอย่างบ้าคลั่ง นี่เป็นการโจมตีที่น่ากลัวที่สุดที่หลงเฉินเคยเผชิญหน้ามา ทำให้เขาต้องใช้พลังทั้งหมดที่มีเพื่อต่อต้าน!
“เบิกสววรค์!”
หลงเฉินแผดเสียงคำรามลั่นออกมา ตวัดดาบทลายมารในมือของเขา พุ่งตัดไปที่โครงกระดูกอย่างดุเดือด
“ตูม”
ความแข็งแกร่งราวกับเหล็กกล้าทำให้เกิดรอยแตกของพื้นดินทั่วทั้งสี่ทิศ การปะทะกันของดาบทั้งสองปลดปล่อยอานุภาพที่รุนแรงล่าหวาดกลัวออกมา ทันใดนั้นดาบทลายมารของหลงเฉินก็แตกละเอียด เลือดสดๆของเขาพุ่งออกมาอย่างบ้าคลั่ง จนเขาต้องรีบหนีถอยหลังออกไป
“หลงเฉิน” เยว่เสี่ยวเฉียนเรียกด้วยน้ำเสียงตกใจ รีบยื่นมือมารับหลงเฉินไว้
“เจ้ามันโง่นัก! ทำไมไม่หนีไปรออะไรอยู่” หลงเฉินเห็นเยว่เสี่ยวเฉียนไม่ได้หนีไป ก็อดไม่ได้ที่เกิดความโมโห จนต้องด่าทอนาง
“เป็นเจ้าต่างหากที่โง่!” ดวงตาของเยว่เสียวเฉียนแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ พร้อมกับด่ากลับไป “เจ้าก็รู้ดีอยู่แล้วว่าเจ้าสู้มันไม่ได้ ถึงอย่างไรมันก็ไม่มีทางยอมให้ข้าหนีไปได้ ข้าเองก็จะไม่หนีเจ้าไปเช่นกัน”
หลงเฉินไม่สามารถเอ่ยวาจาใดๆได้อีก ในใจกำลังรู้สึกประหลาดใจอย่างยิ่งว่า เหตุใดเยว่เสี่ยวเฉียนจะเป็นคนดีขนาดนี้ แต่ทว่าโครงกระดูกนี่ก็น่ากลัวเกินไปแล้ว
“รีบหนีเร็ว”
ในเวลานี้หลงเฉินไม่สามารถต่อปากต่อคำกับเยว่เสี่ยวเฉียนได้อีกแล้ว เขารีบลากแขนนางวิ่งหนีออกมาอย่างรวดเร็ว
“เจ้าเองก็รู้ความเป็นมาของโครงกระดูกนี่ดี เหตุใดถึงไม่บอกข้าว่ามันสามารถคืนชีพได้เล่า?” หลงเฉินบ่น
“รู้เพียงประวัติของมันเท่านั้นแหละ คนสมัยก่อนตอนนี้ก็ไม่มีหลงเหลือแม้แต่คนเดียวแล้ว แค่ข้ารู้ที่มาที่ไปของมันก็ถือว่าดีมากแล้ว จะไปรู้ละเอียดลึกซึ้งได้อย่างไรกันเล่า”
“ซูม”
ทั้งสองคนหนีออกมาได้ไม่ไกล ก็ต้องพบว่าโครงกระดูกตามพวกเขามาทันเสียแล้ว ความเร็วของมันรวดเร็วราวกับสายฟ้า
“ท่าฟันเงาอัสนี”
เยว่เสี่ยวเฉียนใช้กระบวนท่าเงาอัสนีอีกครั้ง แสงสว่างเจิดจ้าจากสายฟ้านับพันพุ่งตรงไปยังโครงกระดูกนั้นทันที โดยเล็งเป้าหมายไปที่ข้อต่อระหว่างกระดูก
“ตูม”
โครงกระดูกสีทองนั้นตวัดดาบยาวสีโลหิตในมือ พลังปราณที่รุนแรงของดาบระเบิดออกมาอย่างน่าหวาดกลัว พลังของมันได้ทำลายการโจมตีของเยว่เสี่ยวเฉียนไปได้อย่างง่ายดาย
“แท้จริงแล้ว มันยังคงมีสัญชาตญาณในการต่อสู้เหลืออยู่”
หลงเฉินและเยว่เสี่ยวเฉียนหน้าเปลี่ยนสีในทันที โครงกระดูกสีเหลืองทองนี้น่าหวาดกลัวอย่างแท้จริง นี่สามารถยืนยันได้แล้วว่า ปีศาจสองปีกถูกเจ้าของโครงกระดูกนี้ฆ่าตายไปอย่างแน่นอน
“ฟึบ”
ดาบยาวของโครงกระดูกนั้นส่งพลังพุ่งออกมาอีกครั้ง เพียงครั้งเดียวก็สามารถทำให้พวกเขาทั้งสองคนหยุดชะงัก การต่อสู้ครั้งนี้ทวีความน่าหวาดกลัวขึ้นเรื่อยๆ หุบเหวลึกนี้ก็ไม่หยุดที่จะสั่นสะเทือน ระดับความรุนแรงนั้นรุงแรงราวกับกำลังจะทำลายล้างโลก
“หลงเฉิน ข้าทำได้เพียงแค่ถ่วงการต่อสู้ของมัน เจ้าควรทำอย่างไร ข้าคิดว่าเจ้าน่าจะรู้นะ” เยว่เสี่ยวเฉียนกัดฟัน ยื่นมือผลักหลงเฉินออกไป หลงเฉินถูกพลังประหลาดที่แข็งแกร่งสายหนึ่งผลักกระเด็นลอยออกไปจากการถูกกักขังจากพลังที่น่าหวาดกลัวนั้น
“เจ้าคิดบ้าอะไรเนี่ย?”
หลงเฉินอดไม่ได้ที่จะทั้งตกใจและโมโห เยว่เสี่ยวเฉียนกำลังเตรียมตัวที่จะสละตัวเอง เพื่อเปิดช่องทางให้เขาหนีออกไปได้
“ฟึบ”
ในเวลานั้นเองด้านหลังของเยว่เสี่ยวเฉียนก็ปรากฎเงาสายหนึ่งขึ้นมา เสื้อคลุมยาวโบกพริ้วไสว ในเวลาเดียวกันอักขระจำนวนนับไม่ถ้วนก็ปรากฎขึ้นเหนือร่างของนาง พลังแปลกประหลาดสายหนึ่งไหลเวียนไปทั่ว พลังนั้นทำให้ทั้งฟ้าและดินเกิดการสั่นสะเทือน
“ด้วยสายเลือดนี้ ขอบรรพบุรุษโปรดฟังคำอ้อนวอนจากลูกหลาน ขอพลังศักดิ์สิทธิ์แห่งสายโลหิตสถิตย์สู่กายข้า !”
ภายในดวงตางดงามคู่นั้นปรากฎแสงศักดิ์สิทธิ์ขึ้น บนร่างกายของเยว่เสี่ยวเฉียนเกิดพลังลมปราณขนาดใหญ่ขึ้น พลังนั้นมากมายมหาศาล หนักหน่วงและรุนแรงเสียจน ทำให้ทั้งแผ่นดินแตกออกเป็นเสี่ยงๆ
ในเวลาเดียวกันเหนือคิ้วของเยว่เสียวเฉียนก็เกิดเส้นสีทองบางๆ ที่ค่อยๆเข้าเกาะกลุ่มกัน เส้นเหล่านั้นเคลื่อนไหวไหลเวียนอย่างต่อเนื่อง จนในที่สุดก็รวมตัวกันเกิดเป็นอักขระ----------- ปีศาจ!
ทันทีที่ตัวอักษรคำว่า “ปีศาจ” ปรากฎขึ้น พลังอันแข็งแกร่งมากมายมหาศาลก็รุนแรงหนักหน่วงมากขึ้นด้วยเช่นกัน และทันใดนั้นก็เกิดลำแสงสว่างจ้าพุ่งตรงขึ้นไปบนท้องฟ้า ทำให้ทั้งสวรรค์ทั้งเก้าชั้นและพสุธาสั่นสะเทือน
หลงเฉินตกตะลึงกับพลังนั้น พลังอันมหาศาลนี้ไม่ใช่พลังแห่งจิตวิญญาณ ไม่เหมือนพลังใดๆที่เขารู้จักเลยแม้แต่น้อย และไม่คล้ายกับพลังที่เขาเคยเห็นหรือเคยได้ยินมาก่อนเลยด้วยซ้ำ
“แคว๊ก”
พลังทำลายล้างอันหนักหน่วงของเยว่เสียวเฉียนนั้นทวีความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง จนทำให้ผ้าที่ปกปิดใบหน้าของนางฉีกขาด เปิดเผยให้เห็นใบหน้าที่งดงามผุดผาด
แต่ยังไม่ทันที่จะได้มองเห็นอย่างชัดเจน เยว่เสี่ยวเฉียนก็ชูดาบยาวในมือขึ้นสูงทันใดนั้นก็เกิดการรวมตัวกันของพลังงานจากทั้งแปดทิศ หลั่งไหลเข้าสู่ดาบยาวนั้นทันที
ในขณะเดียวกันนั้น เงาด้านหลังของเยว่เสี่ยวเฉียนก็เริ่มขยับ ดาบยาวในมือก็ถูกตวัดชูสูง ท่าทางของมันนั้นเหมือนกันกับเยว่เสี่ยวเฉียนเป็นอย่างมาก
“ทะลวงหัวใจปีศาจ!”
ในดวงตาของเยว่เสี่ยวเฉียน เกิดลายเส้นที่พร่ามัวปรากฎขึ้น ลมปราณในร่างกายของนางเพิ่มสูงขึ้น
ดาบของนางผสานรวมกับดาบของเงาที่อยู่ด้านหลังนั้น ทำให้สภาวะพลังที่น่าหวาดกลัวจากตัวนางเพิ่มสูงขึ้นด้วย เยว่เสี่ยวเฉียนฟาดฟันดาบออกไป ส่งพลังรุนแรงของการฟาดฟัน ตรงไปที่โครงกระดูกสีเหลืองทองนั้นทันที
“ตูม”
หลงเฉินเพิ่งจะเห็นดาบยาวของเยว่เสียวเฉียนฟันเข้าไปยังดาบสีแดงโลหิตของโครงกระดูกนั้น ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกถึงคลื่นปราณพลังอันน่าหวาดกลัวก็ถาโถมเข้ามาใส่
หลงเฉินรู้สึกเหมือนถูกตีเข้ากลางอก ราวกับลูกกระสุนที่บินผ่านออกไป ชนเข้ากับกำแพงหินด้วยกำลังที่น่ากลัว ทำให้กำแพงหินนั้นแตกหักออกไปครึ่งหนึ่ง ราวกับว่ากระดูกทั้งตัวของเขากำลังจะแหลกละเอียด
หลงเฉินมองไปที่ฉากการต่อสู้ เขาเห็นเยว่เสี่ยวเฉียนกำลังต่อสู้กับโครงกระดูกสีทองนั้น และหลังจากที่เกิดการปะทะกันอย่างรุนแรง ทั้งสองฝ่ายต่างก็กระเด็นลอยออกไป
หลังจากที่เยว่เสียวเฉียนใช้พลังโจมตีออกไปแล้ว ตัวอักษร “ปีศาจ” ก็หายไป ลมปราณทั้งหมดในร่างกายก็อ่อนกำลังลงในฉับพลัน การจู่โจมเมื่อสักครู่นี้ นางได้ใช้พลังทั้งหมดที่มีไปจนหมดสิ้นแล้ว
โครงกระดูกสีเหลืองทองนั้น ก็กระเด็นออกไปไกลกว่าร้อยจั้ง มันปักดาบยาวสีโลหิตลงสู่พื้นดิน ทำให้เกิดรอยแตกบนพื้น ราวกับผ่าแผ่นดินแยกออกเป็นสองส่วน
“ตูม”
เท้าใหญ่โตของโครงกระดูกนั้นเพียงแค่ย่ำเท้าลงบนพื้น ก็เกิดลมลูกใหญ่ซัดเข้ามาทางเยว่เสี่ยวเฉียน เห็นได้ชัดว่าการโจมตีที่น่ากลัวของเยว่เสี่ยวเฉียน ก่อนหน้านี้นั้น ไม่สามารถทำอะไรมันได้เลยแม้แต่น้อย อีกทั้งในตอนนี้มันก็กลับมาโจมตีนางอีกครั้งแล้ว
การโจมตีที่ใช้ทักษะลับ และใช้พลังทั้งหมดที่มีเพื่อโจมตี กลับไม่ส่งผลกระทบใดๆกับโครงกระดูกนั้นเลย
เมื่อเยว่เสี่ยวเฉียน เห็นดาบของโครงกระดูกสีเหลืองทองนั้นพุ่งเข้ามาหาอีกครั้ง ก็ปิดเปลือกตาลงอย่างเหนื่อยล้า เวลานี้ร่างกายของนางไม่สามารถมีปฎิกริยาเคลื่อนไหวตอยเสนองใดใดได้อีกแล้ว แม้แต่จะเบี่ยงตัวหลบพลังโจมตีที่พุ่งมานั้น ทำได้เพียงแต่รอรับความตายอย่างจำใจเท่านั้น
“ซูม”
ทันใดนั้นแขนแข็งแกร่งคู่หนึ่งก็เข้ามาโอบกอดนางไว้ พร้อมกับกลิ้งหลบหลีกดาบยาวสีโลหิตที่กำลังโจมตีเข้ามา ดาบนั้นปักลงบนพื้นดินอย่างรุนแรงอีกคร้ง พื้นดินแข็งแรงถูกผ่าออกจนกลายรอยดินแยก เป็นเส้นยาวกว่าสิบลี้
เยว่เสี่ยวเฉียนคิดว่าตนเองจะต้องตายเสียแล้ว นางไม่นึกว่าหลงเฉินจะยังคงอยู่ ตอนนี้จึงทั้งรู้สึกซึ้งใจและรู้สึกเศร้าใจไปพร้อมกัน การที่เขาอยู่ต่อที่นี่ก็ดูเหมือนจะไม่มีความหวังใดใด ทำได้เพียงแค่ตายไปพร้อมกับนางเท่านั้น
เยว่เสี่ยวเฉียนเองก็ไม่คิดว่า ในบรรดาคนเลวร้าย ก็มีคนดีดีอย่างหลงเฉินหลงเหลืออยู่ เขาเป็นคนดีคนหนึ่งที่ยอมแม้แต่จะสละชีวิตเพื่อช่วยนาง
“หลงเฉินข้าขอโทษที่ทำให้เจ้าเดือดร้อน”
“พูดไร้สาระอะไรของเจ้ากัน ถ้าไม่ใช่เพราะความโลภของข้า ป่านนี้เจ้าก็คงได้ออกไปแล้ว เป็นข้าต่างหากที่ทำให้เจ้าเดือดร้อน” หลงเฉินโอบกอดร่างของเยว่เสี่ยวเฉียนเอาไว้แน่น ในเวลานี้ นางไม่ได้เป็นยอดฝีมือที่แข็งแกร่งอีกแล้ว แต่กลับเป็นหญิงสาวอ่อนแอที่น่าสงสารเห็นใจ
หลงเฉินเกิดความรู้สึกเสียใจขึ้นมาอย่างสุดซึ้ง เป็นเพราะความโลภของเขาแท้ๆที่ทำให้เยว่เสี่ยวเฉียนต้องเข้ามาอยู่ที่นี่ และตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ เมื่อตอนที่นางผลักเขาออกมา แท้จริงแล้วเขามีโอกาสที่จะหนีไปได้
แต่ถ้าเขาหนีไปจริงๆ ก็ไม่สมควรเรียกเขาว่าหลงเฉินอีกต่อไป ปล่อยให้หญิงสาวต้องเผชิญหน้ากับอันตรายเพียงลำพัง ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ทำเช่นนั้นไม่ได้จริงๆ
“หลงเฉิน พวกเราใกล้จะตายแล้ว หากได้ตายพร้อมกับคนดีดีอย่างเจ้า ข้าเองก็ดีใจ” เยว่เสี่ยวเฉียนกล่าว นางรู้สึกถึงความอบอุ่นในหัวใจ
“พูดบ้าอะไรของเจ้า ข้ายังมีอีกหลายสิ่งที่ต้องทำ ยังตายไม่ได้ หากข้าไม่ตาย เจ้าเองก็ตายไม่ได้ เจ้าพักผ่อนก่อนเถอะ ข้าจะลองดูว่าจะมีวิธีไหนที่สามารถกำจัดมันได้บ้าง ดาบของเจ้าขอข้ายืมใช้หน่อยนะ” หลงเฉินปลอบใจนางเสียงเบา แล้วก้าวออกจากที่ซ่อนมุ่งตรงเข้าหาโครงกระดูกสีทองนั้น
หลังจากที่อ้อมกอดของหลงเฉินหายไป เยว่เสี่ยวเฉียนก็เกิดความรู้สึกเหน็บหนาวขึ้นมาแทนที่
เห็นแผ่นหลังของหลงเฉินที่มุ่งตรงไปข้างหน้า ในดวงตาคู่งามก็เต็มไปด้วยความรู้สึกซาบซึ้ง ในสายตาของเยว่เสี่ยวเฉียน หลงเฉินไม่ใช่ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด แต่เขาเป็นผู้มีความกล้าหาญที่สุด
เจอกับศัตรูที่ทราบว่าไม่มีทางที่จะเอาชนะได้ แต่เขาก็ไม่ย่อท้อ จนถึงตอนนี้แล้วเขาก็ยังไม่มีความคิดที่จะยอมแพ้แสดงออกมาให้เห็นแต่อย่างใด
หลงเฉินพุ่งตัวเข้าหาโครงกระดูกสีทองนั้น พร้อมกับหลบหลีกคมดาบของมัน ทำให้ดาบสีโลหิตนั้นพลาดเป้าฟาดลงไปยังพื้นดินครั้งแล้วครั้งเล่า ในที่สุดเมื่อหลงเฉินเขาใกล้ร่างของโครงกระดูกนั้นได้ เขาก็ตวัดดาบของเยว่เสี่ยวเฉียนที่ยืมมาก็ตัดเข้าไปยังส่วนหัวเข่าของมันทันที
เขาทราบดีว่าความแข็งแกร่งของโครงกระดูกนี้ มากเกินกว่าที่เขาจะคาดเดาได้ หากการต่อสู้ยังคงยืดเยื้อต่อไป เขาก็มีแต่จะตายเท่านั้น
หลงเฉินก็ไม่ได้ต้องการจะต่อสู้กับมัน เพียงแค่อยากจะตัดขามันข้างหนึ่งก็เพียงพอแล้ว ซึ่งที่เขาต้องการจะทำเช่นนั้น เป็นเพราะต้องการตัดกำลังให้มันเคลื่อนไหวได้ช้าลง เพื่อซื้อเวลาให้เขาพาเยว่เสี่ยวเฉียนหลบหนีออกไปจากที่แห่งนี้ได้
“เคร้ง!”
น่าเสียดายที่ความคาดหวังของเขานั้นไม่ได้ผล! โครงกระดูกนั้นยังคงต่อสู้ต่อไป และดูเหมือนว่ามันจะล่วงรู้เจตนาที่แท้จริงของหลงเฉิน ตอนที่ดาบยาวในมือของหลงเฉินตัดลงมาที่ขาของมันนั้น ก็เกิดเสียงการชนของโลหะอย่างรุนแรง พร้อมกับเกิดประกายเพลิงสาดออกมา
โครงกระดูกที่เหลืออยู่นั้น ไม่มีเลือดเนื้อ วิญญาณอีกแล้ว เหลือเพียงแต่สัญชาตญาณในการต่อสู้ แต่ก็ยังน่าหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง หากเป็นตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ จะน่าหวาดกลัวมากมายขนาดไหนกัน
“ตูม ตูม ตูม”
หลงเฉินยังคงหลบหนีการโจมตีของโครงกระดูกสีทองอย่างต่อเนื่อง ทว่าร่างนี้มีความสูงเพียงหนึ่งจั้ง แต่ยังมีพลังที่แข็งแกร่งได้เพียงนี้ หลงเฉินพยายามมองหาจุดอ่อนของมัน แต่ก็ยังไม่พบ
“ตูม”
หลังจากที่หลงเฉินยังคงหลบหลีกเช่นนั้นอยู่อีกหลายครั้ง สุดท้ายเขาก็ไม่สามารถหลบพ้นได้อีกแล้ว จึงต้องยกดาบยาวในมือขึ้นต้านทานการโจมตีนั้น
ดาบยาวสีแดงโลหิตของโครงกระดูก เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังงานที่น่าหวาดกลัวจนทำให้หลงเฉินกระเด็นลอยไป ฝ่ามือของเขาชุมโชกไปด้วยเลือด ดาบยาวก็ไม่สามารถที่จะยึดจับเอาไว้ได้ หลุดมือปลิวกระเด็นลอยไป
หลงเฉินล้มกลิ้งออกไปไกลกว่าร้อยจั้ง ทันใดนั้นหลังของเขาก็ถูกเยว่เสี่ยวเฉียนกอดรัดเอาไว้ นั่นเองจึงทำให้เข้าสามารถหยุดการเคลื่อนที่ได้
ยังไม่ทันที่จะรอให้ได้เอ่ยอะไร โครงกระดูกนั้นก็พุ่งเข้ามาหา หลงเฉินยื่นมือออกไป บนนิ้วมือด้านซ้ายปรากฎลูกไฟขึ้น ส่วนมือขวาปรากฎกลุ่มก้อนอัสนี ซัดพลังออกไปยังฝ่ายตรงข้าม
“ตูม ตูม”
ลูกสายฟ้าและลูกเพลิงพุ่งชนเข้ากับร่างของโครงกระดูก จนเกิดเสียงปะทุขึ้นสองครั้ง โครงกระดูกที่เหลืออยู่เพียงส่วนกระดูกของมันนั้นไม่ได้กลัววิธีการโจมตีทั้งสองแบบนี้แต่อย่างใด เพียงแค่ทำให้การเคลื่อนไหวของมันช้าลงไปเท่านั้น ดาบในมือยังคงพุ่งตรงเข้าไปหายังสองคนนั้น
ดาบยาวที่ใช้เป็นอาวุธป้องกันตัวหนึ่งเดียวของพวดเข้าหายไปแล้ว อีกทั้งดาบยาวสีโลหิตก็ได้เล็งเป้า มุ่งหมายที่จะสังหารพวกเขาสองคนไว้แล้ว จะหนีในตอนนี้ก็เป็นไปได้ยากยิ่งนัก
ทันใดนั้นเอง เมื่อดาบสีโลหิตนั้นฟาดฟันลงมา หลงเฉินก็ใช้สองมือประกบเข้าด้วยกัน
“เพี๊ยะ”
หลงเฉินจับยึดดาบยาวสีแดงโลหิตนั้นแน่น ทว่าพลังของดาบนั้นแข็งแกร่งมาก แขนทั้งสองข้างของหลงเฉินแทบจะแตกหักออกจากกัน แต่เขาก็ยังคงอดทนต้านทานดาบนั้นเอาไว้
ทว่าก็ไม่สามารถหยุดดาบยาวที่ค่อยๆกดลงมาอย่างช้าๆได้ ดาบยาวค่อยๆกดลงไปที่บนแขนของหลงเฉิน ทันใดนั้นใบดาบที่แหลมคมก็แทงเข้าที่แขนของหลงเฉิน จนเลือดสีแดงสดไหลทะลักออกมาอย่างมากมาย
.
.
.
* นิยายเรื่องนี้เป็นลิขสิทธิ์ของ Novel Kingdom (หจก.โนเวล คิงด้อม) *
**ไม่อนุญาตให้ดัดแปลง แก้ไขหรือเผยแพร่ก่อนได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืนทาง หจก. จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด**